ไม่กี่วันต่อมา แต่ละสำนักได้รับจดหมายลับที่ไม่ได้ลงนามในนั้นมีเพียงไม่กี่คำเท่านั้นสมบัติล้ำค่าแห่งยุทธภพ “หนังสือสวรรค์ไร้อักษร” จะถือกำเนิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้มีคุณธรรมจะได้ถือครองด้านล่างมีแผนที่ด้วย และตำแหน่งที่ชี้ตรงกลางคือยอดเขาบรรจบสวรรค์ในเทือกเขาเชื่อมเมฆาทุกคนต่างรู้เรื่องเทือกเขาเชื่อมเมฆาเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยได้ยินชื่อยอดเขาบรรจบสวรรค์มาก่อน และไม่รู้ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไร เพียงครู่เดียวเองนี้ก็แพร่ขยายเป็นวงกว้างในไม่ช้าก็มีเรื่องราวนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในหมู่ชาวบ้าน บ้างก็ว่าหนังสือสวรรค์ไร้อักษรเป็นวรยุทธ์ขั้นสุดยอด บ้างก็ว่าเป็นแผนที่ที่บันทึกสมบัติล้ำค่า บ้างก็ว่าเป็นวิธีการบำเพ็ญตน ที่สามารถเป็นเซียนได้ภายในหนึ่งวันเพียงครู่เดียวก็พูดกันเซ็งเซ่เกรียวกราว กระพือให้เกิดการล่าสมบัติกันอย่างบ้าคลั่ง และคนจำนวนมากก็เดินทางตามแผนที่ไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาอินชิงเสวียนและคณะเดินทางก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน“หนังสือสวรรค์ไร้อักษรคืออะไรกันแน่”เมื่อเห็นสีหน้าสนใจใคร่รู้บนใบหน้าของหญิงสาว เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “สิ่งเห
หยวนเป่าคิดในใจ คนที่ไม่ใช่ตัวเองเสียหน่อย แต่เป็นคุณชายเองชัดๆ ที่ไม่อยากเข้าประตูในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฮ่อฉางเฟิงได้เข้าไปในป่าหมอกพิษขาวแล้วสองนายบ่าวเดินอย่างเร่งรีบ ไม่กล้าล่าช้า หลังจากผ่านไปสามสิบนาที ในที่สุดพวกเขาก็เดินออกจากป่าม่านพลังที่ซ่อนห้าธาตุแปดทิศอยู่ข้างในหากก้าวผิดพลาดเพียงครั้งเดียว กลไกนับไม่ถ้วนจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีค่ายกลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แม้แต่ยอดฝีมืออย่างเฮ่อฉางเฟิงก็ไม่กล้าประมาทหลังจากออกจากป่าทึบ อาคารที่มีคานไม้แกะสลักอันวิจิตรงดงามตาก็ดึงดูดสายตาของทั้งคู่ ประหนึ่งเป็นแคว้นเล็กๆ เพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิงค่อนข้างแตกต่างจากสำนักวรยุทธ์ทั่วไป ไม่เหมือนสำนักอื่นๆ ที่ทุกวันต้องบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบาก ในทางกลับกัน ในขณะที่ผู้คนฝึกฝนวรยุทธ์ พวกเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปในเมืองมีตลาด มีพื้นที่เพาะปลูก ผู้คนอยู่ดีมีสุข ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์เฮ่อฉางเฟิงเดินกลับไปที่จวนเจ้าเมืองพร้อมกับหยวนเป่า ทันทีที่เข้าไปในเรือน ก็ได้ยินเสียงทุ้มลึกพูดว่า “ไปไหนกันมา”สีหน้าท่าทางของเฮ่อฉางเฟิงเปลี่ยนไปทันที ท่านพ่อออกจากการบำเพ็
ครั้นได้ยินดังนี้ เจ้าเมืองเฮ่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ทุกคนในอิ๋นเฉิงล้วนเคยไปสู่วิถีแห่งสวรรค์ แต่ท้ายที่สุดก็ยังคงไม่สามารถเข้าใจความลับนี้ได้ บางทีอิ๋นเฉิงอาจไม่มีวาสนาต่อวิถีแห่งสวรรค์นี้ก็ได้”ผู้อาวุโสฉางที่อยู่ข้างๆ เขาก็ถอนหายใจเช่นกันวิถีแห่งสวรรค์ไม่ใช่มีแค่คนระดับสูงของอิ๋นเฉิงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ แต่คนในอิ๋นเฉิงทุกคนสามารถเข้าไปได้ และสามารถบรรลุได้ แต่ไม่มีใครสามารถเปิดประตูสวรรค์ทั้งสองบานได้เมื่อเวลาผ่านไป คนในอิ๋นเฉิงก็ไม่สนใจวิถีแห่งสวรรค์อีกต่อไป ต่างก็ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นถ้าไม่ใช่เพราะความคับข้องใจเก่าๆ กับตำหนักเทพ เฮ่อยวนก็ยินดีที่จะบรรลุร่วมกับพวกเขา“นั่นอาจไม่เป็นเช่นนั้น ข้าดูดาวในตอนกลางคืน คำนวณได้ว่าจะมีการพลิกกลับครั้งใหญ่ในครั้งนี้ หากอิ๋นเฉิงสามารถไปถึงวิถีแห่งสวรรค์ได้ บางทีเราอาจจะเปิดประตูทั้งสองบานนั้นได้จริงๆ”“จะเปิดได้หรือไม่นั้นสำคัญมากเพียงนั้นเชียวหรือ ตราบใดที่อิ๋นเฉิงของเรามีความสามัคคีและสวยงาม อยู่ดีมีสุข เป็นเรื่องที่ดีกว่าอะไรทั้งหมดไม่ใช่หรือ”เสียงของสตรีคนหนึ่งดังมาจากห้องข้างๆ ทั้งสองหันกลับมาพร้อมกัน ก็เห็นสตรีลักษณ
ณ ตำหนักเทพหอทองคำฮั่วเทียนเฉิงคลายจุดที่ถูกจี้สกัดให้กับฉางเฮิ่นเทียนก่อนที่ฉางเฮิ่นเทียนจะสามารถตอบสนองได้ ฮั่วเทียนเฉิงใช้นิ้วที่เหมือนสายฟ้า จี้สกัดจุดสำคัญๆ ตามตัวของเขาฉางเฮิ่นเทียนยิ้มอย่างขมขื่น“ทักษะวรยุทธ์ของข้าต่ำต้อย เหตุใดผู้อาวุโสต้องทำถึงขนาดนี้”ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น “นี่คือเคล็ดวิชาลับของสำนักของเราวิชาสะกดเส้นลมปราณพันเคล็ด ในเมื่อเจ้ามาจากอิ๋นเฉิง คงเคยได้ยินมาก่อนแน่ ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังข้าแต่โดยดี ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่ตาย ถ้าเจ้ามีความแค้นต่ออิ๋นเฉิง ตำหนักเทพเราจะช่วยให้เจ้าสำเร็จเอง มิฉะนั้นเส้นลมปราณของเจ้าจะถูกปิดกั้นและตายไป”ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ โขกศีรษะกล่าวว่า “ผู้เยาว์อยู่ที่นี่ไร้ที่พึ่งพิง ยังต้องการการดูแลจากผู้อาวุโส ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแน่นอน จะทำตามผู้อาวุโสทุกอย่าง”ฮั่วเทียนเฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“นับว่าเจ้าเป็นผู้รู้สถานการณ์ดีมาก ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเจ้ามากหรอก เมื่อได้พบกับเจ้าตำหนักในภายหลังห้ามพูดถึงฉุยอวี้ของสำนักเซียวเหยา และเฟิงเอ้อร์เหนียงเด็ดขาด”ฉางเฮิ่นเทียนพูดอย่างเชื่อฟัง
“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร”ผู้อาวุโสหันยืนห่างจากพวกเขาทั้งสองสิบก้าว น้ำเสียงสงบราบเรียบ ไม่มีอำนาจคุกคามแต่อย่างใดทว่าฉางเฮิ่นเทียนยังคงเหงื่อแตกพลั่กเฉกเช่นกับคำที่ว่ามรรคอันยิ่งใหญ่เรียบง่ายที่สุด หวนสู่ความเรียบง่ายบริสุทธิ์ด้วยร่างกายปัจจุบันของเขา เกรงว่าเพียงแค่ชายชราขยับปลายก้อย อาจจะบดขยี้เขาจนตายได้ฮั่วเทียนเฉิงยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น มองดูพื้นตรงหน้าแล้วพูดว่า “ศิษย์เห็นฉุยอวี้จริง แต่นางกับเฟิงเอ้อร์เหนียงร่วมกันวางแผน ตอนนี้ทั้งสองได้หนีจากเป่ยไห่แล้ว ศิษย์ไม่รู้ว่าควรติดตามต่อดีหรือไม่ จึงกลับสำนักมาขอคำชี้แนะ”เขาหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “ส่วนเรื่องพลังวิญญาณ ศิษย์ได้สืบทราบแล้ว ของสิ่งนี้มาจากสตรีที่มีนามว่าอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ของเซี่ยวติ่งเทียนเจ้าสำนักของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีศิษย์ต้องการพานางกลับมาที่ตำหนักเทพ แต่ไม่คาดคิด ว่าแม่หนูนั่นจะมีพลังมหัศจรรย์ สามารถหลบหนีไปจากสายตาของศิษย์ได้ ตอนนี้นางน่าจะกลับไปที่ภูเขาอวิ๋นฉีแล้ว”“โอ้?”ผู้อาวุโสหันเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาสีเข้ม ถามว่า “แม่หนูนั่นมีพลังมหัศจรรย์อย่างไร”ฮั่วเทียนเฉิงจัดระเบ
ผู้อาวุโสหันไม่เห็นฉางเฮิ่นเทียนอยู่ในสายตาเลย เขาได้เดินไปที่ประตูตำหนักแล้วฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น แล้วก้มหน้าลงในเมื่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับธิดาเทพเหมยเชียนหลิ่ว ทำให้ตำหนักเทพหอทองคำมีความไม่พอใจอย่างมากต่อเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง หากเขาเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะตู้เยี่ยน ไม่แน่ว่าอาจถูกฝ่ามือเขาจนตายในคราวเดียวก็ได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้เดือดร้อนเพราะเฮ่อยวน แต่ก็จะถูกบีบบังคับแน่นอน ถึงอย่างไรตัวเองก็เคยเป็นรองเจ้าเมือง สามารถเข้าออกจากคลังแสงของเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงได้อย่างอิสระ...เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉางเฮิ่นเทียนก็เก็บงำความคิดมากมายอีกครั้งตราบใดที่สามารถอยู่ในตำหนักเทพได้ การฟื้นฟูวรยุทธ์ให้เป็นเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสทุกอย่างไม่รีบ...ในเวลานี้ โลกภายนอกกลับตาลปัตร ชาวยุทธ์จำนวนมากได้รวมกลุ่มกันเดินทางไปที่เทือกเขาเชื่อมเมฆา ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้า ผู้คุ้มกัน และแม้กระทั่งขอทานที่ต้องการไปร่วมสนุกเมื่อเทียบกับตำนานหนังสือสวรรค์ไร้อักษรแล้ว ชัยชนะของเป่ยไห่เพียงครู่เดียวก็จางหายไปมากแม้ว่าอินชิงเสวียนและคนอื่นๆ จะไม่มีความคิดที่จะออกไปตรวจสอบ แต่ก็ยัง
มีคนเอื้อมมือไปหยิบหนังสือ แต่กลับถูกม่านกำแพงแก้วขวางไว้ทุกคนไม่เคยเห็นกระจกมาก่อน คิดว่าเย่จิ่งหลานติดตั้งค่ายกล นัยน์ตาฉายแววเคารพศรัทธามากขึ้น เย่จิ่งอวี้หยิบไมโครโฟนขนาดเล็กออกมา ติดไว้บนเสื้อผ้า แล้วพูดช้าๆ “ตราบใดที่พวกเจ้าไม่มีความคิดไม่ซื่อ ข้าเย่จิ่งหลานจะไม่มีวันปฏิบัติต่อพวกเจ้าไม่ดีเด็ดขาด ในวันแห่งชัยชนะ ทุกคนสามารถเลือกตำราเคล็ดวิชาลับได้คนละหนึ่งเล่ม ผู้ที่ทำประโยชน์ในการศึกมากที่สุด ข้าจะมอบหนังสือสวรรค์ไร้อักษรที่ทำจากกระดาษทองนี้ มอบให้เขาเป็นรางวัล”ลำโพงถูกวางไว้ที่มุมทั้งสี่ของห้องประชุม เสียงจึงดังมาจากทุกทิศทุกทาง เอฟเฟกต์เสียงสามมิติสามารถสยบทุกคนได้หมดเย่จิ่งหลานมีกำลังภายในยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ สามารถโคจรพลังชี่ได้ตามต้องการ ทักษะวรยุทธ์ของเขาเทียบได้กับผู้อาวุโสของสำนัก หรือว่าเด็กคนนี้แกล้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสืองั้นรึอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขางุนงงก็คือ ตัวเองมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร เย่จิ่งหลานสามารถสร้างมิติได้ด้วยการโบกมือได้จริงหรือพลังประเภทนี้ แม้แต่เจ้าสำนักของพวกเขาก็ไม่สามารถบรรลุได้ เว้นแต่จะเป็นเทพเจ้าเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่แตกต่า
มือของเย่จิ่งอวี้รวดเร็วราวกับสายฟ้า นิ้วเรียวยาวของเขาได้จับข้อศอกของอินจ้งแล้ว“ท่านขุนนางไม่ต้องมากพิธี ราชสำนักช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง”อินจ้งรู้สึกถึงพลังเหมือนภูเขาที่มาจากนิ้วทั้งห้า ไม่สามารถขยับได้เลย แล้วจะคุกเข่าลงได้อย่างไร จึงต้องโค้งตัวลงอีกเล็กน้อยรู้สึกตงิดใจแปลกๆ วรยุทธ์ของฝ่าบาท แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่กลับพูดว่า “ทูลฝ่าบาท ในราชสำนักเรียบร้อยดีทุกอย่าง ฝ่าบาท กุ้ยเฟย เชิญเสด็จเข้าไปดื่มชาสักถ้วย ให้กระหม่อมได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างดีที่สุด”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ก็ได้”เขาถอดหมวกคลุมใบกว้างออก แล้วเดินนำเข้าไปในประตูห้องโถงไปก่อนอินสิงอวิ๋นส่งเป่าเล่อเอ่อร์กลับไปที่เรือนเล็กหลานซิน จากนั้นก็ควบม้าตรงไปที่พระราชวังณ ห้องหนังสือเย่จั้นยืนมองดอกไห่ถังอยู่ข้างหน้าต่าง ในช่วงต้นเดือนห้า อากาศยังไม่ร้อนนัก สายลมเย็นๆ พัดผ่านเป็นครั้งคราว ทำให้รู้สึกสงบและสดชื่นกลีบดอกสีขาวนวลร่วงหล่นตามสายลม ท่วงท่าสง่างามที่ค่อยๆ ตกลงสู่พื้น ทำให้เย่จั้นรู้สึกปลงอนิจจัง อดไม่ได้ที่จะกระซิบ “บุปผาบานหรือร่วงโรยไม่นึกเสียใจ โชคชะตาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนดั่งกระแสธารา!
ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท
ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ
เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ
ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ
เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก
“ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว
“ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ
“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี