แชร์

บทที่ 284 ข้าเวียนศีรษะ

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ทันใดนั้นดวงตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็มืดลง เขามองไปยังซ่งเซี่ยด้วยแววตาเยียบเย็น

“ใครบอกแม่ทัพซ่ง ว่าผู้ที่ทำร้ายข้าคือเหยาเฟย?”

ซ่งเซี่ยเป็นคนที่ดีแค่มีร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่กลับมีความคิดมักง่าย เขาพูดโดยไม่ยั้งคิด “ข่าวนี้มาจากในวังพ่ะย่ะค่ะ ทุกคนต่างก็ทราบดี ขอฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยโดยเร็ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ผู้ที่กล้าบิดเบือนความจริงเช่นนี้ ทำราวกับไม่เห็นข้าในสายตา หากรู้ว่าผู้ใดเป็นคนแพร่ข่าวลือ ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด”

ซ่งเซี่ยยังคงพูดอย่างดื้อดึง “ดังคำกล่าวที่ว่า หากไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น ฝ่าบาทควรจับตัวนังมารร้ายนั่นมา เพื่อดำรงไว้ซึ่งความชอบธรรม!”

เรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้เย็นชา พูดเสียงเฉียบขาด “เป็นเพียงคนที่ได้ฟังข่าวลือมาเท่านั้น แต่กลับกล้ามาเห่าหอนต่อหน้าข้า ข้าต้องทำอย่างไร ต้องให้เจ้ามาสอนด้วยรึ”

เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทโกรธ ซ่งเซี่ยก็ตกใจกลัว รีบคุกเข่าเสียงกระทบพื้นดังลั่น

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ กระหม่อมเพียงแต่คิดถึงความปลอดภัยของฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้เกรี้ยวกราดรุนแรง “ยังกล้าแก้ตัวอีก เด็กๆ ลากตัวซ่งเซี่ยออกไป ลงโทษโบย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 285 ภาพวาดม้วนหนึ่ง

    ทางด้านจวนจอมพลกวนฮั่นหลินสั่งให้คนจัดงานเลี้ยง และเชิญเย่จั้นมาดื่มในห้องโถงพวกเขาทั้งสองคนเป็นทหารแม่ทัพเหมือนกัน ย่อมพูดคุยถูกคอมากกว่าคุยกับเหล่าขุนนางในราชสำนักเสียอีกยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในเชิงศึกสงคราม ฉะนั้นย่อมขาดไม่ได้ที่จะกล่าวยกย่องซึ่งกันและกันหลังจากดื่มไปสามรอบ กวนฮั่นหลินก็ยกจอกสุราขึ้น“จอกนี้ ขอคารวะแด่ท่านอ๋อง ขอบคุณท่านอ๋องที่ทำเพื่อตระกูลอิน หากอินจ้งกลับราชสำนักได้ ต้องให้เขามาคุกเข่าขอบคุณท่านแน่นอน”เย่จั้นยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “จอมพลเฒ่ายกย่องเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าจะประจำการอยู่ที่ชายแดนและไม่เกี่ยวข้องกับกิจการบ้านเมือง แต่ข้าก็รู้ว่าใครทรยศใครภัดี แต่ทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน หากไม่ใช่เพราะค้นเจอจดหมายโต้ตอบกับราชวงศ์เจียงวูในจวนของอินจ้ง ข้าจะช่วยปกป้องเขาจากฝ่าบาทอย่างแน่นอน”เขาถอนหายใจและพูดต่อว่า “จอมพลเฒ่าก็ไม่สามารถตำหนิฝ่าบาทเพราะเรื่องนี้ได้ หากเปลี่ยนเป็นท่านหรือข้าที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้น เกรงว่าเราจะเลือกแบบเดียวกัน”กวนฮั่นหลินวางจอกสุราลง กระแสเสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ“ในฐานะขุนนาง จะตำหนิฮ่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 286 เจ้าจะฆ่าข้าอีกก็ได้

    หลังดวงอาทิตย์ตกดิน ดวงจันทร์ก็ลอยเด่นเหนือนภา ในชั่วพริบตาก็เป็นยามท้องฟ้ามืดมนแล้วม้าหนุ่มสองตัวออกจากจวนอ๋อง มุ่งตรงไปยังวังหลวงทันทีอินชิงเสวียนยังคงสวมหน้ากาก ใส่ชุดของบุรุษ เย่จั้นสวมหมวกคลุมศีรษะ บังใบหน้าของเขาไว้ครึ่งหนึ่งเมื่อถึงประตูทางเข้าวังหลวงทั้งสองก็ลงจากหลังม้า แล้วเดินเข้าไปในตำหนักเฉิงเทียนเย่‍จิ่ง‍อวี้กำลังกินลีโวฟล็อกซาซินที่บดเป็นผงอยู่ พอเขาได้ยินว่าเย่จั้นมาถึงแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก“ให้เสด็จอาเข้ามา”เย่จั้นที่สวมเสื้อคลุมเดินเข้ามาจากประตู เมื่อเห็นท่าทางของเขา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ตวัดเรียวตาหงส์ไปมอง“ท่านอาสิบสามป่วยรึ เหตุใดถึงสวมใส่เสื้อผ้ามากมายเช่นนี้”เย่จั้นก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ข้าอยากให้ฝ่าบาทมองดูอะไรบางอย่าง ฝ่าบาทอย่าตกใจเกินไปนักนะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามด้วยความสับสน “เรื่องอะไรกันแน่ เหตุใดจึงทำให้ลึกลับเพียงนี้”เย่จั้นค่อยๆ ถอดหมวกของเขาออกเมื่อเห็นใบหน้าของเขาเต็มตา เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ตกตะลึง“ใบหน้าของท่าน...”“ไม่เป็นไร อีกครึ่งหน้าเป็นหน้ากากผิวหนังมนุษย์ ฝ่าบาทรู้สึกว่าดูเหมือนใครบางคนหรือไม่”ในตอนท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 287 ความซับซ้อนของคน

    เมื่อได้ยินว่าสวีจือย่วนกำลังจะมา อินชิงเสวียนก็อยากพบนางเช่นกันนอกจากนี้นางควรบอกเรื่องของอา‍ซือ‍หลานกับสวีจือย่วน เพื่อที่นางจะได้ไม่หลงรักจนหัวปักหัวปำ จนโงหัวไม่ขึ้นแต่เย่‍จิ่ง‍อวี้กลับไม่อยากถูกรบกวนจากความอบอุ่นที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้เขาพูดเสียงเรียบ “ไม่พบ”สวีจือย่วนได้เดินมาถึงประตูแล้ว เมื่อนางได้ยินเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้ คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อยจากนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยพูดว่า “ฝ่าบาท ท่านพบเถอะ หม่อมฉันก็อยากพบนายหญิงสวีเช่นกัน”สีหน้าของสวีจือย่วนเปลี่ยนไปทันทีเป็นเสียงของอินชิงเสวียน นางกลับมาทำไมแล้วเสียงของเย่‍จิ่ง‍อวี้ดังมาจากภายในห้องโถง“ในเมื่อเสวียน‍เอ๋อร์ต้องการพบนาง ก็ให้นางเข้ามาเถอะ”หลี่เต๋อฝูย่อมได้ยินอยู่แล้ว ซึ่งเขาเองก็จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของอินชิงเสวียนโดยปกติแล้วเขาซึ่งเป็นขันทีไม่กล้าถามถึงเรื่องของฝ่าบาท พูดง่ายๆ ก็คือถ้าฝ่าบาทมีความสุข เขาก็สบายใจเขาก้าวถอยหลัง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญนายหญิงสวีเถิด!”“ขอบคุณหลี่กงกง”สวีจือย่วนเปิดประตูอย่างช้าๆเมื่อเข้ามาในห้อง ก็เห็นอินชิงเสวียนในชุดบุรุษนางเดินเข้ามาด้วยความประห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 288 มาจากใจจริงรึ

    แล้วอินชิงเสวียนก็กลับมาที่ตำหนักเฉิงเทียน“เจ้าพูดอะไรกับนาง”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามด้วยความสนใจขณะพิงหมอนนุ่มๆอินชิงเสวียนกรุตุกมุมปากขึ้นยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์“ฝ่าบาทอยากลองเดาดูหรือไม่”เมื่อเห็นท่าทางในตอนนี้ของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกถึงความรู้สึกตอนที่ได้พบบนางเป็นครั้งแรก ในเวลานั้น นางฉลาดปลิ้นปล้อนมาก ราวกับจิ้งจอกน้อยเจ้าแผนการ นางที่บังเอิญวิ่งเข้าไปชนหัวใจของเขาเมื่อนึกถึงอดีต เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หัวเราะเบาๆ “จะให้ข้าเดาอย่างไร”“ฝ่าบาทจะพูดอะไรก็ได้ ถึงทายผิดก็ไม่เป็นไร”ตอนนี้ความเข้าใจผิดทั้งหมดได้ถูกเปิดเผยแล้ว อินชิงเสวียนจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นิสัยที่แท้จริงของนางก็ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจเย่‍จิ่ง‍อวี้กลับชอบนางในลักษณะนี้ ในวังมีสตรีมีอยู่ในกฎเกณฑ์เหมือนเกินมากเกินไป และมีแต่คำเยินยอแบบเดียวกัน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเบื่อเมื่อมองดูตาที่โค้งคู่นั้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หรือเจ้าไปบอกนาง ว่าข้าเป็นของเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้าใกล้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนหัวเราะคิกคัก “เรื่องนั้นหม่อมฉันคงไม่กล้า หม่อมฉันแค่อยากขอบคุณนางที่ดูแลฝ่าบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 289 สามีภรรยาช่วยกันตอกกลับ

    ความเป็นห่วงเป็นใยในแววตาของอินชิงเสวียน ทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้รู้สึกอบอุ่นในใจเขาถามหยั่งเชิง “เจ้ากำลังปวดใจเพราะอยู่ข้ารึ”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา“ฝ่าบาทถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบนี่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมุมปากขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงยานคางว่า “ได้ ข้าจะทำตามเจ้า”เขาหันกลับมา แล้วพูดกับคนที่อยู่นอกประตู “หลี่เต๋อฝู ไปถ่ายทอดคำสั่งที่ตำหนักจินหวู ให้จ้าวเอ๋อร์มาหาข้าที่ตำหนักเฉิงเทียน”“น้อมรับพระบัญชา”หลี่เต๋อฝูตอบรับ แล้ววิ่งนำขบวนออกไปทันทีอินชิงเสวียนช่วยประคองเย่‍จิ่ง‍อวี้ให้นั่งบนเตียง วางหมอนนุ่มๆ ด้านหลังให้เขาพิงในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู และมีคนตะโกนเสียงดัง “ไทเฮาเสด็จ”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วทันที ยายแม่มดเฒ่าคนนี้มาทำอะไรที่นี่ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันทีเขาตบหลังมือของอินชิงเสวียนเบาๆ ปลอบโยนด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ไม่เป็นไร มีข้าอยู่”ทันทีที่เขาพูดจบ ประตูห้องโถงด้านนอกก็เปิดออกเสียงฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาใกล้ แล้วก็เห็นไทเฮาเดินนำชุยไห่เข้ามาในห้องโถงด้านใน“ฮ่องเต้ สองวันที่ผ่านมาอาการเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ นางก็เหลือบไปเห็นอินช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 290 ฝ่าบาททรงล้อหม่อมฉันแล้ว

    ณ ตำหนักเฉิงเทียนเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงกำลังเล่นอยู่ในห้องสักพัก แล้วความทะเยอทะยานก็กลับมาอีกครั้ง นิ้วอ้วนป้อมชี้ไปข้างนอก ทำปากมู่ทู่แล้วพูดว่า “ไป ไป”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มด้วยความรักและเอ็นดู จับมืออันจ้ำม่ำของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง“ช่างเป็นเด็กทะเยอทะยานอะไรเช่นนี้ พาเขาออกไปเดินเล่นกันเถอะ”อินชิงเสวียนถามอย่างเป็นกังวล “ฝ่าบาททรงไหวหรือ”เย่‍จิ่ง‍อวี้คลี่ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร วันนี้ข้าสบายดี”อินชิงเสวียนวางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไว้ในรถเข็นเด็ก“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยๆ เดิน อย่าไปไกลนัก”เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างมีความสุข “ข้าเชื่อเสวียน‍เอ๋อร์อยู่แล้ว”ครอบครัวทั้งสามออกจากตำหนักเฉิงเทียน ซึ่งไม่ไกลกันนั้นก็มีสวนดอกอวี้หลานอยู่เมื่อสายลมพัดผ่าน ก็โชยกลิ่นหอมจางๆ อันทำให้คนรู้สึกสดชื่นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็ได้กลิ่นหอมนี้ เขาชี้ไปในทิศทางนั้นทันที“ใน ใน...”อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายน้อยอยากไปดูที่นั่นเพคะ”อินชิงเสวียนก้มศีรษะมองเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขายกก้นขึ้นอีกครั้ง นางจึงพูดว่า “ก็ได้ ให้เขาไปดูดอกไม้เถอะ”เมื่อทุกคนเข้าไปในสวนอวิ๋นหลาน ก็เห็นทะเลดอกไม้สีขาวจากระย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 291 เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง

    กวนเซี่ยวยิ้มและถามว่า “ดูท่าทางวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีทีเดียวนะ?”ฟางรั่วหยิบกาเหล้าขึ้นมา และรินใส่แก้วเกล้าให้กับกวนเซี่ยว“ได้พบคุณชายกวน ข้าก็ต้องอารมณ์ดีสิเจ้าคะ”กวนเซี่ยวสยายชุดคลุมออก และนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้า“ดูไม่เหมือนเจ้าเลยนะ”ฟางรั่วยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง เหตุใดจึงต้องหาเหตุผลเฉพาะเจาะจง คุณชายกวนชอบใบหน้าแบบนี้ เหมือนไม่เหมือนจะสำคัญตรงไหนกันเจ้าคะ”กวนเซี่ยวชนแก้วกับนางหนึ่งที“คำพูดของเจ้าก็เหตุผลเหมือนกันนะ ขอเพียงข้าชอบ ข้าไม่สนใจเปลือกนอกหรอก”ฟางรั่วกระตุกยิ้มมุมปากและพูดว่า “ข้าไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้ภายใน ดื่มเหล้ากันเถอะเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นกวนเซี่ยวดื่มทีเดียวหมดแก้ว ฟางรั่วก็เม้มปาก จู่ๆ สายตาก็สาดแสงแห่งความเสียใจออกมา แต่ไม่นานก็มลายหายไป“ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่อินเรียกข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”กวนเซี่ยววางแก้วเหล้าลง ฟางรั่วก็รินเหล้าให้เขาอีกแก้ว“เรื่องของเจ้านาย ข้าจะรู้ได้อย่างไร”นางถอนหายใจเบาๆ และถามขึ้นว่า “การแก้แค้นสำหรับท่าน มีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”กวนเซี่ยวพูดด้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 292 เจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย

    “อาโฉ่ว?”กวนเมิ่งถิงประหลาดใจอย่างมาก“ท่านอ๋องต้องการเขาไปทำอะไร?”ทันทีที่พูดจบ เสียงของกวนลี่จือก็ดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู“เจ้าสุนัขนั่นหนีไปแล้ว และไม่ได้กลับมาที่จวนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ข้าเองก็กำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน”กวนเมิ่งถิงรีบตำหนิในทันที “อวดดี เห็นว่าท่านอ๋องอยู่ตรงนี้ ยังกล้าเสียงดังโวยวาย”กวนลี่จือได้เดินจากด้านนอกเข้ามาในบ้านเมื่อเห็นเย่จั้น เขาก็อดตกใจไม่ได้ รีบค้อมตัวลงอย่างลนลาน“ลี่จือขอถวายบังคมจิ้งอ๋อง”เย่จั้นพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เจ้าบอกว่าอาโฉ่วหนีไปแล้ว เป็นเพราะอะไรกัน?”กวนลี่จือกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อวานตอนบ่ายข้าด่าเขาไปไม่กี่คำ เขาก็หนีออกจากจวนไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา เจ้าสุนัขตัวนี้ทั้งอัปลักษณ์และโง่เง่า รู้วิชาการต่อสู้เล็กน้อย เอาจริงๆ ข้าก็ชอบเขามาก คงจะเป็นการดีที่สุดหากเขาตายข้างนอก”กวนเมิ่งถิงถามต่อว่า “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตามหาคนคนนี้ทำไมพ่ะย่ะค่ะ?”เย่จั้นหรี่ตาลง และเหลือบมองกวนลี่จือคนผู้นี้ไร้ความรู้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คำพูดของเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก“ข้าสงสัย

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

DMCA.com Protection Status