Share

บทที่ 209 ข้าไปเองได้

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-01-17 16:00:00
ทุกคนหันไปหาอินชิงเสวียนเป็นตาเดียว

อินชิงเสวียนเข้าใจทันทีว่า หลวงจีนบ้านี่ต้องสมรู้ร่วมคิดกับไทเฮายายแม่มดเฒ่า เพื่อจัดการกับตัวเอง

นางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ปีศาจที่ไต้ซือพูดถึง คือข้ารึ”

หลวงจีนเสวียนเจินยังมีสีหน้าสงบ ราวกับไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใด

“ตำแหน่งที่อาตมาคำนวณนั้นเป็นตำแหน่งที่พระสนมอยู่จริงๆ ขอเชิญพระสนมตามอาตมาไปกำจัดปีศาจชั่วร้ายที่หอสวดมนต์ด้วย”

อินชิงเสวียนยิ้มเยาะ พูดว่า “อาศัยแค่คำพูดของไต้ซือคำเดียว ก็จะให้ข้าตามเจ้ากลับไปที่หอสวดมนต์งั้นรึ เหลวไหลทั้งเพ ข้าว่าได้ซือต่างหากที่มีปีศาจร้ายสิงสู่ ก่อปัญหาวุ่นวายในวัง ไต้ซือควรหุบปากแล้วยืดคอรอให้คนมาตัดเถอะ”

ไทเฮาพูดด้วยความโกรธทันที “ช่างอุกอาจจริงๆ เสวียนเจินไต้ซือเป็นตี้ซือพิทักษ์แคว้นที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง ให้เจ้ามาใส่ร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร”

อินชิงเสวียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา พูดว่า “แล้วสิ่งไต้ซือกล่าวหาข้ามิใช่การใส่ร้ายหรอกรึ ในเมื่อไต้ซือเป็นตี้ซือพิทักษ์แคว้น เช่นนั้นก็ควรมีหน้าที่สำคัญคือการพิทักษ์แคว้น บัดนี้บ้านเมืองเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ราษฎรกำลังอดอยาก กลับไม่เคยเห
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nattharinee Chotvaratsakul
โอ้ยทำลายจิตใจกันเกินไปเหลือป่าว..กำลังสนุกเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 210 พระสนมเหยาเฟยหายไป

    เมื่อขันทีน้อยได้ยินว่าอินชิงเสวียนเป็นปีศาจร้าย พวกเขาก็เริ่มกลัว กลัวว่านางจะกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย อ้าปากกัดกินพวกเขา แต่ก็ไม่กล้าปล่อย พวกเขาคว้าเสื้อผ้าของอินชิงเสวียน และผลักนางไปข้างหน้าอินชิงเสวียนถูกผลักตัวเซ จึงอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับ ขันทีน้อยหลายคนสะดุ้งทันทีเสวียนเจินดุทันที “มารร้ายจริงๆ กำลังจะตายแล้วยังไม่สำรวมอีก”อินชิงเสวียนถุยปาก พูดว่า “เจ้าหัวโล้นโง่เง่า เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังถ่ายทำภาพยนตร์อยู่รึ สำคัญตัวจริงๆ ข้าอยากเห็นนักเชียว ว่าในสามวันนี้เจ้าจะทำอะไรกับข้าได้”เสวียนเจินไม่ได้โต้เถียงกับนาง เขาตั้งมือขวาวางบนหน้าอก ท่าทางเคร่งขรึมราวกับผู้อยู่เหนือกว่าอันยากจะหยั่งถึงเมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเขา อินชิงเสวียนก็เรื่อมรู้สึกร้อนใจ หลวงจีนบ้านี่คงไม่มีวิชาแปลงร่างได้จริงหรอกนะ ถ้าเสกให้นางกลายเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ อะไรสักตัวจริง ถึงตอนนั้นต่อให้นางอมพระมาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งต่อ “นี่ เจ้าโล้นบ้า เจ้าเป็นบ้าอะไร”ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะตะโกนสาปแช่งมากแค่ไหน เสวียนเจินก็ไม่พูดอะไร และแล้วสามสิบนาทีต่อมา อินชิงเสวียนถูกนำตัวไปที่หอสวดมนต์ข

    Last Updated : 2024-01-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 211 นักฆ่า

    ณ ตำหนักฉือหนิงงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูติของไทเฮายังคงดำเนินต่อไปเหล่าขุนนางต่างผลัดถ้วยแลกจอก กล่าววาจาที่เต็มไปด้วยถ้อยคำอันเป็นมงคลเย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ถึงอย่างไรขิงแก่ก็ยังเผ็ดอยู่วันยังค่ำทำไมเขาจึงไม่เคยนึกถึงเสวียนเจินไต้ซือกันนะคืนนี้ต้องให้นังแพศยาอินชิงเสวียนได้ลิ้มรสความร้ายกาจของเขา เพื่อล้างแค้นที่นางโกนขนคิ้วเขาวันั้นไทเฮายิ่งยิ้มร่าราวกับดอกไม้บาน คิดไม่ถึงนังแพศยานี่จะถูดจัดการได้ง่ายดายปานนี้ไม่ว่าสามวันต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร นางก็ไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้ทว่านัยน์ตาของเย่จิ่งอวี้เย็นเย็น เมื่องานเลี้ยงผ่านไปได้ครึ่งทาง เขาก็อ้างวาปวดศีรษะขอตัวออกมาก่อนเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้ก็เกรี้ยวกราดในทันที“ไทเฮานับวันจะยิ่งเหลือเกินจริงๆ ถึงกลับกล้าลงมือกับคนของข้าอย่างอุกอาจถึงเพียงนี้ นางคิดจะแตกหักกับข้าจริงๆ สินะ”หลี่เต๋อฝูอดเป็นกังวลเสียมิได้“ฝ่าบาท แล้วพระสนมเหยาเฟยจะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ จะให้นางอยู่ในหอสวดมนต์สามวันจริงหรือ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “นี่เป็นกฎที่ตั้งขึ้นโดยฮ่องเต้องค์ก่อน อีกอย่าง ตอนที่ฮ่อง

    Last Updated : 2024-01-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 212 ข้าจะทำให้นางตายเดี๋ยวนี้เลย

    ชายชุดดำสองคนมีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจอย่างมาก หน่วยอารักขาทั้งหลายคำรามเสียงต่ำอยู่มิวายเสวียนเจินยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา ครั้นเห็นหน่วยอารักขาหลายสิบนายล่าถอย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปร้องตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “จุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุ!”ทันใดนั้นมีคนกระโดดขึ้นไปบนหอสัญญาณไฟด้านหลังหอสวดมนต์ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระบัญชาว่า หากมีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุขึ้นในหอสวดมนต์ ทหารองครักษ์ทั้งหมดในวังหลวงต้องมาช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังชายชุดดำสบตากัน หนึ่งในนั้นก็เค้นเสียงตะโกนว่า “ถอย!”จากทั้งสองคนก็ใช้อุบายหลอกตา แล้วกระโดดข้ามกำแพงไปอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเท้าคาง ขมวดคิ้วมองอยู่หลวงจีนเฒ่าคนนี้ดูไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย!แค่หอสวดมนต์เล็กๆ แต่กลับมีหอสัญญาณไฟและหน่วยอารักขามากมายขนาดนี้!บ่อน้ำในวังหลวงชักจะลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้นางไม่รู้ว่าผู้ที่มาเป็นใคร จะมาช่วยนาง หรือมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่กันแน่อินชิงเสวียนคิดไม่ตก ทำได้เพียงรอให้ผ่านพ้นไปก่อนสามวัน แล้วจึงค่อยตัดสินใจนางอ้าปากหาว นอนราบบนพื้นสนามหญ้าณ ตำหนักเฉิงเทียนร่างสีดำสองร่างพุ่งปราดเข้ามาในห้องโถงด้านใน หนึ่งในนั้นก็ถอดผ้าปิดหน

    Last Updated : 2024-01-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 213 หญิงแกร่งห้านาที

    ณ ตำหนักฉือหนิงชุยไห่เฝ้าเวรดึกอยู่ด้านนอก ทันใดนั้นเขาเห็นสัญญาณไฟแจ้งเหตุถูกจุดอยู่ไกลๆ จึงวิ่งเข้าไปในห้องโถงด้านในทันที“ไทเฮา ที่หอสวดมนต์มีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าอาจเกิดเรื่องขึ้น”ไทเฮายังไม่หลับ มีลู่จิ้งเสียนอยู่ข้างๆ ด้วยวันนี้อินชิงเสวียนถูกจับ ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าเมื่อได้ยินว่ามีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุในหอสวดมนต์ ไทเฮาก็ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าคืนนี้วังหลังต้องไม่สงบ ชุยไห่เจ้านำทหารองครักษ์ในวังไปที่นั่นก่อน ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้”เมื่อคิดว่าเย่จิ่งเย่าก็ไปที่หอสวดมนต์เช่นกัน ก็อดกังวลไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา“เสียนเอ๋อร์ รีบไปดูกันเถอะ”ไทเฮาคว้าแขนของลู่จิ้งเสียน แล้วเดินออกไปที่ประตูซึ่งในเวลานี้เอง เย่จิ่งเย่าเดินไปได้ห้าก้าวสามก้าวก็หยุกพักนั่งหนึ่งที อินชิงเสวียนใส่ผงสลอดลงในเค้ก ตอนนี้มันก็ออกฤทธิ์แล้ว เย่จิ่งเย่ากินมากที่สุด จึงออกฤทธิ์เร็วกว่าคนอื่น ทันทีที่ลุกขึ้นยืน ท้องก็เริ่มปวดขึ้นทันทีด้านไทเฮาที่ออกจากตำหนักฉือหนิงแล้ว หลังจากเดินไม่กี่ก้าวนางก็

    Last Updated : 2024-01-18
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 214 เจ้าน่ะสิเป็นปีศาจหลวงจีน

    ณ เรือนจุ้ยหงฟางรั่วขมวดคิ้วเดินกลับไปกลับมาในห้องขนาดตัวเองยังได้ยินเรื่องแบบนี้ นายท่านก็ต้องได้ยินแล้วเหมือนกันขณะที่กวนเซี่ยวนั่งดื่มสุราอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์“คุณชายใหญ่ยังไม่มา เจ้าจะกังวลไปทำไมล่ะ มิสู้ดื่มสุรากับข้าคลายความกังวลไม่ดีกว่าหรือ”ฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาดื่มสุราอีกนะ หากนายท่านรู้ว่าอินชิงเสวียนตกอยู่ในอันตราย เขาต้องบุกเข้าวังหลวงในยามวิกาลอีกแน่นอน”กวนเซี่ยวคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ถ้าเขาอยากไป เจ้าจะหยุดเขาได้งั้นหรือ”ในเวลานี้ เขาถือกาสุรา ท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีระมัดระวังตัวที่เขาแสดงให้อินชิงเสวียนเห็นโดยสิ้นเชิงฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้าก็คงไม่อยากให้คุณชายใหญ่ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันกระมัง หาไม่แล้วเจ้าคงไม่คิดหาหนทางพาเขาออกมาจากจวนจอมพลหรอก”กวนเซี่ยวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนบ้าบิ่น จะทำสิ่งใดเขาย่อมมีขอบเขตอยู่แล้ว”ฟางรั่วเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าที่มีฐานะเป็นถึงหลานชายของจอมพลกวน ทำเช่นนี้เพราะมีเจตนาใด”กวนเซี่ยวจิบสุราแล้วพูดอย่างสบายๆ “เจ้า

    Last Updated : 2024-01-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 215 กระหน่ำตีเสวียนเจิน

    เสวียนเจินรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเขาถูกแผ่นเหล็กตบอย่างแรงหลายครั้ง ความเจ็บปวดรุนแรงมากจนส่งเสียงไม่ได้เลย รู้สึกถึงความเค็มอยู่ในปาก มีฟันซี่ใหญ่สองซี่หลุดออกมาจากปากด้วยซึ่งเหตุการณ์อันกลับตาลปัตรนี้ทำให้ทุกคนตกใจดวงตาหลายคู่มองไปที่ร่างที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนครั้นแล้วคนผู้นั้นก็หยุดมือ แล้วชี้ไปที่เสวียนเจิน ตะโกนว่า “เจ้าปีศาจหลวงจีน เห็นชัดว่าเจ้าเป็นปีศาจที่สร้างปัญหาในวังหลัง”เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามนั้น ไทเฮาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเป็นอินชิงเสวียน นังแพศยานี่ยังไม่ตาย!“บังอาจ เจ้าปีศาจร้าย กล้าทำร้ายเสวียนเจินไต้ซือได้อย่างไร เด็กๆ มาจับตัวปีศาจร้ายไว้”“ช้าก่อน!”เย่จิ่งอวี้กลับมามีสติสัมปชัญญะในทันที ก้าวไปข้างหน้า ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไต้ซือบอกว่ารูปลักษณ์ของพระสนมเหยาเฟยถูกทำลายแล้วมิใช่หรือ แล้วตอนนี้จะอธิบายว่าอย่างไร”เมื่อเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ ทหารองครักษ์ย่อมไม่กล้าลงมือเป็นธรรมดาเสวียนเจินถูกตบจนเลือดไหลออกมาจากจมูก เครื่องแบบหลวงจีนสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่ได้ดูเหมือนหลวงจีนผู้สูงส่งอีกแล้วเขายกมือขึ้นปิดจมูก สูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าพล

    Last Updated : 2024-01-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 216 อับอายจนเหงื่อตก

    เขารีบไปเปิดประตูทันที แล้วก็เห็นฝ่าบาทอุ้มอินชิงเสวียนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วปานลมกรด“ถวายบังคมฝ่าบาท!”“ตามสบาย”เย่จิ่งอวี้มาที่ห้องโถงด้านใน และวางอินชิงเสวียนที่กำลังแกล้งเป็นลมไว้บนเตียงเสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นแม่เขาก็ถีบขาด้วยความดีใจ มือป้อมๆ ก็ไขว่คว้าไม่หยุด พยายามไปหาอินชิงเสวียนยายหลี่กอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันรับใช้พระสนมมาตั้งแต่เกิด หม่อมฉันกล้ารับประกันด้วยชีวิตว่าพระสนมไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน”อวิ๋นฉ่ายก็คุกเข่าลงโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หม่อมฉันก็ขอรับรองด้วยชีวิตเช่นกันเพคะ นายหญิงนางเป็นคนดี”เสี่ยวอานจื่อก็พูดตามมาอีกว่า “ฝ่าบาท ปีศาจในตำราภาพวาดล้วนแต่เป็นคนจิตใจชั่วร้ายอย่างยิ่ง พระสนมจิตใจดี มักจะคิดถึงราษฎรและต้าโจวเสมอ จะเป็นปีศาจได้อย่างไร”หลังจากได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูด อินชิงเสวียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ใบหน้าแดงเถือกแม้ว่านางจะทำสิ่งดีๆ ให้กับราษฎร แต่ความตั้งใจเดิมของนางคือการหลอกลวงเย่จิ่งอวี้ ต้องการที่จะไปจากวังหลวง ไม่เหมาะกับคำว่า ‘คนดี’ สองคำนี้จริงๆเย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นเถิด ปีศาจร้ายอะ

    Last Updated : 2024-01-19
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 217 เจ้าจับปีศาจได้อีกแล้วรึ

    หลังจากที่หานปิงเดินออกไป สวีจือย่วนก็จมอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้งอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเบาๆ หยิบเข็มขึ้นมาแล้วเย็บเสื้อผ้าให้เสี่ยวหนานเฟิงต่อ...ในเวลานี้ ซูฉ่ายเวยก็มีความรู้สึกผสมปนเปไปหมดเหมือนกันรู้สึกดีใจที่อินชิงเสวียนยังไม่ตาย ต่อไปยังสามารถซื้อของเพื่อเอาใจนางได้อีก แต่ก็รู้สึกกังวลที่นางยังไม่ตาย ได้ยินมาว่าฝ่าบาทได้อุ้มนางกลับไปที่ตำหนักจินหวูด้วยตัวเองเมื่อคิดว่าพวกนางทั้งสองต่างก็เป็นสนมขั้นเฟย ในขณะที่เหยาเฟยอาศัยอยู่ในตำหนักจินหวู แต่ตัวเองกลับยังคงอาศัยอยู่ในหอฉงฮวาเล็กๆ จู่ๆ ในใจก็คิดว่าไม่ยุติธรรมในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเซียงหลานพูดว่า “พระสนม นายหญิงฉู่และนายหญิงท่านอื่นๆ มาเพคะ”ซูฉ่ายเวยกำลังจะหาคนคุยอยู่พอดี เมื่อได้ยินดังนี้จึงบอกว่า “ให้พวกนางเข้ามา”หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่หลิงอวี้ที่สวมกระโปรงสีเขียวก็เดินนำทุกคนเข้ามาแม้ว่าฉู่หลิงอวี้จะไม่มีตำแหน่ง แต่กลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์แสนกลชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ จึงกลายเป็นผู้นำของเหล่าหญิงงามไปโดยปริยาย นอกจากนี้ฉู่หลิงอวี้ยังมีภูมิหลังตระกูลที่ดี ตระกูลฝ่ายแม่เป็นคนค้าขาย จึงมีเงิน

    Last Updated : 2024-01-19

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1502 หน้าด้านหน้าทน

    อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1501 สายล่อฟ้าปรากฏ

    ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห

DMCA.com Protection Status