สิ่งที่อินชิงเสวียนเสนอขึ้นมาสอดคล้องกับความคิดของเย่จิ่งอวี้พอดี ตราบใดที่สามารถจับคนเหล่านี้ได้ ต่อให้ต้องทุ่มเทอะไรไปก็คุ้มค่ายามนี้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจำนวนมาก เกิดข่าวลือมากมายและการคาดเดาไปต่างๆ นานา เขาซึ่งอยู่ในฐานะจักรพรรดิ ควรให้คำอธิบายแก่ราษฎรเมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนกำลังจะใช้เครื่องมือติดตาม เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากแม้ว่าเขาจะมีภูมิคุ้มกันจากสิ่งแปลกๆ พิลึกพิลั่นทุกประเภทที่อินชิงเสวียนนำออกมาแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ไม่คิดว่า แม่หนูนี่จะมีของที่ดีเช่นนี้“ของสิ่งนี้สามารถผลิตจำนวนมากได้หรือไม่”“ด้วยระดับเทคโนโลยีของเราในปัจจุบันยังยากที่จะผลิตได้เพคะ แต่ถ้าเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถเป็นไปได้”เย่จิ่งอวี้ถามอีกครั้ง “เทคโนโลยีคืออะไร”อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เทคโนโลยีครอบคลุมหลากหลาย รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้า การทำงานของเครื่องจักร ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหนึ่ง กล่าวโดยสรุป ระดับความรู้ความสามารถในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ แต่ถ้าเหล่าบัณฑิตสามารถเรียนรู้คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ได้เป็นอย่างดี บางทีพวกเขาอาจจะสร้างสิ
“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ตอบมาเร็ว”ผีแคระถามเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาอีกลู่ทงยังไม่อยากตาย เขายังอยากเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เขากลอกตาแล้วพูดว่า “บางทีนางสนมในวังอาจจะแยกแยะได้ง่ายๆ ถ้าพวกเจ้าปลอมตัวเป็นนางกำนัลหรือขันที อาจจะเข้าไปได้”ผีแคระคนหนึ่งด่าทอ “ป้ายตราคำสั่งถูกยึดคืนไปหมดแล้ว เจ้าพูดไร้สาระจะมีประโยชน์อะไร”คนตัวเตี้ยที่ศีรษะล้านเลี่ยนพูดด้วยสำเนียงต้าโจวทื่อๆ “ไม่ต้องพูดไร้สาระกับตาแก่บ้านี่แล้ว ควักหัวใจเขาออกมา ยังสามารถเสริมพลังได้”ลู่ทงพูดขึ้นโดยเร็ว “อย่า อย่า อย่า อย่า ข้าแก่แล้ว หัวใจของข้าไม่อร่อยหรอก เจ้ากินของพวกเขาดีกว่า”ใต้เท้าอีกคนเขาหวาดกลัวเจ้าคนหน้าขาวซีดเหล่านี้จนหมดสติไปแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งหน้าม่อยคอตกพิงเสาอยู่ชายร่างเตี้ยที่มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากหัวเราะเหี้ยมเกรียม“เจ้าพูดถูกต้อง หัวใจของคนแก่ไม่อร่อยนักหรอก หัวใจของคนหนุ่มสาวบำรุงได้ดีกว่าอีก แต่การได้กินของพวกเจ้า ก็ช่วยให้ข้าฟื้นกำลังได้บ้าง”หลังจากที่เขาพูดจบก็ย่างสามขุมเข้าไปหาลู่ทง ยื่นมือไปยังทรวงอก ล้วงเข้าไปอย่างแรง แล้วควักหัวใจออกมาลู่ทงไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง เขาตายไปทั้งอย่า
เมื่อชายร่างเตี้ยคนอื่นเห็นเพื่อนถูกแทง ก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที อะบิโกะชินจิก็เดินออกจากห้องเขาฝึกฝนวิชาชั่วร้าย กินหัวใจของคนเพื่อบำรุงกำลัง นอกจากนี้ยังจะหาหัวใจหมูหัวใจสุนัขยัดกลับเข้าไปแทน แล้วเย็บด้วยด้าย หากจะพูดให้สละสลวยก็คือ เพื่อทำให้พวกเขามีอวัยวะครบสมบูรณ์หลังความตายในเวลานี้ เขาได้เติมกำลังด้วยหัวใจของคนสามคนแล้ว ดวงตาเป็นประกายราวกับกระดิ่งทองแดงเจวี๋ยอิ่งรู้ว่าคนผู้นี้ร้ายกาจเพียงใด จึงเอ่ยเตือนทันที“คุณชายใหญ่อินระวังด้วย!”ครั้งที่แล้วองครักษ์เงาหลายคนพ่ายแพ้ให้แก่คนผู้นี้อินสิงอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นกระชับกระบี่ แล้วแทงใส่อะบิโกะชินจิทันทีอะบิโกะชินจิหัวเราะลั่น ไม่หลบหลีกแต่อย่างใด ยอมให้กระบี่แทงใส่ร่างเมื่อปลายกระบี่สัมผัสกับหน้าอก กลับเกิดเสียงที่กริ๊งราวกับโลหะกระแทกผนังทองแดงกำแพงเหล็กเหมือนครั้งที่แล้วนัยน์ตาของอินสิงอวิ๋นฉายแววพรั่นพรึง ออกแรงส่งจากปลายเท้าถอยหลังออกไปหลายจั้ง จากนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้นสองครั้ง องครักษ์อีกสองคนถูกกระแทกลงกับพื้น“คนพวกนี้เป็นใคร”อินสิงอวิ๋นขมวดคิ้วถามนับตั้งแต่ที่เขาอาบน้ำที่อินชิงเสวียนนำมา อินสิงอวิ๋น
อินสิงอวิ๋นก็เดินออกจากเรือนหลังนั้นพอดี เขาเหลือบมองจูอวี้เหยียนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วเดินตามอินจ้งไป“คนพวกนี้มาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร”อินจ้งส่ายศีรษะ“พ่อก็ไม่ทราบแน่ชัด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องชาวตงหลิว พวกเขาปรากฏตัวในเมืองหลวง เพราะมีเจตนาร้ายจริงๆ พรุ่งนี้ตอนประชุมเช้าพ่อจะถามฝ่าบาท หวังว่าพวกเขาจะไม่ได้มุ่งเป้าไปที่น้องหญิงใหญ่ของเจ้านะ”จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป ชิงเสวียนอยู่ในวังตลอด ก่อนออกเรือนก็อาศัยอยู่แต่ในจวน นางไม่เคยติดต่อกับบุคคลภายนอก ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้ที่จะมีความเกี่ยวข้องกับนางความเป็นไปได้มากที่สุดคือ เป็นกำลังคนที่อาซือหลานเรียกมา ครั้นคิดได้ดังนี้ อินจ้งก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังจูอวี้เหยียนไม่รู้ว่าอาซือหลานจะมาตามหานางหรือไม่ หากเขาเข้ามาในเมืองหลวง บางมีอาจสามารถจับตัวปีศาจร้ายที่ขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแคว้นผู้นี้ได้ในคราวเดียวจูอวี้เหยียนหลับตาลง การได้เห็นฉากสนุกๆ ในวันนี้ทำให้นางมีความหวัง ตราบใดที่เป็นมนุษย์ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ แม้ว่านางจะไม่สามารถฝึกกู่พิษหรือไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้อีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะ
อินชิงเสวียนตกใจ ทันใดนั้นเองนางก็เหาะถอยหลังกลับไปหลายก้าวนางไม่ได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวใดๆ และไม่ได้ใช้ความเร็วของมิติ แต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจเย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวในทันที เก็บฝ่ามือทันใด“เสวียนเอ๋อร์!”อินชิงเสวียนลงจอดที่พื้น รู้สึกประหลาดใจหรือว่าภายในมิติของนาง นางจะมีอำนาจสามารถควบคุมทุกสิ่งได้?ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้คู่ต่อสู้น่ะสิ?เนื่องจากเย่จิ่งอวี้อยู่ด้วย อินชิงเสวียนจึงไม่สะดวกที่จะทดลอง นางจึงระงับความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อน“ฝ่าบาทเป็นอะไรรึ”เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนเขาถามด้วยความเป็นห่วง “เสวียนเอ๋อร์ไม่เป็นไรนะ”อินชิงเสวียนยืนมั่นคง ตรวจดูเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ”คิ้วรูปทรงกระบี่ของเย่จิ่งอวี้ขมวดมุ่น“ดูเหมือนข้าจะได้เจอเสด็จแม่แล้ว การตายของเสด็จแม่ อาจมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง”“โอ้? หรือท่านมองเห็นฆาตกรคนอื่น”อินชิงเสวียนถามอย่างพิศวงงงงวยเย่จิ่งอวี้เดินไปหาอินชิงเสวียน จับมือของนาง และนั่งบนแท่นหินข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ“ในมโนภาพข้ามองเห็นคนชราผู้หนึ่ง พูดให
เย่จิ่งอวี้ได้ยินเสียงของเจวี๋ยอิ่ง จึงบอกว่า “เข้ามา”ครั้นแล้วชายร่างผอมสูงก็เดินเข้ามาจากประตู หน้าตาไม่นับว่าหล่อเหลา แต่ให้กลิ่นอายเย็นชาราวคมกระบี่ แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้คนผู้นี้ฝีเท้าเบากริบ เดินแทบไม่มีเสียง จุดไท่หยางที่อยู่บริเวณขมับโปนเล็กน้อย ดูแววตาเฉียบคมชัดเจน มีกลิ่นอายของยอดฝีมือชั้นสูงเขามองไปที่อินชิงเสวียน แล้วคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายพระพรกุ้ยเฟย”“ลุกขึ้นเถิด จับตัวได้แล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้หุบยิ้ม นั่งบนเก้าอี้ไม้แดงด้วยท่าทางสง่างาม ใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาและเคร่งขรึม การวางท่าน่าครั่นคร้ามเมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะพูดคุยธุระ อินชิงเสวียนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์จู่ๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นด้วยความเคารพ กระซิบ “กระหม่อมไร้สามารถ ที่จับชายตงหลิวได้เพียงคนเดียว เพราะโชคดีที่ได้แม่ทัพอินและคุณชายใหญ่อินช่วยเหลือ แต่ถึงกระนั้น คนอื่นๆ ก็ยังหนีไปได้ กระหม่อมเห็นว่าสูญเสียทหารองครักษ์ไปมาก จึงสั่งให้ถอยไป”เย่จิ่งอวี้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วถามว่า “ครั้งนี้มีสูญเสียไปกี่คน”เจวี๋ยอิ่งกล่าวอย่า
หวังซุ่นพยักหน้าอย่างตื่นเต้น“กุ้ยเฟยโปรดวางใจ ข้าน้อยจะส่งข้อความนี้ไปถึงแน่นอน รับรองว่าจะไม่ให้พวกเขามาสร้างปัญหาให้กับกุ้ยเฟยอีก”“ดีแล้ว”อินชิงเสวียนโบกมือไปทางผู้คุมคุกหลวง“ปลดโซ่ตรวนออกให้เขา”ผู้คุมก้าวไปข้างหน้า ถอดโซ่เหล็กออกจากร่างของหวังซุ่นหวังซุ่นสะบัดข้อมือไปมา รู้สึกเหมือนได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งอินชิงเสวียนเรียกองครักษ์อีกคนหนึ่งให้พาหวังซุ่นออกจากวัง ขณะที่เจวี๋ยอิ่งได้ติดตามเขาไปในความมืดพร้อมกับองครักษ์เงาชายหญิงจำนวนหนึ่งสิบห้านาทีต่อมา หวังซุ่นก็มาถึงถนนสายยาวเขาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สั่งเนื้อวัวราดซีอิ๊วและสุราชั้นดีหนึ่งเหยือก แล้วกินอย่างเต็มที่ระหว่างกินข้าวก็คิดตลอดเวลาหวังซุ่นเป็นคนฉลาดมาก ต่างจากคนตงหลิวที่มีความคิดไม่ซับซ้อนพวกนั้น เขาไม่แม้แต่จะคิดหลบหนีเลยเขารู้ดีว่าในเมื่ออินชิงเสวียนกล้าที่จะปล่อยเขาออกจากวัง ย่อมต้องมีแผนรับมืออย่างแน่นอนหากหนีไม่พ้น ถูกจับได้อีก ก็ไม่ได้กินสุราอาหารชั้นดีเช่นนี้อีกแล้วดังนั้นเขาจึงต้องช่วยอินชิงเสวียนทำงานนี้ให้สำเร็จ จากนั้นดูว่านางมีท่าทีอย่างไรต่อเขาตอนนี้อาซือหลานได้กลับเจียงวูแ
อินสิงอวิ๋น พูดอย่างใจเย็น “ราชสำนักมีกฎของราชสำนัก ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ แม้ว่าชิงเสวียนจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า แต่ข้าก็บังคับนางไม่ได้ ข้าช่วยเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ หวังว่าสหายจะเข้าใจ ลาก่อน”เมื่อมองตามหลังอินสิงอวิ๋นไป ใบหน้าของกวนเซี่ยวก็ซีดลงเล็กน้อยเข้าทางตระกูลอินไม่ได้แล้ว เขาเห็นว่าจูอวี้เหยียนถูกรับตัวออกมาแล้ว แต่ฟางรั่วนั้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย กวนเซี่ยวจึงอดทนใจเย็นไม่ได้อีก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องไปขอร้องท่านปู่ถ้าเขาช่วยฟางรั่วไม่ได้ เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต นี่เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เขาหลงรักทุกครั้งที่เขาคิดว่าฟางรั่วต้องทนทุกข์ทรมานในวัง กวนเซี่ยวก็ร็สึกเจ็บปวดทรมานเขามองไปข้างหน้า แล้วเร่งฝีเท้าอีกครั้งในเวลานี้ อินชิงเสวียนได้ออกจากวังแล้วเหตุผลที่นางเก็บฟางรั่วไว้ไม่ประหารชีวิตนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเห็นแก่ตระกูลกวนถ้ากวนเซี่ยวขอร้องผู้เฒ่ากวนจริงๆ นางจะปล่อยฟางรั่วไป ถึงอย่างไรตัวเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่วครั้งหนึ่ง ด้วยนิสัยของอาซือหลาน ถ้ารู้ว่าฟางรั่วเป็นตัวปลอม เขาต้อ