“ไปที่จวนฝูอี้อ๋อง บอกว่าข้าเรียกตัวเขาเข้าวัง เพื่อหารือเรื่องสำคัญ”เมื่อกลับไปที่ตำหนักจินหวู อินชิงเสวียนได้เรียกทหารองครักษ์เข้ามา และมอบป้ายตราคำสั่งให้เขาออกจากวังหลังจากประสบกับเหตุการณ์มาอย่างโชกโชน อินชิงเสวียนไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นได้เหมือนเมื่อก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดพวกญี่ปุ่นที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นองครักษ์รับป้ายตราคำสั่ง แล้วเดินออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็วเขาขี่ม้า ตรงไปยังจวนฝูอี้อ๋องชายที่หามหาบผู้หนึ่ง ได้ติดตามเขามาอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลตั้งแต่ออกจากวังชั่วพริบตา ก็มาถึงตรอกด้านหลังแล้วร่างที่หามหาบนั้นหายตัวแวบ เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ยืนอยู่ตรงหน้าม้าแล้วทหารองครักษ์คิดว่าเป็นราษฎรทั่วไป รีบหยุดม้าทันที“อยากตายรึ ทำไมไม่รีบถอย”คนผู้นั้นปรกบมือคารวะ แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นมา คว้าหมับเข้าที่ลำคอของคนผู้นั้นทหารองครักษ์ตัวสูงใหญ่ถูกดึงลงจากหลังม้าทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงทันใดนั้นก็หายไปอีกครั้ง ราวกับว่าจางหายไปจากอากาศทางด้านทิศตะวันตก ในบ้านแห่งหนึ่งนอกจากทหารองครักษ์ที่ถูกทุบสลบแล้ว ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในเครื่อง
เป่าเล่อเอ่อร์ดีใจในทันที กล่าวขอบคุณซ้ำๆ“ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณพี่สาว”สตรีคนนั้นพ่นควันใส่นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ มีรถม้าอยู่ข้างหลัง เจ้าขึ้นไปนั่งเองนะ”เป่าเล่อเอ่อร์พยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปบนรถม้าหญิงสาวหันกลับไปมองดูนาง ท่าทางคล่องแคล่วดี ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ของดีเช่นนี้ หากหลุดลอยไปคงจะน่าเสียดายแย่นางขยิบตา สองคนที่ดูเหมือนผู้คุ้มกันก็ชะลอความเร็วลงทันที ลงมาเดินข้างรถม้าที่เป่าเล่อเอ่อร์นั่ง...ณ เมืองหลวงการประชุมเช้าสิ้นสุดลงแล้ว จิ่งอวี้กำลังนั่งเกี้ยวพระที่นั่งมังกรไปยังวังหลังระหว่างทางเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้ามืดมนตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังครองราชย์ ไม่มีการสานความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแคว้นอื่น ส่งผลให้ขาดข้อมูล ข้าราชบริพารมุ่งแต่เรื่องที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ไม่มีใครออกไปหาความรู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้ภาษาคนเตี้ยเหล่านั้นพอคิดว่ายังมีปลาหลายตัวที่ลอดอวนได้ เย่จิ่งอวี้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อกลับมาถึงห้องหนังสือ เจวี๋ยอิ่งก็รออยู่ในห้องแล้ว“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุม และนั่งลงบนเก้าอี้มังกร“ลุ
ครึ่งชั่วยามต่อมา เย่จิ่งหลานก็มาถึงตำหนักจินหวูอินชิงเสวียนกำลังจูงเสี่ยวหนานเฟิงพาฝึกเดินอยู่ เมื่อนางเห็นเย่จิ่งหลาน นางก็ส่งเสี่ยวหนานเฟิงให้กับอวิ๋นฉ่ายทันที“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”เย่จิ่งหลานเดินไปหาเสี่ยวหนานเฟิง บีบแก้มนุ่มนิ่มของเขาเบาๆ“ได้ยินทหารองครักษ์บอกว่าพระสนมส่งคนมาหาข้าก่อนหน้านี้ แต่ข้าไม่เห็นเขา ไม่อย่างนั้นคงมาที่นี่นานแล้ว”“ไม่เห็นหรือ”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จนป่านนี้องครักษ์ยังไม่กลับมา หรืออาจมีบางอย่างเกิดขึ้นแต่พอนึกดูอีกที วรยุทธ์ของทหารองครักษ์ไม่ได้อ่อนแอ ไม่น่าจะเกิดเรื่องขึ้น บางทีอาจถูกฝ่าบาทรั้งตัวไว้ ให้ไปทำธุระอื่นไม่ว่าอย่างไร เย่จิ่งหลานมาถึงก็ดีแล้ว“ช่างเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย ข้าหาเจ้ามาเพื่อถามว่าเจ้ารู้ภาษาอื่น เช่นภาษาญี่ปุ่นหรือไม่”หลังจากได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด เย่จิ่งหลานก็ตกตะลึง ไม่มีทาง อินชิงเสวียนคงไม่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้กระมัง ระบบของนางยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ“เอ่อ พอรู้นิดหน่อย เจ้าถามทำไม”จากนั้นเย่จิ่งอวี้ก็หยิบของว่างขึ้นมากินอย่างไม่เกรงใจ“เรื่องเป็นอย่างนี้...”อินช
อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เห็นแก่ที่เจ้ายังจริงใจ ข้าจะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเตรียมพร้อมแล้ว ข้าจะให้เจ้าพบคนผู้นั้น ถามว่าเขามาเมืองหลวงด้วยจุดประสงค์ใด ข้าอาจพิจารณาปล่อยเจ้าออกจากวังก็ได้”หวังซุ่นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“พระสนมไม่ต้องห่วง ข้าน้อยรับรองว่าจะทำให้เขาสารภาพความจริงออกมา”“ดี เอาของมาให้เขา”เสี่ยวอานจื่อโยนหน้ากากและเสื้อผ้าให้หวังซุ่น แล้วพาเย่จิ่งหลานไปซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเหล็กในห้องทรมานหลังจากนั้นไม่นาน คนตงหลิวก็ถูกพาตัวอกมาอีกเมื่อเห็นเครื่องมือทรมานต่างๆ ในห้องทรมาน ชาวตงหลิวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจสั่นแม่ทัพโนจิริพูดถูก ชาวต้าโจวโหดเหี้ยมอำมหิต เมื่อเขานึกถึงแส้เหล็กหนาม เขาก็อดตัวสั่นไม่ได้หวังซุ่นเริ่มพูดคุยภาษาตงหลิวกับเขาทันที จิ่งหลานที่แอบฟังอยู่หลังกำแพงก็พร้อมกับเงี่ยหูฟัง“พวกเขาพูดอะไร”อินชิงเสวียนถามเบาๆ เย่จิ่งหลานแปล “หวังซุ่นบอกว่าตัวเองเป็นสายลับ ให้เขาเปิดเผยจุดประสงค์ที่มายังเมืองหลวง”“เขาจะเชื่อเรื่องไร้สาระนี้งั้นหรือ”อินชิงเสวียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเย่จิ่งหลานฟังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ
เมื่อเห็นใบหน้าขาวๆ ราวกับคนตาย ริมฝีปากหนาทาสีแดงเป็นวงใหญ่ องครักษ์ก็สะดุ้งโหยง ชักกระบี่ออกมาทันที“กล้าดีอย่างไรมาปลอมเป็นพระสนม จับตัวพวกมันไว้เร็ว”ที่ทางเข้าวังมีทหารอารักขาหลายคน ยังมีทหารองครักษ์ที่เฝ้าเวรด้วย จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ตะโกนเข้ามาชายร่างเตี้ยเห็นดังนั้นก็ตะโกนด่าว่าบากะๆ ไม่หยุดตาเฒ่าเหล่านั้นบอกอยู่ชัดๆ ว่าปลอมตัวเป็นสตรี ถือป้ายแขวนเอวเข้ามาก็ได้แล้ว ทำไมพอมาถึงหน้าประตูวังก็ถูกจับได้ทั้งหมดกระโดดลงจากรถม้าทันที และเข้าต่อสู้กับทหารองครักษ์ทักษะทางร่างกายเหล่านี้แปลก วิธีการต่อสู้ก็ประหลาด ไม่ถึงสิบกระบวนท่า ทหารรักษาพระองค์สองคนก็ถูกคมดาบของคนแคระองครักษ์สองหน่วยรีบเข้ามาเสริมกำลัง และล้อมคนเหล่านี้อย่างรวดเร็วผีแคระไม่เพียงไม่กลัวเท่านั้น แต่ยังระเบิดเสียงหัวเราะอีกด้วยหนึ่งในนั้นคว้าตัวองครักษ์มา ใช้ดาบผ่าท้อง ควักหัวใจออกมา แล้วอ้าปากกัด เมื่อประกอบกับการแต่งหน้าแปลกๆ ของพวกเขา เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างอดไม่ได้อีกคนหนึ่งตะโกนด่าว่าบากะ ดูเหมือนไม่พอใจกับสิ่งที่คนผู้นั้นกระทำ จึงพ่นควันออกมาเมื่อควันหายไปก็ไม่พบร่องรอยของคนเหล่าน
ทั้งสองแยกทางกันที่ทางแยกบนถนน แล้วองครักษ์หลายคนก็คุ้มกันอินชิงเสวียนกลับมายังตำหนักจินหวูตามที่คาดไว้ ไป๋เสวี่ยไม่ได้อยู่ในตำหนัก จังอวี้จิ่นบอกว่ามันกิวอาหารเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกช่างเป็นวัยรุ่นที่ชอบเล่นสนุกจริงๆอินชิงเสวียนเดินไปที่หน้าตำหนัก วางนิ้วบนริมฝีปากแล้วผิวปาก ครู่ต่อมานางก็ได้ยินเสียงโครมคราม ร่างสีขาวดุจหิมะก็กระโดดออกมาจากสวน ร่างใหญ่วิ่งทะยานราวกับม้า ทำให้พื้นสั่นสะเทือนเมื่อเห็นอินชิงเสวียน ไป๋เสวี่ยก็รีบวิ่งไปหาทันที ยกอุ้งเท้าปุกปุยขึ้นกอดเอวของนางอินชิงเสวียนตบหัวอันใหญ่โต แล้วพูดว่า “ไม่เล่นแล้ว ข้ามีภารกิจที่ให้เจ้าทำ แต่ให้เจ้าติดตามคนอื่นไป เจ้ารับปากได้หรือไม่”ไป๋เสวี่ยเห่า เอียงคอ กะพริบตาโตที่ชุ่มชื้น ดูเหมือนกำลังขบคิดอยู่เมื่อเห็นการแสดงออกที่เหมือนมนุษย์มากขึ้นของไป๋เสวี่ย อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะลูบขนที่นุ่มฟูของมัน“ถ้าเจ้าตามไป กลับมาแล้วจะมีอาหารแห้งและเนื้อไก่ให้กิน น้ำพุวิญญาณก็มีอยู่แล้ว ข้าจะเพิ่มให้เป็นสองเท่าเลย แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะทำงานให้สำเร็จ ช่วยข้าตามหาคนร้าย”ไป๋เสวี่ยไม่สนใจสิ่งอื่นมากนัก แต่เมื่อได้ยินน้ำพุวิญญาณ
สิ่งที่อินชิงเสวียนเสนอขึ้นมาสอดคล้องกับความคิดของเย่จิ่งอวี้พอดี ตราบใดที่สามารถจับคนเหล่านี้ได้ ต่อให้ต้องทุ่มเทอะไรไปก็คุ้มค่ายามนี้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดข่าวลือมากมายและการคาดเดาไปต่างๆ นานา เขาซึ่งอยู่ในฐานะจักรพรรดิ ควรให้คำอธิบายแก่ราษฎรเมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนกำลังจะใช้เครื่องมือติดตาม เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากแม้ว่าเขาจะมีภูมิคุ้มกันจากสิ่งแปลกๆ พิลึกพิลั่นทุกประเภทที่อินชิงเสวียนนำออกมาแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่คิดว่า แม่หนูนี่จะมีของที่ดีเช่นนี้“ของสิ่งนี้สามารถผลิตจำนวนมากได้หรือไม่”“ด้วยระดับเทคโนโลยีของเราในปัจจุบันยังยากที่จะผลิตได้เพคะ แต่ถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถเป็นไปได้”เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “เทคโนโลยีคืออะไร”อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เทคโนโลยีครอบคลุมหลากหลาย รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้า การทำงานของเครื่องจักร ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง กล่าวโดยสรุป ระดับความรู้ความสามารถในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าเหล่าบัณฑิตสามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ได้เป็นอย่างดี บางทีพวกเขาอาจจะสร้างสิ
“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ตอบมาเร็ว”ผีแคระถามเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอีกลู่ทงยังไม่อยากตาย เขายังอยากเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เขากลอกตาแล้วพูดว่า “บางทีนางสนมในวังอาจจะแยกแยะได้ง่ายๆ ถ้าพวกเจ้าปลอมตัวเป็นนางกำนัลหรือขันที อาจจะเข้าไปได้”ผีแคระคนหนึ่งด่าทอ “ป้ายตราคำสั่งถูกยึดคืนไปหมดแล้ว เจ้าพูดไร้สาระจะมีประโยชน์อะไร”คนตัวเตี้ยที่ศีรษะล้านเลี่ยนพูดด้วยสำเนียงต้าโจวทื่อๆ “ไม่ต้องพูดไร้สาระกับตาแก่บ้านี่แล้ว ควักหัวใจเขาออกมา ยังสามารถเสริมพลังได้”ลู่ทงพูดขึ้นโดยเร็ว “อย่า อย่า อย่า อย่า ข้าแก่แล้ว หัวใจของข้าไม่อร่อยหรอก เจ้ากินของพวกเขาดีกว่า”ใต้เท้าอีกคนเขาหวาดกลัวเจ้าคนหน้าขาวซีดเหล่านี้จนหมดสติไปแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งหน้าม่อยคอตกพิงเสาอยู่ชายร่างเตี้ยที่มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากหัวเราะเหี้ยมเกรียม“เจ้าพูดถูกต้อง หัวใจของคนแก่ไม่อร่อยนักหรอก หัวใจของคนหนุ่มสาวบำรุงได้ดีกว่าอีก แต่การได้กินของพวกเจ้า ก็ช่วยให้ข้าฟื้นกำลังได้บ้าง”หลังจากที่เขาพูดจบก็ย่างสามขุมเข้าไปหาลู่ทง ยื่นมือไปยังทรวงอก ล้วงเข้าไปอย่างแรง แล้วควักหัวใจออกมาลู่ทงไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง เขาตายไปทั้งอย่า