ตำหนักจินหวูอินชิงเสวียนนั่งอยู่บนพื้นอย่างซึมเซา ดวงตาทั้งคู่มองจับไปยังตั่งผ้าที่วางอยู่บนพื้น จิตใจว่างเปล่านางไม่เข้าใจว่าทำไมสวรรค์ถึงทำเช่นนี้กับนาง ในวันที่นางได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นฮองเฮา ลูกชายของนางกลับถูกคนพรากไป!นางจะอธิบายกับเจ้าของร่างเดิมว่าอย่างไร แล้วจะอธิบายกับจิ่งอวี้อย่างไรนางอยากจะร้องไห้ แต่สติสัมปชัญญะบอกนางว่า อย่าร้องไห้ เพราะการร้องไห้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะเอาเสี่ยวหนานเฟิงกลับคืนมาให้ได้“เฮ้ย ทำไมข้าถึงเผลอหลับไปได้ เกี้ยวพระที่นั่งมาถึงแล้ว ข้าต้องรีบไปตามเจ้านายก่อน”เสียงของอวิ๋นฉ่ายดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนว่าจะถูกตาเฒ่าประหลาดนั่นจี้สกัดจุดอินชิงเสวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็รู้สึกตัวในทันที รีบยกเก้าอี้ขึ้น เช็ดเลือดออกจากมุมปากอย่างรวดเร็วนางทนต่อความเจ็บปวดสาหัสที่หน้าอก นั่งลงบนเก้าอี้นวมยาวด้านข้างอวิ๋นฉ่ายวิ่งเข้ามาจากข้างนอก นางเต็มไปด้วยความสุขความยินดี มองไม่เห็นความผิดปกติของอินชิงเสวียน ขมวดคิ้วและพูดว่า “นายหญิง เกี้ยวพระที่นั่งมาแล้ว งานเลี้ยงในวังน่าจะพร้อมแล้ว หม่อมฉันจะช่วยนายหญิงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เ
อวิ๋นฉ่ายร้องไห้ออกมาแล้ว นางเข้าจวนมาตั้งแต่อายุหกขวบ ไม่เคยทิ้งเจ้านายไปไหนเลย ยามนี้ จู่ๆ เจ้านายก็จะไล่นางออกไป แล้วจะให้นางไปอยู่ที่ไหนนางสั่นศีรษะแรงๆ“หม่อมฉันไม่ไป ไม่ว่านายหญิงจะไปไหน หม่อมฉันก็จะไปกับท่าน”เสี่ยวอานจื่อโขกศีรษะซ้ำๆ“พระนางก็ทราบมานานแล้วว่ากระหม่อมไร้ญาติขาดมิตร ออกจากวังก็ไม่มีที่พึ่ง คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็จะติดตามพระนางไปให้ได้”จังอวี้จิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่คุกเข่าร้องไห้อย่างเงียบๆ เมื่อมองดูหยาดน้ำตาเม็ดโตเท่าเม็ดถั่วเขียวเหล่านั้น อินชิงเสวียนย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วแต่ว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมนางไม่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่จิ่งอวี้ได้อีกต่อไปเย่จั้นออกจากเมืองหลวงแล้ว ไม่มีใครสามารถดำรงตำแหน่งฮ่องเต้แทนเย่จิ่งอวี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือชะตากรรมของเย่จิ่งอวี้หากเขาไม่ใช่เพราะตัวเองมาที่รัชสมัยนี้ จับพลัดจับผลูทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น คงไม่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเป่ยไห่เพราะพิณการเวกอย่างแน่นอนบัดนี้ เขาควรกลับคืนสู่วิถีชีวิตของตัวเองทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะน้ำพุวิญญาณ คราวนี้ นางจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกำลังความสา
“สิ่งที่ควรพูดข้าก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว พวกเจ้าออกจากวังตอนนี้เถอะ ข้าจะไปที่สวนบุปผาหลวง งานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นเพื่อข้า ในงานขาดข้าไม่ได้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน มีความเจ็บปวดรวดร้าวในอกก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นางต้องรีบเข้าไปในมิติ ดื่มน้ำพุวิญญาณบรรเทาอาการทั้งสี่มองไปที่อินชิงเสวียนอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ในความคิดของพวกเขา เจ้านายก็เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง ถึงขั้นใกล้ชิดกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ และครั้งนี้ มันแตกต่างไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเกรงว่าพระนางคงไม่คิดที่จะกลับมาอีก!นอกจากอวิ๋นฉ่ายผู้ไร้เดียงสาแล้ว อีกสามคนที่เหลือต่างรู้สึกอยู่รางๆ ว่าพระนางต้องเผชิญกับเรื่องร้ายแรงมาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นนางจะไม่มีวันตัดสินใจเช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร อินชิงเสวียนโบกแขนเสื้อ ทั้งสี่คนก็ลอยออกจากประตูอย่างควบคุมไม่ได้ทันที ในวินาทีต่อมา ประตูก็ปิดลงเมื่อมองไปยังประตูที่ปิดอยู่ น้ำตาของยายหลี่ที่นางกลั้นไว้มานานก็ไหลลงมาทันทีนางคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะไปทางประตูสามครั้ง“ไม่ว่าภายหน้าพระนางจะไปไหน โปรดรำลึกไว้เสมอ ว่าในเมืองหลวงยังมีพวกเรารอท
งานเลี้ยงกินเวลาจนถึงยามสาม เมื่อขุนนางทั้งหมดลุกขึ้นขอตัวกลับไปเย่จิ่งอวี้หลุบตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่”อินชิงเสวียนรีบปรับอารมณ์ให้กระฉับกระเฉง แล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม “เปล่า ข้านอนเต็มอิ่มแล้ว”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปช่วยพยุงอินชิงเสวียนให้ลุกขึ้น แล้วดีดหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนางเบาๆ “ดึกป่านนี้แล้ว ปกติเจ้านอนไปนานแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ตำหนักจินหวู”“ไม่เอา”อินชิงเสวียนตกใจ รีบปฏิเสธเรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขี้น ถามด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรรึ”อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากล่าง แล้วพูดเบาๆ “ข้า...วันนี้ข้าอยากอยู่ที่ตำหนักเฉิงเทียนกับอาอวี้ ไม่รู้ว่า...จะได้หรือไม่”จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มออกมาเขารั้งจับเอวคอดของอินชิงเสวียน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่ลุ่มหลง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำหนักในวังหลวงทั้งหมดเป็นของเสวียนเอ๋อร์ เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นได้”ขณะมองดูใบหน้าที่หล่อเหลานั้น ขอบตาของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ“ขอบคุณนะ...อาอวี้!”ภายใต้แสงไฟสลัว เย่จิ่งอวี้ยังคงสังเกตเห็นความผิดปกติของอินชิงเสวียน เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไรห
เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเตียง เรือนผมดำยาวตกลู่ลงบนไหล่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นแดงระเรื่อเขามองไปที่อินชิงเสวียนด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“ทำไมวันนี้เจ้าถึงนึกอยากเล่นดนตรีให้ข้าฟังล่ะ เสวียนเอ๋อร์ไม่เหนื่อยหรือ”อินชิงเสวียนโบกมือหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา แล้วดื่มด้วยอากัปกิริยาสง่างาม“แบบนี้ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”นางวางขวดน้ำลงด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเรือนผมของเย่จิ่งอวี้ที่คลอเคลียอยู่บนไหล่“อาอวี้เหนื่อยแล้วหรือ”“ไม่เหนื่อย เสวียนเอ๋อร์อุตส่าห์อารมณ์ดีทั้งที ข้าย่อมอยากฟังอยู่แล้ว”เขายกมือขึ้นปลดเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ข้างม่านออก แล้วสวมคลุมตัวอย่างง่ายๆ แล้วเดินเท้าเปล่าไปนั่งบนเก้าอี้นุ่มข้างๆเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตั้งใจอยากฟังของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือกลุ้มใจดี ทั้งยังไม่แน่ใจด้วย เพลงลืมกลุ้มที่นางเคยบรรเลงเพียงครั้งเดียวนั้น จะได้ผลจริงหรือไม่ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องยกให้เป็นเรื่องของสวรรค์แล้วนางรีบสวมชุดกระโปรง แล้วเอื้อมมือเรียกพิณการเวกออกมาเย่จิ่งอวี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ทำไมเสวียนเอ๋อร์ถึงใช้พิณตัวนี้”อินชิงเ
“หลี่กงกง ตามข้ามาที่ห้องโถงด้านข้าง ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”ตอนที่อินชิงเสวียนออกมา แสงจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าแล้วนางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้จะนอนหลับอีกไม่นาน นางต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนโดยใช้เวลาอันสั้นที่สุดหลี่เต๋อฝูกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเรียกตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก็ตื่นขึ้นทันทีเขาโค้งตัว วิ่งเหยาะๆ ไปจนถึงห้องโถงด้านข้าง“ฮองเฮามีอะไรจะสั่งงานกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีเวลาไม่มาก จะขอเล่าสั้นๆ ข้าเชื่อในความสามารถของหลี่กงกง เชื่อว่าหลี่กงกงจริงใจต่อฝ่าบาทอย่างแท้จริง ดังนั้น เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่งให้ได้”อินชิงเสวียนหันหลังให้เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบผิดปกติหลี่เต๋อฝูรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่คนประเภทเสแสร้งแกล้งทำ ใช้ตำแหน่งข่มเหงผู้อื่น ที่นางพูดแบบนี้ ต้องมีเรื่องเป็นแน่ เขาจึงรีบเงี่ยหูฟังอินชิงเสวียนสูดจมูกพูดว่า “หลี่กงกงเป็นคนฉลาด เกรงว่าคงสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของฝ่าบาทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแล้ว อันที่จริงเจ้าเดาถูก ฝ่าบาทองค์ก่อนหน้าคือเสด็จอาที่ปลอมตัว ฝ่าบาทตัวจริงไปที่เป่ยไห่กับข้า ตอนนี้เสด็จอาออกจากเมืองหลวงแล้ว เมืองหลวงจะอยู่
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหลี่เต๋อฝู อินชิงเสวียนก็กัดริมฝีปากอย่างแรง นางรู้ว่าหลี่เต๋อฝูนั้นจงรักภักดีมาก จะยอมให้นางทำตามความปรารถนาอย่างแน่นอน“ขอบคุณ หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้พบกันอีก!”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ใช้ความเร็วของมิติ ในชั่วพริบตา ร่างที่สง่างามนั้นก็หายไปในแสงท้องฟ้าสีเงินเนิ่นนาน ในที่สุดหลี่เต๋อฝูก็เงยหน้าขึ้นราวกับตื่นจากความฝันการจะลบล้างการดำรงอยู่ของฮองเฮาโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้องเปลืองสมองหลายส่วนบรรดาผู้ที่รู้จักฮองเฮา ไม่ได้มีแค่ขันทีและนางกำนัลในตำหนักจินหวูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์หญิงไห่ถังที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางด้วย เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ผลที่ตามมานั้นยากจะคาดเดาเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงพยายามรับมืออย่างเต็มที่หลี่เต๋อฝูอยู่ในวังมาทั้งชีวิต ไม่มีอะไรสามารถซ่อนเร้นจากสายตาของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนหรือผี ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในพริบตาเขารู้ดีว่าอินชิงเสวียนแตกต่างจากเจ้านายคนอื่น นางไม่เคยเรียกร้องรางวัลใดๆ ไม่เคยทำร้ายใครเพียงเพราะอยากอยู่ในตำแหน่งสูง ความคิดของนางอุทิศให้กับการดำรงชีวิตของราษฎรในต้าโจว และการพัฒน
ตำหนักจินหลวนเย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้มังกร สวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองสดใส ดวงตาคมกริบจ้องมองไปที่ขุนนางผ่านลูกปัดโมราบนมาลามงกุฎ“ขุนนางทุกท่านมีฎีกาถวายหรือไม่”ขุนนางทุกคนก้มศีรษะลง ไม่มีใครพูดอะไรเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าทุกคนเป็นใบ้หรือ ทำไมไม่พูดล่ะ ฉินไห่ฉิว การขุดบ่อน้ำเป็นอย่างไรบ้าง”เสนาบดีกรมโยธาก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่ซับซ้อน“ขุดเสร็จแล้ว กระหม่อม...กระหม่อม...”เขาเอ่ยคำว่ากระหม่อมติดๆ กัน ในที่สุดก็เปลี่ยนคำพูด “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ปัญหาเรื่องน้ำดื่มของราษฎรได้รับการแก้ไขแล้ว และทุกอย่าง...กำลังฟื้นตัว”คิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นอีกเล็กน้อย“ในเมื่อผลลัพธ์ออกมาดี เหตุใดถึงอึกอักเพียงนี้ หรือยังมีเรื่องปกปิดอะไรอีก?”ฉินไห่ฉิวสะดุ้ง รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างลนลาน“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เมื่อคืนกระหม่อมนอนไม่ค่อยหลับ เวียนหัวนิดหน่อย ขอทรงโปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย”“ลุกขึ้นเถอะ”เย่จิ่งอวี้กวาดสายตามองไปทั่ว ทันใดนั้นก็เห็นกวนฮั่นหลินที่ไม่ได้มาประชุมเช้านานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามกระเซ้าว่า “วันนี้จอมพลเฒ่าแปลกนัก มาประชุมเช้าด้วย อาการ