"เจ้ารู้เรื่องโจรพวกนั้นด้วย"คนที่บอกเสวียนสวี่ว่าซูเหยาถูกทำร้ายก่อนที่จะลงไปพายเรือกับสองแม่ลูกคือองค์ชายอี้เฟยที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น แต่เขาไม่ได้เล่าลึกขนาดว่าเพราะเรื่องอะไร เป็นเจินเม่ยเองที่สารภาพความจริงออกมาจนหมดเปลือก"ลูก... ลูกไม่รู้เจ้าค่ะ"เจินเม่ยเริ่มลนลานเหลือบมองมารดาที่นอนแน่นิ่งไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาช่วยนาง"หากเจ้าไม่รู้จริงเหตุใดถึงได้พูดเรื่องที่ไม่รู้ขึ้นมา"ดวงตาคมกล้าของเสวียนสวี่จ้องบุตรสาวคนรองอย่างน่ากลัวเรื่องในจวนเขาไม่เคยก้าวก่ายเพราะมอบให้เจินซู่เป็นผู้ดูแล ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นที่ค่ายทหารแห่งนี้เสวียนสวี่ไม่มีทางปล่อยปะละเลยไปเด็ดขาด ต่อให้ผู้ที่กระทำผิดจะเป็นเลือดเนื้อของตนเองเขาก็ไม่มีทางลดโทษให้"คือว่าข้า... ท่านพ่อ! ท่านพ่อต้องให้ความเป็นธรรมเรื่องที่ท่านแม่บาดเจ็บก่อนสิเจ้าคะ"เมื่อหาคำแก้ตัวเรื่องหนึ่งไม่ได้ เจินเม่ยเลยโวยวายเปลี่ยนเรื่องที่มารดาต้องนอนเป็นผักเน่าอยู่บนเตียงมาหลายชั่วยามแทน"เจ้าไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคนทุกเรื่อง หากเจ้าไม่อยากตอบเรื่องนั้นก็แล้วไป งั้นข้าจะเข้าเรื่องใหม่แล้วกัน"เจินซู่ลอบถอนหายใจเบ
"พยานในเหตุการณ์ที่คุณหนูสามถูกดักทำร้าย"ไป๋เจิ้นหยางกล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ศิษย์น้องอย่างอี้เฟยเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่อี้เฟยตกลงกับเฟิงซูเหยาเรื่องแต่งงานกันหลอก ๆ เสร็จ เขาจึงให้ไป๋เจิ้นหยางไปสืบเรื่องความสัมพันธ์ของสกุลฟ่างรวมถึงสืบเรื่องที่มีโจรดักปล้นบุตรสาวแม่ทัพใหญ่กลางป่า"เล่าความจริงให้แม่ทัพใหญ่ฟังเดี๋ยวนี้" ต้าลู่ใช้ปลายดาบในฝักสะกิดเบา ๆ นักเลงหัวไม้สองคนก็ตัวสั่นปากสั่นด้วยความหวาดกลัว"เจ้าคือโจรที่ดักทำร้ายบุตรสาวข้า"เสวียนสวี่เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทีสองคนนี้ไม่น่าจะเปิดปากง่าย ๆ"ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยถะ..ถูกว่าจ้างมา"หนึ่งในสองคนสารภาพขึ้นด้วยเสียงสั่นจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง"ใครคือคนว่าจ้างเจ้า!"เสียงกังวาลด้วยโทสะดังจากปากแม่ทัพใหญ่เพิ่มความหวาดกลัวให้โจรสองคนนี้เป็นทวีคูณ"ฮ...ฮะ... ฮู..."โจรอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยความกลัวและหวาดระแวง ครู่หนึ่งเขาเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ครั้นเห็นว่าเป็นผู้ใดความหวาดกลัวในครั้งนั้นค่อย ๆ ทุเลาลง"ฟ่างฮูหยินรองเป็นคนสั่งข้าน้อยขอรับ"โจรคนที่สองตอบเสียงดังฟังชัดตัวบงการนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเช่นนั้นเขาจะหวาดกลัว
"เหตุใดท่านพ่อตาถึงได้ทำเช่นนั้น ตอนนี้เราขาดพยานในการสืบสวนเรื่องที่เซียนเอ๋อร์เกือบถูกฆ่ากลางป่าไปแล้ว"เสวียนสวี่ตำหนิบิดาของเจินซู่ แต่ยังคงสงวนท่าทีสุภาพอยู่หลายส่วน"เจ้าอยู่กินกับซู่เอ๋อร์มากี่ปีแล้ว นี่คือเลือดเนื้อของเจ้ากับนาง"อ้าวหลุนชี้ไปที่เจินเม่ยที่ตอนนี้เอาแต่ยืนมองทุกคนที่เคยรังแกนางด้วยแววตาเหยียดหยาม"นอกจากเจ้าจะไม่เชื่อใจคนในตระกูล ฮูหยินเจ้านอนบาดเจ็บอยู่ขนาดนี้ยังไม่รีบนำตัวกลับเมืองหลวง ห่วงแต่หาคนผิดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เห็นทีข้าคงปล่อยให้ลูกกับหลานข้าอยู่ในจวนคนไร้ความรับผิดชอบเช่นเจ้าต่อไปไม่ได้แล้ว"ดวงตาอ้าวหลุนวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะ เขาเสียใจที่เห็นบุตรสาวนอนเหมือนคนตายที่ยังหายใจ ครั้นเหลือบมองดูหลานสาวที่ไม่รู้ความรู้สึกในใจจะบอบช้ำกับเรื่องไม่เป็นธรรมนี้ขนาดไหนก็ได้แต่เคียดแค้นเสวียนสวี่ยิ่งนัก"ตั้งแต่บัดนี้ สกุลเทียนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลฟ่างอีกต่อไป""ท่านพ่อตา""ข้าคือเจ้ากรมมหาดไทยเทียนอ้าวหลุน"สิ้นถ้อยคำนั้นของอ้าวหลุน เสวียนสวี่ก็ไร้คำโต้แย้ง สองตระกูลตัดขาดสัมพันธ์ทันทีอย่างไร้ผู้ใดห้าม"ขอบพระทัยองค์ชายอี้ซินที่ส่งข่าว ข้าจะพาซู่เอ๋อร์กลับเ
ผ่านมาเพียงแค่เดือนเดียว นางอยากรู้ยิ่งนักว่าใจคนผู้นี้จะรู้สึกผิดเรื่องของนางบ้างหรือไม่แต่ต่อให้รู้สึกผิด นางก็ไม่มีวันให้อภัยเขาแค้นที่หลอกใช้...แค้นที่หลอกลวง...แค้้นที่ทำให้นางหลงรัก...และแค้นที่ถูกใส่ร้ายจนตาย..!แค้นทุกอย่างนางจะต้องให้เขาชดใช้ด้วยทั้งชีวิตของเขา"เจ้าทำอันใดเหตุใดถึงไม่ปรึกษาพ่อก่อน"เสวียนสวี่เอ่ยอย่างทุกข์ใจหลังจากที่ซูเหยาตกลงว่าจะใช้การตัดสินจากทางศาลเสร็จทุกคนก็แยกย้ายออกจากกระโจม เหลือเพียงแค่คยที่นางสนิทด้วยไม่กี่คน"ท่านพ่ออย่าตำหนิลูกเลยนะเจ้าคะ ที่ผ่านมาเซียนเอ๋อร์ยอมเป็นที่รองมือรองเท้าฮูหยินรองกับพี่เจินเม่ยมามากพอแล้ว" ซูเหยากล่าวอย่างเหลือทนในเมื่ออาถังเล่าเรื่องที่ร่างกายนี้มีแต่รอยบอบช้ำให้เสวียนสวี่ฟังไปแล้ว ซูเหยาจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งเป็นมีเมตตาอีกต่อไป"พ่อจะตำหนิเจ้าได้เข่นไร คนที่สมควรถูกตำหนิเป็นพ่อเองมากกว่าที่เอาแต่ปิดตาคิดว่าเจินซู่จะเห็นเจ้าเป็นเหมือนลูกของนางในสักวัน"น้ำเสียงเสวียนสวี่หดหู่และผิดหวัง"เรื่องเกิดขึ้นแล้วเรากลับไปแก้ไขสิ่งใดมิได้ ครั้งนี้ลูกจะขอทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเองและเปิดโปงคนที่กระทำความผิดเองเจ้าค่ะ"ไห
เฟิงซูเหยาถามคำถามปกติ หากแต่คนที่ถูกถามถึงกับกระแอมไอ สายตาเลิกลั่กขึ้นมาทันที พวงแก้มของเจิ้นหยางมีสีแดงระเรื่องขึ้นอยู่บาง ๆเพียงแค่ซูเหยาเห็นท่าทางนั้นนางก็ปล่อยเสียงขำออกมาเบา ๆ"นี่คุณชายไป๋คงไม่ได้ใช้บริการข่าวกรองของทางหอคณิกากรอกนะเจ้าคะ""คุณหนูสามรู้จักสถานที่เช่นนั้นด้วยหรือ"ไม่ใช่แค่เจิ้นหยางที่อยากรู้ อี้เฟยที่นั่งเงียบรอจังหวะของตนก็ใคร่สงสัยตาม"ในเมืองใหญ่เช่นเมืองต้าถัง จะมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้สักที่กัน"คำแก้ตัวของนางก็ฟังดูมีเหตุมีผลอยู่หรอก แต่คนที่เก็บตัวอยู่แต่ในจวนเช่นนางเหตุใดถึงรู้เรื่องภายนอกได้เยอะเช่นนี้เฟิงซูเหยาสังเกตเห็นความสงสัยและคำถามมากมายออกมาจากแววตาของบุรุษทั้งสองจึงรีบเอ่ย"แม้หม่อมฉันจะเป็นคนขี้โรคมาแต่เด็ก ทว่าก็มิเคยปิดหูปิดตาเรื่องราวภายนอกจากบ่าวรับใช้ในจวนนะเพคะ"หากถามนางเรื่องหอคณิกาในตอนนี้เฟิงซูเหยายิ่งตอบได้ทุกซอกทุกมุม แม้แต่ชื่อนางคณิกาในหอนั้น เพราะชาติก่อนนางก็หาข่าวจากคนในหอคณิกาเช่นกัน"สมแล้วที่คุณหนูสามเอาตัวรอดจากอันตรายได้เป็นอย่างดี"ไป๋เจิ้นหยางชื่นชมซูเหยาอย่างจริงใจ"เล่าต่อเถิด"อี้เฟยไม่อยากให้ทั้งสองออกนอกเรื
"ข้าคงคิดมากเกินไปจนนึกว่าคุณหนูสามคือแม่นางผู้นั้น"อี้เฟยนั่งเงียบเพื่อลอบมองการกระทำของซูเหยาเขายิ่งตะขิดตะขวงใจหนักกว่าเก่ากลอนบทนั้นเขารู้ว่าศิษย์พี่ไม่เคยใช้เกี้ยวสาวงามคนอื่นนอกจากแม่นางผู้นั้นในหอนางโลม เหตุใดสตรีที่ฟื้นจากความตายผู้นี้ถึงรู้ได้ หรือว่าความสามารถพิเศษที่นางบอกจะคือเรื่องจริง"ครานี้คุณชายไป๋คงเชื่อข้าแล้ว"เฟิงซูเหยายิ้มย่องในใจเมื่อครู่ที่ไป๋เจิ้นหยางปิดหน้านางครึ่งดวงหน้า หากนางอยู่ในร่างตนคงถูกจับได้ไปนานแล้ว เพราะสตรีที่เขาเอาแต่เพ้อหาและคิดว่าเป็นผีสางคือนางในชาติก่อนยามที่ต้องการหาข่าวของศัตรู นางมักจะไปดักรอเหยื่อที่หอนางโลมแห่งนั้น โดยแต่งเป็นนางโลมชั้นสูงที่เลือกรับแขกที่เป็นพวกขุนนางหนีฮูหยินเที่ยว และไป๋เจิ้นหยางคือหนึ่งในนั้น เขาเกิดชอบเฟิงซูเหยาในชาติก่อนจริงจนเผลอบอกความเคลื่อนไหวของอี้เฟยให้นางรู้ตอนเมาทุกครั้ง"ไม่ทราบว่าแผนการของคุณหนูสามคืออันใด หากจะใช้ความสามารถหยั่งรู้อดีตไปใช้ในศาลข้าว่าผู้คนคงคิดว่าท่านเป็นบ้าไปแล้ว""นั่นศิษย์พี่คิดก่อนหรือไม่ ใครจะบอกว่าตนเองหยั่งรู้ฟ้าดิน เซียนเอ๋อร์คงมีวิธีใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ดีกว่านี้ จริงหรือ
"พรุ่งนี้เช้า เจ้าต้องให้การต่อหน้าเจ้ากรมเหม่า เจินซู่คือตัวการว่าจ้างโจรสามคนหวังฆ่าปิดปากฟ่างเซียนเซียน ส่วนตัวเจ้าเองให้ยอมรับผิดเรื่องที่วางแผนฆ่าฟ่างเซียนเซียนปิดปากด้วยการสร้างสถานการณ์เรือล่ม""เข้าใจแล้ว ท่านแม่คือคนบ่งการ ข้าคือคนวางแผน"ดวงตาเจินเม่ยยังคงหลับพริ้ม ทว่าริมฝีปากกลับขยับตอบเฟิงซูเหยาราวคนตื่นควันยาที่ซูเหยาให้เจินเม่ยสูดดมเข้าไปคือพิษของหนอนไหมเจ็ดสี พิษของมันจะทำให้คนไร้สติชั่ววูบ และถูกผู้บ่งการควบคุมสมองที่ว่างเปล่าในตอนถูกพิษจดจำสิ่งที่ได้ยินในตอนที่สูดดมควันพิษเข้าไปและทำตามอย่างควบคุมตัวเองไปได้ทว่าคนถูกพิษจะไม่แสดงอาการผิดปกติอะไรและไม่รู้ตัวว่าโดนพิษนี้จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น หากรักษาไม่ทันการจะเป็นผลร้ายกับร่างกายเมื่อเสร็จภารกิจครั้งนี้แล้วเฟิงซูเหยาก็รีบไปจัดการอีกเรื่องแล้วกลับไปยังกระโจมตนเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิมและแกล้งสลบเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยศาลแห่งเมืองถังเหลียนตอนนี้เป็นเวลายามซื่อ[ช่วงเวลา 9.00-10.59 น.] ภายในศาลแห่งเมืองถังเหลียนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่อยากรู้อยากเห็น ทหารคุมศาลต่างพากันปิดกั้นไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องข้ามเขตพื้นที่ต
"เจ้ากล้าพูด!?"เจินเม่ยกลัวความผิดจะปรากฎขึ้นและคนอื่นจะเชื่อน้องสาวที่นางเกลียดชังจึงรีบถลึงตาดุหวังให้อีกคนกลัว"ข้าขอโทษพี่รอง แต่ข้ากลัวตาย ข้าไม่อยากตายอีกแล้ว"เสียงสะอื้นไห้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งศาลแห่งนี้ เหล่าผู้คนที่นั่งฟังการสอบสวนอยู่ถึงกับหดหู่ใจตาม"เพราะข้าคิดว่าสักวันพี่รองกับฮูหยินรองจะเห็นข้าเป็นคนในตระกูลสักครั้งจึงยอมให้พวกนางรังแกจนถึงแก่ความตายมาแล้วหนหนึ่ง""โกหก! เจ้ากุเรื่องขึ้นมา หากข้ากับท่านแม่ทำเช่นนั้นจริง บ่าวไพร่ในจวนคงได้หอบข่าวแจ้งท่านพ่อไปนานแล้ว"เจินเม่ยรู้ดีว่าไม่มีบ่าวรับใช้ในจวนคนไหนกล้าแพร่งพรายเรื่องนี้จึงยกขึ้นมาอ้าง"ท่านแม่ทัพใหญ่ฟ่าง ท่านรู้เห็นเรื่องที่คุณหนูสามกล่าวอ้างหรือไม่"เสวียนสวี่ถึงกับจุกแน่นที่ลำคอเขาช่างเป็นพ่อที่โง่เขลายิ่งนัก เรื่องในบ้านไม่เคยจัดการอันใดได้เลย ใครเจ็บใครใกล้ตายเขาไม่เคยรับรู้ ขนาดบุตรสาวที่ปากบอกรักนักรักหนา หวงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดพอเกิดเรื่องร้ายกับนางเขากลับเหมือนคนหูหนวกตาบอดไม่รู้เรื่องพวกนั้นสักเรื่องเดียว"ใต้เท้าเห็นแล้วหรือไม่เจ้าคะ หากข้ากับท่านแม่ทำร้ายนางจริง ท่านพ่อคงสั่งลงโทษพวกเราไปนานแล้ว"เจิน
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ