หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 635 วิถีทางไม่ตรงกัน อย่ามาร่วมทางเดียวกันเลย

แชร์

บทที่ 635 วิถีทางไม่ตรงกัน อย่ามาร่วมทางเดียวกันเลย

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-24 16:00:00
ฟางรั่วก็เห็นอินชิงเสวียนเช่นกัน ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ใบหน้าแดงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ

อินชิงเสวียนให้องครักษ์ออกไปทันที พลิกกายลงจากหลังม้า

ฟางรั่วยืนนิ่ง

“มาเยี่ยมกวนเซี่ยวหรือ”

อินชิงเสวียนถามเรียบๆ

“ข้ามาหาเจ้า”

ฟางรั่วมองไปที่อินชิงเสวียน โดยไม่หลบเลี่ยงสายตา

อินชิงเสวียนยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พูดสัพยอก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา”

ฟางรั่วกล่าวว่า “เดาเอา”

อินชิงเสวียนไม่ต้องการเปิดเผยความคิดของนาง จึงถามเรียบๆ “เจ้ามาหาข้าทำไม”

“ข้ามักจะรู้สึกว่าอาซือหลานยังไม่ตาย ข้าอยากตามเจ้าไป ตราบใดที่อยู่ข้างๆ เจ้า ข้าถึงจะมีโอกาสจัดการกับเขา”

เสียงของฟางรั่วสงบ แต่ดวงตาไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังได้

“ไม่จำเป็นหรอก คนอย่างเจ้า ข้าไม่ไว้ใจ”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็เดินเข้าไปในจวนจอมพล ฟางรั่วเลื่อนเข้ามาขวางนาง

“เจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไรถึงจะติดตามเจ้าได้”

อินชิงเสวียนหันกลับมา นัยน์ตาเย็นชาราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง

“เจ้ากับข้าวิถีทางแตกต่างกัน ไม่จำเป็นต้องฝืนใจมาอยู่ด้วยกัน หลีกไปเถอะ”

ฟางรั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตามองจับไปยังอินชิงเสวียนโดยไม่ละสายตา

“เ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 636 เฟิงเอ้อร์เหนียง

    อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ พยักหน้าและพูดว่า “ชิงเสวียนทราบแล้ว อัคราจารย์ก็ต้องรักษาสุขภาพด้วย อย่าดื่มสุรามากนัก จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”“อืม อัคราจารย์รู้แล้ว ในเมื่อจะออกจากวังเดินทางไกล ถือโอกาสในสองวันนี้ กลับบ้านไปอยู่กับพ่อเจ้าให้มากเถิด”“เจ้าค่ะ ข้าจะกลับจวนตระกูลอินเดี๋ยวนี้”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน กวนฮั่นหลินไม่ได้รั้งตัวไว้ ไปส่งอินชิงเสวียนถึงหน้าประตูจวนด้วยตัวเองอินชิงเสวียนไม่อยากกลับวังจริงๆ ทุกครั้งที่ไปถึงห้องหนังสือ นางจะคิดถึงเย่จิ่งอวี้อย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อไม่สามารถเผชิญหน้าได้ ก็ทำได้แค่หลีกเลี่ยงเท่านั้นเมื่อเห็นอินชิงเสวียนขี่ม้า แต่ไม่ได้ออกเดินเสียที ฉินเทียนก็เดินไปถามว่า “พระสนม เราจะกลับวังหรือไม่”อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าจะไปดูที่จวนฝูอี้อ๋องหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องคุ้มกันแล้วล่ะ”“จะได้อย่างไร ถ้าฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ คงลงโทษกระหม่อมแน่นอน”ในวันที่อาซือหลานถูกฆ่า ฉินเทียนและหลี่ฉีก็อยู่ด้วย ทั้งสองมีทักษะวรยุทธ์ต่ำ เมื่อได้ยินเสียงเพลงก็หมดสติไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่องเต้ถูกเปลี่ยน ยิ่งไม่รู้ว่าฝ่าบาท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 637 ความคิดพิสดาร

    อินชิงเสวียนก็ประหลาดใจเช่นกันเดิมทีคิดว่าเฟิงเอ้อร์เหนียงเป็นเพียงเถ้าแก่เนี้ยหอนางโลมธรรมดาๆ แต่ไม่คิดว่าสตรีคนนี้จะมีวรยุทธ์สูงขนาดนี้ แม้ว่าตัวเองและพี่รองจะร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ระหว่างทั้งสองไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อกัน อินชิงเสวียนไม่ต้องการใช้ทักษะห้าสิบห้าสิบ ถึงอย่างไรการทำร้ายอีกฝ่าย ตัวนางก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันอันที่จริง เฟิงเอ้อร์เหนียงไม่ได้ผ่อนคลายเท่าที่นางแสดงให้เห็น ลำพังแค่อินชิงเสวียนคนเดียวก็เกินที่จะรับมือได้แล้ว เมื่อผนวกกับอินปู้อวี่ ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกลำบากมากในชั่วพริบตา ก็ผ่านไปหลายสิบกระบวนท่าเมื่อเห็นสองพี่น้องตระกูลอินที่บีบเข้ามาเรื่อยๆ เฟิงเอ้อร์เหนียงก็ทำอุบายหลอกตา และเหาะออกจากวงการต่อสู้“เราอย่าสู้กันเลย คนอื่นเขาต่อสู้กันก็เพราะมีความแค้นต่อกัน ข้าแค่พาแม่นางน้อยกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ตอนนี้ก็ส่งคนคืนให้พวกเจ้าแล้ว แม่นางโปรดเมตตาปรานี ให้ข้ามีชีวิตรอดด้วย ใครบ้างที่ชีวิตไม่ลำบาก ไยต้องทำให้ลำบากใจด้วย”ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนนิ่งขึง มองไปยังเฟิงเอ้อร์เหนียงจากระยะไกล“เถ้าแก่เนี้ยมีทักษะวรยุทธ์ขนาดนี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 638 ความกังวลของเย่จิ่งหลาน

    “ทำไมน้องหญิงใหญ่ถึงมองที่นี่แบบนี้ล่ะ”อินปู้อวี่ยังหนุ่มยังแน่น เพียงไม่นานก็ทำความสะอาดหิมะข้างหลุมศพได้พอสมควรแล้วเมื่อเห็นอินชิงเสวียนจ้องมองที่หลุมศพ นางก็ถามอย่างไม่เข้าใจอินชิงเสวียนอึกอัก และพูดว่า “ในหลุมศพของท่านแม่...มีเพียงร่างเท่านั้นหรือ”อินปู้อวี่โพล่งตอบมาง่ายๆ “ใช่สิ ท่านพ่อเราเป็นขุนนางสุจริต จะมีทรัพย์สมบัติมากมายฝังไปพร้อมกับท่านแม่ได้อย่างไร”อินชิงเสวียนหน้าแดง แม้ว่านางจะรู้ว่าอินปู้อวี่ไม่มีเจตนาอื่นใด แต่นางก็ยังคงรู้สึกผิด ราวกับว่าตัวเองมีเจตนาซ่อนเร้นอินปู้อวี่ส่งพลั่วเหล็กกลับคืน“น้องหญิงใหญ่เอากลับไปสิ”“ไม่ต้องหรอก พี่รองเก็บไว้เถอะ ไม่ใช่ของมีค่าอะไร ไม่มีเหล็กมากมายเพียงนั้น ไม่นับวาเป็นของที่แอบมีไว้ในครอบครอง”“ได้จริงหรือ”อินปู้อวี่ชอบพลั่วเหล็กนี้มาก ใช้ของสิ่งนี้ตักหิมะ ง่ายกว่าใช้ไม้ตักหิมะมาก“อืม”เมื่อมองไปยังอินปู้อวี่ที่ดูเซ่อซ่า อินชิงเสวียนก็ยิ้ม แล้วขึ้นไปบนหลังม้าครั้นแล้วสองพี่น้องก็เดินออกมาจากตรอกเส้นเล็ก และเดินตามผู้คนที่หลั่งไหลเข้าไปในประตูเมืองพอมาถึงประตูจวนตระกูลอิน อินชิงเสวียนก็หยุดม้าอินปู้อวี่ถาม “น้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 639 เจ้าสำนักเซี่ยว

    อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “พาไปเถอะ บางทีอาจจะมีประโยชน์บ้าง”“ได้ เอาตามที่เจ้าว่า”ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็คลานออกจากเตียง“อากาศหนาวมากขนาดนี้ แม้แต่เครื่องทำความร้อนหรือเครื่องปรับอากาศก็ไม่มี แย่มากจริงๆ ที่เป่ยไห่คงไม่หนาวขนาดนี้นะ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะหนาวตายก่อนที่จะไปถึงที่นั่นด้วยซ้ำ”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ พูดว่า “คงไม่หรอก หากทะเลเป่ยไห่เป็นน้ำแข็ง คนตงหลิวพวกนั้นคงไม่ต้องทุ่มเทความพยายามขนาดนี้”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยขึ้นอีก“เจ้าคิดว่าคนพวกนั้น ทำไมต้องมาที่จงหยวนด้วยล่ะ”“ยังต้องถามอีกหรือ ไม่ได้ยินหวังซุ่นบอกหรือว่าเกาะของพวกเขาไม่ใหญ่ ต้องเป็นเพราะมีทรัพยากรน้อยเกินไป จึงต้องการขยายอาณาเขตมาถึงที่นี่ แต่ถ้าคนพวกนั้นเป็นวิชานินจากันหมด กลัวว่าจะจัดการไม่ง่าย”เย่จิ่งหลานตบต้นขาด้วยสีหน้าเสียดาย แล้วพูดว่า “แม่งเอ๊ย ยังขาดการผ่าตัดที่สมบูรณ์แบบอีกครั้งหนึ่ง ข้าถึงจะแลกปืนได้ ถ้าพบคนป่วยหนักระหว่างทาง อย่าลืมให้เวลาข้าสักพัก ให้ข้าช่วยเหลือพวกเขาก่อนนะ”อินชิงเสวียนตอบอืม แล้วก็นึกถึงคะแนนสะสมของตัวเองนานแล้วที่คะแนนสะสม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 640 เอาเลือด

    “ไม่คาดคิดว่าหวนเอ๋อร์ที่ฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปี แต่สุดท้ายก็ยังถูกพิณการเวกแว้งกัดเอา”น้ำเสียงของชายชราแผ่วต่ำ น้ำเสียงเจือความไม่เต็มใจเล็กน้อยสตรีทางขวากระซิบ “ถ้าศิษย์พี่หญิงเฟิ่งอี๋ไม่ลงเขา ก็คงไม่...”ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อย่าพูดสิ่งที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น ในโลกนี้ไม่มีคำว่าถ้า นางเสียชีวิตเพราะคลอดลูกของลิ่นเซียว นี่เป็นชะตากรรมของนาง ตอนนี้หวนเอ๋อร์เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถบรรเลงพิณการเวกได้ จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยนาง ข้าพาตัวเย่จิ่งอวี้มาแล้ว อยู่ในห้องปีกตะวันตก เจ้าสองคนไปเอาเลือดของเขาออกมาโดยด่วน อย่าลืมว่าต้องเอามาด้วยจำนวนที่พอเหมาะ อย่าทำให้ตายในคราวเดียว ข้าจะไปหาหมอเทวดาหนิง”ร่างของชายชราหายวับไปจากที่เดิมทันทีสตรีทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะไปยังห้องปีกตะวันตก ทันทีที่เข้าไปในประตูก็เห็นเย่จิ่งอวี้นอนอยู่บนพื้น“นี่คือลูกชายของศิษย์พี่หวนหรือ”สตรีในชุดสีชมพูทางด้านซ้ายจ้องมองเย่จิ่งอวี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสตรีในชุดสีเขียวทางขวาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจริงๆ นี่คือฮ่องเต้น้อยคนปัจจุบัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 641 ต้องจับตัวคนแซ่เย่กลับมาให้ได้

    “เกิดอะไรขึ้น”สตรีคนหนึ่งที่สวมกระโปรงคาดอกสีแดงเข้มเดินออกจากห้องข้างๆ โดยที่ในมือถือชามยาอยู่สตรีสองคนหันกลับอย่างรวดเร็ว“พี่ฮวาเชียน คุณชายแซ่เย่หนีหายไปแล้ว”ใบหน้าของฮวาเชียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย“อะไรนะ เจ้าสำนักจับกุมฮ่องเต้น้อยจริงๆ หรือ “สตรีในชุดสีชมพูพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าสำนักเพิ่งกลับมา วานให้พวกเราไปเอาเลือดคุณชายน้อยเย่ ไม่นึกว่าจู่ๆ เขาก็ตื่นขึ้น พังประตูแล้ววิ่งหนีไป”ฮวาเชียนถามอย่างร้อนรน “เจ้าสำนักล่ะ”“ไปหาหมอเทวดาหนิง พี่ฮวาเชียน ควรทำอย่างไรดี”หญิงสาวในชุดสีเขียวกังวลมากจนแทบจะร้องไห้ฮวาเชียนรีบส่งชามยาในมือให้กับหญิงสาวในชุดสีเขียว“พวกเจ้าป้อนยาชามนี้ให้ผู้คุมตรา ข้าจะออกไปดู ต้องปกป้องผู้คุมตราให้ปลอดภัยนะ”“เจ้าค่ะ”ทั้งสองตอบพร้อมกัน และเดินเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็วฮวาเชียนใช้วิชาตัวเบา เหาะเหินไปตามตึกในหอเมฆมืดมนขนาดมหึมาแผ่ปกคลุมชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ ท้องนภาปราศจากแสงเดือนแสงดาว เอื้อมมืออกไปก็ไม่เห็นแม้แต่นิ้วเดียวแม้ว่าเมืองนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ทางด้านซ้ายก็ล้อมรอบด้วยภูเขา ด้านหน้าติดทะเล การจะหาใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยฮวาเชียนหยุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 642 ความเกลียดแค้นของเจ้าสำนักเซี่ยว

    ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดหวานๆ ของฮ่องเต้ใจโฉด หวนเอ๋อร์คงไม่ติดตามเขาเข้าวัง ถ้าเขาดีกับหวนเอ๋อร์ก็คงไม่เป็นไร แต่ฮ่องเต้ใจโฉดมีนางสนมมากมาย ได้ใหม่ก็ลืมเก่าหลังจากทราบว่าเซี่ยวอิ๋นหวนเป็นทุกข์ไร้สุขอยู่ในวังตลอดทั้งวัน ป่วยหนักก็ไม่ยอมรักษา เจ้าสำนักเซี่ยวจึงเดินทางไกลไปยังเมืองต้าโจว พาคนกลับมายังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เดิมทีเขาต้องการที่จะบดขยี้ฮ่องเต้ใจโฉดกับเจ้าเด็กเปรตเย่จิ่งอวี้ให้ตาย แต่เซี่ยวอิ๋นหวนขอร้องอ้อนวอน ถึงขั้นขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เจ้าสำนักเซี่ยวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้โชคดีที่วันนั้นตัวเองมีใจเมตตา ไว้ชีวิตเจ้าเด็กเปรตนั่น ไม่เช่นนั้นหวนเอ๋อร์คงจะ...เมื่อนึกถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็แสดงความเกรี้ยวกราดขึ้นอีกเจ้าเด็กเปรตแซ่เย่กล้าหนีไป หากจับเขาได้ จะต้องทำให้เขาเจ็บปวดทรมานร่างกายแน่ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ฮวาเชียนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ฮวาเชียนคารวะเจ้าสำนัก”เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง แล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “มีข่าวของเจ้าเด็กเปรตนั่นแล้ว?”ฮวาเชียนก้มศีรษะลง “ไม่มีเจ้าค่ะ”เจ้าสำนักเซี่ยวแค่นเสียงหึและพูดว่า “งั้นก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 643 พี่ใหญ่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ

    ใบหน้าของเป่าเล่อเอ่อร์แดงปลั่ง มองไปที่อินสิงอวิ๋นเงียบๆ ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน อินสิงอวิ๋นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยซึ่งอินชิงเสวียนก็เห็นการแสดงออกของทั้งสองคนอยู่ในสายตา ในใจรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยคู่รักอยู่ตรงหน้าพอดี ในโลกนี้จะมีอะไรที่สุขกว่านี้อีกชายคนรักที่สมใจของนาง ตอนนี้อยู่ที่ใดหนอเมื่อนึกถึงเย่จิ่งอวี้ ดวงตาของอินชิงเสวียนก็มืดมัวลงทันทีทั้งครอบครัวดื่มด่ำกับความสุขของการแต่งงาน ทว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ของอินชิงเสวียนอินชิงเสวียนเองไม่อยากสร้างปัญหาให้กับทุกคน ดังนั้นนางจึงปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว ให้กลมกลืนเข้ากับบรรยากาศหลังมื้ออาหารกลางวัน เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอยากไปเล่นในสนาม อินชิงเสวียนจึงพาเขาไป ในขณะที่กำลังหยอกเย้าลูกชาย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากข้างหลังเมื่ออินชิงเสวียนหันหน้ากลับมา ก็เห็นอินสิงอวิ๋นยืนอยู่ห่างออกไปสามก้าวทันที“พี่ใหญ่”“อื้ม”อินสิงอวิ๋นพยักหน้า หยิบกระพรวนเล็กๆ ที่ร้อยด้วยเชือกสีแดงออกมาจากอกเสื้อ แล้วมอบให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงครั้นแล้วอินชิงเสวียนก็นึกถึงสายกระพรวนทองที่มีผลกระทบต่อเย่จิ่งอวี้ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ได้ยินอินสิงอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-04-27

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status