หน้าหลัก / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 974 เป็นแม่แล้วยิ่งแกร่งขึ้น

แชร์

บทที่ 974 เป็นแม่แล้วยิ่งแกร่งขึ้น

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนรู้สึกว่าบริเวณอกถูกดันอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งทรวงอก หายใจลำบาก

เหงื่อกาฬหยดจากหัวลงมา นางเป็นเหมือนปลาใกล้ตาย หายใจเฮือกๆ อย่างเหนื่อยหอบ

“ว่าอย่างไร เจ้าคิดได้แล้วหรือไม่”

ผู้อาวุโสหันถามอย่างเนิบช้า

อินชิงเสวียนกำนิ้วอย่างอดไม่ได้ นางควรทำอย่างไรดีนะ

หรือจะตามตาเฒ่าท่าทางแปลกๆ คนนี้ไปจริงๆ?

เขาดูไม่ใช่คนดีชัดๆ

วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ต่อให้เย่จิ่งอวี้จะมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเท่านั้น

ในใจยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ถ้ารู้แต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่นำน้ำพุวิญญาณออกมา

นางมองคนในโลกนี้เรียบง่ายเกินไป คิดเสมอว่าพวกเขาคงไม่เชื่อเรื่องลึกลับพิสดารเช่นนี้ แต่ยังมีคนที่รู้จักอยู่ด้วย

ความสิ้นหวังพลันปะทุขึ้นในใจของนาง จู่ๆ อินชิงเสวียนรู้สึกท้อแท้ทันที

ดูเหมือนว่านางถูกกำหนดให้ไร้วาสนากับต้าโจว!

ในเวลานี้ เสียงนุ่มนิ่มแบบเด็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากด้านบน

“เสด็จแม่ๆ ลูกอยากไปหาเสด็จแม่”

หลังจากรอมาตั้งนาน เสด็จแม่ก็ไม่มาอุ้มตัวเองเสียที เสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มร้อนใจ เตะเท้าเล็กๆ อย่างกระสับกระส่าย

เสียงของลูกชาย ทำให้อินช
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 975 ผู้อาวุโสหันผู้สับปลับ

    “คิดจริงๆ หรือว่า อย่างเจ้าน่ะจะชิงตัวเด็กไปจากข้าได้?”ผู้อาวุโสหันค่อยๆ เงื้อฝ่ามือขวาที่ว่างขึ้นอย่างช้าๆ แสงสีม่วงเข้มก็เปล่งแสงออกมาจากนิ้วทั้งห้า“วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ว่าอะไรคือวิทยายุทธ์ที่แท้จริงของตำหนักเทพ”อินชิงเสวียนเคยเห็นแสงสีม่วงแบบนี้จากมือของฮั่วเทียนเฉิงมาก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เข้มข้นเท่ากับชายชราที่อยู่ตรงหน้า และแสงสีม่วงที่นางเชี่ยวชาญนั้น ยังห่างชั้นกับทั้งสองคนมากนับตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลวงก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับสำนักศึกษาหลวงและโรงเรียนสอนการต่อสู้ อินชิงเสวียนยังไม่มีเวลาตั้งใจศึกษาวิทยายุทธ์ที่ตัวเองช่วงชิงมาได้เลยนางคิดเสมอมาว่าตัวเองออกจากยุทธภพแล้ว ก็จะอยู่ห่างจากข้อพิพาททุกประเภทในยุทธภพ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไม เหล่าจอมยุทธ์ในสมัยโบราณถึงพูดว่าเมื่อเข้าวงการยุทธภพแล้วออกยาก จากนี้ไปความสงบสุขกลายเป็นอื่นนางไม่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุทธภพ แต่ยุทธภพอาจไม่ปล่อยนางไป!ความรู้สึกหายใจไม่ออกในตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง อินชิงเสวียนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ นางกัดฟันพูดว่า “ดี เช่นนั้นผู้เยาว์ต้องขอคำชี้แนะแล้ว!”นางเรียกมิตินั้น ต้องการนำพิณการเวกที่เจ้าสำน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 976 ตัดสินชี้ขาด

    ตำหนักจินหวูอินชิงเสวียนนั่งอยู่บนพื้นอย่างซึมเซา ดวงตาทั้งคู่มองจับไปยังตั่งผ้าที่วางอยู่บนพื้น จิตใจว่างเปล่านางไม่เข้าใจว่าทำไมสวรรค์ถึงทำเช่นนี้กับนาง ในวันที่นางได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นฮองเฮา ลูกชายของนางกลับถูกคนพรากไป!นางจะอธิบายกับเจ้าของร่างเดิมว่าอย่างไร แล้วจะอธิบายกับจิ่งอวี้อย่างไรนางอยากจะร้องไห้ แต่สติสัมปชัญญะบอกนางว่า อย่าร้องไห้ เพราะการร้องไห้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะเอาเสี่ยวหนานเฟิงกลับคืนมาให้ได้“เฮ้ย ทำไมข้าถึงเผลอหลับไปได้ เกี้ยวพระที่นั่งมาถึงแล้ว ข้าต้องรีบไปตามเจ้านายก่อน”เสียงของอวิ๋นฉ่ายดังมาจากด้านนอก ดูเหมือนว่าจะถูกตาเฒ่าประหลาดนั่นจี้สกัดจุดอินชิงเสวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็รู้สึกตัวในทันที รีบยกเก้าอี้ขึ้น เช็ดเลือดออกจากมุมปากอย่างรวดเร็วนางทนต่อความเจ็บปวดสาหัสที่หน้าอก นั่งลงบนเก้าอี้นวมยาวด้านข้างอวิ๋นฉ่ายวิ่งเข้ามาจากข้างนอก นางเต็มไปด้วยความสุขความยินดี มองไม่เห็นความผิดปกติของอินชิงเสวียน ขมวดคิ้วและพูดว่า “นายหญิง เกี้ยวพระที่นั่งมาแล้ว งานเลี้ยงในวังน่าจะพร้อมแล้ว หม่อมฉันจะช่วยนายหญิงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 977 แบกรับเพียงลำพัง

    อวิ๋นฉ่ายร้องไห้ออกมาแล้ว นางเข้าจวนมาตั้งแต่อายุหกขวบ ไม่เคยทิ้งเจ้านายไปไหนเลย ยามนี้ จู่ๆ เจ้านายก็จะไล่นางออกไป แล้วจะให้นางไปอยู่ที่ไหนนางสั่นศีรษะแรงๆ“หม่อมฉันไม่ไป ไม่ว่านายหญิงจะไปไหน หม่อมฉันก็จะไปกับท่าน”เสี่ยวอานจื่อโขกศีรษะซ้ำๆ“พระนางก็ทราบมานานแล้วว่ากระหม่อมไร้ญาติขาดมิตร ออกจากวังก็ไม่มีที่พึ่ง คราวนี้ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็จะติดตามพระนางไปให้ได้”จังอวี้จิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่คุกเข่าร้องไห้อย่างเงียบๆ เมื่อมองดูหยาดน้ำตาเม็ดโตเท่าเม็ดถั่วเขียวเหล่านั้น อินชิงเสวียนย่อมรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วแต่ว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมนางไม่สามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเย่จิ่งอวี้ได้อีกต่อไปเย่จั้นออกจากเมืองหลวงแล้ว ไม่มีใครสามารถดำรงตำแหน่งฮ่องเต้แทนเย่จิ่งอวี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือชะตากรรมของเย่จิ่งอวี้หากเขาไม่ใช่เพราะตัวเองมาที่รัชสมัยนี้ จับพลัดจับผลูทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น คงไม่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเป่ยไห่เพราะพิณการเวกอย่างแน่นอนบัดนี้ เขาควรกลับคืนสู่วิถีชีวิตของตัวเองทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะน้ำพุวิญญาณ คราวนี้ นางจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกำลังความสา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 978 มีคุณสมบัติที่จะอยู่ครองคู่กับนางไปตลอดชีวิต

    “สิ่งที่ควรพูดข้าก็ได้ชี้แจงชัดเจนแล้ว พวกเจ้าออกจากวังตอนนี้เถอะ ข้าจะไปที่สวนบุปผาหลวง งานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นเพื่อข้า ในงานขาดข้าไม่ได้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน มีความเจ็บปวดรวดร้าวในอกก็เกิดขึ้นอีกครั้ง นางต้องรีบเข้าไปในมิติ ดื่มน้ำพุวิญญาณบรรเทาอาการทั้งสี่มองไปที่อินชิงเสวียนอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ในความคิดของพวกเขา เจ้านายก็เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง ถึงขั้นใกล้ชิดกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ และครั้งนี้ มันแตกต่างไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเกรงว่าพระนางคงไม่คิดที่จะกลับมาอีก!นอกจากอวิ๋นฉ่ายผู้ไร้เดียงสาแล้ว อีกสามคนที่เหลือต่างรู้สึกอยู่รางๆ ว่าพระนางต้องเผชิญกับเรื่องร้ายแรงมาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นนางจะไม่มีวันตัดสินใจเช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร อินชิงเสวียนโบกแขนเสื้อ ทั้งสี่คนก็ลอยออกจากประตูอย่างควบคุมไม่ได้ทันที ในวินาทีต่อมา ประตูก็ปิดลงเมื่อมองไปยังประตูที่ปิดอยู่ น้ำตาของยายหลี่ที่นางกลั้นไว้มานานก็ไหลลงมาทันทีนางคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะไปทางประตูสามครั้ง“ไม่ว่าภายหน้าพระนางจะไปไหน โปรดรำลึกไว้เสมอ ว่าในเมืองหลวงยังมีพวกเรารอท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 979 ค่ำคืนอันยืดเยื้อ

    งานเลี้ยงกินเวลาจนถึงยามสาม เมื่อขุนนางทั้งหมดลุกขึ้นขอตัวกลับไปเย่จิ่งอวี้หลุบตาลง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่”อินชิงเสวียนรีบปรับอารมณ์ให้กระฉับกระเฉง แล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม “เปล่า ข้านอนเต็มอิ่มแล้ว”เย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปช่วยพยุงอินชิงเสวียนให้ลุกขึ้น แล้วดีดหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนางเบาๆ “ดึกป่านนี้แล้ว ปกติเจ้านอนไปนานแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ตำหนักจินหวู”“ไม่เอา”อินชิงเสวียนตกใจ รีบปฏิเสธเรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขี้น ถามด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรรึ”อินชิงเสวียนกัดริมฝีปากล่าง แล้วพูดเบาๆ “ข้า...วันนี้ข้าอยากอยู่ที่ตำหนักเฉิงเทียนกับอาอวี้ ไม่รู้ว่า...จะได้หรือไม่”จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มออกมาเขารั้งจับเอวคอดของอินชิงเสวียน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงรักใคร่ลุ่มหลง “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำหนักในวังหลวงทั้งหมดเป็นของเสวียนเอ๋อร์ เจ้าอยากอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั่นได้”ขณะมองดูใบหน้าที่หล่อเหลานั้น ขอบตาของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ“ขอบคุณนะ...อาอวี้!”ภายใต้แสงไฟสลัว เย่จิ่งอวี้ยังคงสังเกตเห็นความผิดปกติของอินชิงเสวียน เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไรห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 980 ความเจ็บปวดของวัยหนุ่มสาว

    เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเตียง เรือนผมดำยาวตกลู่ลงบนไหล่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นแดงระเรื่อเขามองไปที่อินชิงเสวียนด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“ทำไมวันนี้เจ้าถึงนึกอยากเล่นดนตรีให้ข้าฟังล่ะ เสวียนเอ๋อร์ไม่เหนื่อยหรือ”อินชิงเสวียนโบกมือหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา แล้วดื่มด้วยอากัปกิริยาสง่างาม“แบบนี้ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”นางวางขวดน้ำลงด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเรือนผมของเย่จิ่งอวี้ที่คลอเคลียอยู่บนไหล่“อาอวี้เหนื่อยแล้วหรือ”“ไม่เหนื่อย เสวียนเอ๋อร์อุตส่าห์อารมณ์ดีทั้งที ข้าย่อมอยากฟังอยู่แล้ว”เขายกมือขึ้นปลดเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ข้างม่านออก แล้วสวมคลุมตัวอย่างง่ายๆ แล้วเดินเท้าเปล่าไปนั่งบนเก้าอี้นุ่มข้างๆเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางตั้งใจอยากฟังของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือกลุ้มใจดี ทั้งยังไม่แน่ใจด้วย เพลงลืมกลุ้มที่นางเคยบรรเลงเพียงครั้งเดียวนั้น จะได้ผลจริงหรือไม่ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องยกให้เป็นเรื่องของสวรรค์แล้วนางรีบสวมชุดกระโปรง แล้วเอื้อมมือเรียกพิณการเวกออกมาเย่จิ่งอวี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ทำไมเสวียนเอ๋อร์ถึงใช้พิณตัวนี้”อินชิงเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 981 อธิบาย

    “หลี่กงกง ตามข้ามาที่ห้องโถงด้านข้าง ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”ตอนที่อินชิงเสวียนออกมา แสงจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าแล้วนางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้จะนอนหลับอีกไม่นาน นางต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนโดยใช้เวลาอันสั้นที่สุดหลี่เต๋อฝูกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเรียกตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก็ตื่นขึ้นทันทีเขาโค้งตัว วิ่งเหยาะๆ ไปจนถึงห้องโถงด้านข้าง“ฮองเฮามีอะไรจะสั่งงานกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีเวลาไม่มาก จะขอเล่าสั้นๆ ข้าเชื่อในความสามารถของหลี่กงกง เชื่อว่าหลี่กงกงจริงใจต่อฝ่าบาทอย่างแท้จริง ดังนั้น เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่งให้ได้”อินชิงเสวียนหันหลังให้เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบผิดปกติหลี่เต๋อฝูรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่คนประเภทเสแสร้งแกล้งทำ ใช้ตำแหน่งข่มเหงผู้อื่น ที่นางพูดแบบนี้ ต้องมีเรื่องเป็นแน่ เขาจึงรีบเงี่ยหูฟังอินชิงเสวียนสูดจมูกพูดว่า “หลี่กงกงเป็นคนฉลาด เกรงว่าคงสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของฝ่าบาทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแล้ว อันที่จริงเจ้าเดาถูก ฝ่าบาทองค์ก่อนหน้าคือเสด็จอาที่ปลอมตัว ฝ่าบาทตัวจริงไปที่เป่ยไห่กับข้า ตอนนี้เสด็จอาออกจากเมืองหลวงแล้ว เมืองหลวงจะอยู่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 982 ความยินดีและกลัดกลุ้มผสมปนเป

    เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหลี่เต๋อฝู อินชิงเสวียนก็กัดริมฝีปากอย่างแรง นางรู้ว่าหลี่เต๋อฝูนั้นจงรักภักดีมาก จะยอมให้นางทำตามความปรารถนาอย่างแน่นอน“ขอบคุณ หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้พบกันอีก!”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ใช้ความเร็วของมิติ ในชั่วพริบตา ร่างที่สง่างามนั้นก็หายไปในแสงท้องฟ้าสีเงินเนิ่นนาน ในที่สุดหลี่เต๋อฝูก็เงยหน้าขึ้นราวกับตื่นจากความฝันการจะลบล้างการดำรงอยู่ของฮองเฮาโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้องเปลืองสมองหลายส่วนบรรดาผู้ที่รู้จักฮองเฮา ไม่ได้มีแค่ขันทีและนางกำนัลในตำหนักจินหวูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์หญิงไห่ถังที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางด้วย เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ผลที่ตามมานั้นยากจะคาดเดาเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงพยายามรับมืออย่างเต็มที่หลี่เต๋อฝูอยู่ในวังมาทั้งชีวิต ไม่มีอะไรสามารถซ่อนเร้นจากสายตาของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนหรือผี ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในพริบตาเขารู้ดีว่าอินชิงเสวียนแตกต่างจากเจ้านายคนอื่น นางไม่เคยเรียกร้องรางวัลใดๆ ไม่เคยทำร้ายใครเพียงเพราะอยากอยู่ในตำแหน่งสูง ความคิดของนางอุทิศให้กับการดำรงชีวิตของราษฎรในต้าโจว และการพัฒน

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status