Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 629 พี่เขยฮ่องเต้

Share

บทที่ 629 พี่เขยฮ่องเต้

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-04-22 16:00:01
“วันนี้เจ้าจะกลับวังหรือเปล่า ถ้าไม่รีบก็นอนค้างที่บ้านสักคืนเถอะ แม่รองก็คิดถึงเจ้ามาก”

ดวงตาของอินจ้งฉายแววรักและเอ็นดู กระแสเสียงกอปรไปด้วยความอ่อนโยนดั่งบิดาที่รักบุตร

ตอนนี้อาซือหลานตายแล้ว คนตงหลิวที่อยู่นอกวังก็ถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีภัยคุกคามในวัง ทั้งยังมีเย่จั้นอยู่ด้วย อินชิงเสวียนจึงไม่กังวลนัก

เมื่อคิดว่าตัวเองเดินทางไปคราวนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย นางก็ควรใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในนามของเจ้าของร่างเดิมให้มากขึ้นจริงๆ

ครั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปบอกแม่รองเถอะ ตั้งแต่แม่ของเจ้าจากไป นางก็ตรากตรำเพื่อพวกเจ้าพี่น้อง”

หลายปีที่ผ่านมานี้ซูหมิงหลานก็ลำบากจริงๆ แต่นางก็ไม่ได้บ่นเลย แม้ว่าอินจ้งจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็เห็นในสายตาอยู่ตลอด

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“ลูกรู้แล้วเจ้าค่ะ มีบางเรื่อง ไม่ทราบว่าท่านแม่รองได้บอกท่านพ่อหรือยัง”

อินจ้งถามว่า “มีอะไรหรือ”

“เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ลูกกลับจวน ได้คุยกับท่านแม่รองเรื่องการเปิดร้าน ท่านแม่รองดูสนอกสนใจมาก อีกทั้งข้าก็มีของเล็กๆ น้อยๆ อยากขายด้วย เลยอยากให้ท่านแม่รองซื้อร้านสองร้านทิ้งไว้ ร้านหนึ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 630 ชอบข้าสักนิดบ้างหรือไม่

    พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืน ยังไม่มีข่าวคราวจากอินสิงอวิ๋น ฟางรั่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล“ทำไมยังไม่กลับมาอีกล่ะ เขาคงไม่เป็นไรกระมัง”กวนเซี่ยวกล่าวว่า “สหายอินมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ ในเมืองหลวงมีผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้ไม่กี่คน ข้าคิดว่าเขาคงมีเรื่องคุยกับกุ้ยเฟยหลายเรื่อง จึงมาช้า หากเจ้าง่วงนอน เจ้าก็ไปพักก่อนได้ ข้าจะรอที่นี่”ฟางรั่วพูดเรียบ “ไม่จำเป็น คุณชายกวนโปรดกลับไปเถอะ ประเดี๋ยวจอมพลเฒ่าจะเป็นห่วงเอา”“ไม่เป็นไร ท่านปู่เหนื่อยจากการฝึกซ้อมมาทั้งวัน ตอนนี้คงนอนหลับไปนานแล้ว อีกอย่างเจ้าอยู่ที่นี่ตามลำพัง ข้าไม่วางใจ ข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า”กวนเซี่ยวรู้อยู่แล้วว่าฟางรั่วสูญเสียทักษะวรยุทธ์ ยิ่งไม่อยากจากไปเมื่อเห็นว่าเขาปฏิเสธไม่ยอมจากไป ฟางรั่วก็ไม่พูดอะไรมาก เอนตัวพิงบนเตียงโดยมีมีดสั้นอยู่ในมือ หลับตาลงและหลับไปกวนเซี่ยวนั่งอยู่บนตั่งไม้ข้างๆ เฝ้ามองดูนางอยู่ตลอดเวลาใบหน้าของฟางรั่วขาวมาก เป็นสีขาวที่ผิดไปจากปกติ แทบไม่มีสีเลือด ดูซูบผอมลงไปมากซึ่งนี่ต้องเกี่ยวข้องกับการทำลายวรยุทธ์แน่นอน กวนเซี่ยวอดไม่ได้ที่จะขบกรามเป็นสันนูน“เจ้าวางใจ ข้าจะช่วยเจ้าตามหาหมอ

    Last Updated : 2024-04-22
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 631 ค่ำคืนอันยากจะข่มตาหลับ

    “ข้ารู้แล้ว”น้ำเสียงสิ้นหวังของกวนเซี่ยวดังมาจากนอกประตู“ข้าจะไม่เซ้าซี้เจ้าอีก แต่ภายหน้าถ้าเจ้าเผชิญเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก็มาหาข้าได้เสมอ ไม่ว่าเมื่อใด ไม่ว่าเรื่องใด ข้าจะพยายามช่วยเหลือเจ้าจนสุดกำลัง”เมื่อฟังเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินห่างจากประตูไป ฟางรั่วก็เจ็บแปลบที่ขอบตา หยาดน้ำตารินไหลลงมาเงียบๆ ขอโทษนะ กวนเซี่ยว ข้าไม่เหมาะสมกับเจ้าจริงๆ!ฟางรั่วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น เมื่อผ่านไปเนิ่นนานหลายอึดใจ นางก็เช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืนจู่ๆ นางก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองดูไร้ความหมายตราบใดที่แน่ใจว่าอาซือหลานเสียชีวิตแล้ว นางจะออกจากเมืองหลวงทันที ไปยังสถานที่ที่ร้างผู้คน เพื่อจบสิ้นเศษเสี้ยวชีวิตที่เหลืออยู่คืนนี้ ถูกลิขิตเป็นค่ำคืนอันยากจะข่มตาหลับได้อินชิงเสวียนนอนไม่หลับ ฟางรั่วนอนไม่หลับ กวนเซี่ยวและเย่จั้นก็นอนไม่หลับเช่นกันบ้างก็เพราะคนรัก บ้างก็เพราะคนในครอบครัวในเวลานี้ ราตรีมืดมิด นภาไร้ดวงจันทร์ ความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ปกคลุมวังหลวง ราวกับว่าปากยักษ์ที่มองไม่เห็นกำลังจะกลืนกินวังหลวงอันงดงามแห่งนี้หลี่เต๋อฝูจงใจจุดตะเกียงอีกหลายดวง เมื่อเห็นเย่จั้

    Last Updated : 2024-04-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 632 อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

    อินชิงเสวียนและน้องสาวได้มาถึงห้องรับแขกแล้วซูหมิงหลานตื่นมาทำอาหารตั้งแต่เช้า โดยมีกับข้าวหกอย่าง น้ำแกงสองอย่าง ข้างๆ มีซาลาเปาก้อนอ้วนๆ ขาวๆ ชิ้นใหญ่ มีควันลอยฉุย ดูน่ารับประทานมากอินจ้งกำลังคุยกับอินปู้อวี่ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินเข้าประตูมา ซูหมิงหลานก็พูดทันที “มาชิมดูเร็ว ประเดี๋ยวเย็นชืดแล้วจะไม่อร่อย”อินชิงเสวียนตอบรับ และนั่งลงข้างๆ อินปู้อวี่ฝีมือของซูหมิงหลานนั้นยอกเยี่ยมจริงๆ แค่กัดไปคำแรกก็ได้รสชาติของไส้เนื้อเต็มคำของแบบนี้เป็นเพียงอาหารธรรมดาในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคโบราณนี้ การได้กินแป้งหมี่และเนื้อได้ ก็นับว่าเป็นครอบครัวที่ดีมากแล้วฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรเลย หลังจากที่เย่จิ่งอวี้ขึ้นครองบัลลังก์ ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอดอยากอีกหนึ่งปี อาหารในสมัยโบราณไม่มีผลิตผลเท่าปัจจุบัน ภายใต้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แม้แต่ข้าวฟ่างและธัญพืชก็กลายเป็นของหายาก นับประสาอะไรกับอาหารจำพวกเนื้อทั้งอินปู้อวี่และอินจื่อลั่วต่างก็กินกันอย่างออกรส ส่วนอินชิงเสวียนกินไปไม่กี่คำ แต่ก็รู้สึกเหมือนกับการเคี้ยวไขผึ้ง การที่มีเรื่องมากมายในใจทำให้นางไม่รับรู้ร

    Last Updated : 2024-04-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 633 ลูกคิดถึงเด็จพ่อ

    ณ ตำหนักจินหวูเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่ไม่เห็นอินชิงเสวียนทั้งคืน ปากเล็กๆ เบะออก และวิ่งโผเข้าใส่ด้วยสีหน้าน้อยใจเขากอดขาของอินชิงเสวียน เงยหน้าเล็กๆ ขึ้น พูดด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “สวยแม่ ลูกคิดถึงสวยแม่”หัวใจของอินชิงเสวียนอ่อนยวบลง เอื้อมมือไปอุ้มเด็กอ้วนตัวน้อยขึ้นมาจูบใบหน้าเล็กๆ ที่เรียบเนียนของเขาเบาๆ“เสด็จแม่ก็คิดถึงลูกรักเหมือนกัน เมื่อคืนเจ้าเป็นเด็กดีไหม”อวิ๋นฉ่ายพูดทันทีว่า “เมื่อคืนองค์ชายน้อยร้องไห้เกือบครึ่งค่อนคืนเพคะ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไปหาเสด็จแม่ ยิ่งโตยิ่งติดแม่จริงๆ เลย”มือเล็กป้อมของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกอดนางแน่นขึ้น“คิดถึงแม่แม่ คิดถึงแม่แม่”เมื่อเผชิญเทวดาตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ใครจะไม่หลงได้ลงคอ“ลูกเป็นเด็กดีนะ เมื่อแม่ทำธุระเสร็จ จะได้อยู่กับลูก ไม่พรากจากกันอีก”เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแฉ่งริมฝีปากอันอ่อนนุ่มจูบใบหน้าของอินชิงเสวียน แล้วพูดเสียงใสแจ๋ว “ไม่พรากกัน”“เป็นเด็กดีจริงๆ”แค่ตัวหนักไปหน่อยเมื่อไม่ใช้พลังจากมิติ อินชิงเสวียนก็เป็นเพียงคนธรรมดา การอุ้มเด็กที่มีน้ำหนักมากกว่ายี่สิบจิน หรือสิบกิโลกรัมนั

    Last Updated : 2024-04-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 634 เจอฟางรั่วอีกครั้ง

    อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง“เจ้าได้ยินเรื่องนี้มาจากใคร”ซูฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านและข้าก็นับว่าไม่ตีกันก็ไม่รู้จักกัน ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบังละกัน ทั้งวังหลังรู้ดีว่าฝ่าบาทโปรดปรานกุ้ยเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ของประดับตกแต่ง เรื่องการแยกย้ายวังหลังก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดอยู่วันยังค่ำ แทนที่จะใช้ชีวิตอยู่ในวังหลัง มิสู้หาแต่งงานกับคนดีๆ เสียเวลาอยู่ที่นี่ไปเปล่าๆ สุดท้ายต้องกลายเป็นสาวเทื้อขึ้นคาน”เมื่อเห็นท่าทางที่เกินจริงของซูฉ่ายเวย อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทจะตัดสินใจเอง น่าจะไม่ให้พวกเจ้ารอนานเกินไป”“ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนั้น”ซูฉ่ายเวยแสดงท่าทางที่ชัดเจน“งั้นข้าก็ต้องหากำไรให้ได้เยอะๆ ถ้าออกจากวังแล้ว คงไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้”อินชิงเสวียนจิบชาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้เจ้ากิจการเจริญรุ่งเรือง นับตั๋วเงินจนนับไม่ถ้วน”“ขอบคุณกุ้ยเฟยที่อวยพร เรื่องในวังท่านไม่ต้องกังวล ตั้งแต่ฉู่หลิงอวี้ถูกโยนเข้าวังเย็นไปอีกคน สาวน้อยพวกนั้นก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาก เพราะกลัวว่าทำให้ทรงกริ้ว พวกนางคนใดหากกล้าไปเล่นหูเล่

    Last Updated : 2024-04-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 635 วิถีทางไม่ตรงกัน อย่ามาร่วมทางเดียวกันเลย

    ฟางรั่วก็เห็นอินชิงเสวียนเช่นกัน ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ใบหน้าแดงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอินชิงเสวียนให้องครักษ์ออกไปทันที พลิกกายลงจากหลังม้าฟางรั่วยืนนิ่ง“มาเยี่ยมกวนเซี่ยวหรือ”อินชิงเสวียนถามเรียบๆ“ข้ามาหาเจ้า”ฟางรั่วมองไปที่อินชิงเสวียน โดยไม่หลบเลี่ยงสายตาอินชิงเสวียนยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พูดสัพยอก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา”ฟางรั่วกล่าวว่า “เดาเอา”อินชิงเสวียนไม่ต้องการเปิดเผยความคิดของนาง จึงถามเรียบๆ “เจ้ามาหาข้าทำไม”“ข้ามักจะรู้สึกว่าอาซือหลานยังไม่ตาย ข้าอยากตามเจ้าไป ตราบใดที่อยู่ข้างๆ เจ้า ข้าถึงจะมีโอกาสจัดการกับเขา”เสียงของฟางรั่วสงบ แต่ดวงตาไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังได้“ไม่จำเป็นหรอก คนอย่างเจ้า ข้าไม่ไว้ใจ”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในจวนจอมพล ฟางรั่วเลื่อนเข้ามาขวางนาง“เจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไรถึงจะติดตามเจ้าได้”อินชิงเสวียนหันกลับมา นัยน์ตาเย็นชาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง“เจ้ากับข้าวิถีทางแตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องฝืนใจมาอยู่ด้วยกัน หลีกไปเถอะ”ฟางรั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตามองจับไปยังอินชิงเสวียนโดยไม่ละสายตา“เ

    Last Updated : 2024-04-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 636 เฟิงเอ้อร์เหนียง

    อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ พยักหน้าและพูดว่า “ชิงเสวียนทราบแล้ว อัคราจารย์ก็ต้องรักษาสุขภาพด้วย อย่าดื่มสุรามากนัก จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”“อืม อัคราจารย์รู้แล้ว ในเมื่อจะออกจากวังเดินทางไกล ถือโอกาสในสองวันนี้ กลับบ้านไปอยู่กับพ่อเจ้าให้มากเถิด”“เจ้าค่ะ ข้าจะกลับจวนตระกูลอินเดี๋ยวนี้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน กวนฮั่นหลินไม่ได้รั้งตัวไว้ ไปส่งอินชิงเสวียนถึงหน้าประตูจวนด้วยตัวเองอินชิงเสวียนไม่อยากกลับวังจริงๆ ทุกครั้งที่ไปถึงห้องหนังสือ นางจะคิดถึงเย่จิ่งอวี้อย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อไม่สามารถเผชิญหน้าได้ ก็ทำได้แค่หลีกเลี่ยงเท่านั้นเมื่อเห็นอินชิงเสวียนขี่ม้า แต่ไม่ได้ออกเดินเสียที ฉินเทียนก็เดินไปถามว่า “พระสนม เราจะกลับวังหรือไม่”อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าจะไปดูที่จวนฝูอี้อ๋องหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องคุ้มกันแล้วล่ะ”“จะได้อย่างไร ถ้าฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ คงลงโทษกระหม่อมแน่นอน”ในวันที่อาซือหลานถูกฆ่า ฉินเทียนและหลี่ฉีก็อยู่ด้วย ทั้งสองมีทักษะวรยุทธ์ต่ำ เมื่อได้ยินเสียงเพลงก็หมดสติไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่องเต้ถูกเปลี่ยน ยิ่งไม่รู้ว่าฝ่าบาท

    Last Updated : 2024-04-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 637 ความคิดพิสดาร

    อินชิงเสวียนก็ประหลาดใจเช่นกันเดิมทีคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงเป็นเพียงเถ้าแก่เนี้ยหอนางโลมธรรมดาๆ แต่ไม่คิดว่าสตรีคนนี้จะมีวรยุทธ์สูงขนาดนี้ แม้ว่าตัวเองและพี่รองจะร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ระหว่างทั้งสองไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อกัน อินชิงเสวียนไม่ต้องการใช้ทักษะห้าสิบห้าสิบ ถึงอย่างไรการทำร้ายอีกฝ่าย ตัวนางก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันอันที่จริง เฟิงเอ้อร์เหนียงไม่ได้ผ่อนคลายเท่าที่นางแสดงให้เห็น ลำพังแค่อินชิงเสวียนคนเดียวก็เกินที่จะรับมือได้แล้ว เมื่อผนวกกับอินปู้อวี่ ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกลำบากมากในชั่วพริบตา ก็ผ่านไปหลายสิบกระบวนท่าเมื่อเห็นสองพี่น้องตระกูลอินที่บีบเข้ามาเรื่อยๆ เฟิงเอ้อร์เหนียงก็ทำอุบายหลอกตา และเหาะออกจากวงการต่อสู้“เราอย่าสู้กันเลย คนอื่นเขาต่อสู้กันก็เพราะมีความแค้นต่อกัน ข้าแค่พาแม่นางน้อยกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ตอนนี้ก็ส่งคนคืนให้พวกเจ้าแล้ว แม่นางโปรดเมตตาปรานี ให้ข้ามีชีวิตรอดด้วย ใครบ้างที่ชีวิตไม่ลำบาก ไยต้องทำให้ลำบากใจด้วย”ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนนิ่งขึง มองไปยังเฟิงเอ้อร์เหนียงจากระยะไกล“เถ้าแก่เนี้ยมีทักษะวรยุทธ์ขนาดนี้

    Last Updated : 2024-04-25

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status