อินชิงเสวียนแหวเบาๆ “ไม่เอาหรอก ท่านรีบไปอาบเถอะ”เย่จิ่งอวี้กางแขนออก โอบอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขน“วันนี้ ต้องทำตามข้า”เพียงออกแรงส่งที่ปลายเท้า คนก็ตกลงไปในน้ำอินชิงเสวียนอุทาน ต่อต้านเย่จิ่งอวี้พลัน ทำให้กระโปรงคาดอกเปียกทันที“คนบ้า”เย่จิ่งอวี้จับเอวบางของนางแน่น ริมฝีปากอันอบอุ่นประทับบนลำคอของอินชิงเสวียน“นี่คือคำพูดจากใจของเสวียนเอ๋อร์งั้นหรือ”เสียงพึมพำดังข้างหู อินชิงเสวียนรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกไฟฟ้าช็อต จั๊กจี้ไร้เรี่ยวแรง รีบหดคอทันที“อาอวี้ เลิกกวนได้แล้ว”ทว่าเย่จิ่งอวี้ไปปิดริมฝีปากของนางแล้ว“เสวียนเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้า”ลมหายใจอบอุ่นห่อหุ้มอินชิงเสวียนทันที เสียงแสกสากของแพรฝ้ายพลันดังก้องในมิติอันเงียบสงบ เสื้อผ้าของทั้งสองถูกทำลายเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนด้วยกำลังภายในของเย่จิ่งอวี้การต่อต้านของอินชิงเสวียนกลายเป็นเสียงครางกระเส่าในไม่ช้า...วันถัดมาอินชิงเสวียนลืมตาขึ้น เห็นเย่จิ่งอวี้กำลังนั่งสมาธิข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ เนื่องจากเสื้อผ้าขาดเป็นชิ้นๆ ร่างทั้งร่างของเขาจึงเปลือยเปล่าโดยสิ้นเชิงเมื่อมองไปที่อกผายไหล่ผึ่งนั้น อินชิงเสวียนหน้าแดงทันที รีบ
เด็กน้อยตกใจเล็กน้อยคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ย?นี่มันสำนักอะไรกันมีหลายคำด้วย ฟังดูท่าทางร้ายกาจจริงๆเมื่อเห็นเย่จิ่งหลานการแต่งกายดูดี โมริตะคาวาสึบาเมะก็อดสนใจไม่ได้เขาเดินทางออกจากเกาะทั้งคืน สิ้นเปลืองกำลังคนไปมาก ในที่สุดก็มาถึงเมืองเติงหลง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไล่ล่า เขาได้ปีนลงจากภูเขา ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดทาง ก็เพื่อปะปนเข้ามาในเป่ยไห่ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะอายุไล่เลี่ยกับเข้า ดังนั้นจึงเหมาะที่จะตีสนิทเมื่อนึกถึงตรงนี้ โมริตะคาวาสึบาเมะก็กระตุกมุมปากขึ้น ประกบมือคารวะตามแบบฉบับคนจงหยวนและพูดว่า “ที่แท้ก็คือศิษย์ของคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ย ขออภัยที่เสียมารยาท”เย่จิ่งหลานหัวเราะ ก่นด่าในใจว่าเสียมารยาทโคตรพ่อเจ้าน่ะสิ เมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้แสร้งทำเป็นเข้าใจ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกอารมณ์เสียต้องเป็นคุณชายจากตระกูลใดสักตระกูลมาที่นี่เพื่อฝึกฝน เมื่อกลับสำนัก บันทึกการมีส่วนร่วมในการต่อสู้สักสนาม ก็เท่ากับเคลือบชั้นทองคำให้ตัวเองแล้วถุย ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด ก็ขาดทายาทรุ่นสองแบบนี้ไม่ได้เย่จิ่งหลานมาจากครอบครัวที่ยากจน ทนกับคนประเภทนี้ไม่ได้มากที่สุด จึงอดไม่ได้ที่จะอยากแกล้
โมริตะคาวาสึบาเมะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแสดงสีหน้าชื่นชม“คิดไม่ถึงว่าคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ยจะมีศิษย์มากมายขนาดนี้ แต่พูดตามตรง สำนักนี้ของคุณชาย เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยได้ยิน”เย่จิ่งหลานเชิดหน้าขึ้นพูดว่า “คนหูตาคับแคบเช่นเจ้า จะไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก”ทันใดนั้นสีหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็เริ่มบิดเบี้ยวเหยเกเจ้าเด็กเปรตนี่ กล้าฉีกหน้าเขาแบบนี้ ถ้าเขาไม่ต้องการตีสนิทเขา คงจะส่งเขาไปพบยมบาลด้วยฝ่ามือเดียวแล้วแน่ๆเย่จิ่งหลานถามอย่างไม่อินังขังขอบ “ไม่ทราบว่าน้องชายคนนี้เป็นศิษย์ของสำนักอะไร”โมริตะคาวาสึบาเมะประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ข้าน้อยมาจากสำนักอวิ๋นชวนเยี่ยนหาง ได้ยินเรื่องการต่อสู้ในเป่ยไห่ จึงอยากจะมาช่วยอีกแรงโดยเฉพาะ เพียงแต่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยทั้งผู้คนและสถานที่ หวังว่าคุณชายน้อยจะช่วยดูแลด้วย”เย่จิ่งหลานก็ไม่เคยได้ยินชื่อสำนักของเขา แต่น้ำเสียงคำพูดของเขา ฟังดูไม่เหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบอย่างแน่นอนเขายิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอน”โมริตะคาวาสึบาเมะดีใจ ในความเห็นของเขา เย่จิ่งหลานเป็นเพียงเด็กอายุไม่กี่ขวบ ย่อมถูกหลอกได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
ชาวตงหลิวบูชาพระอาทิตย์ ดังนั้นหวังซุ่นจึงดีใจมากที่ได้ยินเย่จิ่งหลานเปรียบเทียบตัวเองกับดวงอาทิตย์“ได้ ข้าเชื่อท่านอ๋อง”เย่จิ่งหลานกล่าวเสริมว่า “เรื่องนี้ห้ามบอกกับเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนเช่นกัน”หวังซุ่นตอบรับว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องห่วง ข้ารับรองถึงตีให้ตายก็ไม่พูด”ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ทั้งหมดก็มาถึงหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้ว อินชิงเสวียนกำลังอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงและพูดคุยกับเซี่ยวอิ๋นหวน เมื่อเห็นเย่จิ่งหลาน ก็ถามทันทีว่า “เจ้าไปไหนมารึ”หวังซุ่นพยักหน้าโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ข้าน้อยกับท่านอ๋องไปทะเลมา นี่ยังจับได้ปูตัวใหญ่มาเยอะขนาดนี้ คืนนี้เราจะได้กินกัน”อินชิงเสวียนจ้องมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้ารู้จักแต่กิน ไม่กลัวที่จะเจอคนไม่ดีหรือ”เย่จิ่งหลานหัวเราะแหะๆ และพูดว่า “อากาศแจ่มใสแบบนี้ จะมีคนเลวที่ไหนเยอะแยะ ยังมียอดฝีมือติดตามไปด้วยสองคน ไม่เป็นไรหรอก”หลังจากพูดจบก็มองไปที่หวนไท่เฟย ครั้นเห็นสีหน้าของนางดูดี ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับประสิทธิภาพของน้ำพุวิญญาณมีของเช่นนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหมอเทวดาหนิง ผู้อาวุโสสวีก็ต้องหลีกทางให้ น่าเสียดายที่ตัวเองดื่มมานาน ทั้งอาบทั้
“มาแล้ว”หวังซุ่นขานตอบ แล้ววิ่งกระดิกหางเข้ามา“ท่านอ๋องน้อยเรียกข้าน้อยมามีอะไรหรือ”หวังซุ่นได้ยิ้มประจบประแจงอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเย่จิ่งหลานปิดประตู ดึงเขาเข้าไปในห้องด้านใน“ข้ามีภารกิจมอบหมายให้เจ้าทำ ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยบุหรี่ชั้นดีสิบกล่องเลย”ในช่วงเวลานี้ หวังซุ่นถูกเย่จิ่งหลานสอนจนติดบุหรี่แล้ว ทุกครั้งที่เย่จิ่งหลานสูบบุหรี่ เขาจะนั่งยองๆ รออยู่ข้างหลังถ้าเย่จิ่งหลานอารมณ์ดีก็จะให้เขาสักมวนหนึ่ง แต่ถ้าอารมณ์ไม่ได้ก็จะให้แค่ก้นบุหรี่ แต่เจ้านี่กลับไม่รังเกียจ แค่ได้สูบก็พอใจแล้ว แต่กระนั้นก็สูบไม่หนำใจ พอได้เย่จิ่งหลานบอกว่าจะให้บุหรี่เขาได้มากมาย เขาก็ฉีกยิ้มกว้างจนใบหู“ไม่มีปัญหา ท่านอ๋องน้อยเชิญสั่งมาได้เลย ตราบใดที่ข้าน้อยทำได้ รับรองว่าต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น”เย่จิ่งหลานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เจ้าสวมหน้ากากไปพบกับฉุยอวี้ จากนั้นเราจะหาจังหวะไปจับคนสมคบคิดกับศัตรู ยังสามารถใช้โอกาสนี้พาเจ้าเข้าไปในมิติ สร้างภาพลวงตาว่าเจ้ากำลังใช้ทักษะการหลบหนี จากนั้นเจ้าก็สามารถถอดหน้ากาก แล้วกลับมาเป็นตัวเองเหมือน
เย่จิ่งหลานปั้นเรื่องว่า “ในสำนักของเรามีคนมากเกินไป ไม่สามารถอาศัยอยู่บนชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ได้หมด อาจารย์ของข้ามาจากที่เดียวกับเจ้าสำนักเซี่ยว จึงมาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว”โมริตะคาวาสึบาเมะมีสีหน้าประหลาดใจ“เป็นเช่นนี้นี่เอง ได้ยินชื่อหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายน้อยสามารถช่วยแนะนำข้าให้เจ้าสำนักเซี่ยวได้หรือไม่”ทว่าอดไม่ได้ที่จะสบถเสียงดังในใจเห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กเปรตนี่คุยโม้อยู่ เมื่อวานเขาถามเรื่องนี้ที่เหลาสุราแล้ว ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับคณะก้งฉิงแห่งฮว๋าเซี่ยเลย แต่ตอนนี้เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้าเด็กเปรตนี่ จึงต้องแสร้งยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนเย่จิ่งหลานกลอกตาแล้วพูดว่า “เจ้ากับข้าเจอกันครั้งแรกเหมือนรู้จักกันมานาน ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พอดีคืนนี้ทุกสำนักต้องไปหารือในสำนักเซียวเหยาคืนนี้ ถ้าคุณชายน้อยว่าง ก็สามารถเข้าไปร่วมครึกครื้นได้”จู่ๆ ใบหน้าของโมริตะคาวาสึบาเมะก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ“เช่นนั้นก็ดีเลย”เย่จิ่งหลานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เราจะไปรวมตัวกันที่สำนักเซียวเหยา เวลานั้นข้าจะแนะนำผู้อาวุโสในยุทธจักรเหล่านั้นกับเจ้า”โมริ
ในเวลาเดียวกัน อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็เข้าไปในภูเขานางรู้สึกมาโดยตลอดว่าลูกตาสีแดงของเย่จิ่งอวี้นั้นไม่ใช่สิ่งดีเลย ตลอดสองวันนี้อยากเห็นป่าศพที่เขาพูด ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ทั้งสองขึ้นไปบนภูเขา เย่จิ่งอวี้ก็พบเส้นทางในวันนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเดินได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็มองเห็นหุบเขา“ที่นี่ไง”เย่จิ่งอวี้ยืนนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วันนั้นข้าพยายามเต็มที่ แต่ยังตามชายคนนั้นไม่ทัน แสดงให้เห็นว่าเขามีวรยุทธ์สูงมาก หากได้พบเขาอีก ห้ามลงมือเด็ดขาด รีบเข้าไปในมิติทันที”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ข้ารู้แล้ว”อินชิงเสวียนไม่ใช่คนบ้าบิ่น นางไม่เคยต่อสู้ในศึกที่ไม่มั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในมิติยังมีข้อห้ามมากมาย ถ้าถูกคนจับตัวไว้ ก็ไม่สามารถเข้าไปในมิติได้ทั้งสองเข้าไปในหุบเขาอย่างระมัดระวัง กลับพบว่าพืชพรรณภายในเป็นสีเขียวขจี มีลำธารเล็กๆ ล้อมรอบ ไม่มีป่าศพเหมือนที่เย่จิ่งอวี้พูดเย่จิ่งอวี้ก็ประหลาดใจเช่นกันสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เป็นภาพลวงตาทั้งหมด หรือว่า...ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงเย่จิ่งอวี้ส่ายหัว เขาไม่เชื่อเรื่องวิญญาณชั่วร้ายเลย ต้องมีคนเก็บซากศพเหล่านั้น
ดวงตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาลดเสียงลงแล้วถามว่า “ที่ไหน”“ข้าก็บอกอย่างแน่นอนไม่ได้”นี่เป็นเพียงความรู้สึกชนิดหนึ่ง ยังไม่แม่นยำขนาดนั้น“อาอวี้ เรากลับกันเถอะ!”อินชิงเสวียนขนลุกซู่ ถึงขั้นสัมผัสได้ถึงความอาฆาตพยาบาทของอีกฝ่ายด้วยซ้ำเย่จิ่งอวี้เหยียดแขนออก กอดอินชิงเสวียนไว้ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแปลกมาก จนเย่จิ่งอวี้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอินชิงเสวียนเห็นว่าเขายังไม่อยากกลับ จึงไม่พูดอะไรอีก ในวังหลวงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เย่จิ่งอวี้ก็สามารถยืนเคียงข้างนางได้ และนางก็สามารถเสี่ยงอันตรายเพื่อเขาได้เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีมิติ“อืม”อินชิงเสวียนยิ้มอ่อนโยน พิงอยู่ในอ้อมอกของเย่จิ่งอวี้เมื่อเห็นสาวน้อยพิงตัวเองเหมือนกับนกน้อยก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบอันแรงกล้าในใจเสวียนเอ๋อร์เชื่อใจเขามากเพียงนี้ เขาต้องปกป้องความปลอดภัยของนางให้ได้ทั้งสองระมัดระวังตลอดทาง ขณะที่เดินเข้าไปในหุบเขาลึกธารน้ำไหลผ่านเท้า ใสจนเห็นก้นบึ้ง เสียงน้ำไหลซู่ซ่าก็ฟังดูผ่อนคลายอย่างอธิบายไม่ถูกอินช
“สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล