แชร์

บทที่ 287 ความซับซ้อนของคน

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-02-04 16:00:01
เมื่อได้ยินว่าสวีจือย่วนกำลังจะมา อินชิงเสวียนก็อยากพบนางเช่นกัน

นอกจากนี้นางควรบอกเรื่องของอา‍ซือ‍หลานกับสวีจือย่วน เพื่อที่นางจะได้ไม่หลงรักจนหัวปักหัวปำ จนโงหัวไม่ขึ้น

แต่เย่‍จิ่ง‍อวี้กลับไม่อยากถูกรบกวนจากความอบอุ่นที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้

เขาพูดเสียงเรียบ “ไม่พบ”

สวีจือย่วนได้เดินมาถึงประตูแล้ว เมื่อนางได้ยินเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้ คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย

จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยพูดว่า “ฝ่าบาท ท่านพบเถอะ หม่อมฉันก็อยากพบนายหญิงสวีเช่นกัน”

สีหน้าของสวีจือย่วนเปลี่ยนไปทันที

เป็นเสียงของอินชิงเสวียน นางกลับมาทำไม

แล้วเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้ดังมาจากภายในห้องโถง

“ในเมื่อเสวียน‍เอ๋อร์ต้องการพบนาง ก็ให้นางเข้ามาเถอะ”

หลี่เต๋อฝูย่อมได้ยินอยู่แล้ว ซึ่งเขาเองก็จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอินชิงเสวียน

โดยปกติแล้วเขาซึ่งเป็นขันทีไม่กล้าถามถึงเรื่องของฝ่าบาท พูดง่ายๆ ก็คือถ้าฝ่าบาทมีความสุข เขาก็สบายใจ

เขาก้าวถอยหลัง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญนายหญิงสวีเถิด!”

“ขอบคุณหลี่กงกง”

สวีจือย่วนเปิดประตูอย่างช้าๆ

เมื่อเข้ามาในห้อง ก็เห็นอินชิงเสวียนในชุดบุรุษ

นางเดินเข้ามาด้วยความประห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Pattraporn Sangkapat
เซ็ง ต้องรออ่าน จะให้อ่านเรื่องอื่นไปพลางๆก่อน มันไม่ได้เพราะเดี๋ยวเนื้อเรื่องตีกันมั่ว ต้องอ่านทีละเรื่อง
goodnovel comment avatar
Jirawan Noing
อัพเยอะๆได้ไหม
goodnovel comment avatar
ranya12120
แย่จริว ๆ นี่คือนางตัวร้ายตัวจริง มีสมองไว้คั่นหูจริงแท้ แต่หวังว่านางเอกจะระแวงเธอไว้ด้วย ดีจริงที่พระเอกไม่โง่และทบทวนเรื่องอดีต คนที่เย่จั้นรัก น่าจะเป็นน้าสาวนางเอกรึเปล่า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 288 มาจากใจจริงรึ

    แล้วอินชิงเสวียนก็กลับมาที่ตำหนักเฉิงเทียน“เจ้าพูดอะไรกับนาง”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามด้วยความสนใจขณะพิงหมอนนุ่มๆอินชิงเสวียนกรุตุกมุมปากขึ้นยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์“ฝ่าบาทอยากลองเดาดูหรือไม่”เมื่อเห็นท่าทางในตอนนี้ของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกถึงความรู้สึกตอนที่ได้พบบนางเป็นครั้งแรก ในเวลานั้น นางฉลาดปลิ้นปล้อนมาก ราวกับจิ้งจอกน้อยเจ้าแผนการ นางที่บังเอิญวิ่งเข้าไปชนหัวใจของเขาเมื่อนึกถึงอดีต เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หัวเราะเบาๆ “จะให้ข้าเดาอย่างไร”“ฝ่าบาทจะพูดอะไรก็ได้ ถึงทายผิดก็ไม่เป็นไร”ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยแล้ว อินชิงเสวียนจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นิสัยที่แท้จริงของนางก็ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจเย่‍จิ่ง‍อวี้กลับชอบนางในลักษณะนี้ ในวังมีสตรีมีอยู่ในกฎเกณฑ์เหมือนเกินมากเกินไป และมีแต่คำเยินยอแบบเดียวกัน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเบื่อเมื่อมองดูตาที่โค้งคู่นั้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หรือเจ้าไปบอกนาง ว่าข้าเป็นของเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้าใกล้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนหัวเราะคิกคัก “เรื่องนั้นหม่อมฉันคงไม่กล้า หม่อมฉันแค่อยากขอบคุณนางที่ดูแลฝ่าบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 289 สามีภรรยาช่วยกันตอกกลับ

    ความเป็นห่วงเป็นใยในแววตาของอินชิงเสวียน ทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกอบอุ่นในใจเขาถามหยั่งเชิง “เจ้ากำลังปวดใจเพราะอยู่ข้ารึ”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา“ฝ่าบาทถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบนี่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงยานคางว่า “ได้ ข้าจะทำตามเจ้า”เขาหันกลับมา แล้วพูดกับคนที่อยู่นอกประตู “หลี่เต๋อฝู ไปถ่ายทอดคำสั่งที่ตำหนักจินหวู ให้จ้าวเอ๋อร์มาหาข้าที่ตำหนักเฉิงเทียน”“น้อมรับพระบัญชา”หลี่เต๋อฝูตอบรับ แล้ววิ่งนำขบวนออกไปทันทีอินชิงเสวียนช่วยประคองเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้นั่งบนเตียง วางหมอนนุ่มๆ ด้านหลังให้เขาพิงในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู และมีคนตะโกนเสียงดัง “ไทเฮาเสด็จ”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วทันที ยายแม่มดเฒ่าคนนี้มาทำอะไรที่นี่ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีเขาตบหลังมือของอินชิงเสวียนเบาๆ ปลอบโยนด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ไม่เป็นไร มีข้าอยู่”ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องโถงด้านนอกก็เปิดออกเสียงฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาใกล้ แล้วก็เห็นไทเฮาเดินนำชุยไห่เข้ามาในห้องโถงด้านใน“ฮ่องเต้ สองวันที่ผ่านมาอาการเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ นางก็เหลือบไปเห็นอินช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 290 ฝ่าบาททรงล้อหม่อมฉันแล้ว

    ณ ตำหนักเฉิงเทียนเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังเล่นอยู่ในห้องสักพัก แล้วความทะเยอทะยานก็กลับมาอีกครั้ง นิ้วอ้วนป้อมชี้ไปข้างนอก ทำปากมู่ทู่แล้วพูดว่า “ไป ไป”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มด้วยความรักและเอ็นดู จับมืออันจ้ำม่ำของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง“ช่างเป็นเด็กทะเยอทะยานอะไรเช่นนี้ พาเขาออกไปเดินเล่นกันเถอะ”อินชิงเสวียนถามอย่างเป็นกังวล “ฝ่าบาททรงไหวหรือ”เย่‍จิ่ง‍อวี้คลี่ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร วันนี้ข้าสบายดี”อินชิงเสวียนวางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้ในรถเข็นเด็ก“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยๆ เดิน อย่าไปไกลนัก”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างมีความสุข “ข้าเชื่อเสวียน‍เอ๋อร์อยู่แล้ว”ครอบครัวทั้งสามออกจากตำหนักเฉิงเทียน ซึ่งไม่ไกลกันนั้นก็มีสวนดอกอวี้หลานอยู่เมื่อสายลมพัดผ่าน ก็โชยกลิ่นหอมจางๆ อันทำให้คนรู้สึกสดชื่นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็ได้กลิ่นหอมนี้ เขาชี้ไปในทิศทางนั้นทันที“ใน ใน...”อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายน้อยอยากไปดูที่นั่นเพคะ”อินชิงเสวียนก้มศีรษะมองเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายกก้นขึ้นอีกครั้ง นางจึงพูดว่า “ก็ได้ ให้เขาไปดูดอกไม้เถอะ”เมื่อทุกคนเข้าไปในสวนอวิ๋นหลาน ก็เห็นทะเลดอกไม้สีขาวจากระย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 291 เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง

    กวนเซี่ยวยิ้มและถามว่า “ดูท่าทางวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีทีเดียวนะ?”ฟางรั่วหยิบกาเหล้าขึ้นมา และรินใส่แก้วเกล้าให้กับกวนเซี่ยว“ได้พบคุณชายกวน ข้าก็ต้องอารมณ์ดีสิเจ้าคะ”กวนเซี่ยวสยายชุดคลุมออก และนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้า“ดูไม่เหมือนเจ้าเลยนะ”ฟางรั่วยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง เหตุใดจึงต้องหาเหตุผลเฉพาะเจาะจง คุณชายกวนชอบใบหน้าแบบนี้ เหมือนไม่เหมือนจะสำคัญตรงไหนกันเจ้าคะ”กวนเซี่ยวชนแก้วกับนางหนึ่งที“คำพูดของเจ้าก็เหตุผลเหมือนกันนะ ขอเพียงข้าชอบ ข้าไม่สนใจเปลือกนอกหรอก”ฟางรั่วกระตุกยิ้มมุมปากและพูดว่า “ข้าไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้ภายใน ดื่มเหล้ากันเถอะเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นกวนเซี่ยวดื่มทีเดียวหมดแก้ว ฟางรั่วก็เม้มปาก จู่ๆ สายตาก็สาดแสงแห่งความเสียใจออกมา แต่ไม่นานก็มลายหายไป“ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่อินเรียกข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”กวนเซี่ยววางแก้วเหล้าลง ฟางรั่วก็รินเหล้าให้เขาอีกแก้ว“เรื่องของเจ้านาย ข้าจะรู้ได้อย่างไร”นางถอนหายใจเบาๆ และถามขึ้นว่า “การแก้แค้นสำหรับท่าน มีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”กวนเซี่ยวพูดด้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 292 เจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย

    “อาโฉ่ว?”กวนเมิ่งถิงประหลาดใจอย่างมาก“ท่านอ๋องต้องการเขาไปทำอะไร?”ทันทีที่พูดจบ เสียงของกวนลี่จือก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู“เจ้าสุนัขนั่นหนีไปแล้ว และไม่ได้กลับมาที่จวนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ข้าเองก็กำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน”กวนเมิ่งถิงรีบตำหนิในทันที “อวดดี เห็นว่าท่านอ๋องอยู่ตรงนี้ ยังกล้าเสียงดังโวยวาย”กวนลี่จือได้เดินจากด้านนอกเข้ามาในบ้านเมื่อเห็นเย่จั้น เขาก็อดตกใจไม่ได้ รีบค้อมตัวลงอย่างลนลาน“ลี่จือขอถวายบังคมจิ้งอ๋อง”เย่จั้นพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เจ้าบอกว่าอาโฉ่วหนีไปแล้ว เป็นเพราะอะไรกัน?”กวนลี่จือกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนบ่ายข้าด่าเขาไปไม่กี่คำ เขาก็หนีออกจากจวนไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เจ้าสุนัขตัวนี้ทั้งอัปลักษณ์และโง่เง่า รู้วิชาการต่อสู้เล็กน้อย เอาจริงๆ ข้าก็ชอบเขามาก คงจะเป็นการดีที่สุดหากเขาตายข้างนอก”กวนเมิ่งถิงถามต่อว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตามหาคนคนนี้ทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”เย่จั้นหรี่ตาลง และเหลือบมองกวนลี่จือคนผู้นี้ไร้ความรู้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คำพูดของเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก“ข้าสงสัย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 293 การโต้แย้งที่ดุเดือด

    ระหว่างที่พูด เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วประสานมือคำนับและพูดว่า “ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วพูด “ไม่ต้องมากพิธี เสด็จอารีบร้อนเข้ามาในวัง มีข่าวคราวอะไรหรือไม่?”“กระหม่อมทำงานไม่สำเร็จราบรื่น และจับพรรคพวกของอาซือหลานไม่ได้ อาโฉ่วก็ไม่ได้กลับจวนเสนามาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว คาดว่าเป็นเพราะถูกเปิดเผยตัวตน จึงได้หนีไปแล้ว หากหวังซุ่นที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวยังอยู่ข้างกายอาซือหลาน คิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะจับตัวเข้าได้”เย่จั้นลดสายตาลงต่ำ สีหน้ารู้สึกผิดเย่จิ่งอวี้เข้าใจในทันที“ความหมายของเสด็จอาก็คือ พวกเขาปลอมตัวเป็นคนได้งั้นหรือ?”เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะจับตัวได้ยากจริงๆหากไม่รีบจัดการอาซือหลานให้สิ้น ผู้คนก็จะเกิดอันตรายได้แม้แต่เสือก็ยังงีบหลับได้ ต่อให้คุ้มกันเข้มงวดเพียงใด ก็อาจเกิดความประมาทขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเย่จั้นพูดว่า “เป็นจริงดังนั้น”เย่จิ่งอวี้จับที่สันจมูกอย่างอดไม่ได้ เกิดความกลัดกลุ้มในใจขึ้นมากเมื่อเห็นคิ้วของเขาไม่คลายลง อินชิงเสวียนลัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 294 ความตื่นตระหนกของสุนัข

    ตอนที่เย่จั้นกลับไปถึงจวนอ๋อง กวนเซี่ยวก็ฟื้นขึ้นพอดีเมื่อเห็นชายชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆ กวนเซี่ยวตกใจเล็กน้อย“ท่านอ๋อง?”เย่จั้นพยักหน้า“คุณชายน้อยไปอยู่ที่เรือนจุ้ยหงได้อย่างไร?”หัวสมองของกวนเซี่ยวมึนงงเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปเรือนจุ้ยหงเพื่อพบอินสิงอวิ๋น สุดท้ายดื่มกับฟางรั่วเพียงไม่กี่แก้ว เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยเหตุใดฟางรั่วต้องทำเช่นนี้?นางวางยาตัวเองด้วยเหตุผลอะไร?ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของเขา แต่เขากลับยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่ปิดบังท่านอ๋อง ข้ามีคนรักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ครั้งนี้ข้าอยากไปพบนาง”เย่จั้นลุกขึ้นยืน และเดินมาที่ข้างเตียง ถามขึ้นด้วยสายตาที่บีบเคล้น “ก่อนหน้านี้เรือนจุ้ยหงถูกปิด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณชายน้อยต้องรู้อยู่แล้ว เหตุผลนี้ไม่รู้สึกเหมือนการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลยหรือ?”กวนเซี่ยวลุกขึ้นนั่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “รู้แน่นอน แต่ข้ายังอยากไปดูจริงๆ”“ดูอะไร? ทั้งที่คุณชายน้อยรู้ว่าคนในเรือนจุ้ยหงถูกจับไปที่กรมยุติธรรมหมดแล้ว หรือว่ายังมีคนที่เรือนจุ้ยหงที่ทำให้คุณชายน้อยเป็นห่วง?”เย่จั้นสายตานิ่งสงบ น้ำเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 295 เอาฝ่าบาทมาเป็นหนูทดลอง

    ณ ตำหนักฉู่เยว่พระอาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า ตำหนักฉู่เยว่ก็ปิดประตูตำหนักแล้วเห็นได้ว่า สองแม่ลูกคู่นี้ถ่อมตัวมากเลยทีเดียวเพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นตัวอักษรสามตัวนี้ อินชิงเสวียนต่างก็นึกถึงพระปีศาจเสวียนเจินผู้นั้นวันนั้นตอนที่เขาตาย สิ่งที่มองเห็นคือตรงนี้ไม่ผิดแน่ ไม่รู้ว่าเขาและอันไท่ผินมีความสัมพันธ์อะไรกัน?เมื่อคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าให้กับเสี่ยวอานจื่อ“ไปเคาะประตูเรียกสิ”เสี่ยวอานจื่อรีบไปเคาะประตู เพียงครู่หนึ่งก็มีคนถามขึ้น “ผู้ใด?”“เหยาเฟยเหนียงเหนียงแห่งตำหนักจินหวู ฝูอี้อ๋องโปรดมาพบด้วย”ด้านในเงียบเสียงลงทันที คาดว่ากำลังไปรายงานให้ทราบเพียงเวลาสิบห้านาที ประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยดเย่จิ่งหลานที่สวมชุดผ้าสีแดงเข้มปรากฏตัวที่ประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก“ขอถวายบังคมเสด็จพี่สะใภ้”อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงเอาของเล็กน้อยมาให้ท่าน”เสี่ยวอานจื่อยื่นทุเรียนไปให้ในทันที แม้มันจะมีกลิ่นเหม็น แต่รสชาติมันช่างหอมหวานเสียจริง เมื่อนึกถึงรสชาติหวานละมุนของทุเรียน เสี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-02-06

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1502 หน้าด้านหน้าทน

    อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1501 สายล่อฟ้าปรากฏ

    ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห

DMCA.com Protection Status