แชร์

บทที่ 561 ถูกจู่โจม

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เย่‍จิ่ง‍อวี้เล่าเบาะแสที่เจวี๋ยอิ่งทราบให้อินชิงเสวียนรู้ อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เป่ยไห่เป็นสถานที่แบบไหนกัน”

อินชิงเสวียนสนใจสำนักนี้มาก ประการแรกเพราพพิณการเวก ประการที่สองเพราะท่านอาเล็กที่หายตัวไปอย่างแปลกประหลาด และประการที่สามเพราะตราหยกที่นางเก็บได้

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า เป่ยไห่เป็นเสมือนฉากกั้นการบุกรุกจากภายนอกของจงหยวน ส่วนจะสกัดกั้นจากสิ่งใดนั้นข้าก็ไม่รู้ และทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในยุทธภพที่คนทั่วไปไม่ทราบ จะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ไม่อาจทราบได้”

อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ถ้าเสด็จต้องการไปเป่ยไห่ ฝ่าบาทจะเห็นชอบหรือไม่”

“ทหารที่ปิดล้อมในเมืองซุ่ยหานได้ล่าถอยแล้ว แม้ว่าเสด็จอาจะไม่กลับไป ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนัก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดต่อ “หลายปีมานี้เสด็จอาเฝ้าดูแลแว่นแคว้นและชายแดนของต้าโจวมาตลอด บัดนี้แม่ทัพที่เขาฝึกฝนมาก็สามารถต้านทานได้เพียงลำพังแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาอยู่ในเมืองซุ่ยหานตลอดไป”

เย่จั้นดีต่อเย่‍จิ่ง‍อวี้มากจริงๆ ความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นนี้ เมื่อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 562 บากะยาโร่ว

    เมื่อได้ยินภาษาของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ผงะไปชั่วขณะ ทำไมถึงฟังดูเหมือนภาษาที่เรียนในวัยเด็ก เหมือนจะมีคำว่าบากะด้วยแต่โทนเสียงจะแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นในปัจจุบันเล็กน้อยแม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่นางก็ดูอนิเมะอยู่บ่อยๆ จึงพอฟังเข้าใจคำศัพท์ง่ายๆ ได้ในขณะที่กำลังเหม่อลอย คนที่วิ่งเข้าหานางจู่ๆ ก็หายไป จากนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้า และมีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอินชิงเสวียนแลกทักษะการกระโดดจากมิติทันที และกระโดดขึ้นจากพื้น ทะยานสูงขึ้นไปหลายจั้งเย่จั้นและเย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบสนองเร็วกว่านาง พวกเขาได้ต่อสู้กับคนแปลกหน้าเหล่านั้นก่อนแล้วอินชิงเสวียนคว้ากิ่งไม้ข้างๆ ยืนอยู่ด้านบนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ นางรู้สึกว่าเพลงยุทธ์ของคนเหล่านี้แปลก ร่างกายแวบเข้าแวบออก เมื่อจะปล่อยกระบวนท่าก็ทำมือประสานอิน ซึ่งคล้ายกับอนิเมะนินจาที่นางเคยดูมา หรือว่าพวกอัปลักษณ์เหล่านี้ เป็นชาติพันธ์ของชาวญี่ปุ่นจริงๆ?แคว้นที่นางเดินทางข้ามมิติมาเหมือนจะเป็นเรื่องสมมติ แม้ว่าจะมีต้าโจวในประวัติศาสตร์ แต่ก็แตกต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 563 เสวียนเอ๋อร์ของข้าไม่มีวันชรา

    คุกหลวงชายตัวเตี้ยถูกมัดร่างไว้กับเสาหิน แล้วใช้แส้จุ่มน้ำเกลือโบยจนผิวหนังปริแตกไม่มีใครทนต่อแส้หนังนี้ได้ ชายร่างเตี้ยส่งภาษาด้วยความเจ็บปวด พลางผรุสวาทไม่หยุด อย่างไรก็ตาม เขาพูดได้เพียงภาษานกกา ไม่สามารถสื่อสารได้เลยเย่‍จิ่ง‍อวี้มองเขาด้วยสีหน้ามืดมน ถามอย่างเย็นชา “เจ้าพูดภาษจงหยวนเราได้หรือไม่ ทำไมถึงต้องการลอบสังหารเสวียน‍เอ๋อร์”ชายตัวเตี้ยพูดพล่าม เหมือนจะได้ยินคำว่าบากะอยู่เรื่อยๆเย่‍จิ่ง‍อวี้หันหน้าไปทางอินชิงเสวียน“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“หม่อมฉันรู้แค่ว่าเขากำลังด่าคน แต่ที่เหลือก็ไม่เข้าใจ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “แล้วเสวียน‍เอ๋อร์รู้จักคนเหล่านี้หรือไม่”“ไม่รู้จักเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบพวกเขา”อินชิงเสวียนรู้สึกแปลกใจกับความอาฆาตพยาบาทของพวกเขาคนเหล่านี้ตรงมาหาตัวเองด้วยเจตนาที่ชัดเจน แต่ตัวเองก็ไม่เคยไปล่วงเกินใคร น่าแปลกจริงๆสิบห้านาทีต่อมา ชายร่างเตี้ยถูกทุบตีจนผิวหนังถูกฉีกขาด เนื้อตัวชุ่มเลือด และหมดสติไปผู้คุมสาดน้ำเย็นใส่ และเริ่มโบยอีก เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ต้องการให้อินชิงเสวียนเห็นฉากที่โหดร้ายเหล่านี้ เขา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 564 ข้าน้อยพูดภาษาของพวกเขาได้

    “หิ้วนางออกมา”อินชิงเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆผู้คุมลากลู่จิ้งเสียนออกไปทันที และโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรงเมื่อเห็นมือที่บวมเป็นซาลาเปาของนาง อินชิงเสวียนก็พูดอย่างเย็นชา “ลู่จิ้งเสียน ตอนที่เจ้าแทงลูกชายของข้า เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีวันนี้”ลู่จิ้งเสียนเงยหน้าขึ้น มองอินชิงเสวียนด้วยตัวอันสั่นเทา นางอ้าปากพะงาบๆ ราวกับว่าต้องการพูด แต่จู่ๆ ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากแต่แววตากลับไม่สำนึกผิด ยังคงจ้องมองอินชิงเสวียนด้วยสายตาอำมหิตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ดูท่าว่า เจ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงราบเรียบ “ตอนที่ไทเฮายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่กลัวเจ้า นับประสาอะไรกับตอนที่นางตายไปแล้ว เหตุผลที่ข้าไม่ไปหาเรื่องเจ้า ก็เพราะข้าไม่เห็นเจ้าในสายตาคนอย่างเจ้า ไม่ควรค่าให้ข้านึกถึงด้วยซ้ำ”ทันใดนั้นลู่จิ้งเสียนก็ลืมตาขึ้นอย่างเดือดดาล ส่งเสียงฟู่ราวกับงูก็ไม่ปานอินชิงเสวียนมองดูนางอย่างเหยียดหยาม“อยากด่า? แต่พูดไม่ได้? งั้นก็เก็บแรงไว้ แล้วฟังข้าพูด”“ตอนที่ข้ามาที่นี่ ข้าไม่เคยคิดจะทำให้คนอื่นลำบากเลย ถ้าเจ้ายอมอยู่อย่างสงบ ตอนนี้พ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 565 ช่วยพวกเราปลอมตัวเข้าไป

    “ไปที่จวนฝูอี้อ๋อง บอกว่าข้าเรียกตัวเขาเข้าวัง เพื่อหารือเรื่องสำคัญ”เมื่อกลับไปที่ตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนได้เรียกทหารองครักษ์เข้ามา และมอบป้ายตราคำสั่งให้เขาออกจากวังหลังจากประสบกับเหตุการณ์มาอย่างโชกโชน อินชิงเสวียนไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นได้เหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดพวกญี่ปุ่นที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นองครักษ์รับป้ายตราคำสั่ง แล้วเดินออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็วเขาขี่ม้า ตรงไปยังจวนฝูอี้อ๋องชายที่หามหาบผู้หนึ่ง ได้ติดตามเขามาอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลตั้งแต่ออกจากวังชั่วพริบตา ก็มาถึงตรอกด้านหลังแล้วร่างที่หามหาบนั้นหายตัวแวบ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ยืนอยู่ตรงหน้าม้าแล้วทหารองครักษ์คิดว่าเป็นราษฎรทั่วไป รีบหยุดม้าทันที“อยากตายรึ ทำไมไม่รีบถอย”คนผู้นั้นปรกบมือคารวะ แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นมา คว้าหมับเข้าที่ลำคอของคนผู้นั้นทหารองครักษ์ตัวสูงใหญ่ถูกดึงลงจากหลังม้าทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงทันใดนั้นก็หายไปอีกครั้ง ราวกับว่าจางหายไปจากอากาศทางด้านทิศตะวันตก ในบ้านแห่งหนึ่งนอกจากทหารองครักษ์ที่ถูกทุบสลบแล้ว ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในเครื่อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 566 ความซับซ้อนของหนุ่มสาว

    เป่าเล่อเอ่อร์ดีใจในทันที กล่าวขอบคุณซ้ำๆ“ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณพี่สาว”สตรีคนนั้นพ่นควันใส่นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ มีรถม้าอยู่ข้างหลัง เจ้าขึ้นไปนั่งเองนะ”เป่าเล่อเอ่อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปบนรถม้าหญิงสาวหันกลับไปมองดูนาง ท่าทางคล่องแคล่วดี ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ของดีเช่นนี้ หากหลุดลอยไปคงจะน่าเสียดายแย่นางขยิบตา สองคนที่ดูเหมือนผู้คุ้มกันก็ชะลอความเร็วลงทันที ลงมาเดินข้างรถม้าที่เป่าเล่อเอ่อร์นั่ง...ณ เมืองหลวงการประชุมเช้าสิ้นสุดลงแล้ว ‍จิ่ง‍อวี้กำลังนั่งเกี้ยวพระที่นั่งมังกรไปยังวังหลังระหว่างทางเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้ามืดมนตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังครองราชย์ ไม่มีการสานความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแคว้นอื่น ส่งผลให้ขาดข้อมูล ข้าราชบริพารมุ่งแต่เรื่องที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ไม่มีใครออกไปหาความรู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้ภาษาคนเตี้ยเหล่านั้นพอคิดว่ายังมีปลาหลายตัวที่ลอดอวนได้ เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อกลับมาถึงห้องหนังสือ เจวี๋ยอิ่งก็รออยู่ในห้องแล้ว“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”เย่‍จิ่ง‍อวี้กางเสื้อคลุม และนั่งลงบนเก้าอี้มังกร“ลุ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 567 เจ้าน่ะมาอะไรทำ

    ครึ่งชั่วยามต่อมา เย่จิ่งหลานก็มาถึงตำหนักจินหวูอินชิงเสวียนกำลังจูงเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงพาฝึกเดินอยู่ เมื่อนางเห็นเย่จิ่งหลาน นางก็ส่งเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงให้กับอวิ๋นฉ่ายทันที“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”เย่จิ่งหลานเดินไปหาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง บีบแก้มนุ่มนิ่มของเขาเบาๆ“ได้ยินทหารองครักษ์บอกว่าพระสนมส่งคนมาหาข้าก่อนหน้านี้ แต่ข้าไม่เห็นเขา ไม่อย่างนั้นคงมาที่นี่นานแล้ว”“ไม่เห็นหรือ”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จนป่านนี้องครักษ์ยังไม่กลับมา หรืออาจมีบางอย่างเกิดขึ้นแต่พอนึกดูอีกที วรยุทธ์ของทหารองครักษ์ไม่ได้อ่อนแอ ไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้น บางทีอาจถูกฝ่าบาทรั้งตัวไว้ ให้ไปทำธุระอื่นไม่ว่าอย่างไร เย่จิ่งหลานมาถึงก็ดีแล้ว“ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย ข้าหาเจ้ามาเพื่อถามว่าเจ้ารู้ภาษาอื่น เช่นภาษาญี่ปุ่นหรือไม่”หลังจากได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด เย่จิ่งหลานก็ตกตะลึง ไม่มีทาง อินชิงเสวียนคงไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้กระมัง ระบบของนางยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ“เอ่อ พอรู้นิดหน่อย เจ้าถามทำไม”จากนั้นเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หยิบของว่างขึ้นมากินอย่างไม่เกรงใจ“เรื่องเป็นอย่างนี้...”อินช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 568 ท่าทางสติไม่ดี

    อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เห็นแก่ที่เจ้ายังจริงใจ ข้าจะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเตรียมพร้อมแล้ว ข้าจะให้เจ้าพบคนผู้นั้น ถามว่าเขามาเมืองหลวงด้วยจุดประสงค์ใด ข้าอาจพิจารณาปล่อยเจ้าออกจากวังก็ได้”หวังซุ่นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“พระสนมไม่ต้องห่วง ข้าน้อยรับรองว่าจะทำให้เขาสารภาพความจริงออกมา”“ดี เอาของมาให้เขา”เสี่ยวอานจื่อโยนหน้ากากและเสื้อผ้าให้หวังซุ่น แล้วพาเย่จิ่งหลานไปซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเหล็กในห้องทรมานหลังจากนั้นไม่นาน คนตงหลิวก็ถูกพาตัวอกมาอีกเมื่อเห็นเครื่องมือทรมานต่างๆ ในห้องทรมาน ชาวตงหลิวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่นแม่ทัพโนจิริพูดถูก ชาวต้าโจวโหดเหี้ยมอำมหิต เมื่อเขานึกถึงแส้เหล็กหนาม เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้หวังซุ่นเริ่มพูดคุยภาษาตงหลิวกับเขาทันที จิ่งหลานที่แอบฟังอยู่หลังกำแพงก็พร้อมกับเงี่ยหูฟัง“พวกเขาพูดอะไร”อินชิงเสวียนถามเบาๆ เย่จิ่งหลานแปล “หวังซุ่นบอกว่าตัวเองเป็นสายลับ ให้เขาเปิดเผยจุดประสงค์ที่มายังเมืองหลวง”“เขาจะเชื่อเรื่องไร้สาระนี้งั้นหรือ”อินชิงเสวียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเย่จิ่งหลานฟังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 569 ไป๋เสวี่ยลงสนาม

    เมื่อเห็นใบหน้าขาวๆ ราวกับคนตาย ริมฝีปากหนาทาสีแดงเป็นวงใหญ่ องครักษ์ก็สะดุ้งโหยง ชักกระบี่ออกมาทันที“กล้าดีอย่างไรมาปลอมเป็นพระสนม จับตัวพวกมันไว้เร็ว”ที่ทางเข้าวังมีทหารอารักขาหลายคน ยังมีทหารองครักษ์ที่เฝ้าเวรด้วย จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ตะโกนเข้ามาชายร่างเตี้ยเห็นดังนั้นก็ตะโกนด่าว่าบากะๆ ไม่หยุดตาเฒ่าเหล่านั้นบอกอยู่ชัดๆ ว่าปลอมตัวเป็นสตรี ถือป้ายแขวนเอวเข้ามาก็ได้แล้ว ทำไมพอมาถึงหน้าประตูวังก็ถูกจับได้ทั้งหมดกระโดดลงจากรถม้าทันที และเข้าต่อสู้กับทหารองครักษ์ทักษะทางร่างกายเหล่านี้แปลก วิธีการต่อสู้ก็ประหลาด ไม่ถึงสิบกระบวนท่า ทหารรักษาพระองค์สองคนก็ถูกคมดาบของคนแคระองครักษ์สองหน่วยรีบเข้ามาเสริมกำลัง และล้อมคนเหล่านี้อย่างรวดเร็วผีแคระไม่เพียงไม่กลัวเท่านั้น แต่ยังระเบิดเสียงหัวเราะอีกด้วยหนึ่งในนั้นคว้าตัวองครักษ์มา ใช้ดาบผ่าท้อง ควักหัวใจออกมา แล้วอ้าปากกัด เมื่อประกอบกับการแต่งหน้าแปลกๆ ของพวกเขา เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างอดไม่ได้อีกคนหนึ่งตะโกนด่าว่าบากะ ดูเหมือนไม่พอใจกับสิ่งที่คนผู้นั้นกระทำ จึงพ่นควันออกมาเมื่อควันหายไปก็ไม่พบร่องรอยของคนเหล่าน

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1468 อย่าได้คืบจะเอาศอก

    “สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

DMCA.com Protection Status