อินชิงเสวียนตกใจ ทันใดนั้นเองนางก็เหาะถอยหลังกลับไปหลายก้าวนางไม่ได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวใดๆ และไม่ได้ใช้ความเร็วของมิติ แต่ยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้อินชิงเสวียนตกใจเย่จิ่งอวี้รู้สึกตัวในทันที เก็บฝ่ามือทันใด“เสวียนเอ๋อร์!”อินชิงเสวียนลงจอดที่พื้น รู้สึกประหลาดใจหรือว่าภายในมิติของนาง นางจะมีอำนาจสามารถควบคุมทุกสิ่งได้?ถ้าเป็นเช่นนั้น นางก็ไร้คู่ต่อสู้น่ะสิ?เนื่องจากเย่จิ่งอวี้อยู่ด้วย อินชิงเสวียนจึงไม่สะดวกที่จะทดลอง นางจึงระงับความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อน“ฝ่าบาทเป็นอะไรรึ”เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนเขาถามด้วยความเป็นห่วง “เสวียนเอ๋อร์ไม่เป็นไรนะ”อินชิงเสวียนยืนมั่นคง ตรวจดูเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ”คิ้วรูปทรงกระบี่ของเย่จิ่งอวี้ขมวดมุ่น“ดูเหมือนข้าจะได้เจอเสด็จแม่แล้ว การตายของเสด็จแม่ อาจมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง”“โอ้? หรือท่านมองเห็นฆาตกรคนอื่น”อินชิงเสวียนถามอย่างพิศวงงงงวยเย่จิ่งอวี้เดินไปหาอินชิงเสวียน จับมือของนาง และนั่งบนแท่นหินข้างบ่อน้ำพุวิญญาณ“ในมโนภาพข้ามองเห็นคนชราผู้หนึ่ง พูดให
เย่จิ่งอวี้ได้ยินเสียงของเจวี๋ยอิ่ง จึงบอกว่า “เข้ามา”ครั้นแล้วชายร่างผอมสูงก็เดินเข้ามาจากประตู หน้าตาไม่นับว่าหล่อเหลา แต่ให้กลิ่นอายเย็นชาราวคมกระบี่ แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้คนผู้นี้ฝีเท้าเบากริบ เดินแทบไม่มีเสียง จุดไท่หยางที่อยู่บริเวณขมับโปนเล็กน้อย ดูแววตาเฉียบคมชัดเจน มีกลิ่นอายของยอดฝีมือชั้นสูงเขามองไปที่อินชิงเสวียน แล้วคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายพระพรกุ้ยเฟย”“ลุกขึ้นเถิด จับตัวได้แล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้หุบยิ้ม นั่งบนเก้าอี้ไม้แดงด้วยท่าทางสง่างาม ใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาและเคร่งขรึม การวางท่าน่าครั่นคร้ามเมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะพูดคุยธุระ อินชิงเสวียนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์จู่ๆ คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นด้วยความเคารพ กระซิบ “กระหม่อมไร้สามารถ ที่จับชายตงหลิวได้เพียงคนเดียว เพราะโชคดีที่ได้แม่ทัพอินและคุณชายใหญ่อินช่วยเหลือ แต่ถึงกระนั้น คนอื่นๆ ก็ยังหนีไปได้ กระหม่อมเห็นว่าสูญเสียทหารองครักษ์ไปมาก จึงสั่งให้ถอยไป”เย่จิ่งอวี้โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วถามว่า “ครั้งนี้มีสูญเสียไปกี่คน”เจวี๋ยอิ่งกล่าวอย่า
หวังซุ่นพยักหน้าอย่างตื่นเต้น“กุ้ยเฟยโปรดวางใจ ข้าน้อยจะส่งข้อความนี้ไปถึงแน่นอน รับรองว่าจะไม่ให้พวกเขามาสร้างปัญหาให้กับกุ้ยเฟยอีก”“ดีแล้ว”อินชิงเสวียนโบกมือไปทางผู้คุมคุกหลวง“ปลดโซ่ตรวนออกให้เขา”ผู้คุมก้าวไปข้างหน้า ถอดโซ่เหล็กออกจากร่างของหวังซุ่นหวังซุ่นสะบัดข้อมือไปมา รู้สึกเหมือนได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งอินชิงเสวียนเรียกองครักษ์อีกคนหนึ่งให้พาหวังซุ่นออกจากวัง ขณะที่เจวี๋ยอิ่งได้ติดตามเขาไปในความมืดพร้อมกับองครักษ์เงาชายหญิงจำนวนหนึ่งสิบห้านาทีต่อมา หวังซุ่นก็มาถึงถนนสายยาวเขาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สั่งเนื้อวัวราดซีอิ๊วและสุราชั้นดีหนึ่งเหยือก แล้วกินอย่างเต็มที่ระหว่างกินข้าวก็คิดตลอดเวลาหวังซุ่นเป็นคนฉลาดมาก ต่างจากคนตงหลิวที่มีความคิดไม่ซับซ้อนพวกนั้น เขาไม่แม้แต่จะคิดหลบหนีเลยเขารู้ดีว่าในเมื่ออินชิงเสวียนกล้าที่จะปล่อยเขาออกจากวัง ย่อมต้องมีแผนรับมืออย่างแน่นอนหากหนีไม่พ้น ถูกจับได้อีก ก็ไม่ได้กินสุราอาหารชั้นดีเช่นนี้อีกแล้วดังนั้นเขาจึงต้องช่วยอินชิงเสวียนทำงานนี้ให้สำเร็จ จากนั้นดูว่านางมีท่าทีอย่างไรต่อเขาตอนนี้อาซือหลานได้กลับเจียงวูแ
อินสิงอวิ๋น พูดอย่างใจเย็น “ราชสำนักมีกฎของราชสำนัก ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ แม้ว่าชิงเสวียนจะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า แต่ข้าก็บังคับนางไม่ได้ ข้าช่วยเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ หวังว่าสหายจะเข้าใจ ลาก่อน”เมื่อมองตามหลังอินสิงอวิ๋นไป ใบหน้าของกวนเซี่ยวก็ซีดลงเล็กน้อยเข้าทางตระกูลอินไม่ได้แล้ว เขาเห็นว่าจูอวี้เหยียนถูกรับตัวออกมาแล้ว แต่ฟางรั่วนั้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย กวนเซี่ยวจึงอดทนใจเย็นไม่ได้อีก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไปโรงเรียนสอนการต่อสู้ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องไปขอร้องท่านปู่ถ้าเขาช่วยฟางรั่วไม่ได้ เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต นี่เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เขาหลงรักทุกครั้งที่เขาคิดว่าฟางรั่วต้องทนทุกข์ทรมานในวัง กวนเซี่ยวก็ร็สึกเจ็บปวดทรมานเขามองไปข้างหน้า แล้วเร่งฝีเท้าอีกครั้งในเวลานี้ อินชิงเสวียนได้ออกจากวังแล้วเหตุผลที่นางเก็บฟางรั่วไว้ไม่ประหารชีวิตนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเห็นแก่ตระกูลกวนถ้ากวนเซี่ยวขอร้องผู้เฒ่ากวนจริงๆ นางจะปล่อยฟางรั่วไป ถึงอย่างไรตัวเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่วครั้งหนึ่ง ด้วยนิสัยของอาซือหลาน ถ้ารู้ว่าฟางรั่วเป็นตัวปลอม เขาต้อ
กวนเซี่ยวไม่นึกว่าท่านปู่ที่รักเขามาโดยตลอด จะลงมือกับเขาได้ เขาถูกตบกระเด็นออกไปหลายก้าวแต่กระนั้นผู้เฒ่ากวนยังไม่หายโกรธ เขาถลาเข้า เงื้อมือขึ้นตบอีกครั้งรองอาจารย์ใหญ่ที่เคยเป็นแม่ทัพขุนนางอาวุโส มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้เฒ่ากวน เมื่อเขาเห็นชายชราบ้าคลั่งทุบตีหลานชาย เขาก็รีบพาคนเข้ามารั้งตัวกวนฮั่นหลินไว้“เหล่ากวน เจ้าก็แก่แล้ว เหตุใดถึงยังอารมณ์ร้ายอยู่ มีหลานชายเชื่อฟังอย่างเซี่ยวเอ๋อร์ เจ้ายังไม่พอใจอะไรอีก”ผู้เฒ่ากวนโกรธจัด ดึงมือรองอาจารย์ใหญ่ออก แล้วพุ่งเข้าไปทุบตีเขาอีกไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะโกรธจัดเพียงนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเจียงวูและต้าโจวสู้รบอย่างดุเดือดมานาน กวนเซี่ยวกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร ถึงได้กล้ามีความรักกับนางถ้าถอยออกมาอีกก้าว แม้ว่าสตรีคนนั้นจะไม่ได้มาจากเจียงวู แต่นางก็ได้เข้าวังแล้ว ไม่ว่าฝ่าบาทจะชอบหรือไม่ นางก็เป็นผู้หญิงของฮ่องเต้ เจ้าเด็กบ้านี่ดันบอกว่าจะไปขอคนจากเขา นี่มันเสียหน้าตระกูลกวนไปกันใหญ่แล้วผู้เฒ่ากวนทำงานโปร่งใสเปิดเผยบริสุทธิ์มาตลอดชีวิต เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ โทสะของเขาแทบจะระเบิดออกมา แทบอยากจะทุบตีกวนเซี่ยวให้ตายไปตรง
อินสิงอวิ๋นเหลือบมองนาง นัยน์ตาเฉยชาฉายแววขอบคุณ“นี่...”อินจ้งทำใจปล่อยลูกชายคนโตไม่ได้ แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่อินชิงเสวียนพูดนั้นมีเหตุผล ในช่วงนี้เขาเดินไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว บุคลิกเปลี่ยนไปมากจริงๆอินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่แค่สูญเสียความทรงจำ ไม่ใช่ว่าจะดูแลตัวเองไม่ได้เสียหน่อย ถ้าท่านพ่อไม่วางใจ ก็หาเรือนที่ใกล้กับจวนอินหน่อยก็ได้”อินจ้งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “งั้น...งั้นก็ได้ แต่เจ้าอย่าไปอยู่ไกลนักนะ ไง่เช่นนั้นพ่อจะเป็นห่วง”“อืม”อินสิงอวิ๋นพยักหน้า ถือว่ารับปากแล้วอินชิงเสวียนกำลังจะกล่าวลา แล้วแวะไปเยี่ยมสำนักศึกษาหลวง แต่นางเห็นอินจื่อลั่ววิ่งเข้ามาจากด้านนอก เมื่อนางเห็นอินชิงเสวียน ก็รีบวิ่งไปหาอย่างดีใจ“พี่หญิง ท่านกลับมาทำไมไม่บอกข้าสักคำ”อินจื่อลั่วเบะปาก สีหน้าน้อยใจอินชิงเสวียนกอดน้องสาว พลางตบหลังนางเบาๆ “พี่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี่เอง”อินจื่อลั่วเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “พี่หญิง ท่านจะกลับไปเล้วหรือเจ้าคะ”“อืม จื่อลั่วมีอะไรหรือเปล่า”เมื่อเห็นเด็กสาวตัวน้อยกอดเอวแน่น อินชิงเสว
บนถนนเทียนเต็มไปด้วยของที่น่าตื่นตาตื่นใจ ต้องการสิ่งใดก็มีทุกอย่าง ซึ่งร้านข้าวของเหล่าหลิวไท่ไท่ก็อยู่ที่ด้านบนสุดของถนนเทียนเช่นกันในเมื่อออกมาแล้ว อินชิงเสวียนจึงตัดสินใจแวะเข้าไปดูพอเข้าไปในร้านก็เจอลูกค้ากำลังซื้อข้าว หลานสาวคนโตกำลังช่วยทำงานอยู่ ไม่ได้เจอนางแค่เพียงพริบตาเดียว กิริยาวาจาของต้าฮวาก็เรียบร้อยมากขึ้น มีเด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นอยู่ข้างๆ ต่างถือขนมน้ำตาลปั้นอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่าชีวิตเริ่มดีขึ้นจริงๆหลิวเหล่าไท่ไท่เคยเห็นอินชิงเสวียนในชุดบุรุษแล้ว จึงปรี่เข้ามารับอย่างมีความสุขทันที“คุณชายเสวียน เชิญเข้ามานั่งเร็ว”อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่นั่งแล้ว ข้าแค่เข้ามาดูเฉยๆ”หลิวเหล่าไท่ไท่คิดว่านางมาที่นี่เพื่อเก็บเงิน จึงรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รอข้าสักครู่”หลังจากพูดจบก็วิ่งไปที่เรือนด้านหลัง แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาจากถุงข้าวที่มีรหัสลับ“นี่คือรายได้ในช่วงนี้ ข้าไม่ได้เก็บเศษเงินไว้เลย”นางดึงดันจะให้เศษเงินเล็กไปด้วยทุกครั้ง แต่อินชิงเสวียนก็ปฏิเสธทุกครั้ง เหล่าหลิวไท่ไท่จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรวบรวมเศษเงิน และแลกทั้งหมดเป็นตั๋วเงินให้“ไม่ต้
“ไม่เป็นไร แม่รองจะพยายามดูแลอย่างดีที่สุด เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้าน”ซูหมิงหลานจับมืออินชิงเสวียน พูดเสียงอ่อนโยน ดวงตาเต็มไปด้วยความรักอันอบอุ่นยิ่งนางมีเหตุผลมากเท่าไหร่ อินชิงเสวียนยิ่งรู้สึกว่าอินจ้งผิดต่อกับสตรีคนนี้มากขึ้นเท่านั้น“ในเมื่อนางเป็นลูกสาวของท่านพ่อ ก็ปล่อยให้เขาจัดการเอง ท่านแม่รองก็ไม่ต้องกังวล ถ้ารู้สึกว่าอยู่ในบ้านเบื่อๆ ข้าจะหาธุรกิจให้ท่านแม่รอง ไม่ทราบว่าท่านแม่รองเต็มใจหรือไม่”ดวงตาของซูหมิงหลานเป็นประกาย“ธุรกิจ?”นางได้เรียนรู้วิธีการทำธุรกิจจากตระกูลซูตั้งแต่ตอนอายุไม่กี่สิบปี ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว แต่ยังคงมีแสงสว่างริบหรี่อยู่ในใจถ้าออกไปได้ ย่อมดีกว่าอุดอู้อยู่ในบ้านแน่นอน“เป็นธุรกิจอะไรหรือ...ข้าจะทำได้หรือไม่”อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านแม่รองเก่งเรื่องการเย็บปักถักร้อย ต้องทำได้แน่ ข้ามีผ้าลายปักมากมายที่ไม่เคยมีมาก่อนในต้าโจว เป็นลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ท่านแม่รองไม่ต้องปักอะไร แค่หาคนมาตัดตามแบบก็พอ และไม่จำเป็นต้องแสดงตัว จ้างผู้ดูแลร้านที่ไว้ใจได้ แล้วท่านก็เข้าไปดูเป็นครั้งคราว”ซูหมิงหลานพยักหน้าโดยพลัน“เรื่องทำงานข
ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท
ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ
เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ
ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ
เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก
“ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว
“ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ
“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี