“หลี่กงกง ตามข้ามาที่ห้องโถงด้านข้าง ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”ตอนที่อินชิงเสวียนออกมา แสงจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าแล้วนางรู้ว่าเย่จิ่งอวี้จะนอนหลับอีกไม่นาน นางต้องอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจนโดยใช้เวลาอันสั้นที่สุดหลี่เต๋อฝูกำลังงีบหลับ เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเรียกตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก็ตื่นขึ้นทันทีเขาโค้งตัว วิ่งเหยาะๆ ไปจนถึงห้องโถงด้านข้าง“ฮองเฮามีอะไรจะสั่งงานกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้ามีเวลาไม่มาก จะขอเล่าสั้นๆ ข้าเชื่อในความสามารถของหลี่กงกง เชื่อว่าหลี่กงกงจริงใจต่อฝ่าบาทอย่างแท้จริง ดังนั้น เจ้าต้องทำตามที่ข้าสั่งให้ได้”อินชิงเสวียนหันหลังให้เขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบผิดปกติหลี่เต๋อฝูรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่คนประเภทเสแสร้งแกล้งทำ ใช้ตำแหน่งข่มเหงผู้อื่น ที่นางพูดแบบนี้ ต้องมีเรื่องเป็นแน่ เขาจึงรีบเงี่ยหูฟังอินชิงเสวียนสูดจมูกพูดว่า “หลี่กงกงเป็นคนฉลาด เกรงว่าคงสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของฝ่าบาทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแล้ว อันที่จริงเจ้าเดาถูก ฝ่าบาทองค์ก่อนหน้าคือเสด็จอาที่ปลอมตัว ฝ่าบาทตัวจริงไปที่เป่ยไห่กับข้า ตอนนี้เสด็จอาออกจากเมืองหลวงแล้ว เมืองหลวงจะอยู่
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหลี่เต๋อฝู อินชิงเสวียนก็กัดริมฝีปากอย่างแรง นางรู้ว่าหลี่เต๋อฝูนั้นจงรักภักดีมาก จะยอมให้นางทำตามความปรารถนาอย่างแน่นอน“ขอบคุณ หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้พบกันอีก!”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ใช้ความเร็วของมิติ ในชั่วพริบตา ร่างที่สง่างามนั้นก็หายไปในแสงท้องฟ้าสีเงินเนิ่นนาน ในที่สุดหลี่เต๋อฝูก็เงยหน้าขึ้นราวกับตื่นจากความฝันการจะลบล้างการดำรงอยู่ของฮองเฮาโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้องเปลืองสมองหลายส่วนบรรดาผู้ที่รู้จักฮองเฮา ไม่ได้มีแค่ขันทีและนางกำนัลในตำหนักจินหวูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์หญิงไห่ถังที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนางด้วย เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ผลที่ตามมานั้นยากจะคาดเดาเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงพยายามรับมืออย่างเต็มที่หลี่เต๋อฝูอยู่ในวังมาทั้งชีวิต ไม่มีอะไรสามารถซ่อนเร้นจากสายตาของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนหรือผี ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในพริบตาเขารู้ดีว่าอินชิงเสวียนแตกต่างจากเจ้านายคนอื่น นางไม่เคยเรียกร้องรางวัลใดๆ ไม่เคยทำร้ายใครเพียงเพราะอยากอยู่ในตำแหน่งสูง ความคิดของนางอุทิศให้กับการดำรงชีวิตของราษฎรในต้าโจว และการพัฒน
ตำหนักจินหลวนเย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้มังกร สวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองสดใส ดวงตาคมกริบจ้องมองไปที่ขุนนางผ่านลูกปัดโมราบนมาลามงกุฎ“ขุนนางทุกท่านมีฎีกาถวายหรือไม่”ขุนนางทุกคนก้มศีรษะลง ไม่มีใครพูดอะไรเย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าทุกคนเป็นใบ้หรือ ทำไมไม่พูดล่ะ ฉินไห่ฉิว การขุดบ่อน้ำเป็นอย่างไรบ้าง”เสนาบดีกรมโยธาก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดที่ซับซ้อน“ขุดเสร็จแล้ว กระหม่อม...กระหม่อม...”เขาเอ่ยคำว่ากระหม่อมติดๆ กัน ในที่สุดก็เปลี่ยนคำพูด “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ปัญหาเรื่องน้ำดื่มของราษฎรได้รับการแก้ไขแล้ว และทุกอย่าง...กำลังฟื้นตัว”คิ้วของเย่จิ่งอวี้ขมวดขึ้นอีกเล็กน้อย“ในเมื่อผลลัพธ์ออกมาดี เหตุใดถึงอึกอักเพียงนี้ หรือยังมีเรื่องปกปิดอะไรอีก?”ฉินไห่ฉิวสะดุ้ง รีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างลนลาน“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่เมื่อคืนกระหม่อมนอนไม่ค่อยหลับ เวียนหัวนิดหน่อย ขอทรงโปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วย”“ลุกขึ้นเถอะ”เย่จิ่งอวี้กวาดสายตามองไปทั่ว ทันใดนั้นก็เห็นกวนฮั่นหลินที่ไม่ได้มาประชุมเช้านานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามกระเซ้าว่า “วันนี้จอมพลเฒ่าแปลกนัก มาประชุมเช้าด้วย อาการ
หลี่เต๋อฝูพลางบ่น พลางพยักหน้าให้กวนฮั่นหลิน เพื่อแสดงว่าตัวเองเข้าใจแล้ว จากนั้นเขาก็ก้มลงและช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ออกจากตำหนักจินหลวงคณะขุนนางก็แยกย้ายกันออกจากห้องโถงในตำหนักจินหลวน ทุกคนก็ยืนนิ่งอยู่ที่ทางเข้าประตูจิ้งอันหานสือแทบรอไม่ไหวที่จะถาม “จอมพลเฒ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮองเฮานาง...ถูกขับไปยังวังเย็นอีกครั้งจริงๆ หรือ”กวนฮั่นหลินพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ“เป็นข่าวที่หลี่เต๋อฝูส่งคนมาบอกเมื่อวานนี้ จริงแท้แน่นอน ไม่มีทางเป็นเท็จ ข้ารู้ว่าเจ้าเคารพเลื่อมใสฮองเฮาเป็นอย่างมาก เช่นนั้นจงเก็บความเคารพนี้ไว้ในใจก่อนเถิด อย่าพูดถึงนางต่อหน้าฝ่าบาท”ฉินไห่ฉิวขมวดคิ้วถามว่า “พิธีแต่งตั้งฮองเฮาเพิ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ เหตุใดเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามก็ถูกส่งกลับวังเย็นแล้วล่ะ ระหว่างฮองเฮากับฮ่องเต้เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาทำเพื่อต้าโจวมากมาย ฮ่องเต้จะบุ่มบ่ามเช่นนี้ได้อย่างไร”เขาอยากจะพูดถึงโครงการผันน้ำจากใต้สู่เหนือหลายครั้งในการประชุม แต่เมื่อนึกถึงจดหมายที่ได้รับจากตระกูลกวนเมื่อเช้านี้ ก็กลืนลงท้องไป แต่ในใจยังรู้สึกไม่พอใจมาก นับหลายพันปีที่ผ่านมา ไม่มีใครคิดวิธีแก้ปัญหาภัยแล้งด้วย
อินสิงอวิ๋นพูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “ในเมื่อน้องหญิงใหญ่เลือกที่จะออกจากวังเพียงลำพัง ก็พิสูจน์ได้ว่าศัตรูในครั้งนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่นางยังไม่มั่นใจว่าจะชนะ ขืนเราวิ่งหัวหกก้นขวิดไปมั่วซั่ว จะกลายเป็นว่าโดนคนอื่นจับตัวไป มิทำให้น้องหญิงใหญ่ร้อนใจมากกว่าเดิมหรอกหรือ”อินปู้อวี่กระทืบเท้าด้วยความโกรธ“แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือผู้ชายบ้านเราจะปล่อยให้น้องหญิงใหญ่เสี่ยงอันตรายโดยไม่สนใจ หดหัวอยู่ในเมืองเหมือนเต่าขี้ขลาดงั้นหรือ”อินจ้งหายใจยาว ขยำจดหมายในมือ หยิบตะบันไฟออกมา และเผาจดหมายจนเป็นเถ้าถ่านครั้นนึกถึงคำขอโทษที่ท้ายจดหมาย ดวงตาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถึงวัยในปัจจุบันของเขา จะยังสนใจเรื่องเป็นขุนนางอยู่อย่างนั้นหรือ สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้ คือลูกชายหญิงของเขา บัดนี้ต้าโจวสงบสุขทั้วทั้งแคว้น ทั้งยังมีท่านอาจารย์เป็นที่ปรึกษานั่งอยู่ในเมืองหลวงด้วย แม้ไม่มีตระกูลอิน ก็ไม่สำคัญเรื่องหนทางการเลี้ยงชีพนั้น ยิ่งไม่ต้องกังวล ลำพังแค่ร้านค้านี้ของตระกูลอิน ก็สามารถทำเงินได้หลายแสนตำลึงต่อปี ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่อินชิงเสวียนมอบให้ หากไม่มีนาง วันนี้ตระกูลอินทั้งตระกูลคงได้ทำ
อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเฟิงเอ้อร์เหนียงจะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นางเป็นเจ้าของเรือนจุ้ยหงคนปัจจุบัน แต่ทำไมฉุยอวี้ถึงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ“สองคนนี้เป็นศิษย์น้องของแม่เจ้า ถ้าอยากรู้ว่าแม่ของเจ้าตายอย่างไร ก็ให้พวกนางบอกเจ้าเถอะ”หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบก็เหาะชุดปลิวออกไปอินชิงเสวียนตกตะลึงอีกครั้งแม่?ศิษย์น้อง?หรือว่าแม่ของเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ของตระกูลอิน?เกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อนึกถึงหยกเย็นที่ฉุยอวี้มอบให้ตัวเอง รวมถึงท่าทีของเฟิงเอ้อร์เหนียงที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยอยู่ตงิดๆนางรีบเดินเข้าไปในห้องแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”ฉุยอวี้นอนราบลงบนเตียง เหม่อมองเพดาน ไม่ตอบคำถามของอินชิงเสวียน นางไม่มีการตอบสนองแม่แต่น้อย สีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกเฟิงเอ้อร์เหนียงเหลือบมองที่ฉุยอวี้ ขอบตาแดงเล็กน้อย นางเม้มริมฝีปากอย่างแรง หลุบตาลงแล้วพูดว่า “สิ่งที่ผู้อาวุโสหันพูดเป็นเรื่องจริง แม่ของเจ้าคือเหมยชิงเกอพี่หญิงใหญ่ของเรา ยังเป็นอดีตธิดาเทพแห่งตำหนักเทพหอทองคำ”“ลมปากไร้หลักฐาน เจ้ามีหลักฐ
เฟิงเอ้อร์เหนียงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลอาบหน้าดวงตาของอินชิงเสวียนยังคงเย็นชา“เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงไม่บอกแต่ตอนที่อยู่เป่ยไห่ ตอนนี้กลับลักพาตัวลูกชายข้ามาเป็นข้อแลกเปลี่ยน หรือนี่คือวิธีการทำงานของคนจากสำนักใหญ่โตอย่างพวกเจ้า”“นี้...”เฟิงเอ้อร์เหนียงก้มศีรษะลงอีกครั้งทันที หลังจากนั้นอีกหลายอึดใจจึงพูดว่า “พวกเรา...มีความลำบากใจที่บอกไม่ได้เหมือนกัน”อินชิงเสวียนยิ้มเยาะว่า “ความลำบากใจ? สิ่งที่พวกเจ้าต้องการ สร้างขึ้นจากความเจ็บปวดของผู้อื่น นี่เป็นความลำบากใจงั้นหรือ เป็นถึงตำหนักเทพหอทองคำ แต่กลับใช้วิธีที่น่ารังเกียจขนาดนี้ ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ ท่านแม่ข้าจะไปเข้าร่วมสำนักไก่ขันหมาขโมยเช่นนี้ได้อย่างไร ตาบอดจริงๆ”“ชิงเสวียน!”เฟิงเอ้อร์เหนียงที่สะอื้นอยู่ร้องลั่นออกมาอินชิงเสวียนขัดจังหวะอย่างเย็นชา“หุบปาก เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อของข้า หากพวกเจ้าต้องการน้ำพุวิญญาณ ข้าจะให้พวกเจ้าก็ได้ ในเมื่อแม่ของข้าตายแล้ว ตำหนักเทพกับข้า ก็ไม่ความเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็เดินออกจากห้อง นั่งขัดสมาธิบนก้อนหินในลานบ้าน ไม่อยากมองทั้งสองคนแม้แต่น้อย
ฉางเฮิ่นเทียนกล่าวด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสหันโปรดวางใจ ข้าสัญญาว่าจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดี”ผู้อาวุโสหันพยักหน้า“ตามคำอธิบายของฮั่วเทียนเฉิง อาจมีมิติอื่นอยู่ในตัวของอินชิงเสวียน ต้องเฝ้าไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว หากมิตินั้นสามารถเอาคนเข้าไปอยู่ได้ เช่นนั้นคนที่ข้าจะสามารถข่มขู่นางได้คือสามีของนาง มีเพียงเย่จิ่งอวี้คนเดียวแล้ว”ฉางเฮิ่นเทียนกอดเสี่ยวหนานเฟิงในอ้อมแขนแน่นกระชับ ถามหยั่งเชิงดูว่า “เช่นนี้แล้ว เหตุใดไม่จับตัวเย่จิ่งอวี้มาด้วยเลยล่ะขอรับ จะไม่เกลี้ยกล่อมง่ายกว่าหรอกหรือ”ผู้อาวุโสหันแค่นเสียงหึพูดว่า “ในโลกนี้มีคำกล่าวที่ว่าปลาตายตาข่ายขาด ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สามารถทำเกินไปได้ เบื้องหลังของเย่จิ่งอวี้ไม่ได้มีแค่ราชสำนักเท่านั้น แต่ยังมีหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ด้วย ข้าแค่อยากได้สิทธิ์ถือครองวิถีแห่งสวรรค์ห้าสิบปีโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องการทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนที่ไม่จำเป็น”เขาหันกลับมา จ้องมองไปที่ฉางเฮิ่นเทียนด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“ในเมื่อเจ้าเกิดที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง น่าจะไม่รู้จักฮ่องเต้น้อย ทำไมข้าถึงรู้สึกว่า เจ้าสนใจเขาขนาดนี้?”ฉางเฮิ่นเทียนพูดโดยเร็ว “ผู้เยาว์ไม่