"พวกมึงก็ออกไปรอข้างนอกด้วย" พอคนของพ่อออกไปแล้วเขาก็เลยหันไปสั่งเพื่อนของเขาบ้าง"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา ทำเป็นมีลับลมคมในไปได้" ตอนนี้ในห้องมีแค่เขากับพ่อเพียงสองคน"พ่อจำได้ไหมครับว่าบริษัทนี้เป็นชื่อใคร"จากที่ไม่สนใจว่าลูกชายจะพูดอะไร สำราญถึงกับวางของที่อยู่ในมือลง แล้วมองไปที่ลูกชายแบบเต็มตา"แกไม่ต้องมาขู่พ่อ""ผมไม่ได้ขู่ ผมแค่ขอให้พ่อปล่อยครอบครัวของเธอไป""หึ.. แต่ก่อนเป็นแกไม่ใช่เหรอที่อยากจะเล่นงานคนพวกนั้น"เหนือตะวันถึงกับหยุดชะงัก ใช่แล้วแต่ก่อนเป็นเขา ..ที่หนีเตลิดออกจากบ้านไปก็เพราะเรื่องนี้ แต่ทำไมถึงเป็นเขาอีก ที่กำลังดิ้นรนช่วยเธออยู่"พ่อไม่ต้องมาย้อนผม" ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ฆ่าได้หยามไม่ได้ ยิ่งพ่อจับจุดได้แบบนี้ เขาต้องรีบกลบเกลื่อน"ถึงแกจะพูดยังไง พ่อก็ต้องเอามันคืนอยู่แล้ว..ออกไป" สำราญยังคงโมโห ถึงแม้ว่าลูกสาวของพวกเขาจะตกเป็นเมียลูกชายไปแล้ว แต่ยังไงก็จะเล่นงานครอบครัวนั้นให้ได้อยู่ดี"พ่อ..""และแกไม่ต้องมาขู่พ่อนะ ถ้าแกอยากจะไปอยู่ที่บ้านนอกคอกนาแบบนั้นก็ไปเลย" สำราญรู้ดีว่าลูกจะเอาเรื่องพวกนี้มาข่มขู่เพื่อให้ล้มเลิกความตั้งใจเดิม"ใครบอกว่าผมจะขู่พ่อล
ทีแรกคิดว่าจะคุยเล่นกับเพื่อนไปก่อน รอให้เพื่อนง่วงนอนค่อยเข้ามา เดี๋ยวพวกมันจะหาว่าเอะอะอยากจะเข้าห้องหาแต่เมียแต่เธอกลับเป็นคนมาเรียกเข้าห้องเอง ..ก็รู้แหละว่าที่เธอเรียกเพราะเหตุใดคนร่างบางหย่อนกายลงนั่งบนเตียงแบบประหม่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ..เธอก็เลยเอนกายลงนอน พอหัวถึงหมอนเท่านั้นแหละคนที่นอนหันหลังให้ก็รีบหันมาขึ้นคร่อมร่างของเธอไว้ทันที"นาย! อืมมม" หญิงสาวยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเขาประกบปากจูบชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าต้องการตัวเธอมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ถึงแม้ว่าเธอจะต่อต้านแต่ก็สู้แรงดันของลิ้นนั้นไม่ไหว"อืมม" เขาจูบแบบดูดดื่มอยู่แบบนั้นนานจนรู้สึกว่าสมควรที่จะทำอย่างอื่นต่อได้แล้ว ถึงถอนริมฝีปากหนาออก เพื่อซุกไซร้ซอกคอระหง สองมือบีบเคล้นสองเต้าไม่ยอมวางอยู่ที่ซอกคอได้เพียงไม่นานเขาก็ขยับริมฝีปากต่ำลงมาที่เนินหน้าอก"ปล่อย" หญิงสาวไม่ดิ้นรน ไม่ต่อสู้ แต่เธอขอให้เขาปล่อย"ทำไม" ชายหนุ่มละใบหน้าจากหน้าอกอวบอิ่มนั้น แล้วเงยขึ้นมามองสบตา"คนผิดคำสัญญา ไหนคุณบอกว่าจะช่วยพ่อฉันไง" ดวงตากลมโตเริ่มถูกบดบังด้วยม่านน้ำตาที่คลอออกมา"แล้วรู้ได้ยัง
เช้าวันต่อมา.."นาย..นาย.. ตื่นได้แล้ว"คนร่างหนางัวเงียหรี่ตาขึ้นมาดูนิดหนึ่งแล้วก็หลับต่อ"เช้าแล้วนะ..ไหนนายบอกว่าจะเข้าบริษัทไง""อืม.. ขอนอนต่ออีกนิดเดียว""นิดเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวมันสายรถจะติด""อะไรของเธอนักหนา..แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน" พอลุกขึ้นมาได้ก็เห็นว่าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมที่จะออกไปข้างนอกเรียบร้อยแล้ว"ก็เมื่อคืนนี้นายบอกว่าจะให้ฉันเข้าบริษัทด้วยไม่ใช่เหรอ""ใครพูด?" คิดไปคิดมา..ตัวเองเป็นคนพูดเอง ..ตอนนั้นก็มันอยากได้นี่หว่าก็เลยเผลอปากพูดไป"แต่นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ" มองไปดูนาฬิกายังไม่หกโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ"ก็บอกแล้วไงกลัวรถติด" คนร่างบางใช้แรงที่มีอันน้อยนิดกระชากตัวเขาให้ลุกจากที่นอน"โอ๊ย" แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียกับความเจ็บปวดที่มันยังหลงเหลืออยู่ทำให้คนร่างเล็กเสียหลักล้มลงไปทับร่างของเขา"หึ..หาเรื่อง" ทั้งสองมองประสานสายตาแป๊บหนึ่ง จากที่ยังง่วงนอนและอ่อนเพลีย แต่ตอนนี้เธอทำให้เขาตื่นตัวเต็มที่ ไม่ได้ตื่นแค่ตัว...ไอ้นั่นก็ตื่นด้วยมิลานรีบลุกขึ้นเพราะเธอสัมผัสถึงพลังงานอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ทัน"ปล่อยนะ!""เธอหาเรื่องเองทำไมล่ะ" คนร่างหนาตะครุบตัวเธอไว้แล้วก็
"พ่ออยู่บ้านไหมครับ" เหนือตะวันเลือกที่จะนั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน เพราะอยากมาเจอหน้าแม่ด้วย"เข้ามายังไม่ได้นั่งเลยก็ออกไปอีกแล้ว""แม่เป็นอะไรครับทำไมดูสีหน้าไม่ดีเลย" พอเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่แบบไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปโอบกอดเพื่อปลอบใจ"คืนนี้ลูกจะมานอนค้างที่บ้านเราใช่ไหม""คืนนี้เหรอครับ?""ลูกอยู่เป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ""แม่อย่าร้องไห้นะครับเดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนเอง" พอเห็นน้ำตาของแม่ เขาก็ตอบตกลงไปในทีนทีเวลาผ่านไป"อะไรนะครับ" เหนือตะวันเห็นแม่ทานยาตัวหนึ่งแล้วหลับไป ก็เลยถามแม่บ้านดูว่ามันคือยาอะไร พอได้ยินแม่บ้านตอบออกมาเขาถึงกับตกใจเพราะแม่บ้านตอบว่ามันคือยาระงับประสาท เขาไม่รู้เลยว่าแม่ต้องได้กินยาอะไรพวกนี้"ท่านกินมาสักระยะหนึ่งแล้วค่ะ""แล้วคุณพ่อรู้เรื่องนี้ไหม""ท่านจะไปรู้อะไรล่ะคะ กลับมาทีก็ได้ยินแต่เสียงทะเลาะกัน""ขอบคุณมากนะครับป้าที่ดูแลแม่แทนผม""ใครก็ดูแลได้ไม่ดีเท่ากับลูกหรอกค่ะ คุณหนูกลับมาอยู่บ้านกับคุณแม่นะคะ""คือว่าผม..""คุณหนูอย่าลืมนะคะว่า คุณหนูมีแม่เพียงแค่คนเดียว ถ้าไม่ดูแลท่านตอนนี้แล้วจะดูแลท่านตอนไหน" ที่ป้ากล้าสั่งสอนเพราะป้าก็คือคนที่เล
"หยุดนะ!!" ในขณะที่เหนือตะวันกำลังประคองแม่จะกลับเข้าบ้านอยู่นั้น ชายหนุ่มหันกลับมาก็เห็นภาพที่ผู้หญิงอีกคนกำลังจะตบหน้าเธอ แต่มือของแม่เหนี่ยวรั้งลูกชายไว้ไม่ยอมปล่อย ..จะให้สะบัดแม่แล้ววิ่งไปช่วยเธอเขาก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวว่าแม่จะล้มเพี๊ยะ!! ใบหน้างามไม่ยอมหันไปตามแรงกระแทก สายตาเธอยังจ้องมองมาที่เขา เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าเขาคงจะเลือกแม่ โดยทิ้งครอบครัวของเธอไป แต่เธอขอใช้ความน่าสงสารนี้ขอร้องให้เขากลับมาช่วยใหม่อีกครั้ง"เธอมีสิทธิ์อะไรไปตบหน้าคนอื่น" ชายหนุ่มพยายามแกะมือของแม่ออก ถึงแม้ว่าท่านจะเกาะแน่นมาก พอเป็นอิสระเขาก็รีบตรงเข้าไปกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำร้ายเธออีกส่วนประไพก็ไม่ยอมแพ้รีบเดินตามหลังลูกชายเข้ามา"สิทธิ์ที่เป็นคู่หมั้นของลูกไง" นางเป็นคนเอ่ยพูดขึ้นมาเอง เพราะตอนนี้จะทำยังไงก็ได้ให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตของครอบครัวนางก่อน"แม่พูดอะไร" ในขณะที่เขาหันกลับไปหาผู้เป็นแม่ มือของวุ้นเส้นรีบคว้าต้นแขนเขาเข้ามาแนบไว้กับลำตัว เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ"..ฉันขอโทษค่ะที่มารบกวน" ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เธอลืมแม้ทุกอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ จะให้หน้าด้านขอร้องเขาต่อก
"แม่รออะไรอยู่ล่ะ ไปเก็บของสิ" ภูธรหันไปพูดกับภรรยารักในขณะที่โอบกอดลูกสาวอยู่"อะไรนะพ่อ" ดุจดาวคิดว่าตัวเองฟังผิด"ไม่ได้ยินที่ลูกชวนเหรอ" พอเห็นสภาพของลูกสาวแล้ว มันสามารถดึงความเป็นคนในตัวของผู้เป็นพ่อกลับมาได้ ลูกสาวตัวเล็กๆ แค่นี้ ยังสามารถทำเพื่อพ่อที่แก่แต่ไม่มีความคิดแบบเขาได้ ทำไมเขาถึงจะทำเพื่อลูกบ้างไม่ได้"คุณพ่อยอมไปกับลูกแล้วใช่ไหมคะ""ก็เราไม่เหลืออะไรแล้วนี่ หนูเลี้ยงตาแก่กับยายแก่แบบพ่อกับแม่ได้ไหมล่ะ" ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับซับน้ำตาออกจากใบหน้าให้ลูกสาว"ได้สิคะ เราจะไปอยู่ด้วยกัน" ในความโชคร้ายอาจจะเป็นโชคดีของเธอก็ได้ ที่ได้เห็นตัวตนของพ่ออีกครั้งตั้งแต่ความโลภเข้ามาบังตา พ่อก็รีบกอบโกยเอาจนไม่เห็นหัวคนในครอบครัวเลย ทำได้แม้กระทั่งพาลูกสาวไปเสนอให้กับเสี่ยรวยๆ เพื่อทรัพย์สมบัติมหาศาลพวกนี้แต่ครั้งนี้เธอสัมผัสได้ถึงพ่อคนเดิม คนที่ปลอบใจเวลาเธอหกล้ม เวลาถูกเพื่อนแกล้งมาจากโรงเรียน ก็ได้อ้อมกอดอันอบอุ่นของพ่อและแม่คอยปลอบ ..มิลานยอมรับว่าโหยหาอ้อมกอดนี้มาก จนเธอคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอมันอีกแล้วทั้งสามเก็บข้าวของเครื่องใช้ โชคดีเธอยังมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่ง เพราะเธ
"หยุดเดี๋ยวนี้นะตะวัน นั่นลูกจะไปไหน!" ใบหน้าที่ยิ้มแก้มปริ่มแทบจะแตกของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นลูกชายเดินตรงไปที่ประตูทางออกทำไมเขาถึงจะไม่ได้ยินเสียงแม่เรียก แต่เขาเลือกที่จะไม่หยุด เพราะเขาไม่ได้เต็มใจที่จะให้เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้น รักแม่ก็รัก แต่ไม่คิดว่าท่านจะข้ามเส้นความเป็นแม่แบบนี้ เพราะนี่มันคือชีวิตทั้งชีวิตของเขา ถึงแม้เป็นแม่เขาก็ไม่คิดจะให้มาก้าวก่ายชายหนุ่มตรงออกมาที่ลานจอดรถ.."คุณรีบตามลูกไปสิคะ หรือไม่ก็โทรหยุดลูกไว้ ให้ลูกกลับมาแต่งงานให้เสร็จก่อน" พอประไพตามลูกชายไปไม่ทันก็รีบกลับมาหาผู้เป็นสามีแต่พอกลับมาก็เห็นสามีนั่งจิบไวน์เหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย"นี่คุณ! ฉันพูดอะไรคุณไม่ได้ยินเลยหรือไง! ถ้าลูกไปแบบนั้นแล้ว ใครจะเป็นเจ้าบ่าวล่ะ!!" นางเริ่มโมโหแต่ก็ไม่กล้าใช้เสียงแรง เพราะหน้าตาทางสังคมมันค้ำคออยู่"จะไปยากอะไรถ้าไม่มีเจ้าบ่าวเดี๋ยวผมเป็นให้" รัฐมนตรีสำราญพูดออกมาเหมือนไม่สะทกสะท้าน พอพูดเสร็จก็หยิบไวน์ขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดแก้ว"ทำไมคุณพูดแบบนี้ คุณคิดจะขายหน้าฉันในงานนี้อีกแล้วใช่ไหม!""อย่าลืมทำตามที่ตกลงกันไว้แล้วกัน" สำราญเหมือน
วันและเวลาเดียวกันนั้น มิลานเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป้ากับลุงฟัง เธอเล่าไปจนถึง เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด และเขาก็มีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงาน ..ลุงกับป้าได้ยินแบบนั้น ก็เริ่มเศร้าในหัวใจ แต่มิลานก็แสดงออกมาให้เห็นว่าเธอไม่มีใจกับเหนือตะวันเลยแต่ที่เธอมาที่นี่เพราะผูกพันกับป้าและลุง รวมทั้งพ่อกับแม่ถูกฟ้องล้มละลายไม่มีที่จะไป และเธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่บ้านของป้าและลุงหลังนี้ได้"ยังมีบ้านว่างอีกหลังที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ เพราะย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัด ฝากป้ากับลุงดูแลให้ หนูไปอยู่หลังนั้นไหม" ป้าวรรณีไม่อยากให้มิลานหอบครอบครัวเตลิดหนีไปที่อื่น ครั้นจะให้อยู่บ้านหลังนี้ เธอก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่อยากจะอยู่ที่ไม่อยากจะอยู่ เพราะเกรงใจ แต่อีกส่วนหนึ่ง ภาพของเขามันยังหลอกหลอนเธอ..เมื่อคืนนี้กว่าจะหลับได้ อย่าเรียกว่าหลับเลยดีกว่า คิดถึงเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาทีไรน้ำตาก็ไหล โชคดีพรสวรรค์สิ่งที่เธอมีคือร้องไห้แบบไม่มีเสียง ถ้าไม่งั้นพ่อกับแม่คงได้ยินและไม่สบายใจไปด้วย"จริงเหรอคะ..คุณป้าลองติดต่อไปหาเจ้าของบ้านดูนะ หนูยังพอมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งเผื่อว่าจะพอซื้อบ้านหลั
สามเดือนผ่านไปตอนนี้ท้องของมิลานก็เริ่มโตขึ้นจนโผล่พ้นออกมาให้เห็นมากแล้ว"ทำไมกลับบ้านเร็วล่ะคะ" หลายวันมานี้สามีกลับบ้านก่อนเวลาตลอด"ว่าจะไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ""ทำไมล่ะ""ก็เป็นห่วงคุณไง ดูสิจะเดินจะนั่งก็ดูลำบากไปหมด" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประคองภรรยาค่อยๆ นั่งลงที่โซฟา"ฉันอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงเลยค่ะ"ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ผู้เป็นสามีก็อดห่วงไม่ได้ เพราะอยากจะดูแลเธอเอง มือหนาลูบไล้หน้าท้องของภรรยาซึ่งตอนนี้เด็กดื้อที่อยู่ในนั้นกำลังดิ้นแรงมาก"เหลืออีกตั้งสี่เดือนกว่า ลูกถึงจะคลอด ถ้าไม่ไปทำงานใครจะดูงานให้ล่ะคะ""ก็ให้ท่านรองประธานดูไปสิ""คุณเสกสรรนะเหรอ""ไอ้เสกมันทำงานเก่งไม่เป็นแบบที่คุณคิดหรอกนะ" ใครจะคิดว่าเสกสรรจะเก่งในการทำงานขนาดนี้ เพราะเคยเห็นแต่สำมะเลเทเมาไปวันวานพอรู้ว่าโปรเจคงานที่ก่อปัญหาในครั้งนั้นเป็นผลงานของเสกสรร เหนือตะวัน และพ่อของมิลานก็มองเสกสรรใหม่ จนตอนนี้ให้ตำแหน่งเขาเป็นถึงท่านรองประธาน เพื่อที่จะมาดูงานช่วยกันอีกแรงแต่เสกสรรจะยอมรับตำแหน่งนั้น ถ้าให้ภรรยาของเขาเป็นเลขาส่วนตัว เพราะทีแรกจั๊กจั่นขอไปทำงานที่แ
เช้าวันต่อมา.."ถ้ามีโอกาส เราจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อีกนะ" ประไพเอ่ยพูดขึ้นกับลุงพงษ์และป้าวรรณีที่เดินมาส่งตรงท้ายหมู่บ้านเพื่อจะขึ้นรถไปสนามบิน"เชิญพวกท่านทั้งสองได้เสมอเลยครับ" ลุงพงษ์ตอบกลับไปแบบนอบน้อม"ถ้าเมื่อไรอยากได้ถนน กับไฟฟ้า ให้บอกมาได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวให้คนมาจัดการให้" คำพูดนี้ท่านรัฐมนตรีเป็นคนพูดเอง เพราะถ้าเป็นคำสั่งของท่านคงใช้เวลาไม่นาน"ก็ไอ้หำน่ะสิ..เออ..ขอโทษครับ" ลุงพงษ์เผลอปากเรียกลูกชายท่านว่าหำต่อหน้า"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ลุงถนัดแบบไหนก็พูดแบบนั้นเถอะ" เหนือตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ได้พูดให้ลุงคลายกังวล"ลูกหลานมันอยากจะเก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้ ก็ทำตามคนที่เขาอยู่อาศัยต่อเถอะครับท่าน" มันยิ่งทำให้ป้าและลุงรักหลานชายคนนี้เพิ่มขึ้น เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่ยังมาอาศัยอยู่กับพวกท่าน ถือว่าบุญเก่าเคยทำมาร่วมกัน"คุณพ่อกับคุณแม่กลับไปก่อนนะครับ ถ้าพ้นช่วงฮันนีมูนแล้วเดี๋ยวผมจะพาลูกสะใภ้กลับไปหาเอง" เหนือตะวันพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ได้ขึ้น"ฝากดูแลท่านทั้งสองด้วยนะเสก" เขายังหันไปพูดกับเสกสรรที่กำลังจะขึ้นรถอีกคัน"ได้สิ มึงอย่าลืมนะว่านี่ก็พ่อตาแม่ยายกูเ
"คิดถึง""คะ?" จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าคำที่ท่านบอกว่าคิดถึง หรือมือที่ท่านยื่นมาโอบกอด สัมผัสแบบนี้ไม่เคยเจอมาเป็นสิบปีแล้ว ถึงแม้เวลามันจะยาวนาน แต่นางก็นับวันนับคืน ว่าเมื่อไรสามีจะหันหน้ากลับมาหา แต่ยิ่งท่านหันหลังให้ก็ยิ่งเดินห่างไกลออกไป วิ่งตามเท่าไรก็ตามไม่ทัน"ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" ความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว ส่วนมากถ้าคนที่เป็นโรคร้าย ชอบจะกลับมาตายรังแบบนี้เสมอ เพราะอีหนูพวกนั้นคงดูแลไม่ได้"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ""ก็ดูท่านเปลี่ยนไป" นอกจากคำว่าคุณแล้ว ประไพชอบเรียกสามีว่าท่าน เพราะยังไงนางก็อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี"ถ้าผมไม่สบายจริง คุณจะดูแลไหม"เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงสะอื้นของภรรยาเก่า พร้อมกับมือที่ขยับขึ้นปาดน้ำตาตัวเองออก"คุณเป็นอะไร" สำราญตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง จะจุดไฟตะเกียงก็ทำไม่ได้แล้วเพราะทำไม่เป็น"คุณป่วยระยะที่เท่าไรแล้วคะ""ระยะที่เท่าไรหมายความว่ายังไง""คุณเป็นมะเร็งใช่ไหม คุณไปหาหมอมาหรือยัง แล้วทำไมคุณไม่รีบกลับมาหาฉัน" สิ้นประโยคคำพูดเสียงสะอื้นของนางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ประไพคิดแบบนี้ ก็เพราะมีไม่กี่โรคหรอกคนรุ่นราวคราวนี้ที่จะเจอ"ใจเย็นก่อนสิคุณ""ทำไมคุณไม่รี
ในเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลายนา..หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ลุงพงษ์กับป้าวรรณี และคู่ที่มาฮันนีมูนก็ได้กลับบ้าน ซึ่งปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีกับอดีตภรรยาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน ในบ้านหลังที่พ่อและแม่ของมิลานเคยอาศัยอยู่เรามารู้จักกับท่านรัฐมนตรีและภรรยาเก่ากันบ้าง สำราญ ชายวัย 57 ปี แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เป็นไปตามอายุเท่าไร เพราะดูแลร่างกายดี ส่วนประไพ ซึ่งอายุน้อยกว่าสามีเก่าถึง 10 ปี ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยในปีนั้นนางก็ได้คว้าดาวมหาวิทยาลัยมาครอง ความสวยของนางก็ยังคงมีอยู่ แต่ด้วยความไม่พอของสามี จึงยังต้องการเด็กสาวเข้ามาเติมเต็ม"คุณนอนได้ไหมล่ะคะ""นอนได้สิ" สำราญพูดพร้อมกับค่อยๆ หย่อนกายมุดเข้าไปในมุ้งแบบลำบากเพราะไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน"หึ..มันก็สรรหาที่มาอยู่นะ""แต่ผัวเมียคู่นั้นก็ดูรักลูกเราดีนะคะ""อืมม..ชีวิตแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ""คุณนอนไปก่อนเลยนะคะ ฉันจะลงไปเล่นข้างล่าง" ว่าแล้วนางก็แยกตัวลงมาก่อน ..อายุปูนนี้แล้วทำไมหัวใจยังเต้นแรงอยู่อีกควรพอได้แล้วมั้งประไพ เข้าใกล้สามีเก่าแล้วรู้สึกหวั่นไหวจนต้องได้ตำหนิตัวเองพอลงมาถึงข้างล่างนางก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนน
"คนเจ้าเล่ห์" ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรเพื่อแลกเปลี่ยน"เจ้าเล่ห์ที่ไหนอยากรู้ความลับก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อยสิ" ใบหน้าหล่อคมขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางแบบห้ามใจตัวเองไม่อยู่"ครั้งนี้พี่จะเป็นเหมือนครั้งที่แล้วไหม" หญิงสาวไม่ปฏิเสธแถมเธอยังหลับตาให้ แต่อดที่จะถามออกไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าเรื่องแบบเดิมๆ มันจะกลับมาอีกครั้ง"ไม่แล้ว..และพี่จะไม่ขอโทษเราอีก แต่พี่จะทำให้เราเห็น" เสกสรรรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ตอนนั้นเขายังคึกคะนองในตัวเอง และเสียดายความโสดของตัวเอง จึงได้พยายามผลักไสเธอออกไป"พี่จะทำอะไรให้ฉันเห็น" ดวงตากลมเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อมองสบตา"ทำให้เห็นว่าพี่รักเราไง"น้ำตาได้ไหลลงมาจากดวงตางามคู่นั้น เธอสัมผัสได้ว่าที่เขาพูดมันออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ"ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่" จากที่จะจูบก็เลยได้เปลี่ยนมาเป็นซับน้ำตาให้"ฉันเก่งที่ไหน""เก่งสิ..ถ้าจั๊กจั่นของพี่ไม่เก่งแล้วใครจะเก่งล่ะ" เสกสรรคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้"ยังเจ็บอยู่ไหม"หญิงสาวตอบด้วยการส่ายหน้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีความ
"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจหญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วยจั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู""เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก"ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำร
"กูขอโทษด้วยนะที่ทำให้มึงเดือดร้อนไปด้วย" พอเหตุการณ์ปกติ ทั้งสี่ก็ได้มานั่งคุยกันที่บ้านหลังเดิมของมิลาน"ไม่เป็นไรหรอกน่าา เป็นเพื่อนกัน""แล้วพ่อมึงจะยอมมาไหมวะ" ด้วยความโมโหและความเป็นห่วงคนรัก เขาก็เลยพูดไปโดยไม่ได้คิด เพราะคนระดับท่านรัฐมนตรีจะว่างมาให้ไหม"ต้องลองคุยกับพ่อดูก่อน""อย่าคิดมากนะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ผ่านไป" มิลานได้แต่ปลอบใจจั๊กจั่นที่นั่งทำหน้าเศร้า"ทุกคนก็เลยต้องได้มาเดือดร้อนเพราะฉัน ฉันน่าจะกลับไปพร้อมแม่ให้เรื่องมันจบๆ ไป""ทุกคนเต็มใจช่วย อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ"เหนือตะวันก็เลยเดินเข้ามาเอาโทรศัพท์ที่รถ เพื่อที่จะโทรหาพ่อดูก่อน.. ที่เขาต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถเพราะยังไงบ้านปลายนาก็ไม่ค่อยมีสัญญาณอยู่แล้ว แถมไม่มีไฟฟ้าที่จะชาร์จโทรศัพท์ด้วยเวลาผ่านไป.. ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาก็ได้กลับมาหาทั้งสามที่นั่งรออยู่ที่เดิม"พ่อกูติดประชุมในพรรค""ท่านปลีกตัวมาไม่ได้เลยเหรอ" มิลานเดินเข้ามาถามสามี"ไม่แน่ใจ""ทำไมไม่ถามดีๆ ก่อนล่ะ""ทุกคนพอแค่นี้เถอะ ฉันจะกลับบ้าน" จั๊กจั่นไม่อยากจะให้ พวกเพื่อนๆ ต้องมาเดือดร้อนกับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว"ไม่ได้นะ
"มานี่เลยนะนังลูกไม่รักดี!" อัมพรเดินเข้าไปคว้าตัวลูกสาวเข้ามาหวังจะทำโทษ"อย่าทำอะไรจั๊กจั่นนะน้า" เสกสรรที่เดินตามหลังมา ดูท่าไม่ดีก็เลยรีบเข้ามาขวางไว้"เราคุยกันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอเสก ไหนตกลงกับน้าแล้วไงว่าจะไม่เจอหน้ากัน""ผมแค่มาส่งเห็นมันมืดค่ำแล้ว น้าจะปล่อยให้ลูกสาวมีอันตรายหรือไง" ในขณะที่พูดสายตาของเขาตวัดมองไปที่ตั๊กแตน แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าตั๊กแตนจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ เพราะดูเรียบร้อย ผิดกับอีกคนที่เขากำลังหลงใหลอยู่ในตอนนี้ เธออาจจะเป็นคนที่ดูแรง แต่เธอก็ไม่ได้เสแสร้งเหมือนตั๊กแตน"ใครก็พูดได้ถ้าจะพูดแบบนี้" ตั๊กแตนยังพูดยุแยง เพราะได้ยินเมื่อตอนกลางวันเรื่องที่เสกสรรมาสู่ขอจั๊กจั่นอีกครั้ง ก็เลยเริ่มจะหมั่นไส้"ตกลงแม่จะตีไหม ถ้าไม่ตีฉันจะกลับเข้าห้องแล้ว""จั๊กจั่นอย่าพูดแบบนั้น" เสกสรรห้ามปรามไว้ เพราะมันเหมือนกับไปกระตุ้นอารมณ์ของแม่ เขากลัวว่าน้าอัมพรจะตีเธอซ้ำรอยเดิม"พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกกลับบ้านพี่ไปเถอะ" จั๊กจั่นหันมาตวาดใส่เสกสรร เพราะถ้าเขายังอยู่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายมากไปกว่านี้"พี่จะกลับ แต่ต้องแน่ใจก่อนว่าน้าอัมพรจะไม่ตีเรา" แต่เสกสรรไม่ยอมไปเพราะกลัวแม
"ไอ้เสกมึงจะฆ่าแม่หรือไง" พ่อรีบเข้ามาในครัวเมื่อได้ยินเสียง"ผมฆ่าแม่ตอนไหน""ก็เรื่องที่มึงกำลังพูดอยู่เมื่อกี้ไง!""พ่อได้ยินแล้วเหรอ""กูได้ยินตั้งแต่คำแรกที่มึงพูดแล้ว" ที่พ่อของเขาได้ยินเพราะท่านอยู่แถวหน้าต่าง ตรงที่เขาคุยกับแม่พอดี"นะพ่อนะ..ไปขอเมียให้ผมหน่อยนะ"ผู้เป็นพ่อไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปเก็บของที่ภรรยาทำตกหล่น"พ่อกับแม่จะไปคุยให้ผมไหมเนี่ย""มึงจำได้ไหมก่อนที่มึงจะหนีเข้ากรุงเทพฯ มึงก็พูดคำนี้แหละ แต่มึงให้พวกกูไปถอนคำพูด จนเสียค่าสินไหมไปกี่แสน""เรื่องนั้นผมขอโทษ ผมรับรองว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว""กูไม่เชื่อมึงหรอกไอ้เสก""เชื่อผมเถอะพ่อ" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาหน้าบ้าน เพราะตอนนี้พ่อเอาขยะออกมาทิ้ง"ถูกตีเลยเหรอวะ" จังหวะนั้นป้าร้านค้ากำลังคุยกับตั๊กแตนอยู่พอดี"จะเหลือเหรอป้า""เรื่องปกติของแม่มันอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ตีลูก""สมน้ำหน้าน่ะสิไม่ว่า เดี๋ยวก็ท้องไม่มีพ่อเข้าสักวัน""กำลังพูดถึงเรื่องใครอยู่" เสกสรรเดินตามพ่อออกมาได้ยินคำนี้พอดี"จะพูดถึงใครล่ะ ก็พูดถึงเรื่องผู้หญิงที่พี่ไม่เอาแล้วไง" ตั๊กแตนหันไปพูดกับเสกสรรแบบได้ใจ เหมือนกับว่าหาแนวร่วมเพราะ