⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
บ้านทั้งหลังมืดสนิท พิลลาจึงเปิดไฟจนพอมีแสงสว่าง คงจะเป็นอย่างที่เด็กวัยรุ่นหน้าบ้านบอก สารินอยู่หลังบ้าน และเธอก็ไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วย หากต้องเดินออกไปเรียกอย่างไรก็คงต้องเจอกับคนที่อยู่ด้านหลัง จึงหวังว่าความเปลี่ยนไปในบ้านจะเรียกสายตาของเขาได้
ไฟในบ้านเปิดเอง เจ้าของบ้านจะไม่สงสัยแล้วเข้ามาดูหน่อยหรือ
แต่ผ่านมาห้านาทีเห็นจะได้ ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาด้านใน และวันนี้เธอก็ไม่ได้ว่างมารอเขานานๆ ด้วย เพราะอยากกลับให้ถึงบ้านก่อนที่สองสาวจะมาถึง ไม่อย่างนั้นต้องปั้นน้ำเป็นตัวอีกเช่นเคย
พิลลาเดินไปที่ประตู แนบหูไปกับบานไม้เพื่อฟังความเคลื่อนไหวรอบนอก ที่ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกวัยรุ่นที่มารวมตัวกัน บางครั้งก็มีเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังเข้าโสตประสาท
ร่างระหงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยื่นมือไปแตะที่ลูกบิดแล้วออกแรงหมุนช้าๆ จนมันถูกเปิดในที่สุด
ไม่รู้ว่ากี่สายตากันแน่ที่มองมา แต่เธอตวัดตาไปมองเพียงสารินคนเดียว อย่างน้อยการมองแค่เขาก็ลดความอายลงไปได้มากโข
“มีธุระจะคุยด้วยค่ะ”
ว่าจบก็ปิดประตูลงทันที ก่อนสับเท้าเดินไปนั่งที่โซฟาทั้งใบหน้าบึ้งตึง เธอโกรธตัวเองที่เลือกจะชาร์จแบตมือถือทิ้งไว้ที่บ้าน จึงไม่มีเครื่องมือสื่อสารให้ติดต่อสาริน โกรธสารินที่ไม่ยอมสังเกตจนเดินเข้ามาในบ้านด้วย
โกรธทุกอย่างที่ทำให้เธอต้องโผล่หน้าไปเรียกเขาท่ามกลางสายตาของคนนับสิบ
เสียงของเพื่อนสนิทอย่างปณัยดังขึ้น “ใครนะ”
“พุดจีบ”
“พี่สาวไอ้พอใจไหม” ผู้รับเหมาก่อสร้างพยายามนึก “คนที่เปิดร้านเครื่องเขียน”
“อาฮะ”
“เด็กมึง?”
สารินไหวไหล่ ท่าทียียวนจนปณัยต้องยกเท้าไปเตะขาเพื่อให้อาการหมั่นไส้เพื่อนทุเลาลง
“ที่ไอ้พัลมันเล่าว่ามึงไปกกสาว คนนี้รึ”
“เสือกจังวะหนึ่ง มึงเป็นพวกชอบสอดเรื่องชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไร” สารินหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง ส่งไม้คิวให้เพื่อนถือแทน “แต่ก็คนนี้แหละ”
ร่างหนาเดินหายเข้าไปในบ้าน จนไปเจอเข้ากับหญิงสาวท่านหนึ่งที่นั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟา
มันเป็นอะไรนักที่เวลาอยู่กับเขาแล้วชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนั้น
พิลลาที่เห็นว่าเจ้าของบ้านเดินมาแล้วก็เผลอลุกขึ้นยืน “วันนี้แค่จูบนะ เกินกว่านี้ทุกอย่างถือเป็นโมฆะ”
สารินเลือกที่จะเงียบ สาวเท้าเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ปรายตามองอาหมวยที่ยืนค้ำหัว ที่แค่มอง ก็รู้ว่ากำลังแอบด่าเขาอยู่ในใจ
เธออุตส่าห์ยืนให้เขาเดินมาจูบจะได้จบๆ กันไป แต่ไอ้หน้าวัวดันมานั่งเสียอย่างนั้น พิลลาจึงทำตัวไม่ถูก
“จูบเลยได้ไหม จีบรีบ”
“เสี้ยน?”
เป็นอีกครั้งที่สารินโดนเท้ามังคุดตะปบ “พี่อย่าปากหมาได้ปะ”
“ก็เรารีบ พี่แค่สงสัย” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บแสบอะไรที่โดนเธอเตะ ก็โดนตลอดอยู่แล้ว เริ่มจะชิน “เจอหน้าพี่ทีไรเสี้ยนตลอด อาการมันเป็นยังไงคะสุดสวย”
พิลลากลับระบายยิ้ม “เชื่อไหมคะ ถ้าจีบไม่นับถือพี่แล้วมีคนมาพูดแบบนี้ใส่นะ จีบคงสวนว่า เสี้ยนแม่มึงสิ ไปแล้วแหละ ดีนะที่เป็นพี่ เลยไม่ทำ” ยิ้มหวานของอาหมวยขยายกว้างขึ้นอย่างกับเป็นคนใจดี “พี่น่าเคารพขนาดนี้ ด่าไม่ลงจริงๆ ค่ะ”
สารินก็ยิ้มรับ “วันนี้เอาใจพี่ไปต้มให้หมากินจริงด้วยสินะ ถึงได้ขยันขันแข็งเหลือเกิน”
กระเป๋าสตางค์ที่ถือไว้ถูกปาใส่เจ้าของเต็มแรง แต่เขาก็รับไว้ทัน น่าเสียดาย เธอเล็งปากหมาๆ ของเขาไว้แท้ๆ
“ทำไมชอบรุนแรง”
“เป็นกับบางคน คนดีๆ ไม่ค่อยเป็น”
“ชอบแบบรุนแรงเหรอ พี่ก็ชอบนะ เห็นไหมล่ะ พวกเรานี่มันโคตรจะเข้ากันได้ดีเลยว่ะจีบ”
เปลือกตาปิดลง นับหนึ่งถึงสิบในใจ
ในขณะที่คนมองได้แต่กลั้นหัวเราะให้กับเด็กอวดเก่งที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยจะเป็น
พิลลาลืมตาขึ้นช้าๆ หลุบตามองไปที่คนตัวใหญ่ “เร็วๆ จีบมีนัด”
“กับหนุ่มที่ไหน” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ ร่างแน่งน้อยก็ลอยละลิ่วไปนั่งอยู่บนหน้าตักแกร่งอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะพยายามขืนตัวออกก็ไม่เป็นผล เพราะแรงของชายฉกรรจ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่คนตัวเล็กๆ อย่างเธอจะเอาชนะได้ “ไม่ให้ไปได้ปะ หวง”
“มีสิทธิ์อะไรมาหวง”
ใบหน้าคร้ามคมมีรอยยิ้มผุดขึ้น แต่เป็นเพียงยิ้มที่มุมปากเท่านั้น และแววตาเขาก็หาได้เป็นมิตรไม่ “เดี๋ยวจะทำให้มีสิทธิ์ให้ดู”
พิลลาแห้วเสียงขึ้น “ไปกับเมลฟี่กับเนสต์ ไม่ใช่หนุ่มที่ไหน”
“ก็หวง กลัวคนมอง”
“อย่าเยอะ ผัวก็ไม่ใช่”
ริมฝีปากหยักคลอเคลียอยู่บริเวณแก้มนวล พิลลาพยายามย่นคอหนี แต่ทำอย่างไรก็หนีการลุกล้ำของเขาไม่ได้ ไรหนวดครูดไปกับผิวขาวๆ จนเธอรู้สึกจั๊กจี้ ลมหายใจร้อนๆ รดรินที่ใบหู ขนกายพร้อมใจกันลุกซู่อย่างมิได้นัดหมาย
เสียงกระเส่าดังขึ้นชิดริมหู “เดี๋ยวก็ใช่”
“ไม่เอา ไม่อยากมีผัวพรรค์นี้”
“ทำไม”
“ไม่อยากมีผัวหน้าเหมือนวัว แต่ปากเหมือนหมา”
สารินยิ้มกริ่ม “แต่พี่อยากมีเมียปากหมา”
สายตาคมตวัดมองคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นความจริงที่เธอไม่เคยพิศวาสสาริน แต่การที่เขาลั่นวาจาว่าจะจีบเธอ ไม่ว่าจะจริงเท็จประการใด แต่นั่นมันแปลว่าเขาจะต้องทำดีกับเธอ ทำให้เธอเห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องคบหากับคนคนนี้ในฐานะคนรัก ในขณะที่เขากลับเอาแต่ด่าเธอ กระแหนะกระแหนไม่เคยหยุด ทุกครั้งที่พูดคะขาก็ใช่ว่าเจตนาดี สารินก็แค่กวนประสาท
“ก็ขอให้เจอผู้หญิงปากหมาเร็วๆ แล้วกัน กลัวพี่จะขึ้นคาน”
เขาสวนทันควัน “เจอแล้วครับ”
พิลลาสบถอยู่ในใจ ไม่ต้องเอ่ยปากถามก็รู้ สายตาของเขามันบอกแล้วว่า ‘ผู้หญิงปากหมา’ ที่ว่าคือใคร
“เหลือแค่รวบหัวรวบหางมาเป็นเมียนี่แหละ แค่นี้พี่ก็ไม่ขึ้นคานแล้ว”
หญิงสาวกัดฟันกรอด ชายหนุ่มฉีกยิ้มยิงฟัน
“จีบจะให้พี่รวบตอนไหนล่ะ”
“สวดมนต์เอาเหอะ บอกว่าไม่เอาผัวแบบนี้คือไม่เอาจริงๆ”
“เอาสักหน่อยน่า”
“ไม่”
“ลองก่อน ไม่ประทับใจค่อยว่ากันอีกที” สิ้นประโยค สารินก็หอมแก้มขาวผ่องไปฟอดใหญ่ พร้อมกับที่ฝ่ามือหนาคว้าเข้าที่มือบอบบาง เธอพยายามดึงมือออกจากคีมมนุษย์แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายมันก็ถูกจับให้เคลื่อนไปหยุดที่ความแข็งขืนกลางกาย โดยที่เขายกตัวเธอให้นั่งบนหน้าขาข้างเดียว เพื่อขจัดอุปสรรคในการสัมผัส ‘สิ่งนั้น’
พิลลาออกแรงชักมือกลับ แต่มือของสารินก็ยึดไว้แน่น ทั้งข้อมือ ทั้งเอวคอดกิ่ว โดนเขาจับไว้มั่นจนยากจะหลีกหนี
เขานำมือเธอไปลูบไล้ไปมาอย่างอยากนำเสนอสิ่งที่ตนภูมิใจ
“เสือน้อยมันอยากมีแม่ชื่อพุดจีบแล้ว”
“ปะ...ปล่อย ปล่อยจีบนะ!”
“ช่วยไอ้เสือกำพร้าแม่ตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ”
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ช่วยไอ้เสือกำพร้าแม่ตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ” ร่างระหงบนตักแกร่งอาศัยจังหวะนี้ในการพุ่งตัวไปหาชายหนุ่ม แตะริมฝีปากไปที่ปากหยักติดคล้ำ แล้วจึงผละออกมาก่อนที่สารินจะทันตั้งตัว นอกจากริมฝีปาก ร่างแน่งน้อยก็ผละออกจากตักแกร่งในเวลาถัดมา “สอง” เธอหอบหายใจราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน “สองครั้งแล้ว เหลืออีกแค่แปดครั้ง” นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังผู้พูด ยกมุมปากขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น “อ้อ เมื่อกี้เรียกจูบ?” “ก็ใช่ ของวันนี้ถือว่าเรียบร้อยแล้ว” “ไม่เอาน่า ใครมันจูบกันแบบนี้ เด็กน้อยมาก โคตรรับไม่ได้” “รับไม่ได้ก็เรื่องของพี่ จีบจะกลับบ้านแล้ว” “พุดจีบ” เสียงเข้มๆ เอ่ยเรียกชื่อของเธอ สีหน้าและแววตาไร้แววล้อเล่น ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ พิลลาจึงค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง “มานี่” “ไม่ จะกลับบ้าน” “มา” สารินยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมกับที่ก้าวเท้ามาทางนี้ “แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบ อย่ามาโกง” พิลลาไม่อยู่ฟัง รีบสับเท้าวิ่งออกจากบ้าน ก่อนตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วบิดสุดแรงเกิด เธอไม่เคยหมดท่าขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแพ้ย่อยยับจนม
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “อีนม” มือที่ตั้งท่าจะคว้าผ้าขนหนูเป็นอันชะงัก ก่อนหันกลับมาเลิกคิ้วใส่มัทรี “หล่อนได้กับพี่เสือใหญ่ยัง” ลมหายใจของพิลลาสะดุดกึก นัยน์ตาเบิกโต ภาพความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผุดมาอย่างกับมีใครไปตั้งโปรแกรมไว้ สัมผัสนั้นคล้ายว่ายังติดอยู่ที่มือ ทำให้พิลลาแข็งทื่อไปทั้งตัว กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เป็นนาที “ยัง ไม่ใช่ ใช่นั่นแหละ แต่หมายถึงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน จะได้กับเขาได้ไง” สองเสียงประสานกัน “เหรอ / เหรอ” “ใช่ ฉันเคยโกหกอะไรพวกหล่อนหรือ-” “เยอะแยะ” “แต่เรื่องนี้พูดจริง” พิลลายืนยันหนักแน่น หลังได้ผ้าขนหนูมาไว้ในมือ เธอก็โพล่งขึ้นเพื่อตัดบท “ไปอาบน้ำละ” บรรยากาศในร้าน PEEK A BEER เป็นอย่างที่เคยเป็น มีเสียงเพลงจากนักร้องที่เคล้าไปกับเบียร์เย็นๆ เหล้าที่แสนบาดคอ และกับแกล้มที่ขาดไม่ได้ ช่วงหัวค่ำมักเป็นเช่นนี้ แต่พอดึกเข้าหน่อย ผีเสื้อราตรีก็ออกโรง และพวกเธอสามคนไม่เคยแผ่ว “ใครพอจะทราบข่าวบ้างว่าช่วงนี้ยายฟายมันตีกับใคร” ประโยคนั้นเรียกสายตาของสองสาวต่างขั้วได้เป็นอย่างดี ‘ยายฟาย’ ของมัทรีคืออรอนงค์ เพราะเป็นคู่ปรับกันมานาน เห็นว่าชื่อฝ้าย เลยเปล
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ ก็นานแล้วที่พิลลาไม่ได้เลือดขึ้นหน้าถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็สามวันที่แล้ว จนกระทั่ง... “แปดพัน!?” “ครับ แปดพัน” ผู้เป็นพี่พยายามสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด แล้วค่อยๆ ผ่อนออกเพื่อทำสมาธิ หายใจเข้าพุทธ หายใจออก... “อยากตายเหรอ” เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่พลั้งมือฉีกร่างของ ‘น้องชายแท้ๆ’ ออกเป็นชิ้นๆ หลังจากเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีนำข่าวร้ายมาแจ้งให้ทราบ หากไม่มีโต๊ะคอมพิวเตอร์ขวางอยู่ หญิงสาววัยเบญจเพสคงได้กระชากคอเสื้อไอ้ลูกหลงของพ่อและแม่เพื่อระบายอารมณ์ไปแล้ว พิรภพเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเพื่อน้อมรับความผิด “เมื่อไรจะเลิกสร้างเรื่องให้ต้องเสียเงินเสียทอง ฮะ คิดว่าพ่อมึงเป็นสุลต่านหรือไง” ใบหน้าละอ่อนเงยขึ้นมาสบตากับพี่สาวหน้าเต้าหู้ยี้ “พ่อตายแล้ว อย่าพาดพิงพ่อเลยครับ” นิ้วถูกชี้ไปที่เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน “ระวังตัวไว้ให้ดี เดี๋ยวจะได้ไปอยู่กับพ่อ” “...ขอโทษครับ” เจ้าของร้านถ่ายเอกสารใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการสลัดโทสะทิ้ง เอ่ยถามเข้าประเด็น “เรื่องโทรศัพท์ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” “ครับ ซื้อเครื่องใหม่ให้เขาแล้ว” “ซ่อมไม่ได้?” “โธ่พี่ มันจมน้ำ” “ทำ
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ พิลลาจำเป็นต้องถอยทัพ เรไรมีความสำคัญกับครอบครัวมากก็จริง แต่บัญชีเธอร่อยหรอพอประมาณเมื่อจ่ายสารพัดค่าใช้จ่ายไป ไหนวันที่ยี่สิบยังต้องจ่ายค่าเช่าร้านถ่ายเอกสารอีก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีปัญหาผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ว่าอะไรก็จ่ายตรงวันตลอด เดือนนี้ก็ตั้งใจจะจ่ายให้ตรงวัน และต่อให้ยืมเงินในส่วนนี้มาไถ่ตัวเรไร มันก็ไม่พอ ในบัญชีเธอมีสองหมื่นต้นๆ หรือถึงมีพอสี่หมื่นแปดพัน เธอก็ทำใจจ่ายไม่ได้อยู่ดี สารินโกงกันชัดๆ เขาว่า ขายไปสามหมื่น ซื้อคืนสี่หมื่น แต่เธอต้องจ่ายส่วนที่พิรภพนำมาจำนำด้วย แปลว่านอกจากเงินทุนแปดพันของเขาจะอยู่ ยังได้กำไรอีกสามหมื่น ส่วนคนที่ซื้อไปก็รับเงินหมื่นไปนอนกก ในขณะที่เธอเข้าเนื้อเกือบห้าหมื่น ไอ้หน้าขนนี่แม่งไม่อยากตายดีจริงๆ สินะ ถึงได้ริอ่านโกงคนอย่างพิลลา “พี่จีบ พี่เสือเขาขายไปแล้วจริงๆ เหรอ” เธอปรายตามองน้องชายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ “อือ เห็นมันว่างั้น เลยแค่วันเดียวมันยังทำได้ลงคอ เลวจริงๆ” ด่าคนหน้าเลือดไม่พอ ยังพาดพิงน้องชายต่ออีกหน่อย “ก็ดูไว้นะว่าพี่ชายที่รักนักรักหนามันมีไรดีให้นับถือ จำบ้างว่ามันทำไรกับมึง พี่ที่ไหนกล้าเอาของสำคัญของน้อ
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ว่าไงนะ!?” “ครับ เขาบอกว่าอย่างพี่จีบจะไปช่วยอะไรผมได้” เธอมันฆ่าได้หยามไม่ได้เสียด้วย “พี่เสือบอกว่ายังไงก็ต้องจ่ายสดทีเดียว ช้ากว่านี้คนที่ซื้อไปก็คงเอาไปขายต่อ” ผู้เป็นยายได้ยินเช่นนั้นก็ใจไม่ดี “จีบ เอาทองยายไปจำนำเถอะลูก” ปฏิกิริยาตอบรับของพิลลายังคงไม่ต่างจากครั้งก่อน เธอยันปลายเท้าไปที่พื้นแล้วหยัดยืนเต็มความสูง แบมือเพื่อขอกุญแจรถมอเตอร์ไซค์จากน้องชาย ที่อีกฝ่ายก็ส่งมาให้แต่โดยดี กัลยาเอ่ยถามลูกสาวคนโต “พุดจีบ นั่นลูกจะไปไหน” “ไปถลกหนังเสือ” สิ้นประโยค ร่างแน่งน้อยก็ออกจากบ้านในเวลามืดค่ำ เพื่อที่จะไปคุยกับคนที่กล้าหยามเกียรติเธอให้รู้เรื่อง แล้วเขาจะได้รู้ว่าคนอย่างเธอทำอะไรได้ ไอ้ที่เห็นว่าหนีกลับบ้านนั่นเพราะกลับมาตั้งหลักเฉยๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว เวลากระโดดถีบจะได้มีแรงเยอะๆ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเธอก็พาตัวเองมาถึงที่หมาย ไฟถูกเปิดจนสว่างโร่ หน้าบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงรายนับสิบ ทั้งยังมีวัยรุ่นจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านหน้าอีกด้วย หนึ่งในกลุ่มจำได้ว่าเมื่อเย็นสาวหน้าหมวยมาที่นี่ไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาเอิ้นบอกอย่างหวังดี “พี่เสืออยู่ที่โต๊ะครับ” พิลลา
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “เอาจีบ” พิลลาสร่างเมาทันที รีบปรี่ไปที่ชายหนุ่มก่อนจะเสยหมัดเข้าที่ใบหน้าคมคายอย่างไม่ออมแรง “ไอ้เวรนี่!” สารินที่โดนจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวก็เซถลาไปเล็กน้อย เขาใช้มือยันไปที่ผนังเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงไปกองที่พื้น ก่อนจะค่อยๆ หยัดยืนอย่างมั่นคง มือหนาลูบไปที่แก้มสากป้อยๆ “แค่นี้ต้องต่อยกันเลยเหรอจีบ” “อยากทำมากกว่านี้อีก” เธอยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ใครใช้ให้มาพูดจาหมาๆ กับจีบก่อน” สารินยิ้มทั้งที่มีเลือดออกบริเวณมุมปาก “แล้วสนปะ” “อีกสักหมัดไหม” “นอนกับพี่ครั้งเดียว เรไรจะได้กลับไปอยู่ที่บ้านโดยที่จีบไม่ต้องเสียสักบาท” สาวหมวยแค่นหัวเราะ “เพราะเสียตัวแทนอะนะ” “อย่าพูดงั้น ไม่มีการเสียอะไรทั้งนั้น เราได้กัน พี่ได้จีบ จีบได้พี่ มีแต่ได้กับได้” “ทำไมถึงอยากได้” นัยน์ตาคมกริบจดจ้องไปที่ดวงหน้านวล โค้งริมฝีปากเล็กน้อย “ก็อยากได้” ในขณะที่เขาอยากได้เธอ เธอกลับอยากกระทืบเขา “ไม่เอา เสนออย่างอื่นมาแทน” เขาส่ายหน้า “อย่าเรื่องมาก ทำตัวให้มันสมกับที่พอใจมันนับถือหน่อย ผ่อนวันละเท่าไรก็ว่ามา” “ก็บอกว่าไม่ชอบเงินผ่อน” “แล้วพี่เอาเรไรไปขายทำไม” พิลลาเริ่มฉุนเมื่
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ให้เอาสิบครั้ง?” พิลลาถลึงตาใส่ “จูบสิบครั้ง!” เพราะเธอมั่นใจว่าหากต้องเจอเหตุการณ์พรากสติสัมปชัญญะแบบเมื่อครู่ถึงสิบครั้งสิบคราว ก็ใช่ว่าเธอจะรับมือได้อย่างสบายๆ “ไม่ เอาครั้งเดียวพี่จูบได้จนปากเปื่อย สิบครั้งมันจะไปพออะไร” สาวเจ้าลอบถอนลมหายใจ “จีบไม่ไหวหรอกค่ะ ไม่เคย” “คนเรามีครั้งแรกเสมอ” “อย่ามาปรัชญา มันไม่เหมาะกับคนเจ้าเล่ห์แบบพี่หรอก” เขาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ และเธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว ตอนนี้เธอหลับตาเห็นแต่เตียง อยากกลับไปนอนให้เต็มอิ่มหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน ฉะนั้นแล้วเธอจำเป็นต้องเด็ดขาดกับสาริน “จีบให้พี่จูบสิบครั้ง ถ้าพี่ไม่รับข้อเสนอ พี่จะไม่ได้อะไร และพี่ก็ต้องคืนเรไรด้วย เพราะพี่พูดแล้ว” เป็นไปได้ยากที่คนอย่างเขาจะเสียเปรียบ แม้ปากจะขยับเพื่อตอบว่า “โอเค” พิลลาหรี่ตาแคบ “ง่ายๆ งี้เลยอะนะ” “ก็กลัวไม่ได้อะไรไง” เธอไม่เชื่อลมปากของผู้ชายคนนี้ แต่ก็คร้านจะเซ้าซี้ “งั้นก็จูบเลย จะได้จบๆ” “สิบวัน” “คะ” “นับจากนี้จีบต้องมาที่บ้านพี่อีกสิบวัน พี่จะจูบวันละครั้ง” ระหว่างพูด เขาก็ส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของ “ไม่ต้องเดินอ้อมไปทางหลั
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ ในท้ายที่สุดก็ทนลูกตื้อไม่ไหว เดินนำเขาเข้าไปในบ้านที่สมาชิกทั้งสามยังปักหลักนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ทันทีที่เห็นว่าเธอไม่ได้กลับมาคนเดียว ความประหลาดใจก็ฉายชัดบนใบหน้าของคนทั้งสามวัย ทว่าก็ยังยกมือมารับไหว้คนมาใหม่ เธอเปรย “เขามาขอข้าวกิน” กัลยาหน้าเจื่อน “จีบลูก จะไปพูดแบบนั้นกับพี่เขาได้ไงล่ะ” พิลลาไม่สนใจจะแก้ความเข้าใจผิดอะไร เพราะในมุมมองของเธอ สารินมาขอข้าวที่บ้านเธอทานจริงๆ ขาเรียวก้าวตรงไปยังห้องครัว สารินก็ค้อมหัวให้ญาติผู้ใหญ่ของหญิงสาวอย่างมีมารยาท “ขอรบกวนสักมื้อนะครับ” พ่อหนุ่มคนนี้จะคืนเรไรให้กับลูกชาย มารดาและหญิงชรามีหรือที่จะไม่ต้อนรับ “ตามสบายเลยพ่อเสือ แต่กับข้าวหมดแล้ว บอกพุดจีบให้ทำให้นะ” “ครับน้ายา” เพราะเขาก็ตั้งใจมา ‘ชิม’ ฝีมือลูกสาวบ้านนี้อยู่พอดี เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งตัวไปหาคนที่ตนนับถือเป็นพี่ชาย “พี่ พรุ่งนี้ผมไปเอาเรไรนะ” “เออ เย็นๆ อะ มาได้เลย” สารินก้าวเดินเข้าไปทางห้องครัว แต่พิรภพก็ยังเดินตามมาติดๆ “แล้วสรุปต้องจ่ายเท่าไรอะครับ” “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ประโยคนั้นของสารินเรียกสายตาแม่ครั้วจำเป็นให้หันไปมอง “ผู้ใหญ่เขา
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “อีนม” มือที่ตั้งท่าจะคว้าผ้าขนหนูเป็นอันชะงัก ก่อนหันกลับมาเลิกคิ้วใส่มัทรี “หล่อนได้กับพี่เสือใหญ่ยัง” ลมหายใจของพิลลาสะดุดกึก นัยน์ตาเบิกโต ภาพความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผุดมาอย่างกับมีใครไปตั้งโปรแกรมไว้ สัมผัสนั้นคล้ายว่ายังติดอยู่ที่มือ ทำให้พิลลาแข็งทื่อไปทั้งตัว กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็เป็นนาที “ยัง ไม่ใช่ ใช่นั่นแหละ แต่หมายถึงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน จะได้กับเขาได้ไง” สองเสียงประสานกัน “เหรอ / เหรอ” “ใช่ ฉันเคยโกหกอะไรพวกหล่อนหรือ-” “เยอะแยะ” “แต่เรื่องนี้พูดจริง” พิลลายืนยันหนักแน่น หลังได้ผ้าขนหนูมาไว้ในมือ เธอก็โพล่งขึ้นเพื่อตัดบท “ไปอาบน้ำละ” บรรยากาศในร้าน PEEK A BEER เป็นอย่างที่เคยเป็น มีเสียงเพลงจากนักร้องที่เคล้าไปกับเบียร์เย็นๆ เหล้าที่แสนบาดคอ และกับแกล้มที่ขาดไม่ได้ ช่วงหัวค่ำมักเป็นเช่นนี้ แต่พอดึกเข้าหน่อย ผีเสื้อราตรีก็ออกโรง และพวกเธอสามคนไม่เคยแผ่ว “ใครพอจะทราบข่าวบ้างว่าช่วงนี้ยายฟายมันตีกับใคร” ประโยคนั้นเรียกสายตาของสองสาวต่างขั้วได้เป็นอย่างดี ‘ยายฟาย’ ของมัทรีคืออรอนงค์ เพราะเป็นคู่ปรับกันมานาน เห็นว่าชื่อฝ้าย เลยเปล
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ช่วยไอ้เสือกำพร้าแม่ตัวนี้หน่อยได้ไหมครับ” ร่างระหงบนตักแกร่งอาศัยจังหวะนี้ในการพุ่งตัวไปหาชายหนุ่ม แตะริมฝีปากไปที่ปากหยักติดคล้ำ แล้วจึงผละออกมาก่อนที่สารินจะทันตั้งตัว นอกจากริมฝีปาก ร่างแน่งน้อยก็ผละออกจากตักแกร่งในเวลาถัดมา “สอง” เธอหอบหายใจราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน “สองครั้งแล้ว เหลืออีกแค่แปดครั้ง” นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังผู้พูด ยกมุมปากขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม เสียงแค่นหัวเราะดังขึ้น “อ้อ เมื่อกี้เรียกจูบ?” “ก็ใช่ ของวันนี้ถือว่าเรียบร้อยแล้ว” “ไม่เอาน่า ใครมันจูบกันแบบนี้ เด็กน้อยมาก โคตรรับไม่ได้” “รับไม่ได้ก็เรื่องของพี่ จีบจะกลับบ้านแล้ว” “พุดจีบ” เสียงเข้มๆ เอ่ยเรียกชื่อของเธอ สีหน้าและแววตาไร้แววล้อเล่น ทำให้เธอคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้ พิลลาจึงค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่าง “มานี่” “ไม่ จะกลับบ้าน” “มา” สารินยันกายลุกขึ้นยืน พร้อมกับที่ก้าวเท้ามาทางนี้ “แบบนี้มันไม่เรียกว่าจูบ อย่ามาโกง” พิลลาไม่อยู่ฟัง รีบสับเท้าวิ่งออกจากบ้าน ก่อนตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วบิดสุดแรงเกิด เธอไม่เคยหมดท่าขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกแพ้ย่อยยับจนม
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ บ้านทั้งหลังมืดสนิท พิลลาจึงเปิดไฟจนพอมีแสงสว่าง คงจะเป็นอย่างที่เด็กวัยรุ่นหน้าบ้านบอก สารินอยู่หลังบ้าน และเธอก็ไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วย หากต้องเดินออกไปเรียกอย่างไรก็คงต้องเจอกับคนที่อยู่ด้านหลัง จึงหวังว่าความเปลี่ยนไปในบ้านจะเรียกสายตาของเขาได้ ไฟในบ้านเปิดเอง เจ้าของบ้านจะไม่สงสัยแล้วเข้ามาดูหน่อยหรือ แต่ผ่านมาห้านาทีเห็นจะได้ ก็ไม่มีใครเดินเข้ามาด้านใน และวันนี้เธอก็ไม่ได้ว่างมารอเขานานๆ ด้วย เพราะอยากกลับให้ถึงบ้านก่อนที่สองสาวจะมาถึง ไม่อย่างนั้นต้องปั้นน้ำเป็นตัวอีกเช่นเคย พิลลาเดินไปที่ประตู แนบหูไปกับบานไม้เพื่อฟังความเคลื่อนไหวรอบนอก ที่ก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกวัยรุ่นที่มารวมตัวกัน บางครั้งก็มีเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังเข้าโสตประสาท ร่างระหงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยื่นมือไปแตะที่ลูกบิดแล้วออกแรงหมุนช้าๆ จนมันถูกเปิดในที่สุด ไม่รู้ว่ากี่สายตากันแน่ที่มองมา แต่เธอตวัดตาไปมองเพียงสารินคนเดียว อย่างน้อยการมองแค่เขาก็ลดความอายลงไปได้มากโข “มีธุระจะคุยด้วยค่ะ” ว่าจบก็ปิดประตูลงทันที ก่อนสับเท้าเดินไปนั่งที่โซฟาทั้งใบหน้าบึ้งตึง เธอโกรธตัวเองที่เลือก
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ Pudjeeb Philla: พี่ลืมของไว้ที่ร้าน เธอกำลังจะถ่ายรูปกระเป๋าสตางค์ส่งไปให้ หลังเปิดดูแล้วพบสารพัดบัตร รวมถึงบัตรประชาชนที่มีหน้าเขาแปะหราไว้ พร้อมกับชื่อ ‘สาริน อัศวกมล’ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลัลนารีบต่อสายหามัทรีอย่างเร่งด่วน ทว่าข้อความของเขาก็ถูกส่งเข้ามาเสียก่อน Sarin Asawakamol: หัวใจ?? จากตั้งใจจะถ่ายรูป เธอก็เปลี่ยนมาโต้ตอบกับเขาแทน เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากหยุมหัวคน Pudjeeb Philla: ใช่จ้า กำลังจะเอาไปต้มให้หมากิน Sarin Asawakamol: หมาในปากหรือเปล่าครับ Sarin Asawakamol: เลี้ยงดีจังเลยนะ ถึงว่า ขยันทำงานเหลือเกิน Pudjeeb Philla: อ๋อค่ะ คนที่จีบเพิ่งยกพวกไปรุมกระทืบก็พูดแบบนี้แหละ Sarin Asawakamol: อยากโดนจังSarin Asawakamol: โคตรอยาก เธอด่าเขาในใจ แต่ไม่พิมพ์ด่าให้เรื่องยืดยาว เลือกที่จะตัดบทด้วยการส่งรูปกระเป๋าสตางค์ไปให้ Pudjeeb Philla: จะให้เอาไปให้หรือจะมาเอาเอง Pudjeeb Philla: ร้านปิดห้าโมง ถ้ามาก็อย่าเกินนี้ แต่ถ้ารอจีบเอาไปให้ก็ค่ำๆ Pudjeeb Philla: แต่ของพี่นั่นแหละ มีบัตรประชาชน ส่วนเงินไม่ได้นับ แต่ไม่ได้ยุ่งอะไร ถ้าหายก็ไม่เกี่ยวกับจีบ
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ สารินกลับไปแล้ว หลังจากนั่งๆ นอนๆ อยู่หลังโต๊ะทำงานของเธออยู่หลายชั่วโมง ที่จริงเขายังไม่คิดจะกลับ ถ้าไม่ติดที่เธอไล่ตะเพิดเพราะลัลนากำลังจะมาที่ร้าน เพื่อนสนิทเดินมาทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ “คืนนี้ออกไหม” “ถ้าหล่อนกับเมลฟี่ไป ฉันก็ไป” “เป็นไร” พิลลาหันไปมุ่นคิ้วใส่เพื่อน “เห็นทำหน้าเซ็งๆ” เป็นอย่างที่ลัลนาว่า เธอเซ็งมากๆ ที่คนอย่างสารินเข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิต ยิ่งเขาพยายามล้ำเส้นที่ตกลงกันไว้ ไม่ยอมให้มันหยุดที่การจูบ แต่คิดจะจีบ เธอก็เกิดอาการอึดอัดคับแน่นในใจ ครั้นจะให้จ่ายเงินก็มีไม่พอ กว่าจะได้แต่ละบาทนั้นไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งต้องจำนำข้าวของสำคัญหรือเลือกหยิบยืมเพื่อนสนิท เธอทำไม่ได้ เนื้อนมไข่คบกันได้นานเพราะไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง ไม่มีใครเคยยืมเงินกันให้ต้องผิดใจ ไม่ร่วมธุรกิจกันในหมู่เพื่อน ทานข้าวก็หารเท่า ดื่มเหล้าไม่เคยเอาเปรียบ มาครั้งนี้เธอก็ไม่มีความกล้ามากพอจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แม้จะรู้ว่าเพื่อนต้องช่วย แต่มันจะเป็นปมในใจว่าครั้งหนึ่งเธอเคยหยิบยืมเงินคนสนิท แค่ยอมให้ไอ้หน้าวัวจูบไม่กี่ครั้ง เปลืองตัวแค่นี้ สบาย ก็ถ้ามันทำแค่นั้น เธอค
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ ‘ป๋า’ เดินออกไปจากร้าน ควบมอเตอร์ไซค์ไปทางร้านน้ำ พิลลามองจนลับสายตาก่อนส่ายหัวน้อยๆ ป๋าอะไรกัน คนที่ขายนกทอดตลาดทั้งๆ ที่เพิ่งเลยกำหนดมาวันเดียวน่ะ หรือจะขอผ่อนก็แสนจะเรื่องมาก สารินมันเค็มยิ่งกว่าน้ำทะเลเสียอีก ช่วงเที่ยงๆ แบบนี้ ร้านน้ำของปาริฉัตรมีลูกค้าหนาตาทีเดียว หนึ่งในนั้นคืออรอนงค์ บ้านของอรอนงค์ประกอบกิจการซัก อบ รีด ตั้งแต่เขาย้ายมาดูแลตาที่นี่ ก็ได้บ้านนี้ในการจัดการส่วนของเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่ต้องลำบากซักตากเองให้เหนื่อย หลังจากตาถึงแก่กรรม เขาก็ไม่คิดจะย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ เพราะหลงรักกำแพงแสนเสียแล้ว นอกจากส่งเสื้อผ้าซักกับบ้านของอรอนงค์ สาวเจ้ายังอาสาเข้ามาดูแลความสะอาดของบ้านทุกสัปดาห์อีกด้วย เขามีหน้าที่จ่าย และก็ยินดีจ่าย เพราะเธอทำมันได้ดีไร้ที่ติ “ไปไงมาไงเนี่ยพี่เสือใหญ่” สารินระบายยิ้มให้แม่ค้าร้านน้ำ “มาซื้อน้ำน่ะ” “แหม อยากลัดคิวให้สุดหล่อจริงๆ แต่เดี๋ยวโดนคนอื่นเขม่นเอา เพราะงั้นนั่งรอก่อนนะ” เขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดียวกับอรอนงค์และกีรติ ซึ่งเป็นสองสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี “มาซื้อน้ำเหรอพี่” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “ขอปราบม้าพยศสักทีเหอะ จะควบให้ครางเป็นแต่ ‘พี่เสือใหญ่’ เลย” ทว่าสิ่งที่ออกจากปากของพิลลาคือ “ไอ้หน้าวัว อยากโดนกระทืบจริงๆ ใช่ไหม” การเรียกสารินว่าพี่ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงของพิลลา ที่ผ่านมาถึงจะไม่รู้สึกเคารพนับถือ เธอก็เรียกเขาว่า ‘พี่เสือใหญ่’ มาตลอด เพียงแต่วันนี้สถานการณ์มันต่างกันออกไป มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี! สารินทำเหมือนเธอเป็นพวกอ่อนปวกเปียกที่จะต้องยอมเขาไปเสียทุกอย่าง เขาทำเหมือนสามารถควบคุมเธอได้ ทั้งๆ ที่เรื่องระหว่างเธอและเขามันก็แค่จูบให้จบๆ ไปเท่านั้น อย่างวันนี้ที่เธอก็มาหาตามข้อตกลง ใช่ว่าจะเบี้ยวหรืออะไร และเธอก็ยอมให้เขาจูบไปแล้ว แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมานอนให้เขาไซ้คออย่างตอนนี้ด้วย ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ “หน้าวัว?” พิลลาเงียบ รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่ฝ่ามือ ผลักอกสารินออกจนสุดแรง ซึ่งร่างกำยำก็เซถลาเล็กน้อย หญิงสาวอาศัยจังหวะนั้นในการถดตัวหนี ก่อนรีบเบี่ยงตัวลงจากเตียง ซึ่งเจ้าของห้องก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด เพียงแค่มอง ปล่อยให้เธอยืนหอบหายใจอยู่ข้างๆ “พี่ทำผิดข้อตกลง” “หน้าวัวคืออะไร” “จีบแค่ยอมให้พี่จูบ พี่
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ “หนูพุดจีบของพี่เสี้ยนมาก” พิลลาหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ ยกมือไปผลักอกแกร่งจนร่างกำยำผละห่างจากกาย สาดสายตาเอาเรื่องใส่เจ้าของบ้านอย่างไม่คิดปิดบัง “เพราะจีบจะรีบกลับบ้านต่างหาก พี่นั่นแหละที่ลีลาจนจีบเสียเวลา ทั้งอาบน้ำนาน” เขาสวน “ผมก็รักสะอาดพอตัว” เธอไม่สนใจจะฟัง “แต่งตัวก็นาน” “สำอางนิดหนึ่ง” หนนี้คนโกรธหลุดหัวเราะ ก่อนจะรีบปั้นหน้าตึง พูดมาได้ไม่อายปากเลยหนอไอ้หน้าวัว เสื้อกล้ามคอย้วยเข้าคู่กับกางเกงบอลเก่าๆ อายุสามพันปี ผมเผ้าก็ไม่คิดจะหวี หน้านี่แค่ดูก็รู้ว่าไม่มีครีมบำรุงเจืออยู่เลยสักนิด คนอย่างเขาเอาความกล้าที่ไหนมาบอกว่าตัวเองเป็นหนุ่มสำอางกัน “ฝนหยุดแล้ว ถ้าเสร็จธุระจีบก็กลับบ้านได้” “ตามนั้น” เขานิ่ง เธอก็นิ่ง หญิงสาวทอดถอนลมหายใจทิ้ง “ก็ทำเร็วๆ จะได้กลับ” “ของแบบนี้มาเร่งกันมันก็พูดยาก” ลำพังตกเป็นรองก็น่าหงุดหงิดมากอยู่แล้ว ไหนยังเป็นรองคนพรรค์นี้อีก อย่างกับสวรรค์ต้องการทดสอบความอดทนกันอย่างนั้นแล ขีดความอดทนของเธอน่ะ อายุสั้นกว่าชีวิตลูกน้ำยุงลายเสียอีก “โอเค ไม่ต้องจูบ สี่หมื่นแปดใช่ปะ” จบคำของพิลลา สารินก็คว้าเข้าไปที่เอวคอดกิ่ว ออกแรงกร
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆ เป็นไปไม่ได้หรอกที่สารินจะไม่หาเรื่องกวนประสาทเธอ อย่างน้อยๆ ก็ปล่อยให้เธอรอมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ฝนยังไม่หยุด ซาบ้าง ตกหนักบ้าง สลับกันไป แต่ไม่ขาดเม็ดฝนสักที เพราะเธอรู้ว่าคนอย่างสารินมีความกล้าหาญมากพอที่จะทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ หากเธอหนีกลับก่อน เขาคงตามไปทวงสัญญาถึงบ้าน และเธอก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น จึงได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนโซฟา จะเปิดโทรทัศน์ก็เกรงว่าฟ้าจะผ่า โทรศัพท์ก็มีแต่ข้อความของสองสาวที่เหนื่อยจะอ่าน แต่ก็มีข้อความของน้องชายถูกส่งมาด้วย พิรภพเห็นว่าฝนตกแต่เธอยังไม่กลับเข้าบ้าน ซ้ำยังไม่ได้พาพิลลี่ไปด้วย จึงเกิดอาการเป็นห่วงพี่สาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก็ถ้าไม่ใช่เพราะแกไปสร้างเรื่อง พี่อย่างฉันจะได้พบเจอกับวิบากกรรมแบบนี้ไหม พิลลาปดไปคำโตว่าติดฝนอยู่ที่ร้านของมัทรี และจะกลับตอนฝนหยุด คนทางบ้านจึงคลายกังวล สองขาถูกยกขึ้นมาบนโซฟา แผ่นหลังแนบไประนาบเดียวกัน ศีรษะถูกวางลงบนที่พักแขนเพื่อใช้เป็นหมอน เบนสายตาไปทางหลังบ้าน แต่ก็ไม่เห็นชายร่างสูงเดินเข้ามาอยู่ในครรลองสายตาสักที พอๆ กับที่เสียงน้ำจากฝักบัวยังไหลให้แขกอย่างเธอได้ยินไม่ขาดสาย ไอ้เสือกวนป