แต่บัดนี้ คนตรงหน้าคือฟ่างเซียนเซียนผู้นั้นแน่นอน เหตุใดสายตานางกลับเปลี่ยนไปราวคนละคน ไร้ความขลาด มีแต่แววตาเรียบนิ่งเหมือนซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ มองแล้วทำให้เขารู้สึกอยากค้นหาสิ่งที่นางผู้นี้ซ่อนไว้ในนั้นจนมิอาจละสายตาจากนางได้
ไป๋เจิ้นหยางสังเกตเห็นสหายเอาแต่มองแม่นางฟ่างนานสองนานเลยส่งเสียงเรียกสติ
"มีใครอยากรู้หรือไม่ว่าในกล่องไม้นั้นมีสิ่งใดอยู่"
ไป๋เจิ้นหยางหนุ่มเจ้าสำราญช่างยุรีบพูดเรียกพรรคพวก
อี้เฟยเพิ่งรู้ตัวว่าจ้องสตรีตรงหน้านานเกินไปจึงเอ่ยถาม
"ข้าเปิดได้?"
"ของสิ่งนี้เป็นของท่านแล้ว เชิญเพคะ"
กล่าวจบย่อตัวเล็กน้อยเพื่อลากลับมานั่งที่เดิม
อี้เฟยค่อย ๆ เลื่อนกล่องไม้นั้นออกข้า ๆ เพื่อดูว่าปีนี้เป็นถุงหอมลายอันใดอีก ทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจระคนแปลกใจเล็กน้อยที่ปีนี้ของขวัญเขาแปลกเกินคาดเดากว่าทุกปีมาก
"จดหมายสารภาพความในใจหรือไร เหตุใดศิษย์น้องข้าถึงได้ดูตะลึงขนาดนั้น"
สิ่งที่เจิ้นหยางเย้าแหย่สหายสนิทเรียกความฮือฮาของคนในงานเป็นอย่างมาก รวมถึงแม่ทัพใหญ่ฟ่างที่มองหน้าบุตรสาวคล้ายไม่เชื่อว่านางจะทำเช่นนั้นจริง
"เจ้าก็พูดเรื่อยเปื่อย จี้หยกนี้สวยงามยิ่งนัก"
สิ่งที่อี้เฟยเฉลยทำเอาอาถังตกใจ เหตุใดของในกล่องนั้นถึงกลายเป็นจี้หยกได้ หากแต่คนที่ตกใจมิใช่มีแค่อาถังคนเดียว อี้เฟยที่เห็นอักษรสลักอยู่บนจี้นั้นคำว่า 阴谋 หยินเม่า[1] ตกใจยิ่งกว่าผู้ใด หากแต่เขาไม่สามารถพูดหรือซักถามเกี่ยวกับคำนี้ออกมาตอนนี้ได้เพราะเกรงจะทำให้ทั้งค่ายแตกตื่น
"หม่อมฉันดีใจที่พระองค์ชอบเพคะ"
อี้เฟยจ้องสตรีตรงหน้าราวกับอยากมองให้ทะลุถึงความคิดนาง หรือว่าการฟื้นขึ้นมาอีกครั้งของฟ่างเซียนเซียนนางนี้จะทำให้นิสัยใจคอเปลี่ยนไปงั้นหรือ
เคยเห็นในตำรานิทานว่าไว้ ผู้ที่ฟื้นจากความตายมาได้ หากไม่วิกลจริตทางสมองก็กลายเป็นเยี่ยงศพเดินได้ แล้วฟ่างเซียนเซียนผู้นี้จะเปลี่ยนไปอย่างที่นิทานเขาเล่ามาหรือไม่
"ข้าจะเก็บมันติดตัวไว้เป็นอย่างดี"
"ขอบพระทัยองค์ชายที่ให้เกียรติเพคะ"
หลังงานเลี้ยงเลิกเขาคงต้องหาเวลาแอบนัดพบนางเพื่อถามไถ่เกี่ยวกับจี้หยกนี้เสียแล้ว
วันต่อมา...
กระโจมสี่เสาขนาดพอจุคนได้สามสี่คนถูกตั้งไว้เกือบติดชายป่า เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเขตค่ายทหารแห่งนี้ เพราะเดินไปไม่กี่สิบก้าวก็เป็นแม่น้ำสายหนึ่งที่ไม่ใหญ่มาก น้ำไม่เชี่ยวแต่ก็ลึกเกินจะเดินข้ามด้วยเท้าเปล่า
มองเลยไปไกลจะเป็นทุ่งหญ้าเรียบเตียนมองเห็นเชิงเขาได้ชัดถนัดตา เสียงนกนานาชนิดต่างร้องขับขานให้คนมานั่งพักเคลิ้มหลับได้เป็นอย่างดี
"อาถังข้าอยากได้สุรารสเลิศสักไห"
"คุณหนูจะเอามาทำอะไรเจ้าคะ"
"อีกประเดี๋ยวจะมีแขกมาเยือน เจ้าไปเตรียมมาไว้ให้ข้าเถิด"
อาถังอยากเอ่ยถามต่อทว่าเฟิงซูเหยากลับมัวแต่สนใจงานไม้แกะสลักตรงหน้าทำเอาสาวรับใช้ไม่กล้ากวนใจ
"เจ้าค่ะ อาถังจะรีบไปรีบกลับ"
"เอากับแกล้มติดมาด้วยสักสองสามอย่างละ"
อาถังคิ้วขมวดอีกครั้งแต่ก็น้อมรับคำสั่ง เดินออกมาจากกระโจมตรงนั้นทันที
"คุณหนูฟื้นมาครั้งนี้แปลกพิกล แกะสลักไม้ได้ด้วย"
"เจ้าพึมพำอันใดสาวน้อย"
"คุณชายไป๋"
อาถังตกใจแทบหัวใจไปอยู่ตาตุ่มเมื่อจู่ ๆ ไป๋เจิ้นหยางก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมาจากต้นไม้ที่นางกำลังเดินผ่าน
"ข้าทำเจ้าตกใจรึ"
"เปล่าเจ้าค่ะ"
"เมื่อกี้เจ้าบอกว่าใครแปลกไปนะ"
นอกจากจะชอบใส่ใจรอบข้างแล้ว ไป๋เจิ้นหยางผู้นี้ยังหูดียิ่งกว่าผู้ใด อาถังบ่นกับตัวเองแต่เขาที่อยู่สูงกว่ากลับได้ยินชัดทุกคำ
"อาถังไม่ได้นินทาคุณหนูนะเจ้าคะ"
"ใจเย็น ๆ ข้าไม่จับเจ้าให้แม่ทัพใหญ่หรอก แต่ถ้ามีอะไรเด็ด ๆ มาเล่าให้ข้าฟังได้นะ ข้าเก็บความลับเก่ง"
อาถังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ นางไม่กล้าเอ่ยปากออกไปว่าการกลับมาครั้งนี้ของคุณหนูแปลกไปราวคนละคน ทั้งขี่ม้าเป็น กล้าตีฝีปากกับฮูหยินรอง แถมยังพูดจาฉะฉาน เล่นมีด แกะสลักไม้ ทุกอย่างที่ฟ่างเซียนเซียนก่อนตายแล้วฟื้นไม่เคยทำ บัดนี้กลับทำได้หมดชนิดที่เรียกว่าชำนาญเลยด้วยซ้ำ
"เจ้าขู่เข็ญอะไรสาวใช้จวนฟ่างอีกล่ะ"
"องค์ชายสาม"
"ตามสบาย"
อี้เฟยเดินมาเจอสองคนนี้กำลังพูดคุยกันพอดี เห็นสีหน้าอาถังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจึงช่วยให้สถานการณ์เบาลง
"เจ้านี่นะชอบมาตอนที่ข้ากำลังเกี้ยวสตรีทุกที"
"แต่ที่ข้าเห็นเจ้ากำลังข่มขู่นางหลอกถามความลับมากกว่า"
ไป๋เจิ้นหยางจิ๊ปากเมื่อถูกจับได้
"เจ้าอยู่นี่ แล้วคุณหนูเจ้าล่ะ"
"แย่แล้ว หม่อมฉันลืมไปเลยว่าคุณหนูสั่งให้เตรียมสุรากับอาหารไว้ บอกเดี๋ยวจะมีแขกมาเยือนเพคะ"
"แขกมาเยือน? วันนี้มีใครจะเดินทางมาที่ค่ายทหารนี้หรือ"
ไป๋เจิ้นหยางหันมองหน้าอี้เฟย
"ข้าไม่รู้"
"ถ้าขนาดองค์ชายอี้เฟยไม่ทรงทราบ เกรงว่าทั้งค่ายคงไม่มีผู้ใดรู้แล้ว"
ไป๋เจิ้นหยางประชดสหายสนิท
"ข้าควรเป็นคนพูดประโยคนั้นแก่เจ้า"
เจิ้นหยางถึงกับเถียงต่อไม่ออก
"หูตาสับปะรดมากด้วยเล่ห์เช่นเจ้าไม่รู้ ผู้ใดจะรู้อีก"
"ขอบคุณศิษย์น้องที่ชม"
อี้เฟยถึงกับส่ายหน้าให้กับคนหน้าหนาอย่างเจิ้นหยางที่มิรู้ร้อนรู้หนาวแม้จะเหน็บแหนมต่อหน้าต่อหน้าก็ไม่สะเทือน
"คุณหนูเจ้าอยู่ที่ใด"
อี้เฟยเลิกสนใจเพื่อนจอมกะล่อน หันมาถามอาถังถึงเฟิงซูเหยา
"คุณหนูตั้งกะโจมอยู่ด้านนั้นเจ้าค่ะ"
"อืม"
อี้เฟยเตรียมเดินไปยังทิศทางที่อาถังบอก ทว่าเห็นทางหางตาว่ามีอีกคนจะตามมา
"สุราที่นี่มีแต่ไหใหญ่เกรงว่าเจ้าคงยกมาลำบาก ถ้าเช่นนั้นให้องค์ชายไป๋ไปช่วยเจ้าอีกแรงดีกว่า"
"หม่อมฉันมิกล้าใช้แรงงานคุณชายไป๋เพคะ"
"ใช้แรงงานที่ใดกัน ศิษย์พี่ข้าน้ำใจงาม งานแค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงสักนิด จริงหรือไม่ศิษย์พี่"
พูดขนาดนี้ใครจะปฏิเสธได้
อี้เฟยนะอี้เฟย ฉลาดแสนรู้เกินไปแล้ว คงเห็นว่าเมื่อสักครู่เจิ้นหยางจะตามไปด้วยจึงได้หาเรื่องกีดกันเขาออกห่าง
แต่ก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันลำพังดีแล้วเผื่อต้นรักในใจของศิษย์น้องผู้นี้จะตื่นขึ้นมาบ้าง
[1] หยินเหม่า = แผนร้าย
"เดี๋ยวข้านำทางเอง"ไป๋เจิ้นหยางด่าทอทางสายตาแก่สหายสนิท หากอี้เฟยอ่านสายตานี้ออกคงพบคำว่า 'ฝากไว้ก่อน' เป็นแน่"ขอบพระทัยคุณชายไป๋"อี้เฟยปล่อยให้พวกเจิ้นหยางกับสาวใช้เดินห่างออกไปก่อน สายตาคู่คมจึงมองไปยังอีกฝั่ง เห็นกระโจมที่ว่าอยู่ไม่ไกลเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปจุดหมายเพื่อถามไถ่สิ่งที่อยากรู้มาตลอดทั้งคืน"คุณหนูสามฟ่าง"ทันทีที่เดินมาถึงกระโจมที่ว่า องค์ชายอี้เฟยจึงทักทายสตรีที่นั่งเพียงลำพังและวุ่นวายอยู่กับมีดและท่อนไม้ตรงหน้า"องค์ชายสาม ท่านมาแล้ว"อี้เฟยแปลกใจเล็กน้อยที่สตรีนางนี้ทักตนเหมือนกำลังรอเขาอยู่ หรือว่าสุราที่สาวใช้ผู้นั้นไปนำมาให้จะเป็นของเขากัน"ฝีมือเจ้า?"มือหยาบกร้านหยิบหุ่นไม้สลักคล้ายตัวบุรุษขึ้นมาเชยชม"หม่อมฉันฝีมือยังไม่เอาไหน ทำไว้แก้เหงาเวลาใช้ความคิดเพคะ""งานปรานีตมาก ข้าเป็นชายชาตรียังทำเรียบร้อยไม่ได้ครึ่งของเจ้า""เหมือนหม่อมฉันกำลังถูกจับผิดเลยนะเพคะ""เหตุใดข้าต้องจับผิดเจ้า"นั่นสิ นางผู้นี้มีอะไรซ่อนอยู่ถึงได้กล่าวเหมือนกลัวว่าเขาจะจับพิรุธนาง"พระองค์ช่างไม่มีอารมณ์ขันดั่งเช่นเขาลือกันเลยนะเพคะ"เฟิงซูเหยาวางมีดที่กำลังแกะสลักไม้ลง หันไปรินน้ำช
"ตั้งแต่พระองค์ถูกขับออกจากวัง นอกจากองค์ฮ่องเต้ไม่เหลียวแล พี่น้องร่วมสายเลือดยังเมินเฉย แต่กลับถูกปองร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าจากผู้ใดและเพราะอะไรเพคะ""..." คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเรื่องที่เขาถูกปองร้ายมีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่รู้ เหตุใดแม่นางฟ่างผู้นี้ถึงได้กล่าวออกมาราวรู้เห็น"แม่ทัพใหญ่ฟ่างบอกเจ้า?""ท่านพ่อเป็นคนเช่นนั้นหรือเพคะ" เฟิงซูเหยาย้อนกลับถึงแม้ชาติก่อนนางจะไม่รู้จักแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่เป็นการส่วนตัว แต่กิตติศัพท์เรื่องความจงรักภักดีและเก็บความลับเก่งของเขาเลื่องชื่อ คำถามของอี้เฟยจึงตอบได้เพียงข้อเดียวคือแม่ทัพฟ่างไม่มีทางนำเรื่องในกองทัพหรือเรื่องส่วนตัวเขามาเล่าสู่ผู้อื่นฟังแน่นอน"เจ้ากำลังจะบอกว่าที่พูดมาคือความสามารถพิเศษที่เจ้าได้มาหลังฟื้นจากความตาย"ไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาก็ไม่อยากคิดว่ามันไม่สามารถเป็นจริงได้"ตอนพระองค์สิบห้าพรรษา เคยถูกลอบทำร้ายครั้งหนึ่งด้วยลูกดอกอาบยาพิษ แผลเป็นที่ใต้อกข้างขวาเป็นเครื่องยืนยันว่าหม่อมฉันพูดเรื่องจริง"อี้เฟยถึงกับตกใจที่เฟิงซูเหยารู้ความลับเรื่องนี้ของเขาได้อย่างถูกต้องจะไม่ให้นางรู้ได้เช่นไรในเมื่อมือสังหารเมื่อปีน
"เจ้ากล้าเอาศักดิ์ศรีของสตรีมาเดิมพัน งั้นข้าเองก็จะเชื่อผู้ที่สวรรค์ส่งกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นเจ้าดู"เฟิงซูเหยายิ้มในใจสมแล้วที่เป็นองค์ชายสามผู้ฉลาดหลักแหลม แผนการแก้แค้นของนางขยับขึ้นมาแล้วหนึ่งขั้น ความตื่นเต้นที่จะได้เอาคืนคนที่หลอกลวงนางทำให้เฟิงซูเหยาแทบจะรอดูวันหายนะของเขาไม่ไหวแล้ว"เรื่องหมั้นหมาย หวังว่าพระองค์จะกระทำเร็วไวนะเพคะ"เพราะนางไม่รู้ว่าจะทนรอแก้แค้นตามแผนการได้นานแค่ไหนเช่นกัน"สุรารสเลิศมาแล้ว"เสียงไป๋เจิ้นหยางดังแทรกขึ้น ด้านหลังเขามีอาถังและต้าลู่ตามมาพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ"มาได้เวลาพอดี ข้ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งแก่พวกเจ้า"ทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับมองหน้ากัน ส่วนเฟิงซูเหยาทำตัวเก้อเขินหลบสายตาของคนอื่น ๆ ที่มองนางสลับกับองค์ชายอี้เฟย"อย่าบอกนะว่าพวกข้าหายไปไม่กี่เพลาพวกท่านก็ปลูกต้นรักกันแล้ว"ไป๋เจิ้นหยางพูดแหย่เล่นตามประสาคนช่างจ้อ ทว่าสิ่งที่อี้เฟยตอบกลับมาทำเอาทั้งสามคนที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึง"ข้ากับแม่นางฟ่างจะหมั้นหมายกัน"เฟิงซูเหยาตกใจเล็กน้อยที่องค์ชายสามผู้นี้ตัดสินใจเร็วขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นผลดีสำหรับนางอยู่"คุณชายล้อพวกเราเล่นหรือขอรับ"
"บ่าวตกใจหมด คุณหนูอย่าพูดเล่นน่ากลัวแบบนี้อีกนะเจ้าคะ""เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะตายจริง?""เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคนที่พูดจะไม่ใช่คุณหนูของบ่าว""เจ้ากลัวว่าข้าจะเป็นฟ่างเซียนเซียนตัวปลอม?""บ่าวกลัวคุณหนูจะถูกภูติผีสิงมากกว่าเจ้าค่ะ"เฟิงซูเหยาหัวเราะออกมาเบา ๆ"เจ้าอายุเท่าใดแล้วยังเชื่อเรื่องงมงายพวกนั้นอีก"ไม่มีหรอกภูติผีปีศาจ เพราะแค่เฟิงซูเหยาผู้นี้ก็น่ากลัวกว่าสิ่งเหล่านั้นแล้ว"ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ข้า"เห็นสาวใช้เงียบไปนางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง"ตอนนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูเจินเม่ยอยู่ที่ค่ายแล้วเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอะไรนะ!?"ได้ยินข่าวจากอาถังเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจ"ตอนแรกที่บ่าวรู้เรื่องทั้งสองคนมาที่ค่ายก็ตกใจเหมือนคุณหนูนี่ละเจ้าค่ะ"สองแม่ลูกคู่นี้ตั้งใจจะทำอะไรอีก หรือว่าลงทุนมาที่กันดารเช่นนี้เพื่อตามมาหาเรื่องนาง?ถ้าเป็นเรื่องนั้นถือว่าสองคนนี้ลงทุนลงแรงใช่เล่นแต่ถ้าตามลางสังหรณ์ของเฟิงซูเหยาลึก ๆ แล้วสองแม่ลูกนี้น่าจะมาดูทีท่าว่าเฟิงซูเหยาจะเดาผู้อยู่เบื้องหลังโจรนั้นออกหรือไม่มากกว่า"งั้นเราต้องรีบไปต้อนรับฮูหยินรองกับพี่ข้าแล้วละ"มาที่ค่ายได้สี่วันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ แล
"ท่านพี่จะไปแล้วหรือเจ้าคะ"เจินซู่รีบเรียกฟ่างเสวียนสวี่เอาไว้ ทว่าอีกคนกลับไม่สนใจเดินออกจากกระโจมนี้ไปราวไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น"ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เซียนเอ๋อร์จะพาฮูหยินรองและท่านพี่ไปพักผ่อน""โอ๊ย!""เจ้าทำอะไรท่านแม่ข้า"เจินเม่ยรีบผลักเฟิงซูเหยาออกห่างมารดาเมื่อเจินซู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหลังถูกเฟิงซูเหยากดที่จุดกลางหลังให้เจ็บถึงภายในเจินซู่ขมวดคิ้วจนหว่างคิ้วย่นเข้าหากัน ดวงตาถลึงมองเฟิงซูเหยาที่มอบความเจ็บปวดให้นางถึงสองครั้งติด"ข้าแค่เห็นร่างกายฮูหยินรองเกร็ง ๆ เกรงว่าน่าจะเคล็ดขัดยอกตอนเดินทางจึงช่วยนวดให้""นวดบ้าบออะไรแม่ข้าร้องเหมือนเจ็บปวดปานนั้น"เจินเม่ยตะคอกเสียงใส่อย่างเอาเรื่อง"ฮูหยินรองแค่ถูกนวดสองครั้งพี่รองก็โวยวายดิ้นพล่าน ๆ แล้ว หากพวกท่านเจอเหตุการณ์เช่นข้ากับอาถังที่ถูกพวกโจรเอาดาบจ่อคอจะไม่กรีดร้องเสียงลั่นป่าเลยหรือเจ้าคะ"เฟิงซูเหยาเริ่มรื้อฟื้นเรื่องที่นางกับสาวใช้เจอมาต่อหน้าสองแม่ลูกเพื่อดูท่าทีของทั้งสอง"น่าจะถูกโจรสามคนนั้นบั่นคอให้สิ้นซาก"เจินเม่ยโมโหที่มารดาถูกทำร้ายจึงพูดไม่คิดออกไป"พี่รองข้าช่างเก่งกาจเดาถูกด้วยว่าโจรที่ดักปล้นพ
"เจ้าไม่เป็นอะไรมากนะ"อี้เฟยวางซูเหยาไว้บนตั่งนั่งที่ศาลาริมน้ำ คราแรกเขาตั้งใจจะพานางไปส่งที่กระโจมของนาง ทว่าซูเหยาขอออกมานั่งสูดอากาศหายใจด้านนอกแทน"หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ"แค่กัดปากตนเองเพื่อให้เขาสงสารและป้ายความผิดให้เจินซู่เท่านั้น นางรู้สึกสะใจเสียมากกว่าเจ็บอีก"เจ้าไปนำน้ำอุ่นกับผ้ามา"อี้เฟยหันมาสั่งสาวใช้ของฟ่างเซียนเซียน"เพคะ"อาถังน้อมรับคำสั่งก่อนจะเร่งเดินออกจากศาลาตรงนี้"ข้าไม่คิดว่าเทียนฮูหยินจะกล้าทำร้ายเจ้า"แม้ฟ่างเซียนเซียนจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงของเทียนเจินซู่ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าเจินซู่จะมีจิตใจโหดร้ายกล้าทำร้ายสายเลือดของเสวียนสวี่ในค่ายทหารแห่งนี้"จะโทษฮูหยินรองฝ่ายเดียวคงมิได้ เป็นข้าเองที่ทำร้ายพี่รองก่อน"ซูเหยาเล่าพร้อมใบหน้าที่สลดลง"เจ้าทำร้ายเจินเม่ยด้วยเหตุใด"อี้เฟยจ้องสตรีตรงหน้าอย่างใคร่รู้"พี่รองจะทำร้ายอาถัง หม่อมฉันเลยจำเป็นต้องปกป้องบ่าวข้างกาย""เหตุใดเจินเม่ยต้องทำร้ายสาวใช้นางนั้น""เพราะเรื่อง..."ซูเหยาทำท่าทีอึกอัก ทั้งอยากพูดแต่สีหน้ากลับหวาดระแวง"หากเชื่อใจข้าก็พูดออกมาเถิด"สายตาของอี้เฟยบ่งบอกว่าเขาจะปกป้องนางเองทำให้วูบหนึ่งหัวใ
"ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว"อี้เฟยโอบกอดร่างเล็กที่แสดงความหวาดกลัวได้แนบเนียนเข้ามาสู่อกอุ่นสองแม่ลูกแทบจะถลาเข้ามากระชากหนังศีรษะศัตรูหัวใจของบุตรสาวให้หายแค้นใจหากแต่ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้"หม่อมฉันมาเพื่อดูบาดแผลของเซียนเอ๋อร์"เจินซู่กล่าวราวสำนึกผิด"ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฮูหยินรองอย่ารู้สึกผิดเลยเจ้าค่ะ"ซูเหยาตอบนางทั้ง ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของอี้เฟย"เม่ยเอ๋อร์"เจินซู่เรียกบุตรสาวที่จ้องซูเหยาจนตาแทบจะลุกเป็นไฟให้ได้สติ"เซียนเอ๋อร์ พี่รองต้มน้ำแกงมาให้ หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษกับเรื่องก่อนหน้านี้"แค่แสร้งสำนึกผิดเหตุใดคนอย่างซูเหยาจะดูไม่ออกแต่ถึงกระนั้นซูเหยาก็แสร้งเป็นสตรีน้ำใจงามยกโทษให้งูพิษตรงหน้าเพราะนางมีแผนในใจที่จะเอาคืนแล้ว"องค์ชายเพคะ" ซูเหยาผละออกจากอ้อมกอดของอี้เฟย นางจ้องตาสีเหล็กกล้าอย่างอบอุ่นพร้อมเอ่ย"หม่อมฉันขอปรับความเข้าใจกับพี่หญิงและฮูหยินรองได้ไหมเพคะ"อี้เฟยมองซูเหยาสลับกับสองแม่ลูกตรงหน้า พลางมองเลยไปด้านหลังพวกนางเห็นไป๋เจิ้นหยางด้อม ๆ มอง ๆ อยู่จึงไม่ขัดสิ่งที่ซูเหยาขอ"หวังว่าข้าจะไม่เห็นเจ้ามีแผลอันใดเพิ่มมาอีก"ก่อนปลีกตัวออกไปอี้เฟยก็ไม่วายพูดเช
"เม่ยเอ๋อร์!"เจินซู่ตกใจที่เห็นบุตรสาวตกน้ำไป นางลนลานทำอันใดไม่ถูก สองมือจับขอบเรือชะเง้อมองหาร่างของบุตรสาวในน้ำ"มัวแต่มองอยู่ไย รีบลงไปช่วยลูกข้าเร็ว!"เจินซู่ตะโกนบอกทหารที่ช่วยพายเรือให้บุตรสาว ก่อนที่ทหารนายนั้นจะรีบกระโดดน้ำตามลงไปช่วยงมหาร่างคุณหนูรอง"นี่! เจ้าทำอันใด"เมื่อเหลือเจินซู่กับซูเหยาบนเรือเพียงสองคน เรือก็เริ่มมีอาการโคลงเคลงสั่นไปมาทำเอาคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างเจินซู่อกสั่นขวัญหายเกรงว่าจะตกน้ำไป"ท่านแม่นั่งนิ่ง ๆ สิเจ้าคะ"ซูเหยาตะเบ็งเสียงราวหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ตรงหน้า หากแต่ในใจนางกลับรู้สึกตื่นเต้นกับตอนต่อไปของฮูหยินรองใจร้ายผู้นี้นัก"เจ้าสินั่งนิ่ง ๆ ข้าเวียนหัวแล้ว"ถูกอย่างที่เจินซู่กล่าว คนที่ควรนั่งนิ่ง ๆ คือเฟิงซูเหยา ต้นเหตุของอาการเรือโคลงเคลงไปมาก็เพราะนางโยกเรือด้วยกำลังภายในนั่นเอง"ฮูหยินรองอย่าแกล้งเซียนเอ๋อร์สิเจ้าคะ เดี๋ยวเราได้จมลงไปเช่นเดียวกับพี่รองพอดี"หางตานางเห็นแล้วว่ามีทหารยามที่อยู่ใกล้บริเวณนี้เริ่มให้ความสนใจจึงเพิ่มระดับเสียงให้ดังกังวาลหวังให้คนรอบข้างได้ยินบทสนทนาด้วย"เจ้าพูดบ้าอะไร เจ้านั่นแหละ...""ฮูหยินรอง งู! งูอยู่ด้านห
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ