หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 738 ข้ากับคุณชายน้อยมีชะตาต้องกันจริงๆ

แชร์

บทที่ 738 ข้ากับคุณชายน้อยมีชะตาต้องกันจริงๆ

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-05-18 16:00:01
“มาแล้ว”

หวังซุ่นขานตอบ แล้ววิ่งกระดิกหางเข้ามา

“ท่านอ๋องน้อยเรียกข้าน้อยมามีอะไรหรือ”

หวังซุ่นได้ยิ้มประจบประแจงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

เย่จิ่งหลานปิดประตู ดึงเขาเข้าไปในห้องด้านใน

“ข้ามีภารกิจมอบหมายให้เจ้าทำ ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยบุหรี่ชั้นดีสิบกล่องเลย”

ในช่วงเวลานี้ หวังซุ่นถูกเย่จิ่งหลานสอนจนติดบุหรี่แล้ว ทุกครั้งที่เย่จิ่งหลานสูบบุหรี่ เขาจะนั่งยองๆ รออยู่ข้างหลัง

ถ้าเย่จิ่งหลานอารมณ์ดีก็จะให้เขาสักมวนหนึ่ง แต่ถ้าอารมณ์ไม่ได้ก็จะให้แค่ก้นบุหรี่ แต่เจ้านี่กลับไม่รังเกียจ แค่ได้สูบก็พอใจแล้ว แต่กระนั้นก็สูบไม่หนำใจ พอได้เย่จิ่งหลานบอกว่าจะให้บุหรี่เขาได้มากมาย เขาก็ฉีกยิ้มกว้างจนใบหู

“ไม่มีปัญหา ท่านอ๋องน้อยเชิญสั่งมาได้เลย ตราบใดที่ข้าน้อยทำได้ รับรองว่าต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น”

เย่จิ่งหลานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าสวมหน้ากากไปพบกับฉุยอวี้ จากนั้นเราจะหาจังหวะไปจับคนสมคบคิดกับศัตรู ยังสามารถใช้โอกาสนี้พาเจ้าเข้าไปในมิติ สร้างภาพลวงตาว่าเจ้ากำลังใช้ทักษะการหลบหนี จากนั้นเจ้าก็สามารถถอดหน้ากาก แล้วกลับมาเป็นตัวเองเหมือน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 739 อานุภาพของแหไฟฟ้า

    เย่จิ่งหลานปั้นเรื่องว่า “ในสำนักของเรามีคนมากเกินไป ไม่สามารถอาศัยอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ได้หมด อาจารย์ของข้ามาจากที่เดียวกับเจ้าสำนักเซี่ยว จึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว”โมริตะคาวาสึบาเมะมีสีหน้าประหลาดใจ“เป็นเช่นนี้นี่เอง ได้ยินชื่อหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยสามารถช่วยแนะนำข้าให้เจ้าสำนักเซี่ยวได้หรือไม่”ทว่าอดไม่ได้ที่จะสบถเสียงดังในใจเห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กเปรตนี่คุยโม้อยู่ เมื่อวานเขาถามเรื่องนี้ที่เหลาสุราแล้ว ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ยเลย แต่ตอนนี้เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้าเด็กเปรตนี่ จึงต้องแสร้งยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนเย่จิ่งหลานกลอกตาแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าเจอกันครั้งแรกเหมือนรู้จักกันมานาน ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พอดีคืนนี้ทุกสำนักต้องไปหารือในสำนักเซียวเหยาคืนนี้ ถ้าคุณชายน้อยว่าง ก็สามารถเข้าไปร่วมครึกครื้นได้”จู่ๆ ใบหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ“เช่นนั้นก็ดีเลย”เย่จิ่งหลานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เราจะไปรวมตัวกันที่สำนักเซียวเหยา เวลานั้นข้าจะแนะนำผู้อาวุโสในยุทธจักรเหล่านั้นกับเจ้า”โมริ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 740 ตรวจป่าศพ

    ในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็เข้าไปในภูเขานางรู้สึกมาโดยตลอดว่าลูกตาสีแดงของเย่จิ่งอวี้นั้นไม่ใช่สิ่งดีเลย ตลอดสองวันนี้อยากเห็นป่าศพที่เขาพูด ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ทั้งสองขึ้นไปบนภูเขา เย่จิ่งอวี้ก็พบเส้นทางในวันนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็มองเห็นหุบเขา“ที่นี่ไง”เย่จิ่งอวี้ยืนนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วันนั้นข้าพยายามเต็มที่ แต่ยังตามชายคนนั้นไม่ทัน แสดงให้เห็นว่าเขามีวรยุทธ์สูงมาก หากได้พบเขาอีก ห้ามลงมือเด็ดขาด รีบเข้าไปในมิติทันที”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ข้ารู้แล้ว”อินชิงเสวียนไม่ใช่คนบ้าบิ่น นางไม่เคยต่อสู้ในศึกที่ไม่มั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในมิติยังมีข้อห้ามมากมาย ถ้าถูกคนจับตัวไว้ ก็ไม่สามารถเข้าไปในมิติได้ทั้งสองเข้าไปในหุบเขาอย่างระมัดระวัง กลับพบว่าพืชพรรณภายในเป็นสีเขียวขจี มีลำธารเล็กๆ ล้อมรอบ ไม่มีป่าศพเหมือนที่เย่จิ่งอวี้พูดเย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเช่นกันสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เป็นภาพลวงตาทั้งหมด หรือว่า...ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงเย่จิ่งอวี้ส่ายหัว เขาไม่เชื่อเรื่องวิญญาณชั่วร้ายเลย ต้องมีคนเก็บซากศพเหล่านั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 741 ไม่พบอะไรเลย

    ดวงตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาลดเสียงลงแล้วถามว่า “ที่ไหน”“ข้าก็บอกอย่างแน่นอนไม่ได้”นี่เป็นเพียงความรู้สึกชนิดหนึ่ง ยังไม่แม่นยำขนาดนั้น“อาอวี้ เรากลับกันเถอะ!”อินชิงเสวียนขนลุกซู่ ถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความอาฆาตพยาบาทของอีกฝ่ายด้วยซ้ำเย่จิ่งอวี้เหยียดแขนออก กอดอินชิงเสวียนไว้ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแปลกมาก จนเย่จิ่งอวี้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอินชิงเสวียนเห็นว่าเขายังไม่อยากกลับ จึงไม่พูดอะไรอีก ในวังหลวงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เย่จิ่งอวี้ก็สามารถยืนเคียงข้างนางได้ และนางก็สามารถเสี่ยงอันตรายเพื่อเขาได้เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีมิติ“อืม”อินชิงเสวียนยิ้มอ่อนโยน พิงอยู่ในอ้อมอกของเย่จิ่งอวี้เมื่อเห็นสาวน้อยพิงตัวเองเหมือนกับนกน้อยก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบอันแรงกล้าในใจเสวียนเอ๋อร์เชื่อใจเขามากเพียงนี้ เขาต้องปกป้องความปลอดภัยของนางให้ได้ทั้งสองระมัดระวังตลอดทาง ขณะที่เดินเข้าไปในหุบเขาลึกธารน้ำไหลผ่านเท้า ใสจนเห็นก้นบึ้ง เสียงน้ำไหลซู่ซ่าก็ฟังดูผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูกอินช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 742 ต่างมีความคิดของตัวเอง

    เย่จิ่งหลานแสร้งตีหน้าร้อนอกร้อนใจ กลิ้งตัวคลานลงไปในทะเลโมริตะคาวาสึบาเมะหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง และความรู้สึกเจ็บปวดก็หายไปในที่สุดเมื่อมองดูผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสอง พวกเขาแน่นิ่งราวกับปลาที่ตายแล้ว สันนิษฐานว่าตายไปแล้วโมริตะคาวาสึบาเมะอดไม่ได้ที่จะก่นด่าในใจโคตรพ่อโคตรแม่มันเถอะ เมื่อครู่มันคืออะไรเย่จิ่งหลานมาถึงตรงหน้าเขา ใช้กำลังทั้งหมดเพื่อช่วยพยุงโมริตะคาวาสึบาเมะให้ลุกขึ้นทั้งสองคนมีร่างกายที่อายุไม่กี่ขวบ ทันทีที่คลื่นยักษ์ซัดมา ก็หอบร่างพวกเขาทั้งสองกลับลงไปในน้ำ“สหาย เจ้าเป็นไรหรือไม่”เย่จิ่งหลานเช็ดน้ำทะเลออกจากหน้า แล้วดึงโมริตะคาวาสึบาเมะอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าเด็กเปรตนี่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตัวเอง โมริตะคาวาสึบาเมะก็รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย“ไม่เป็นไร”โมริตะคาวาสึบาเมะคลานขึ้นจากน้ำ และคว้าเย่จิ่งหลานไว้ หวังซุ่นก็วิ่งมาแต่ไกลเช่นกัน“คุณชาย พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่”เดิมทีคิดว่าเย่จิ่งหลานต้องการฆ่าโมริตะคาวาสึบาเมะ แต่จู่ๆ เขาก็ปิดสวิตช์ไฟฟ้า หวังซุ่นก็ต้องยื่นมือออกไปดึงทั้งสองคน แล้วยกทั้งสองขึ้นฝั่งโมริตะคาวาสึบาเมะนั่งลงบนพื้น ความรู้สึกของการรอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 743 ความลับของตระกูลโมริตะ

    “หยุดพล่าม พูดมาเลยเร็วๆ”เย่จิ่งหลานโยนบุหรี่และไฟแช็กกันลมให้หวังซุ่นยิ้มทันที จุดไฟ แล้วสูบอย่างเคลิบเคลิ้มมายืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่อาจารย์ของข้าพูด ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ท่านอ๋องน้อยระวังไว้ก็ดี คนผู้นี้อาจไม่ใช่เด็กธรรมดา”“บอกประเด็นสำคัญ”เพื่อไม่ให้เป็นไข้หวัด เย่จิ่งหลานจิบน้ำพุวิญญาณหนึ่งคำ เขารู้สึกดีขึ้นมากในทันทีหวังซุ่นสูบบุหรี่อีกคำหนึ่ง แล้วพูดด้วยสีหน้าสบาย “ในตอนนั้นอาจารย์ของข้าที่มาจากจงหยวนผู้นั้นถูกตระกูลโมริตะจับตัวไป ตระกูลโมริตะอยากจะเก็บอาจารย์ของข้าไปใช้งานเองมาโดยตลอด หลังจากพยายามมาตลอดหลายปี ในที่สุดก็ล้มเหลว จึงโยนอาจารย์ของข้าไปขังไว้ในคุกอันมืดมิด ในช่วงหลายปีที่เขาอยู่ในตระกูลโมริตะ ก็ได้รู้ความลับบางอย่าง และเล่าให้ข้าพเจ้าฟังก่อนจะเสียชีวิต”หวังซุ่นหยุดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็แสดงท่าทางหวาดกลัวอีกครั้ง ผ่อนเสียงให้เบาลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว“อาจารย์ของข้าบอกว่า อ๋องน้อยโมริตะผู้นี้ไม่ธรรมดาเช่นกัน วิญญาณในร่างกายของเขา อาจไม่ใช่เขา”เย่จิ่งหลานนั่งตัวตรงทันที หรือว่าเขาเดาถูก เป็นผู้ข้ามมิติมาอีกคน?หวังซุ่นกล่าวต่อ “ในตงหลิว ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 744 เจ้าเป็นหน่วยสอดแนมที่ฝ่ายใดส่งมากันแน่

    อาซือหลานกำลังนั่งสมาธิในห้อง สองวันนี้ได้ดูดซับกำลังภายในจากเตาหลอมหญิงมามาก ต้องการเวลาในการซึมซับอีกหน่อยเมื่อได้ยินศิษย์สำนักมารายงานว่ามีคนจากต้าหลัวเทียนต้องการพบเขา ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย มีสำนักในยุทธจักรมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินชื่อต้าหลัวเทียนมาก่อน แล้วอวี๋กงคือผู้ใดอีกเมื่อคิดว่าระยะนี้ชื่อเสียงของสำนักเซียวเหยาไม่ค่อยดีนัก อาซือหลานจึงตัดสินใจออกไปดูเขาวางเสื้อคลุมสีดำลง แล้วเดินออกจากห้องด้านในชายชราที่อยู่หน้าประตูแต่งตัวเรียบง่าย รูปร่างไม่สูง ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัยชราเขาเอามือไพล่หลัง มองดูป้ายของสำนักเซียวเหยาด้วยสีหน้าสงบครู่ต่อมา อาซือหลานมาถึงที่ประตู ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คือฉุยอวี้ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านนี้คือ...”ชายชราเหลือบมองเขา ทันใดนั้นก็ลดเสียงลง“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุย”อาซือหลานสวมหมวกสานที่คลุมด้วยผ้าโปร่งสีดำ มองไม่เห็นสีหน้าได้ ได้ยินเพียงหัวเราะแหบแห้งว่า “ผู้อาวุโสเชิญด้านใน”บนหลังคาที่อยู่ไม่ไกล ผู้อาวุโสสวีถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พวกเจ้าเห็นฉุยอวี้สมคบคิดกับคนตงหลิวจริงๆ หรือ”อินชิงเสวียนหยิบเครื่องส่งรับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 745 มารในใจ

    “ชาวตงหลิว สมควรตาย!”เสียงใสราวกับน้ำพุดังก้องออกมาจากริมฝีปากของสตรีคนนั้น ฝ่ามือก็ถูกซัดโดนร่างของอวี๋กงแล้วเมื่อเห็นใบหน้างดงามหยาดเยิ้มดวงนั้น ม่านตาของฉุยอวี้ก็หดลง ปล่อยมือของอวี๋กงโดยไม่รู้ตัวความปรารถนาในใจทำให้จิตใจของเขาว่างเปล่าครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินอวี๋กงตะโกน และร่างนั้นก็ล้มลงกับพื้นซึ่งคนที่ลงมือไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอินชิงเสวียนนางรู้ถึงข้อเสียของมิติ ด้วยความกระวนกระวายใจ นางทำได้เพียงแกล้งทำเป็นจัดการกับอวี๋กง แต่จริงๆ แล้ว นางเพียงแลกความเร็วของมิติเท่านั้น ซึ่งความแรงของฝ่ามือนั้น ไม่ต่างจากการตบของคนทั่วไปหวังซุ่นซึ่งแต่งตัวเป็นอวี๋กงก็ตื่นตัวเช่นกัน ล้มตัวลงนอนบนพื้นเสียงดังตึงเย่จิ่งหลานรีบใช้ความคิด พาหวังซุ่นเข้าไปในมิติอาซือหลานรู้สึกตัว หัวใจก็เต้นรัวเมื่อเห็นอวี๋กงหายตัวไปอย่างกะทันหันคนสามารถหายไปจากอากาศได้ นี่มันวิชายุทธ์อะไรกันเฮ่ออวิ๋นทงและคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครเข้าใจว่า คนทั้งคนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ ถึงกับมีคนมาดูตรงจุดที่หวังซุ่นเพิ่งหายตัวไป ใช้มือเคาะดูจนทั่วเสียงนั้นทุ้มหนัก ไม่สามารถซ่อนอะไรได้เก่อหงย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-21
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 746 เสียงกระพรวนแปลกๆ

    เย่จิ่งหลานเตะเขาทันที“ระวังคำพูดด้วย มีผู้หญิงอยู่ในห้อง”หวังซุ่นรีบตบปากตัวเองสองครั้งอย่างรวดเร็ว พูดด้วยรอยยิ้ม “นิสัยปากเสียของข้าน้อยกำเริบอีกแล้ว กุ้ยเฟยกับแม่นางฮวาอย่าใส่ใจ”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา“หยุดโม้ได้แล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่”ครั้นแล้วหวังซุ่นก็เล่าทุกอย่าง ตั้งแต่เดินเข้าประตูไปจนถึงคุยกับฉุยอวี้ส่วนที่เหลือ ทุกคนก็ได้ยินผ่านเครื่องส่งรับวิทยุแล้ว ไม่มีความคลาดเคลื่อนจริงๆถ้าฉุยอวี้ไม่สังเกตเห็นว่าหวังซุ่นสวมหน้ากาก ก็สามารถใส่ร้ายเขาได้น่าเสียดาย...หวังซุ่นก็รู้ว่าทุกคนลงมืออย่างสูญเปล่าก็เพื่อปกป้องตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา จะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาซือหลาน ที่เคยไปอยู่กับเขามาระยะหนึ่งแล้วเพียงแต่ทั้งตัวของเขาถูกคลุมไปด้วยผ้าสีดำ ไม่สามารถมองเห็นแขนขาได้ และไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์และสีหน้าของเขาได้ เสียงของเขาถูกกดให้ต่ำลงและแหบแห้งอย่างจงใจ หวังซุ่นจะคาดคิดได้หรือว่าผ็ที่ตายไปแล้ว จะฟื้นชีวิตมาอยู่ที่นี่เย่จิ่งอวี้ก็คิดไม่ตกเช่นกัน นอกจากสายตาที่ดุร้ายของฉุยอวี้แล้ว ไม่มีคำอธิบายอื่นใดอีก“วันนี้ต้องโทษข้าน้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-05-21

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status