Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 292 เจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย

Share

บทที่ 292 เจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
“อาโฉ่ว?”

กวนเมิ่งถิงประหลาดใจอย่างมาก

“ท่านอ๋องต้องการเขาไปทำอะไร?”

ทันทีที่พูดจบ เสียงของกวนลี่จือก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู

“เจ้าสุนัขนั่นหนีไปแล้ว และไม่ได้กลับมาที่จวนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ข้าเองก็กำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน”

กวนเมิ่งถิงรีบตำหนิในทันที “อวดดี เห็นว่าท่านอ๋องอยู่ตรงนี้ ยังกล้าเสียงดังโวยวาย”

กวนลี่จือได้เดินจากด้านนอกเข้ามาในบ้าน

เมื่อเห็นเย่จั้น เขาก็อดตกใจไม่ได้ รีบค้อมตัวลงอย่างลนลาน

“ลี่จือขอถวายบังคมจิ้งอ๋อง”

เย่จั้นพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เจ้าบอกว่าอาโฉ่วหนีไปแล้ว เป็นเพราะอะไรกัน?”

กวนลี่จือกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนบ่ายข้าด่าเขาไปไม่กี่คำ เขาก็หนีออกจากจวนไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เจ้าสุนัขตัวนี้ทั้งอัปลักษณ์และโง่เง่า รู้วิชาการต่อสู้เล็กน้อย เอาจริงๆ ข้าก็ชอบเขามาก คงจะเป็นการดีที่สุดหากเขาตายข้างนอก”

กวนเมิ่งถิงถามต่อว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตามหาคนคนนี้ทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”

เย่จั้นหรี่ตาลง และเหลือบมองกวนลี่จือ

คนผู้นี้ไร้ความรู้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คำพูดของเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก

“ข้าสงสัย
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pattraporn Sangkapat
เซ็งค่ะ! รอนานเกินไป ถ้าแบบนี้คงไม่คิดอ่านเรื่องอื่นอีก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 293 การโต้แย้งที่ดุเดือด

    ระหว่างที่พูด เย่จั้นก็เดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วประสานมือคำนับและพูดว่า “ขอถวายบังคมฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วพูด “ไม่ต้องมากพิธี เสด็จอารีบร้อนเข้ามาในวัง มีข่าวคราวอะไรหรือไม่?”“กระหม่อมทำงานไม่สำเร็จราบรื่น และจับพรรคพวกของอาซือหลานไม่ได้ อาโฉ่วก็ไม่ได้กลับจวนเสนามาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว คาดว่าเป็นเพราะถูกเปิดเผยตัวตน จึงได้หนีไปแล้ว หากหวังซุ่นที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัวยังอยู่ข้างกายอาซือหลาน คิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะจับตัวเข้าได้”เย่จั้นลดสายตาลงต่ำ สีหน้ารู้สึกผิดเย่จิ่งอวี้เข้าใจในทันที“ความหมายของเสด็จอาก็คือ พวกเขาปลอมตัวเป็นคนได้งั้นหรือ?”เมื่อได้ยินคำนี้ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงจะจับตัวได้ยากจริงๆหากไม่รีบจัดการอาซือหลานให้สิ้น ผู้คนก็จะเกิดอันตรายได้แม้แต่เสือก็ยังงีบหลับได้ ต่อให้คุ้มกันเข้มงวดเพียงใด ก็อาจเกิดความประมาทขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเย่จั้นพูดว่า “เป็นจริงดังนั้น”เย่จิ่งอวี้จับที่สันจมูกอย่างอดไม่ได้ เกิดความกลัดกลุ้มในใจขึ้นมากเมื่อเห็นคิ้วของเขาไม่คลายลง อินชิงเสวียนลัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 294 ความตื่นตระหนกของสุนัข

    ตอนที่เย่จั้นกลับไปถึงจวนอ๋อง กวนเซี่ยวก็ฟื้นขึ้นพอดีเมื่อเห็นชายชุดขาวนั่งอยู่ข้างๆ กวนเซี่ยวตกใจเล็กน้อย“ท่านอ๋อง?”เย่จั้นพยักหน้า“คุณชายน้อยไปอยู่ที่เรือนจุ้ยหงได้อย่างไร?”หัวสมองของกวนเซี่ยวมึนงงเล็กน้อย ใช้เวลาสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไปเรือนจุ้ยหงเพื่อพบอินสิงอวิ๋น สุดท้ายดื่มกับฟางรั่วเพียงไม่กี่แก้ว เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลยเหตุใดฟางรั่วต้องทำเช่นนี้?นางวางยาตัวเองด้วยเหตุผลอะไร?ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของเขา แต่เขากลับยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่ปิดบังท่านอ๋อง ข้ามีคนรักอยู่ที่เรือนจุ้ยหง ครั้งนี้ข้าอยากไปพบนาง”เย่จั้นลุกขึ้นยืน และเดินมาที่ข้างเตียง ถามขึ้นด้วยสายตาที่บีบเคล้น “ก่อนหน้านี้เรือนจุ้ยหงถูกปิด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณชายน้อยต้องรู้อยู่แล้ว เหตุผลนี้ไม่รู้สึกเหมือนการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เลยหรือ?”กวนเซี่ยวลุกขึ้นนั่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “รู้แน่นอน แต่ข้ายังอยากไปดูจริงๆ”“ดูอะไร? ทั้งที่คุณชายน้อยรู้ว่าคนในเรือนจุ้ยหงถูกจับไปที่กรมยุติธรรมหมดแล้ว หรือว่ายังมีคนที่เรือนจุ้ยหงที่ทำให้คุณชายน้อยเป็นห่วง?”เย่จั้นสายตานิ่งสงบ น้ำเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 295 เอาฝ่าบาทมาเป็นหนูทดลอง

    ณ ตำหนักฉู่เยว่พระอาทิตย์เพิ่งลับขอบฟ้า ตำหนักฉู่เยว่ก็ปิดประตูตำหนักแล้วเห็นได้ว่า สองแม่ลูกคู่นี้ถ่อมตัวมากเลยทีเดียวเพียงแต่ทุกครั้งที่เห็นตัวอักษรสามตัวนี้ อินชิงเสวียนต่างก็นึกถึงพระปีศาจเสวียนเจินผู้นั้นวันนั้นตอนที่เขาตาย สิ่งที่มองเห็นคือตรงนี้ไม่ผิดแน่ ไม่รู้ว่าเขาและอันไท่ผินมีความสัมพันธ์อะไรกัน?เมื่อคิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าให้กับเสี่ยวอานจื่อ“ไปเคาะประตูเรียกสิ”เสี่ยวอานจื่อรีบไปเคาะประตู เพียงครู่หนึ่งก็มีคนถามขึ้น “ผู้ใด?”“เหยาเฟยเหนียงเหนียงแห่งตำหนักจินหวู ฝูอี้อ๋องโปรดมาพบด้วย”ด้านในเงียบเสียงลงทันที คาดว่ากำลังไปรายงานให้ทราบเพียงเวลาสิบห้านาที ประตูก็เปิดออกดังเอี๊ยดเย่จิ่งหลานที่สวมชุดผ้าสีแดงเข้มปรากฏตัวที่ประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เย่จิ่งหลานก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก“ขอถวายบังคมเสด็จพี่สะใภ้”อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงเอาของเล็กน้อยมาให้ท่าน”เสี่ยวอานจื่อยื่นทุเรียนไปให้ในทันที แม้มันจะมีกลิ่นเหม็น แต่รสชาติมันช่างหอมหวานเสียจริง เมื่อนึกถึงรสชาติหวานละมุนของทุเรียน เสี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 296 อาฆาตแค้น

    เมื่อออกจากตำหนักฉู่เยว่ ฟ้าก็มืดลงแล้วอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไปที่ตำหนักเฉิงเทียนเมื่อรู้ว่าเย่จิ่งหลานเคยทำการผ่าตัดให้สัตว์เพียงเท่านั้น นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้เย่จิ่งหลานช่างไร้ความน่าเชื่อถือจริงๆ อย่าได้มีโรคแทรกซ้อนตามมาเลยนะ!เมื่อนึกได้ว่าหลายวันนี้เย่จิ่งอวี้เอาแต่กินข้าวโจ๊ก ในใจก็ไม่อาจทนได้เห็นว่าเขาช่วยนางมาหลายครั้ง อินชิงเสวียนตัดสินใจทำแป้งถั่วเหลืองให้เขาแทนเมื่อแยกตัวออกจากอวิ๋นฉ่ายและเสี่ยวอานจื่อ อินชิงเสวียนก็เข้าไปในมิตินำแป้งถั่วเหลืองห่อในกระดาษมัน ห่อเสร็จก็นำไปที่ตำหนักเฉิงเทียนหลี่เต๋อฝูกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็ยิ้มและพูดว่า“เหยาเฟยเหนียงเหนียงเสด็จมาแล้วหรือ”“ใช่ ฝ่าบาทบรรทมแล้วหรือยัง?”“ยังพ่ะย่ะค่ะ พระสนมสวีเพิ่งมาเมื่อครู่ และกำลังพูดคุยกับฝ่าบาทอยู่ด้านใน”เมื่อได้ยินว่าสวีจือย่วนอยู่ด้วย อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วมาได้เร็วทันเวลาพอดี“เข้าไปได้หรือไม่?”หลี่เต๋อฝูยิ้มและพูดว่า “ได้สิพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับเหยาเฟยเหนียงเหนียง กระหม่อมจะไปทูลเดี๋ยวนี้”ไม่นานนัก หลี่เต๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 297 คนรวยใช้เงินมือเติบ

    อินชิงเสวียนไม่ได้มีแผนการอะไร เพียงแต่อยากออกไปเย้าหยอก เพื่อให้อาซือหลานรู้ว่าตัวเองออกมาแล้วแต่เมื่อฝ่าบาทถามขึ้นมา ก็ต้องสร้างข้อแก้ตัว เมื่อพูดไปได้ครู่หนึ่ง ตัวเองก็รู้สึกง่วงนอนเย่จิ่งอวี้กำลังรอข้อความต่อไป เมื่อหันหน้ามา กลับพบว่าอินชิงเสวียนนอนขดตัวหลับอยู่ข้างกายเขาแล้วเขายิ้มด้วยความหลงใหล และแบ่งผ้าห่มครึ่งหนึ่ง ห่มบนตัวของอินชิงเสวียนจากนั้นก็นอนลงช้าๆ ประสานนิ้วทั้งสิบกับนางเมื่อฟังเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะและตื้นเขิน เย่จิ่งอวี้รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นฟ้าสว่างแล้วเมื่อคิดจะพลิกตัว อินชิงเสวียนก็ลุกขึ้นนั่งแล้ว“เหตุใดไม่นอนต่ออีกหน่อยเล่า?”เสียงของเย่จิ่งอวี้มีความแหบแห้งในยามเช้า เสียงดูเนือยๆ และมีเสน่ห์อินชิงเสวียนขยี้ตา พูดเสียงฮึดฮัด “ข้านอนตื่นสายอีกแล้วใช่หรือไม่?”เมื่อเห็นท่าทางสะลึมสะลือของนาง เย่จิ่งอวี้ก็ยิ้มที่มุมปาก“ไม่หรอก เจ้านอนต่อได้นะ”อินชิงเสวียนมองเห็นพระอาทิตย์ดวงโตนอกหน้าต่าง คาดว่าตอนนี้น่าจะแปดโมงกว่าแล้ว จึงรีบคลานไปข้างเตียงและสวมรองเท้า“มีเรื่องสำคัญต้องทำ จับอาซือหลานให้ไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 298 รางวัลจากมิติ

    อินชิงเสวียนนั่งลงข้างพิณ ดีดสายพิณด้วยนิ้วหัวแม่มือของนาง และเสียงที่คมชัดก็ดังออกมาในทันทีทันใดนั้นเจ้าของร้านถามขึ้นราวกับมอบของขวัญล้ำค่า “แม่นางคิดว่าพิณนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”อินชิงเสวียนไม่ค่อยรู้เรื่องพิณ แต่ฟังจากเสียงสะท้อนที่ไม่มีเสียงอื้ออึง ก็รู้สึกว่าไม่เลวทีเดียวจึงพยักหน้า “เป็นพิณที่ดี”เจ้าของร้านยิ้มปากกว้างในทันที “แม่นางสายตาเฉียบแหลมทีเดียว พิณนี้ทำมาจากไม้เพาโลเนียอายุห้าร้อยปี ข้าใช้เงินก้อนโตซื้อมาจากชาวพเนจรผู้หนึ่ง ราคาเปิดหีบหนึ่งพันตำลึงก็เป็นราคาที่เขาตั้งไว้เอง”อินชิงเสวียนเข้าใจทันทีว่านี่คือกฎหากรู้ว่าแพงขนาดนี้ สู้ซื้อพิณมาเล่นเองข้างถนนดีกว่าเจ้าของร้านลูบเคราแล้วพูดว่า “พิณนี้อยู่ในโรงเตี๊ยมมาสามปีแล้ว แต่เปิดหีบน้อยครั้งมาก ทั้งหมดเพียงสามครั้งเท่านั้น แม่นางโปรดปฏิบัติต่อมันด้วยความกรุณา”เย่จั้นนั่งลงอีกด้านของโต๊ะ พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “แน่นอน เถ้าแก่ช่วยเตรียมอาหารมาด้วย”“ได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”เมื่อเจ้าของร้านเดินออกไป อินชิงเสวียนก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย“เล่นหนึ่งครั้งเสียพันตำลึง แพงเกินไปแล้ว”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 299 พิณการเวก

    พลังอันมหาศาลของมิติ มาพร้อมกับลมคำรามที่รุนแรง อาซือหลานไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงหมดสติลงไปกับพื้นตรงนั้นสามคนที่เหลือต่างก็ตกใจมาก“นายท่าน!”ไม่รอให้พวกเขาได้สติ ทหารเปลวเพลิงแดงก็จู่โจมเข้ามา และกดพวกเขาไว้กับพื้นอินชิงเสวียนดีใจในทันที นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะจับอาซือหลานได้ง่ายเช่นนี้ ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับความเร็วและพลังของมิติเย่จั้นแทบไม่คิดเหมือนกันว่าจะง่ายดายเช่นนี้ เดิมทีเขาคิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือด และเมื่อเขานึกถึงความเร็วอันน่ากลัวของอินชิงเสวียน ความคิดมากมายก็ผุดขึ้นในแววตาไม่เจอกันเพียงสองวัน การเคลื่อนไหวของร่างกายนางกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว ว่องไวจนเขามองไม่ชัดเจนสำหรับฮ่องเต้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายเมื่อมองดูใบหน้าที่คล้ายกับสหายเก่าไม่น้อย ความก็รู้สึกก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่ออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ออกคำสั่ง“พวกเจ้านำคนเหล่านี้กลับไปด้วยทั้งหมด คุ้มกันแน่นหนา ข้าจะเข้าวังเดี๋ยวนี้”ทันทีที่เย่จั้นพูดจบ ก็พบว่าอินชิงเสวียนโซเซเล็กน้อย จึงรีบยื่นมือไปพยุงนางไว้“เหนียงเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”อินชิงเสวียนฝื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 300 ฝ่าบาททรงเป็นฝ่าบาทที่โตเต็มวัยแล้ว

    “หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ เป็นเพราะใช้กำลังภายใน จึงมีอาการตามมาเล็กน้อย พักผ่อนสักหน่อยก็ดีขึ้นเพคะ”อินชิงเสวียนพูดจบก็นั่งลงที่ศาลาด้านข้าง อ่อนเพลียมากเลยจริงๆ ตอนนี้นางเพียงอยากนอนหลับเท่านั้น และไม่อยากขยับแม้เพียงนิดเดียวเย่จั้นก็พูดว่า “เหนียงเหนียงไม่เป็นอะไรจริงๆ หากไม่ใช่เพราะวิชาการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเหนียงเหนียง คงไม่สามารถจับกุมอาซือหลานได้ง่ายเช่นนี้”เย่จั้นเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้กับเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งอวี้รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก“นางใช้พิณตัวนั้นในโรงเตี๊ยมบรรเลงบทเพลงงั้นหรือ?”เย่จั้นถามขึ้น “ฝ่าบาทรู้จักพิณตัวนั้นด้วยหรือ?”เย่จิ่งอวี้กระแอมไอเสียงแห้งและพูดว่า “หีบพิณนั่นถูกเปิดมาสองครั้ง ข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น”เมื่อนึกถึงเสียงดีดพิณราวกับลาร้องในครั้งก่อน เย่จิ่งอวี้ก็หน้าแดงเล็กน้อยเขาเคยคิดจะกลับไปเล่นพิณตัวนั้นอีกครั้ง แต่ไม่นานหลังจากน้ันฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ตัวเองได้ขึ้นครองราชย์ และมีงานราษฎร์งานหลวงอีกเป็นกอง ทำให้แยกตัวออกไปได้ยากทันใดนั้นเย่จั้นก็นึกได้ว่าก่อนที่ฝ่าบาทจะครองราชย์ เคยถูกขนานนามว่าท่านอ๋องแห่งความสุดยอดท

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status