Share

บทที่ 484 ยกน้ำชา

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-03-19 15:18:48
ณ ห้องหนังสือ

เย่จิ่งอวี้เพิ่งหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมา หลี่เต๋อฝูก็เข้ามากราบทูล

“ฝ่าบาท อินจ้งขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้วางพู่กันลง หรือว่าลืมเรื่องอะไร?

“ให้เขาเข้ามาเถอะ”

ครู่หนึ่ง อินจ้งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก โน้มตัวและพูดว่า “กระหม่อมมีอีกเรื่องที่อยากทูลขอ ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“พูดมาสิ”

อินจ้งพูดว่า “กระหม่อมได้พาอินสิงอวิ๋นลูกชายคนโตกลับมาด้วย แต่เขายังคงหลับสนิทไม่ฟื้นขึ้นมา กระหม่อมสงสัยว่าเขาจะเป็นโรคร้าย ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา ให้หมอหลวงเหลียงไปตรวจดูอาการที่จวนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แม่ทัพอินไม่รู้ว่าอินสิงอวิ๋นป่วยเป็นอะไรงั้นหรือ?”

อินจ้งตกใจเล็กน้อย

“คือ... กระหม่อมไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ถามว่า “เจ้าไม่ได้รับจดหมายจากม้าด่วนของข้างั้นหรือ?”

อินจ้งฟังไม่เข้าใจ จึงรีบพูดว่า “กระหม่อมได้รับเพียงจกหมายยินยอมยุติสงครามของฝ่าบาท และไม่เห็นจดหมายอื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรออกมา

หากว่าอินจ้งรู้ว่าในร่างกายของอินสิงอวิ๋นมีพิษกู่ ซึ่งไม่มียาในการรักษา จะต้องหมดหวังอย่างแน่นอน สิ่งนี้โหดร
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 485 สงสัย

    เย่จิ่งอวี้ก็ตกใจเล็กน้อยพวกผู้หญิงเจียงวูคุกเข่าลงและพูดพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วแน่นตราบใดที่ตัวเองมีสถานะเป็นโอรสแห่งสวรรค์ เขาไม่มีทางกลับคำพูดได้ จึงพูดกับหลี่เต๋อฝูว่า “ไปหาตำหนักให้พวกนางด้วย”หลี่เต๋อฝูก็มีสีหน้าประหลาดใจ เขาแอบเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และบอกพวกผู้หญิงว่า “ทุกท่าน ตามข้ามา”หญิงที่เป็นผู้นำพูดว่า “ขอบพระคุณกงกง”อินจ้งกระแอมเสียงแห้งและพูดว่า “กระหม่อมก็ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”แม้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเย่จิ่งอวี้เป็นถึงโอรสสวรรค์ในราชวงศ์นี้ อย่าว่าแต่ทาสหญิงพวกนี้เลยหากเขาต้องการผู้หญิงทุกคนบนโลก ก็ไม่มีใครกล้าพูดมากได้เย่จิ่งอวี้พยักหน้า แต่กลับอึดอัดในใจตัวเองเป็นอะไรไป หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงสับสนมึนงงเช่นนี้?ทันใดนั้นก็นึกถึงพิษกู่ของอินสิงอวิ๋น จึงแอบตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนเหล่านี้มาด้วยเป้าหมายที่ไม่ดี และกล้าทำมิดีมิร้ายในแก้วน้ำชาของตัวเอง?มิเช่นนั้นตัวเองจะกล้าทำการตัดสินใจแบบนี้ได้อย่างไร?เพราะคิดว่าเป็นชาของในวัง จึงไม่ได้คิดมาก เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง เย่จิ่งอวี้ก็ว้าวุ่

    Last Updated : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 486 ว้าวุ่นใจ

    เย่จิ่งอวี้ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหลงกลใครแล้วจริงๆ หรือไม่ จึงไม่อยากพูดออกมาสุ่มสี่สุ่มห้า และทำให้อินชิงเสวียนต้องเป็นห่วงเขาหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่บอกว่าถ้าหาก ไม่ว่าใครก็ต้องทำผิดพลาดบ้าง หากข้าพูดจาเกินไปจริงๆ เสวียนเอ๋อร์อย่าได้ใส่ใจเด็ดขาด”อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้ และตบที่ไหล่ของเขาพูดอย่างไม่แยแสว่า “วางใจเถอะเพคะ หากฝ่าบาทพูดสิ่งใดผิดไป หม่อมฉันจะยกโทษให้ฝ่าบาทเสมอ”“เช่นนั้นก็ดี”เย่จิ่งอวี้วางเสี่ยวหนานเฟิงลงบนรถเข็นเด็ก ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ข้าอยากเรียนรู้วิธีการย่างเนื้อบ้าง เสวียนเอ๋อร์อย่าเก็บความสามารถไว้ผู้เดียวสิ”“เพคะ การได้ลงมือทำเอง จะยิ่งอร่อยมากขึ้น”อินชิงเสวียนหยิบพัดขึ้นมาอย่างทะมัดทะแมง พับแขนเสื้อและเดินมาด้านหน้าเตาย่างนางสอนวิธีการควบคุมไฟให้กับเย่จิ่งอวี้ ในหัวก็คิดเรื่องของอินสิงอวิ๋นแม้น้ำพุวิญญาณของนางจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ไม่สามารถถอนพิษกู่ได้ หากต้องการช่วยเหลืออินสิงอวิ๋น จำเป็นต้องไปตามหาคนขโมยพิณที่สำนักเสียงศักดิ์สิทธิ์เพียงแต่ต้องไปตามหาทั่วทุกที่ และแม้จะตามหาเขาพบ ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่?ระหว่างที่

    Last Updated : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 487 อิจฉา

    “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปบอกพวกนางเดี๋ยวนี้”อินชิงเสวียนพยักหน้า สำหรับผู้หญิงเหล่านี้ นางไม่มีเรื่องจะพูดด้วย ยิ่งไม่อยากคบค้าสมาคมกับพวกนางขันทีน้อยมาที่หน้าประตู และบอกจูอวี้เหยียนว่า “พระนางกุ้ยเฟยพักผ่อนแล้ว ขอเชิญแม่นางทั้งหลายกลับไปเถอะ”จูอวี้เหยียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เจ้าไปบอกพระนางกุ้ยเฟย พูดเพียงว่าข้ารู้เรื่องของอินสิงอวิ๋นที่อยู่ในเจียงวู”“คือว่า...”ขันทีน้อยลังเลเล็กน้อย แม้พระนางกุ้ยเฟยมีจิตใจเมตตา แต่นางพูดชัดเจนว่าไม่ต้องการพบคนเหล่านี้ ตัวเองยังจำเป็นต้องไปรายงานเรื่องพวกนี้หรือไม่?จูอวี้เหยียนหยิบหยวนเป่าเงินออกมา แอบยัดใส่มือของขันทีน้อย“รบกวนกงกงน้อยรายงานเรื่องนี้แทนข้าด้วย ข้ากล้ารับประกันว่า เหนียงเหนียงจะต้องมาพบพวกข้าแน่นอน”กงกงน้อยรีบผลักเงินออกไป ก้มหน้าและพูดว่า “เช่นนั้นแม่นางช่วยรอสักครู่ ข้าจะไปถามความเห็นของเหนียงเหนียงดูก่อน”เขาเข้ามาในตำหนัก และพูดตามที่จูอวี้เหยียนบอก อินชิงเสวียนจึงลุกขึ้นนั่งทันที“นางพูดแบบนี้จริงงั้นหรือ?”ขันทีน้อยโน้มตัวและพูดว่า “แม้กระหม่อมจะมีความกล้ามากเท่าใด กระหม่อมก็ไม่กล้าพูดปดพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวีย

    Last Updated : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 488 ตราบใดที่มีแรงก็จำเป็นต้องไป

    จูอวี้เหยียนดีใจ ไม่คิดว่าอินชิงเสวียนจะรู้จักตัวเองด้วย ไม่นับว่าเป็นคนไร้ค่า“ทูลพระนางกุ้ยเฟย พวกหม่อมฉันล้วนเป็นทาสหญิงของเจียงวู ไม่รู้เรื่องพิษกู่ เหนียงเหนียงโปรดอภัยด้วย”อินชิงเสวียนกวาดตามองจูอวี้เหยียน ทาสหญิงผู้นี้มีท่าทางเจ้าเล่ห์ราวหมาป่า อีกทั้งยังพูดโน้มน้าวจิตใจคนเก่ง รู้จักการรับมือได้ดี ไม่เหมือนสาวรับใช้ทั่วไป เมื่อเห็นตื่นตกใจ แต่กลับมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว“เช่นนั้นเจ้ารู้อะไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ”อินชิงเสวียนน้ำเสียงราบเรียบ ท่าทีนิ่งขรึม ลักษณะเรียบร้อย ค่อนข้างสง่างามเหมือนผู้เหนือหัวจูอวี้เหยียนพูดเสียงเรียบ “หม่อมฉันรู้มากเท่านี้แหละเพคะ ได้ยินว่าเหนียงเหนียงไม่ยอมพบพวกเรา หม่อมฉันจึงพูดชื่อของแม่ทัพน้อยอิน”อินชิงเสวียนกวาดตามองนางและถามอีกว่า“ท่านอ๋องอาซือหลานของพวกเจ้า ตอนนี้ยังอยู่ในเจียงวูหรือไม่?”จูอวี้เหยียนพูด “อยู่ที่เจียงวูเพคะ พระนางกุ้ยเฟยรู้จักท่านอ๋องของพวกเราด้วยหรือ?”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “คนต่ำทรามประเภทนั้น ไม่คู่ควรมารู้จักกับข้าหรอก ในเมื่อพวกเจ้านำของมาให้ข้าเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเถอะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ข้าเองก็เ

    Last Updated : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 489 งานเลี้ยงพริก

    จูอวี้เหยียนโน้มตัวและพูดว่า “เหนียงเหนียงพูดแรงไปแล้วเพคะ พวกข้ามีตำแหน่งต้อยต่ำ เหนียงเหนียงมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ คงไม่มาทะเลาะเอาความกับผู้ที่ต่ำกว่าอย่างพวกข้า”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “พูดได้ดี ข้าคงไม่ลดตัวไปทะเลาะกับพวกเจ้าหรอก เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะให้คนนำเข็มเงินมาทำการตรวจสอบก่อน เพื่อไม่ให้พวกเจ้าต้องหวาดระแวง และไม่ยอมกินอาหาร”อย่างไรก็เรียกพวกนางมาเพื่อยื้อเวลา อินชิงเสวียนไม่ได้รีบร้อนนางหันไปโบกมือให้อวิ๋นฉ่าย อวิ๋นฉ่ายหยิบเข็มเงินมาด้านหน้าโต๊ะทันที และทำการตรวจสอบยาพิษทีละจานเมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่เปลี่ยนสี จูอวี้เหยียนก็ยิ้มที่มุมปาก “หม่อมฉันเพียงพูดเล่นเท่านั้น ผู้ใดจะกล้าสงสัยพระนางกุ้ยเฟยเพคะ”อินชิงเสวียนยิ้มระรื่นและพูดว่า “พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็สมควรที่จะระแวงข้า ตอนนี้พวกเจ้าเห็นชัดแล้วใช่หรือไม่?”จูอวี้เหยียนพูดว่า “เห็นชัดแล้วเพคะ ขอบพระทัยเหนียงเหนียง”อินชิงเสวียนยื่นมือทำท่าทางเชื้อเชิญ“ไม่ต้องเกรงใจ พี่น้องทุกท่านกินได้ตามสบายเลย”จูอวี้เหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมา คนอื่นๆ ก็หยิบขึ้นมาตามเช่นกันอาหารหลายจานบนโต๊ะเป็นพริก

    Last Updated : 2024-03-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 490 โกรธแค้น

    เย่จิ่งอวี้หอมแก้มลูกชายของเขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาด้วยความดีใจ และกอดคอของเย่จิ่งอวี้ไว้ ใบหน้าเล็กซบลงบนไหล่ของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ว่า “เสด็จพ่อ~”“จ้าวเอ๋อร์น่ารักจัง”เมื่อมองเด็กน้อยที่ใบหน้าขาวสะอาด ความมืดมนในจิตใจของเย่จิ่งอวี้ก็มลายหายไปเมื่อเห็นความรักของสองพ่อลูก ความสุขก็ผุดขึ้นในใจของอินชิงเสวียนนางไม่ได้อยากเป็นฮองเฮา สิ่งเดียวที่นางต้องการ ก็คือการเป็นคู่รักไปตลอดชีวิตนางไม่สนใจว่าเย่จิ่งอวี้มีสถานะเป็นอะไร ขอเพียงครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันก็พอแล้วเย่จิ่งอวี้หันหน้ามามอง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมองหน้าตัวเองด้วยรอยยิ้ม เขาก็อบอุ่นหัวใจ แทบอยากอุ้มสาวน้อยคนนี้ไปนัวเนียสักรอบเมื่อเห็นแววตาที่มีเลศนัยคู่นั้น อินชิงเสวียนหน้าแดงเล็กน้อย นางอยู่กับเย่จิ่งอวี้มาเป็นเวลานาน นางรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดตำหนิว่า “หากฝ่าบาทอยากไปกับหม่อมฉัน ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเพคะ ไม่เช่นนั้น หม่อมฉันจะไม่รอท่านแล้ว”เย่จิ่งอวี้จึงต้องอดกลั้นความคิดนี้ไว้ในใจ“ได้ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้”ห

    Last Updated : 2024-03-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 491 พี่เขยช่างหล่อเหลาจริงๆ

    อินสิงอวิ๋นถูกอินชิงเสวียนดึงหน้าจนยืด แต่บนใบหน้าก็ไม่มีหน้ากากผิวหนังมนุษย์หรืออะไรทำนองนั้นอินชิงเสวียนตรวจสอบอย่างระมัดระวังอีกครั้ง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกนี่จะคงเป็นอินสิงอวิ๋นตัวจริงแน่แล้ว แต่จู่ๆ อินชิงเสวียนนึกถึงเงาร่างที่ดูคล้ายกับฟางรั่วมาก เชื่อว่าอีกไม่นานการเดาของนางคงจะได้รับการยืนยัน“ได้ยินว่าท่านพ่อขอร้องหัวหน้าหมอหลวงเหลียงมารักษาพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าตรวจพบอะไรหรือไม่”อินปู้อวี่พูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “หมอหลวงเหลียงบอกว่าพี่ใหญ่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เพียงแต่เลือดลมอ่อนแอ ไม่มีอาการป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว อาการคล้ายกับสถานการณ์ของเย่จั้นเลยนี่การผ่าตัดของเย่จิ่งหลานล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงตามหาเขาอีกก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น“นอกจากนอนหลับแล้ว เขายังมีการเคลื่อนไหวอื่นอีกหรือไม่”อินปู้อวี่ส่ายศีรษะ“ไม่มี เพียงแต่ง่วงซึมอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ก็ไม่เหมาะนัก ต้องวินิจฉัยโรคก่อน จึงจะรักษาได้”อินชิงเสวียนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “บางที...อาการที่พี่ใหญ่เป็นไม่ใช่โรค”อ

    Last Updated : 2024-03-20
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 492 ว้าวุ่นใจ

    อินจ้งยืนขึ้นโดยเร็ว“ฝ่าบาทอยากดื่มชาสร่างเมาก่อนเสด็จกลับหรือไม่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มจางๆ และพูดว่า “ไม่ต้อง สามารถแบ่งเวลาว่างมาได้ครึ่งวันก็ไม่ง่ายแล้ว ข้ายังมีงานอื่นต้องทำ ไม่รั้งอยู่นานดีกว่า”อินจ้งรู้ดีว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ยุ่งงานกิจการบ้านเมือง เขาจึงรีบโค้งคำนับและพูดว่า “เช่นนี้แล้ว กระหม่อมก็ไม่รั้งฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมรับคำ จากนั้นเสี่ยวอานจื่อก็พยุงไปที่ประตู อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมาเช่นกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่รอง ข้าจะกลับวังแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้าน ให้ส่งคนมาแจ้งข้าด้วย”อินจ้งพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าก็ต้องรักษาสุขภาพ ดูแลลูกให้ดีด้วย”ซูหมิงหลานก้าวไปข้างหน้า จับมืออินชิงเสวียนแล้วกระซิบ “ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา ในบ้านเรียบร้อยดีทุกอย่าง เจ้าอยู่ในวังคนเดียวก็ไม่ง่าย ต้องระวังและคิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ”อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นในใจ นางพูดเบาๆ “ขอบคุณท่านแม่รอง ข้าจะจดจำคำสอนของท่านแม่รอง ในช่วงที่ข้าไม่อยู่ ท่านพ่อ พี่รอง และน้องหญิงเล็ก ต้องรบกวนท่านแม่รองให้ช่วยดูแลแล้ว”ซูหมิงหลานพูดด้วยใบหน้าเปี่ยมรัก “เราเป็นครอบครัวเด

    Last Updated : 2024-03-20

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

DMCA.com Protection Status