“พี่สี่!!” มู่เหยาจีเพิ่งจะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ทันไรเด็กสาวอีกสองคนก็วิ่งพรวดพราดมาล้อมหน้าล้อมหลังอ๋าวหลวนหลงไว้อีกคู่หนึ่งนางเอียงคอข้ามลำตัวของท่านอาเกาโหลวมองไปยังกลุ่มสตรีทั้งสามที่ยังคงชื่นชมอกขาวผ่องเป็นยองใยของอ๋าวหลวนหลงด้วยความรู้สึกโหวงหวิวพิกล ที่แท้คุณชายสี่ก็มักจะเปิดเผยเนื้อตัวให้ผู้อื่นเห็นเป็นประจำสินะ เป็นนางเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดและคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“หยุดให้หมด!! พวกเจ้าตามข้ากลับไปที่เรือนเดี๋ยวนี้เลย!!” อ๋าวหลวนหลงใช้สองมือมาปกปิดรอยขาดขนาดใหญ่บนแผงอกเอาไว้แน่น สภาพน่าอายเช่นนี้เขายืนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว“ส่วนท่าน..” ชายหนุ่มยังไม่รู้จักเกาโหลว เพราะยามนั้นเขายังไม่มีสติดีแต่เห็นอีกฝ่ายพูดคุยกับมู่เหยาจีอย่างสนิทสนมก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะลอย“ข้าเกาโหลว เป็นหัวหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ขอรับ พวกเรา 15 คนที่เดินทางไปที่เมืองหลงเทียนล้วนสามารถเข้ารับการฝึกฝนเป็นผู้ฝึกตนได้ แต่ข้าต้องเดินทางกลับมาด้วยเพราะไม่มีผู้ใดชำนาญทิศทางเดินเรือเท่าข้าแล้ว”“เช่นนั้นท่านก็ตามข้ากลับไปที่เรือนด้วยเลย ผลไม้เหล่านั้นปล่อยให้พวกนั้นทำกันไป
“คุณชายสี่ ท่านพาแม่นางซินกลับไปด้วยจะดีกว่าเจ้าค่ะ” อ๋าวหลวนหลงถอนหายใจยาวเหยียดออกมาปั้นหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อครู่เขาเห็นนางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ยังคิดว่ามู่เหยาจีจะมาร่ำลาตนด้วยความเป็นห่วง ที่ไหนได้นางกลับมาพูดเรื่องของผู้อื่น“นางทำอะไรให้เจ้าลำบากใจหรือไร ที่นี่ไม่มีสี่เสิน ไม่มีข้า มีนางอยู่ข้าวางใจกว่านะ”“สัตว์เลี้ยงของข้ามาถึงที่นี่ครบเก้าตัวแล้วเจ้าค่ะ พวกมันปรากฏกายให้ข้าเห็นแล้ว เต่า ปลาและหอยมีขนาดใหญ่พอๆ กับปลาหมึกทั้งสามตัวเลยข้าว่าคงไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้ง่ายเป็นแน่ แม่นางซินไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอันใดให้ข้าแต่นางอาจจะเสียใจหากไม่ได้กลับไปพร้อมกับท่านนะเจ้าคะ”“ต่อให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าจะปกป้องเกาะลอยเอาไว้ได้ แต่น้องสาวสองคนของข้าก็อยู่ที่นี่ ให้ซินหรูอี้ช่วยสั่งสอนนางไปพลางๆ อยู่นี่นั่นล่ะดีแล้ว”มู่เหยาจีกัดริมฝีปากตัวเองจนแดงก่ำ ต่อให้นางยังไม่รู้เรื่องระหว่างหญิงชายมากนักแต่ใช่ว่าจะไร้เดียงสาไปเสียทีเดียว บนเกาะมีคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันหลายครอบครัวพวกเขาล้วนรักใคร่เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่อ๋าวหลวนหลงกลับเลือดเย็น เมื่อคืนเขากับซินหรูอี้ยังนอนอยู่ด้วยกันแท้ๆ
แนวเทือกเขาเขตพื้นที่ของตระกูลอ๋าว“พวกเจ้าดูข้าให้ดีนะ” มู่สี่เสินหันไปคุยกับลิงน้อยจากเกาะลอยที่แอบลงเรือติดตามเขามายังแผ่นดินใหญ่ชายหนุ่มเริ่มต้นฝึกฝนวิชายุทธ์และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะลอยมู่สี่เสินได้พยายามอย่างเต็มที่ในการสะสมพลังปราณไว้ในร่างกาย กอปรกับผลท้อที่เขากินเข้าไปทุกวันก็มีส่วนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้รวดเร็วกว่าปกติมู่สี่เสินกำหนดพลังปราณไปที่ต้นไม้ขนาดเล็กต้นหนึ่ง พลังไร้รูปแฝงไอสีเหลืองอำพันวิ่งผ่านสายตาลิงน้อยนับสิบไปอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็เกิดเสียงดังสนั่นต้นไม้ที่เป็นเป้าหมายลำต้นแตกกระจุยขาดครึ่งต้นในชั่วพริบตา“เจี๊ยกๆๆๆๆๆๆๆ”“ฮ่าๆๆๆ ข้าเก่งใช่ไหมเล่าลิงน้อย มาๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้พวกเจ้าดูอีกสักสองสามกระบวนท่าเป็นอย่างไร"กลุ่มลิงน้อยสิบเอ็ดตัวกระโดดมาขี่คอและปีนป่ายร่างกายของมนุษย์ตัวสูงด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องกันระงมจนมู่สี่เสินต้องเอ่ยปากตักเตือน“พวกเจ้าเบาๆ หน่อยสิ ที่นี่เป็นบ้านผู้อื่นนะไม่ใช่เกาะลอย ห้ามพวกเจ้าดื้อซนเด็ดขาดไม่เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะจับพวกเจ้าขังกรงแล้วส่งกลับไปอยู่กับเหยาจีตามเดิม”จู่ๆ ลิง
“อากุ้ย ฝูซีไปไหน?” อ๋าวหลวนหลงถามกับบ่าวรับใช้หนุ่มทันทีที่แยกตัวออกมาจากฮูหยินผู้เฒ่ากัว“มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณชายมู่ขอรับ เขาหายไปจากสกุลอ๋าวราวเดือนเศษได้แล้ว ท่านอาฝูก็พยายามออกไปค้นหาอยู่ทุกวันแต่ยังไม่พบ” เสียงสูดหายใจเข้าปอดลึกยาวของอ๋าวหลวนหลงดังขึ้นพร้อมกับเท้าก็หยุดเคลื่อนที่ไปด้วย “ข้าคิดว่าสี่เสินอยู่กับฝูซีเสียอีก..หายไป? หายไปได้อย่างไรกัน” คำถามนี้อ๋าวหลวนหลงไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบจากหูกุ้ยเท่าใดนัก เพราะเขารู้ดีว่าหากมู่สี่เสินไม่ได้บอกกล่าวกับฝูซีก็ไม่มีผู้ใดในจวนสกุลอ๋าวจะรับรู้ได้แล้ว“หายไปเฉยๆ เลยขอรับ ไม่มีวี่แววอันใดเลย ท่านอาฝูก็ร้อนใจไม่แพ้ท่านเช่นกัน เขาส่งข่าวไปยังกำลังพลตระกูลอ๋าวทั่วทุกพื้นที่แล้ว เวลานี้ก็ยังรอคำตอบอยู่ขอรับ”ใบหน้างามของมู่เหยาจีปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของอ๋าวหลวนหลงทันใด หากนางรู้ว่าพี่ชายของนางหายตัวไปมู่เหยาจีจะห่วงกังวลเพียงใดกันนะ! แค่คิดอ๋าวหลวนหลงก็รู้สึกปวดใจแทนอีกฝ่ายไปแล้ว“แล้วสถานการณ์ทางฝ่ายเราร้ายแรงเพียงใด เวลานี้พี่ใหญ่อยู่ที่ไหน?”“เป็นเพราะผลท้อสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วกว่าอีกฝ่ายทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้นา
7 เดือนถัดมากลางหุบเขาลึกฝั่งตะวันตกยามนี้มู่สี่เสินอาศัยอยู่กลางหุบเขาลึกลับทางฝั่งตะวันตก สถานที่แห่งนี้หากมองจากภายนอกก็เหมือนเป็นเทือกสูงชันขนาดใหญ่มหึมาธรรมดาที่มีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่ทั่วไป ด้วยความสูงของภูเขาและช่องทางเข้าลึกลับซับซ้อนขนาดเล็กจึงไม่เคยมีผู้ใดเคยเข้าไปสำรวจลึกเข้าไปถึงด้านในว่ามีพื้นที่กว้างขวางกลางหุบเขาซุกซ่อนอยู่“ข้าต้องกลับไปที่เมืองหลงเทียนแล้วล่ะ ป่านนี้ฝูซีคงตามหาข้าจนวุ่นวายแล้วกระมัง เรื่องของพวกเจ้าให้ข้าถามความเห็นจากฝูซีก่อนแล้วข้าจะพาคนกลับมารับพวกเจ้าไปหาเหยาจีเอง” มู่สี่เสินเงยหน้าขึ้นฟ้าพูดคุยกับสหายใหม่ของเขาที่นั่งเรียงกันหน้าสลอนล้อมรอบร่างเล็กจิ๋วเอาไว้เขาติดตามฝูงลิงตัวน้อยจนมาถึงหุบเขาลึกลับแห่งนี้เมื่อหลายเดือนก่อน และได้พบสหายรุ่นหลังของน้องสาวอีกสิบกว่าชีวิตรวมทั้งพวกมันยังให้กำเนิดลูกหลานมากมายอาศัยกันอยู่ในหุบเขาแห่งนี้“เจ้าว่าอะไรนะ? จะทำลายภูเขาออกไปเช่นนั้นหรือ? พวกเจ้าอย่ามาพูดดีอยู่เลย หากพวกเจ้ากล้าหาญกว่านี้ก็คงออกไปเสียนานแล้วสินะ! เจ้าจะไปหาเหยาจีพร้อมกับข้าตอนนี้เลยไหมเล่า!!” มู่สี่เสินค้อนเจ้าวานรร่างใหญ่ด้วยความหมั่นไ
เมื่อถึงทางแยกขบวนบรรทุกผลท้อก็แยกออกเป็นสองกลุ่มตรงกับที่มู่สี่เสินคิดเอาไว้ไม่มีผิด กลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนน้อยกว่ามุ่งหน้าไปยังทิศทางแรกที่คนสกุลกัวขี่ม้าไปทางนั้น ส่วนอีกกลุ่มที่มีจำนวนผลท้อมากมายกลับแยกตัวไปยังอีกทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านผืนป่าขนาดย่อมๆชายหนุ่มถึงกับตาเหลือกค้างแข็งขึ้นในทันใด ยามนี้สหายตัวน้อยของเขาสองตัวอดทนกับกลิ่นหอมยั่วยวนของผลท้อที่พวกมันเคยกินเป็นประจำเอาไว้ไม่ไหว ร่างเล็กๆ สองร่างกำลังห้อยตัวลงจากกิ่งไม้ฉกฉวยเอาผลท้อมาได้สองลูก“ไอ้ลิงบ้า!! จับมันเร็ว!! มันขโมยผลท้อไปสองลูก” เสียงเอะอะดังขึ้นจากกลุ่มผู้ฝึกตนที่ควบคุมเกวียนมาเซ็งแซ่“ผลท้อเหล่านี้สกุลกัวนับจำนวนเอาไว้ถ้วนถี่ หากหายไปพวกเขาต้องเข้าใจว่าเราแอบกินแน่นอน ตามมันไป!” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มสั่งความจบผู้ฝึกตนสามคนก็กระโจนไล่หลังลิงน้อยสองตัวไปติดๆ มู่สี่เสินถึงกับต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยสหายของเขาก็ไม่ได้โง่! พวกมันได้ผลท้อไปแล้วก็ไม่ได้วิ่งกลับมาทางเดิมที่เขาแอบซ่อนตัวอยู่ แต่พวกมันวิ่งหนีไปอีกทิศทางทำให้มู่สี่เสินและลิงที่เหลือยังคงซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ได้ดังเดิม ส
“ใช่ว่าจะมีเพียงเจ้าคนเดียวที่เข้าสู่ระดับขั้นปราณที่แท้จริง ทางฝั่งสกุลอ๋าวหลายคนก็อยู่ในระดับขั้นเดียวกับเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะอ๋าวหลวนหลงได้เช่นนั้นหรือเหลาอีโจว!”“ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งได้ตัวคนสำคัญมาหนึ่งคนแล้วหรือ? อ้อไม่ใช่แค่หนึ่งคน ยังมีอีกแปดตัวด้วยอีก ฮ่าๆๆๆ เจ้าอย่าเพิ่งไปคิดแทนอ๋าวหลวนหลงเลย เจ้าสงสารตัวเองก่อนเถิดคุณชายมู่อย่างมากเจ้าก็เพิ่งจะอยู่ในระดับชั้นก่อกำเนิดอย่าหวังว่าเจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้เลย!!”มู่สี่เสินกัดริมฝีปากไว้แน่น เขาเพียงคนเดียวอย่างไรก็สู้ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่ไม่ได้แน่นอน ยังต้องเป็นห่วงสหายทั้งแปดตัวที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นเหล่านี้อีก สายตาอาฆาตแค้นของมู่สี่เสินจึงพุ่งตรงไปที่กัวเฟยเฟิ่งอย่างไม่ยินยอม“เพี้ยะ!!” ฝ่ามือนวลของกัวเฟยเฟิ่งตบเข้าไปที่ใบหน้าของมู่สี่เสินเต็มแรง“ใครใช้ให้เจ้ามองหน้าข้า! เป็นเจ้าที่แส่หาเรื่องเข้ามาเอง หากอยากจะโทษผู้ใด เจ้าก็ต้องโทษตัวเองนั่นล่ะที่สอดรู้สอดเห็น!” หญิงสาวตวาดเสียงดัง เตรียมง้างมือจะตบชายหนุ่มเข้าอีกสักฉาด“เฟยเฟิ่งหยุด!! คุณชายมู่หาใช่คนที่เจ้าจะล่วงเกินได้!” เหลาอีโจวคว้าข้อมือของหญิงสาวเอาไว้แน่น แรงบีบจากท
ลิงสองตัวจากเกาะลอยยังคงติดตามฝูซีไม่ห่าง ยังดีที่ฝูซีพาผู้ฝึกตนจากสกุลอ๋าวเดินทางไปกับเขาด้วย พวกมันจึงได้อาศัยเกาะอยู่บนหลังของคนเหล่านั้น“เจี๊ยกๆๆๆๆ” อยู่ดีๆ ลิงน้อยก็กระโดดร้องส่งเสียง วิ่งไปวิ่งมาบนพื้นท่าทางไม่สงบเหมือนก่อนหน้าฝูซีมองตามสายตาของพวกมันแล้วพบว่าทั้งสองตัวกำลังมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่ากัว ที่ออกมายืนส่งหลานสาวออกไปนอกจวนห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ระยะหนึ่งท่าทางแยกเขี้ยว ข่มขู่และโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงของลิงน้อยที่มีต่อหญิงชราทำให้ฝูซีรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เรื่องที่เราพบลิงสองตัวนี้ปิดเป็นความลับเอาไว้ก่อน กลับไปบอกท่านหมอและคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย เราจะตามหามู่สี่เสินกันอย่างลับๆ” ฝูซีหันมากำชับ“แล้วกับคุณชายสี่..”“บอกกับเขาว่าข้าสงสัยว่าการหายตัวไปของมู่สี่เสินอาจเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลกัว ข้าจะออกไปสืบความล่วงหน้าไว้ก่อน” ฝูซีไม่คิดจะปิดบังอะไรกับอ๋าวหลวนหลง มู่เหยาจีฝากจดหมายทวงถามเรื่องของพี่ชายมาหลายครั้ง และเป็นอ๋าวหลวนหลงที่ปิดบังว่ามู่สี่เสินกำลังฝึกฝนอย่างหนักและสบายดี อ๋าวหลวนหลงก็ร้อนใจเรื่องของมู่สี่เสินไม่น้อยไปกว่าตนสักนิด……….ฝูซีแอบติดตามด
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วสินะ บางทีพวกเราอาจจะคิดน้อยเกินไปเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ผลนั้น” มหาเทพฮ่าวเทียนมีสีหน้าเคร่งเครียดพอๆ กับมหาเทพสิงเทียนที่ยืนฟังเงียบๆ ไม่พูดไม่จาอยู่เช่นกัน“ใช่ ข้าเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าต้นท้อสวรรค์จะสามารถเติบโตและออกผลได้รวดเร็วเช่นนี้ อีกไม่นานกลิ่นของท้อสวรรค์ก็อาจจะดึงดูดพวกปีศาจให้ออกมาปรากฏตัวยังแดนมนุษย์ได้เช่นกัน”“นี่อาจจะถึงเวลาที่พวกเราต้องเข้าไปก้าวก่ายเรื่องบนแดนมนุษย์แล้วกระมัง” มหาเทพสิงเทียนถอนหายใจแรงด้วยความหนักใจสามมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่สบตากันไปมาพักใหญ่ก็พยักหน้าพร้อมกันด้วยความเห็นพ้อง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสู่เบื้องบนเริ่มทำบางสิ่งบางอย่างที่เกือบจะลืมเลือนไปแล้ว“ดูนั่น!!” เหล่าทวยเทพและเซียนบนสวรรค์ชี้มือขึ้นไปยังกลุ่มก้อนเมฆเบื้องบนดวงตาสีทองขนาดใหญ่ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นมาเหนือเมฆ ทำเอาทั่วทั้งแดนสวรรค์ปั่นป่วนไปหมดจากภาพที่ไม่ได้พบเห็นมานาน“สามมหาเทพจะเบิกเนตรเทวะ!! เกิดอะไรขึ้นบนแดนมนุษย์กันแน่!”ไม่ต้องรอให้ผู้ใดมาตอบ ดวงตาสีทองที่กินพื้นที่ไปครึ่งค่อนท้องฟ้าค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นทีละน้อย ภาพเหตุการณ์ตั้งแต่เหยาจี สี่เ
“นั่นก็จริงของเจ้าสี่เสิน ยามนี้คงไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับฝ่ายเรา แต่ข้าก็ยังคิดว่าผลท้อสวรรค์ก็อาจต่อเส้นเอ็นของข้ารวมทั้งคืนดวงตาให้กับฝูซีไม่ได้อยู่ดี” อ๋าวหลวนหลงหลับตาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ความหวังดีของมู่เหยาจีอาจไร้ประโยชน์สำหรับตนฝูซีฟังแล้วก็พยักหน้าตาม ผลท้อสวรรค์ให้คุณประโยชน์ในเรื่องอายุขัยและเพิ่มพลังปราณจำนวนมากเท่านั้น ต่างจากท้อโอสถที่ครอบคลุมการรักษาสารพัดนึก เสียดายที่มู่เหยาจีไม่มีเมล็ดพันธุ์ท้อโอสถติดกายลงมาด้วยแม้แต่เมล็ดเดียว“ผู้ใดจะรู้ ผลท้อธรรมดาของนางยังมีความสามารถในการรักษาบาดแผลเล็กน้อยได้ ท้อสวรรค์ที่ปลูกบนแดนมนุษย์อาจสร้างปาฏิหาริย์ที่เราไม่อาจคาดเดา”“แท้จริงแล้วมีของสิ่งหนึ่งที่รักษาบาดแผลของข้าได้ แต่มันไม่อาจสร้างดวงตาของฝูซีขึ้นมาใหม่” อ๋าวหลวนหลงรู้สึกเศร้าใจกับการสูญเสียของสหายรักเป็นอย่างยิ่ง“จริงหรือหลวนหลง! สวรรค์เมตตาข้าแล้ว มันคือสิ่งใดเจ้าบอกพ่อ พ่อจะไปหามาให้เจ้าเอง!" อ๋าวซีซวนแทบไม่อยากจะเชื่อหู แต่นี่คือคำพูดของอ๋าวหลวนหลงเองเชียวนะ บุตรชายไม่พูดอะไรพล่อยๆ เป็นแน่!!“ท่านพ่อไม่ต้องลำบากไปตามหาแต่อย่างใดเพราะมันเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของตระกูลอ๋
“พี่ใหญ่ ข้าขอเสนอให้บ้านสายหลักของพวกเราย้ายมาสร้างที่เกาะจิงเหมินเจ้าค่ะ ที่นั่นนอกจากจะมีบรรยากาศที่ดีแล้วก็ยังอยู่ใกล้กับเกาะลอยอีกด้วย” คุณหนูใหญ่อ๋าวหลวนจิงออกความเห็นขณะที่คนสกุลอ๋าวทุกคนกลับมารวมตัวกันที่จวนสกุลเจียง“เป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว หากเราซื้อที่ดินจากชาวบ้านบนเกาะจิงเหมินได้ทั้งหมด ก็ยังพาสัตว์เหล่านี้ข้ามไปอยู่บนเกาะได้อีกด้วย เส้นทางน้ำระหว่างแผ่นดินใหญ่ไปที่เกาะจิงเหมินไม่ได้ลึกเท่าใดนัก พวกมันสามารถว่ายข้ามไปได้สบายๆ” อ๋าวหลวนกังเห็นด้วยกับน้องสาว“ใช่ว่าข้าจะไม่สนใจความเห็นของพวกเจ้า แต่เราเหลือทรัพย์สินกันเท่าไรเชียว” อ๋าวหลวนเซี่ยส่ายหน้าช้าๆ เขาให้ท่านแม่รวบรวมเงินและข้าวของมีค่าจากทุกคนมานับดู คิดว่าอย่างมากพวกตนก็อาจจะหาซื้อเรือนขนาดใหญ่ได้สักเรือน การค้าเดิมที่ในเมืองหลงเทียนกว่าจะปรับปรุงให้เข้าที่เข้าทางและทำรายได้อีกครั้งก็คงอีกนาน เรื่องซื้อที่ดินจากชาวบ้านบนเกาะในช่วงเวลานี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะพี่ใหญ่ พวกเราจะซื้อเกาะจิงเหมินมาเป็นที่ตั้งของจวนสกุลอ๋าวสายหลัก ไม่มีที่อื่นที่เหมาะสมไปกว่านี้แล้ว” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาทำให้ทุ
ภายในเรือนร่างผ่ายผอมลงไปมากของฝูซีนั่งอยู่เคียงข้างร่างของอ๋าวหลวนหลงบนเตียงนอนสีขมุกขมัว ดวงตาทั้งสองข้างของฝูซีมีผ้าสกปรกผืนหนึ่งพันเอาไว้ดูเหมือนว่าทั้งฝูซีและอ๋าวหลวนเคยได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นไปบ้างแล้ว แต่จากสีของผ้าพันแผลที่เก่าสกปรกนั่นก็แน่นอนว่าหลังจากรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้ เหลาอีโจวก็ไม่ได้สั่งให้หมอมาทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำเพียงให้พวกเขามีชีวิตรอดอยู่ไปวันๆ เรื่องผลท้อที่จะให้คนทั้งคู่ได้กินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บยิ่งไม่ต้องหวัง!กล่าวตามตรงนางจำต้องเบือนหน้าออกไปมองกัวเฟยเฟิ่งอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ สภาพร่างกาย สภาพในเรือนรวมทั้งถาดอาหารหรือน้ำดื่มที่วางอยู่ ทุกอย่างดีเกินกว่าที่มู่เหยาจีคาดเดาเอาไว้ในคราวแรก และดูเหมือนว่ากัวเฟยเฟิ่งน่าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ส่วนเรื่องกลิ่นและธุระส่วนตัวของบุรุษสองคน คุณหนูจากสกุลกัวคงจะเข้ามาช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากกว่านี้เป็นแน่“เหยาจี..” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อมองเห็นมู่เหยาจียืนอยู่กลางเรือนเขายังคิดว่าตนเองยังคงติดอยู่ในภาพฝันกลิ่นหอมจากร่างงามแผ่กำจายออกมาทั่วห้องเหม็นอับจนชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วแน่น เ
คนกลุ่มแรกที่พวกอ๋าวหลวนเซี่ยได้พบและคิดว่าจะได้ลงไม้ลงมือให้หนำใจสักรอบกลับกลายเป็นกลุ่มของตระกูลใหญ่ทั้งเก้าตระกูลที่เลือกไปอยู่ฝ่ายสกุลเหลา พวกเขาทิ้งอาวุธซ้ำยังทำท่าทีนอบน้อมสำนึกผิดเข้าใส่จนฝ่ายสกุลอ๋าวตั้งรับปรับตัวไม่ทัน“หลานชายพวกเจ้าก็รู้ดีว่าพวกเราทั้งหมดต่างก็มีความจำเป็นต้องเลือกข้าง ยามนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกเราคิดผิด!” ผู้นำตระกูลจากเก้าตระกูลใหญ่กล่าวกับอ๋าวหลวนเซี่ยก็จริงแต่พวกเขาก็รีบเข้าไปประจบประแจงอ๋าวซีห่าว อ๋าวซีเค่อและอ๋าวซีฮันที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันยกใหญ่อ๋าวหลวนเซี่ยมองดูคนเหล่านี้ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีระดับการฝึกฝนต่ำที่สุดในเวลานี้ นั่นเป็นเพราะฝ่ายสกุลเหลาให้ความสำคัญกับพวกอดีตเซียนมากกว่าและไม่ได้ใจกว้างเหมือนอ๋าวหลวนหลงที่พยายามยกระดับการฝึกฝนของทุกคนไปพร้อมกัน และเขาก็รู้ดีว่าน้องชายสี่ไม่เคยคิดจะเข่นฆ่าผู้ใดหากไม่จำเป็น“แน่นอนว่าข้าเข้าใจพวกท่านดี แต่เรื่องจะให้รับพวกท่านเข้ามาอย่างเต็มใจนั้นข้าคงทำไม่ได้เช่นกัน พวกท่านรีบกลับไปที่จวนของพวกท่านแล้วปิดประตูให้ดีเถิด หลังจากนี้หากพวกเราเห็นใครคิดออกนอกแถวอีกก็อย่าหาว่าสกุ
“พวกเจ้าก็เป็นสหายกับพวกหวางเซี่ยที่อยู่บนเกาะเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” อ๋าวหลวนหลิงชวนคุยต่อสัตว์หน้าขนสี่ตัวหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกมันรับรู้จากมู่สี่เสินแล้วว่ายังมีสหายสัตว์น้ำที่มาจากแดนสวรรค์อยู่อีกเก้าตัว แต่สัตว์กลุ่มนั้นลงมาก่อนพวกมันตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีก่อน พวกมันเพิ่งลงมาได้ 500 ปีเท่านั้น จะว่าเป็นสหายกันก็เหมือนจะใช่ แต่แท้จริงแล้วพวกมันยังไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ“ไม่เป็นไรๆ ถึงเจ้าอยากจะตอบก็ตอบข้าไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมเล่า แต่พวกเจ้าช่วยครอบครัวของเราสองคนก็เท่ากับว่าเจ้าเป็นสหายของพวกเราแล้วล่ะ”ได้ยินว่าพวกตนได้รับการต้อนรับให้เป็นสหายของมนุษย์ สัตว์ทั้งสิบสองตัวก็ยิ่งลิงโลดออกอาการตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ แต่แล้วอยู่ดีๆ พวกมันก็ต้องหยุดชะงักแหงนมองขึ้นไปด้านบนท้องฟ้าเหนือจวนสกุลเจียงมืดครึ้มลงอย่างกะทันหัน เสียงกรีดร้องหวาดกลัวจากบรรดาสตรีที่อยู่ในจวนทำเอาสัตว์ยักษ์พากันเงียบเสียงและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เพื่อสหายใหม่ของพวกเขา!“แกว่กๆ” เจ้านกยักษ์สองตัวที่บนหลังของพวกมันมีซินหรูอี้และเวยวั่งซูนั่งอยู่มองค้อนดูภาพเบื้องล่างกันตาแทบกลับ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างแง่งอนหวาง
สุนัขจิ้งจอกและตะขาบต่างก็พากันทำหน้าที่ของมันโดยการเข้าไปแทรกอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นจนฝูงชนวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิงและไม่มีผู้ใดกล้าทดสอบโจมตีพวกมันเป็นคนแรกวานรยักษ์ตัวหนึ่งทุบกำปั้นอันใหญ่โตของมันลงบนพื้นดินหลายครั้งจนเป็นหลุมลึก“โจมตีมัน!! หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าก็อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะรอด ต้องช่วยกันจัดการพวกมันไปทีละตัว!” เหลาอีโจวถูกทอดทิ้งให้ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของวานรยักษ์โดยรอบๆ ยังมีสุนัขจิ้งจอกอีกหกตัวล้อมวงกันไว้อีกชั้น เมื่อเห็นว่ายังไม่มีผู้ใดเริ่มลงมือเหลาอีโจวจึงได้พยายามควบคุมลิงน้อยทั้งแปดอีกครั้ง โดยตั้งใจจะให้พวกมันออกคำสั่งกับวานรยักษ์ให้เปลี่ยนเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนสกุลอ๋าวแทน“เจี๊ยกๆๆๆ” ลิงน้อยถูกรบกวนจิตใจอย่างรุนแรงจนพวกมันส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น เจ้าวานรทั้งสี่ก็รีบตอบสนองทันควัน“อ้ากกกก!! ปล่อยข้า! ช่วยข….” เหลาอีโจวยังส่งเสียงขอความช่วยเหลือไม่ทันสิ้นคำ ร่างของเขาก็ถูกวานรยักษ์จับขาข้างหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศให้สภาพห้อยหัวลงมา ขณะที่ทุกคนยังไม่หายตกใจ วานรยักษ์ก็สะบัดร่างคนใจร้ายฟาดลงกับพื้นดินก้มหลุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับร่างนั้นเป็นตุ๊กตาผ้า เหลา
“แกว่กกกกก แกว่กกก” เสียงร้องสั้นสลับยาวของนกอินทรีสองตัวดังขึ้นจากบนฟ้ามาแต่ไกล เป็นเหตุให้การห้ำหั่นเบื้องล่างหยุดชะงักลงชั่วขณะสิ่งที่พวกเขาแปลกใจเป็นอันดับแรกย่อมเป็นเสียงอันทรงพลังที่คล้ายว่าอยู่เหนือศีรษะแต่นกสองตัวนั้นอยู่ในระยะไกลจากพวกเขาพอสมควร“ก็แค่เสียงสะท้อนของนกตัวสองตัวเท่านั้น จัดการพวกมันต่อ!!” กลุ่มผู้ฝึกตนจากสองฝ่ายยังไม่ทันได้คลายความข้องใจ พวกเขาก็ต้องรีบดึงสติกลับมาสู่การรบดังเดิม“หลวนเซี่ย เจ้ากลับไปดูแม่กับน้องๆ เจ้าก่อน ไปเดี๋ยวนี้!!” อ๋าวซีห่าวอาศัยช่วงจังหวะที่ทุกคนมัวแต่สนใจนกบนฟ้ารีบวิ่งมาหาบุตรชายคนโต“ข้าจะไม่มีวันถอยหลังเป็นอันขาดท่านพ่อ เราจะตายไปพร้อมกัน!!” บทสนทนาที่ทรงพลังของอ๋าวหลวนเซี่ยส่งผลให้ทุกคนฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ฆ่าได้หนึ่งก็ลดจำนวนศัตรูลงหนึ่ง พวกเขาพร้อมจะตายในสนามรบแล้ว“แกว่กๆๆๆๆๆๆๆ” นกอินทรีสองตัวคล้ายว่าจะไม่พอใจเท่าใดนักที่มนุษย์เดินดินหาได้สนใจมันสองตัวไม่ มันรีบส่งเสียงร้องรัวๆ ตีปีกใหญ่โตของมันพร้อมกับเหินต่ำลงมาเรื่อย เสียงร้องของผู้ฝึกตนหลายคนดังขึ้นทำให้เจ้านกยักษ์พึงพอใจที่สุดที่มีคนหันกลับมาสนใจพวกมันอีกครั้ง“ว้ากกกก นั
หุบเขาลึกลับกลางป่าตะวันตกลิงน้อยแปดตัวหลบหนีออกจากการควบคุมของเหลาอีโจวได้ พวกมันก็มุ่งหน้ากลับมาที่หุบเขาลึกลับและได้พบกับสหายอีกสองตัวที่คิดเหมือนกันกับพวกมันหลังจากแย่งกันสื่อสารบอกกับวานรยักษ์ทั้งสี่ตัวให้ล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับมู่สี่เสิน ลิงยักษ์ทั้งสี่ก็อาละวาดทำลายต้นไม้ใหญ่ภายในหุบเขาจนราบเป็นหน้ากลอง ร้อนถึงสุนัขจิ้งจอกและนกอินทรีต้องรีบมาเกลี้ยกล่อมให้พวกมันใจเย็นลงลิงน้อยสองตัวที่อยู่กับกลุ่มคนสกุลอ๋าวไม่ได้ข้ามไปยังแดนเหนือด้วย พวกมันรู้แล้วว่ามู่สี่เสินได้รับการช่วยเหลือและถูกส่งตัวกลับไปที่เกาะลอย มันยังรู้อีกด้วยว่ายามนี้สกุลอ๋าวกำลังถูกไล่ต้อนไปทางใต้ และหากสกุลอ๋าวพ่ายแพ้สถานที่ต่อไปที่จะถูกโจมตีก็จะเป็นเกาะลอยของพวกมัน!!เจ้าลิงทั้งสิบปีนป่ายขึ้นไปขี่หลังสุนัขจิ้งจอกทั้งหกเอาไว้ แล้วชี้นิ้วออกคำสั่งวานรทั้งสี่ตัวให้มันเดินทางไปที่ช่องแคบทางเข้าหุบเขาทันที!!วานรสองตัวไปถึงช่องแคบที่เล็กเพียงคนลอดผ่านได้ มันก็เริ่มต่อยเข้าไปยังกำแพงหินหนาพร้อมๆ กัน“เปรี้ยง!! ครืน!!” การต่อยด้วยหมัดจากวานรยักษ์สองตัวเพียงครั้งเดียว ช่องเขาหินที่ผุกร่อนก็พังทลายเป็นรูขนาดใหญ่ ส่ง