ทุกคนหันไปหาอินชิงเสวียนเป็นตาเดียวอินชิงเสวียนเข้าใจทันทีว่า หลวงจีนบ้านี่ต้องสมรู้ร่วมคิดกับไทเฮายายแม่มดเฒ่า เพื่อจัดการกับตัวเองนางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ปีศาจที่ไต้ซือพูดถึง คือข้ารึ”หลวงจีนเสวียนเจินยังมีสีหน้าสงบ ราวกับไม่กริ่งเกรงต่อสิ่งใด“ตำแหน่งที่อาตมาคำนวณนั้นเป็นตำแหน่งที่พระสนมอยู่จริงๆ ขอเชิญพระสนมตามอาตมาไปกำจัดปีศาจชั่วร้ายที่หอสวดมนต์ด้วย”อินชิงเสวียนยิ้มเยาะ พูดว่า “อาศัยแค่คำพูดของไต้ซือคำเดียว ก็จะให้ข้าตามเจ้ากลับไปที่หอสวดมนต์งั้นรึ เหลวไหลทั้งเพ ข้าว่าได้ซือต่างหากที่มีปีศาจร้ายสิงสู่ ก่อปัญหาวุ่นวายในวัง ไต้ซือควรหุบปากแล้วยืดคอรอให้คนมาตัดเถอะ”ไทเฮาพูดด้วยความโกรธทันที “ช่างอุกอาจจริงๆ เสวียนเจินไต้ซือเป็นตี้ซือพิทักษ์แคว้นที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง ให้เจ้ามาใส่ร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร”อินชิงเสวียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา พูดว่า “แล้วสิ่งไต้ซือกล่าวหาข้ามิใช่การใส่ร้ายหรอกรึ ในเมื่อไต้ซือเป็นตี้ซือพิทักษ์แคว้น เช่นนั้นก็ควรมีหน้าที่สำคัญคือการพิทักษ์แคว้น บัดนี้บ้านเมืองเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ราษฎรกำลังอดอยาก กลับไม่เคยเห
เมื่อขันทีน้อยได้ยินว่าอินชิงเสวียนเป็นปีศาจร้าย พวกเขาก็เริ่มกลัว กลัวว่านางจะกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย อ้าปากกัดกินพวกเขา แต่ก็ไม่กล้าปล่อย พวกเขาคว้าเสื้อผ้าของอินชิงเสวียน และผลักนางไปข้างหน้าอินชิงเสวียนถูกผลักตัวเซ จึงอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับ ขันทีน้อยหลายคนสะดุ้งทันทีเสวียนเจินดุทันที “มารร้ายจริงๆ กำลังจะตายแล้วยังไม่สำรวมอีก”อินชิงเสวียนถุยปาก พูดว่า “เจ้าหัวโล้นโง่เง่า เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังถ่ายทำภาพยนตร์อยู่รึ สำคัญตัวจริงๆ ข้าอยากเห็นนักเชียว ว่าในสามวันนี้เจ้าจะทำอะไรกับข้าได้”เสวียนเจินไม่ได้โต้เถียงกับนาง เขาตั้งมือขวาวางบนหน้าอก ท่าทางเคร่งขรึมราวกับผู้อยู่เหนือกว่าอันยากจะหยั่งถึงเมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเขา อินชิงเสวียนก็เรื่อมรู้สึกร้อนใจ หลวงจีนบ้านี่คงไม่มีวิชาแปลงร่างได้จริงหรอกนะ ถ้าเสกให้นางกลายเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ อะไรสักตัวจริง ถึงตอนนั้นต่อให้นางอมพระมาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งต่อ “นี่ เจ้าโล้นบ้า เจ้าเป็นบ้าอะไร”ไม่ว่าอินชิงเสวียนจะตะโกนสาปแช่งมากแค่ไหน เสวียนเจินก็ไม่พูดอะไร และแล้วสามสิบนาทีต่อมา อินชิงเสวียนถูกนำตัวไปที่หอสวดมนต์ข
ณ ตำหนักฉือหนิงงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูติของไทเฮายังคงดำเนินต่อไปเหล่าขุนนางต่างผลัดถ้วยแลกจอก กล่าววาจาที่เต็มไปด้วยถ้อยคำอันเป็นมงคลเย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น ถึงอย่างไรขิงแก่ก็ยังเผ็ดอยู่วันยังค่ำทำไมเขาจึงไม่เคยนึกถึงเสวียนเจินไต้ซือกันนะคืนนี้ต้องให้นังแพศยาอินชิงเสวียนได้ลิ้มรสความร้ายกาจของเขา เพื่อล้างแค้นที่นางโกนขนคิ้วเขาวันั้นไทเฮายิ่งยิ้มร่าราวกับดอกไม้บาน คิดไม่ถึงนังแพศยานี่จะถูดจัดการได้ง่ายดายปานนี้ไม่ว่าสามวันต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร นางก็ไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้ทว่านัยน์ตาของเย่จิ่งอวี้เย็นเย็น เมื่องานเลี้ยงผ่านไปได้ครึ่งทาง เขาก็อ้างวาปวดศีรษะขอตัวออกมาก่อนเมื่อกลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้ก็เกรี้ยวกราดในทันที“ไทเฮานับวันจะยิ่งเหลือเกินจริงๆ ถึงกลับกล้าลงมือกับคนของข้าอย่างอุกอาจถึงเพียงนี้ นางคิดจะแตกหักกับข้าจริงๆ สินะ”หลี่เต๋อฝูอดเป็นกังวลเสียมิได้“ฝ่าบาท แล้วพระสนมเหยาเฟยจะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ จะให้นางอยู่ในหอสวดมนต์สามวันจริงหรือ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “นี่เป็นกฎที่ตั้งขึ้นโดยฮ่องเต้องค์ก่อน อีกอย่าง ตอนที่ฮ่อง
ชายชุดดำสองคนมีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจอย่างมาก หน่วยอารักขาทั้งหลายคำรามเสียงต่ำอยู่มิวายเสวียนเจินยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา ครั้นเห็นหน่วยอารักขาหลายสิบนายล่าถอย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปร้องตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “จุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุ!”ทันใดนั้นมีคนกระโดดขึ้นไปบนหอสัญญาณไฟด้านหลังหอสวดมนต์ฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระบัญชาว่า หากมีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุขึ้นในหอสวดมนต์ ทหารองครักษ์ทั้งหมดในวังหลวงต้องมาช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังชายชุดดำสบตากัน หนึ่งในนั้นก็เค้นเสียงตะโกนว่า “ถอย!”จากทั้งสองคนก็ใช้อุบายหลอกตา แล้วกระโดดข้ามกำแพงไปอินชิงเสวียนยกมือขึ้นเท้าคาง ขมวดคิ้วมองอยู่หลวงจีนเฒ่าคนนี้ดูไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย!แค่หอสวดมนต์เล็กๆ แต่กลับมีหอสัญญาณไฟและหน่วยอารักขามากมายขนาดนี้!บ่อน้ำในวังหลวงชักจะลึกขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้นางไม่รู้ว่าผู้ที่มาเป็นใคร จะมาช่วยนาง หรือมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่กันแน่อินชิงเสวียนคิดไม่ตก ทำได้เพียงรอให้ผ่านพ้นไปก่อนสามวัน แล้วจึงค่อยตัดสินใจนางอ้าปากหาว นอนราบบนพื้นสนามหญ้าณ ตำหนักเฉิงเทียนร่างสีดำสองร่างพุ่งปราดเข้ามาในห้องโถงด้านใน หนึ่งในนั้นก็ถอดผ้าปิดหน
ณ ตำหนักฉือหนิงชุยไห่เฝ้าเวรดึกอยู่ด้านนอก ทันใดนั้นเขาเห็นสัญญาณไฟแจ้งเหตุถูกจุดอยู่ไกลๆ จึงวิ่งเข้าไปในห้องโถงด้านในทันที“ไทเฮา ที่หอสวดมนต์มีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าอาจเกิดเรื่องขึ้น”ไทเฮายังไม่หลับ มีลู่จิ้งเสียนอยู่ข้างๆ ด้วยวันนี้อินชิงเสวียนถูกจับ ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้าเมื่อได้ยินว่ามีการจุดสัญญาณไฟแจ้งเหตุในหอสวดมนต์ ไทเฮาก็ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าคืนนี้วังหลังต้องไม่สงบ ชุยไห่เจ้านำทหารองครักษ์ในวังไปที่นั่นก่อน ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้”เมื่อคิดว่าเย่จิ่งเย่าก็ไปที่หอสวดมนต์เช่นกัน ก็อดกังวลไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา“เสียนเอ๋อร์ รีบไปดูกันเถอะ”ไทเฮาคว้าแขนของลู่จิ้งเสียน แล้วเดินออกไปที่ประตูซึ่งในเวลานี้เอง เย่จิ่งเย่าเดินไปได้ห้าก้าวสามก้าวก็หยุกพักนั่งหนึ่งที อินชิงเสวียนใส่ผงสลอดลงในเค้ก ตอนนี้มันก็ออกฤทธิ์แล้ว เย่จิ่งเย่ากินมากที่สุด จึงออกฤทธิ์เร็วกว่าคนอื่น ทันทีที่ลุกขึ้นยืน ท้องก็เริ่มปวดขึ้นทันทีด้านไทเฮาที่ออกจากตำหนักฉือหนิงแล้ว หลังจากเดินไม่กี่ก้าวนางก็
ณ เรือนจุ้ยหงฟางรั่วขมวดคิ้วเดินกลับไปกลับมาในห้องขนาดตัวเองยังได้ยินเรื่องแบบนี้ นายท่านก็ต้องได้ยินแล้วเหมือนกันขณะที่กวนเซี่ยวนั่งดื่มสุราอยู่ข้างๆ อย่างสบายอารมณ์“คุณชายใหญ่ยังไม่มา เจ้าจะกังวลไปทำไมล่ะ มิสู้ดื่มสุรากับข้าคลายความกังวลไม่ดีกว่าหรือ”ฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาดื่มสุราอีกนะ หากนายท่านรู้ว่าอินชิงเสวียนตกอยู่ในอันตราย เขาต้องบุกเข้าวังหลวงในยามวิกาลอีกแน่นอน”กวนเซี่ยวคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ถ้าเขาอยากไป เจ้าจะหยุดเขาได้งั้นหรือ”ในเวลานี้ เขาถือกาสุรา ท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ ซึ่งแตกต่างจากท่าทีระมัดระวังตัวที่เขาแสดงให้อินชิงเสวียนเห็นโดยสิ้นเชิงฟางรั่วแค่นเสียงขึ้นจมูก พูดว่า “เจ้าก็คงไม่อยากให้คุณชายใหญ่ตกอยู่ในอันตรายเช่นกันกระมัง หาไม่แล้วเจ้าคงไม่คิดหาหนทางพาเขาออกมาจากจวนจอมพลหรอก”กวนเซี่ยวพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น คุณชายใหญ่ไม่ใช่คนบ้าบิ่น จะทำสิ่งใดเขาย่อมมีขอบเขตอยู่แล้ว”ฟางรั่วเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าที่มีฐานะเป็นถึงหลานชายของจอมพลกวน ทำเช่นนี้เพราะมีเจตนาใด”กวนเซี่ยวจิบสุราแล้วพูดอย่างสบายๆ “เจ้า
เสวียนเจินรู้สึกราวกับว่าใบหน้าของเขาถูกแผ่นเหล็กตบอย่างแรงหลายครั้ง ความเจ็บปวดรุนแรงมากจนส่งเสียงไม่ได้เลย รู้สึกถึงความเค็มอยู่ในปาก มีฟันซี่ใหญ่สองซี่หลุดออกมาจากปากด้วยซึ่งเหตุการณ์อันกลับตาลปัตรนี้ทำให้ทุกคนตกใจดวงตาหลายคู่มองไปที่ร่างที่สวมชุดสีเหลืองอ่อนครั้นแล้วคนผู้นั้นก็หยุดมือ แล้วชี้ไปที่เสวียนเจิน ตะโกนว่า “เจ้าปีศาจหลวงจีน เห็นชัดว่าเจ้าเป็นปีศาจที่สร้างปัญหาในวังหลัง”เมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามนั้น ไทเฮาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเป็นอินชิงเสวียน นังแพศยานี่ยังไม่ตาย!“บังอาจ เจ้าปีศาจร้าย กล้าทำร้ายเสวียนเจินไต้ซือได้อย่างไร เด็กๆ มาจับตัวปีศาจร้ายไว้”“ช้าก่อน!”เย่จิ่งอวี้กลับมามีสติสัมปชัญญะในทันที ก้าวไปข้างหน้า ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไต้ซือบอกว่ารูปลักษณ์ของพระสนมเหยาเฟยถูกทำลายแล้วมิใช่หรือ แล้วตอนนี้จะอธิบายว่าอย่างไร”เมื่อเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้ ทหารองครักษ์ย่อมไม่กล้าลงมือเป็นธรรมดาเสวียนเจินถูกตบจนเลือดไหลออกมาจากจมูก เครื่องแบบหลวงจีนสีขาวเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่ได้ดูเหมือนหลวงจีนผู้สูงส่งอีกแล้วเขายกมือขึ้นปิดจมูก สูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าพล
เขารีบไปเปิดประตูทันที แล้วก็เห็นฝ่าบาทอุ้มอินชิงเสวียนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วปานลมกรด“ถวายบังคมฝ่าบาท!”“ตามสบาย”เย่จิ่งอวี้มาที่ห้องโถงด้านใน และวางอินชิงเสวียนที่กำลังแกล้งเป็นลมไว้บนเตียงเสี่ยวหนานเฟิงเมื่อเห็นแม่เขาก็ถีบขาด้วยความดีใจ มือป้อมๆ ก็ไขว่คว้าไม่หยุด พยายามไปหาอินชิงเสวียนยายหลี่กอดเสี่ยวหนานเฟิงไว้แน่น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันรับใช้พระสนมมาตั้งแต่เกิด หม่อมฉันกล้ารับประกันด้วยชีวิตว่าพระสนมไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน”อวิ๋นฉ่ายก็คุกเข่าลงโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หม่อมฉันก็ขอรับรองด้วยชีวิตเช่นกันเพคะ นายหญิงนางเป็นคนดี”เสี่ยวอานจื่อก็พูดตามมาอีกว่า “ฝ่าบาท ปีศาจในตำราภาพวาดล้วนแต่เป็นคนจิตใจชั่วร้ายอย่างยิ่ง พระสนมจิตใจดี มักจะคิดถึงราษฎรและต้าโจวเสมอ จะเป็นปีศาจได้อย่างไร”หลังจากได้ยินสิ่งที่คนเหล่านี้พูด อินชิงเสวียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ใบหน้าแดงเถือกแม้ว่านางจะทำสิ่งดีๆ ให้กับราษฎร แต่ความตั้งใจเดิมของนางคือการหลอกลวงเย่จิ่งอวี้ ต้องการที่จะไปจากวังหลวง ไม่เหมาะกับคำว่า ‘คนดี’ สองคำนี้จริงๆเย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้นเถิด ปีศาจร้ายอะ
อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋
เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ
ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช
ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ
อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห
“จิ่งหลาน!”เย่จิ่งอวี้คว้าคอเสื้อของเขารวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีได้อย่างหวุดหวิดตูม!อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง บนพื้นมีหลุมลึกเกิดขึ้น ทุกคนล้วนหวาดกลัวกับฟ้าที่ผ่าลงมา ต่างใช้วิชาตัวเบาหนีไปทุกทิศทางอินชิงเสวียนถามด้วยความตกใจ “นักพรตเทียนชิง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”นักพรตเทียนชิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ชิงฮุยมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เย่จิ่งหลานฆ่าเขา ศิลาตอบสวรรค์อาจมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายมาก และออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง”เมื่อเห็นว่ายังมีฟ้าผ่าลงมา อินชิงเสวียนพูดอย่างกังวล “ศิลาตอบสวรรค์ไม่แยกแยะผิดถูกเช่นนี้ได้อย่างไร คนที่เย่จิ่งหลานฆ่านั้นคือคนชั่วร้ายจริงๆ ท่านนักพรตสามารถสื่อสารกับศิลาตอบสวรรค์ได้หรือไม่”นักพรตเทียนชิงส่ายศีรษะ“ไม่ได้ ศิลาตอบสวรรค์มีวิธีการตัดสินใจของตัวเอง”“แล้วต้องทำอย่างไรดี”อินชิงเสวียนเป็นกังวล และทันใดนั้นดวงตาก็พลันสว่างขึ้น“เย่จิ่งหลาน เจ้ารีบหลบเข้าไปในมิติเร็ว”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างวิตกกังวล “เสวียนเอ๋อร์พูดถูก จิ่งหลาน เจ้าเข้าไปหลบในมิติก่อน”เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีฟ้าแลบฟ้าผ่าเปล่งแสงแปลบปลาบ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกชาดิกไปทั้งหนังศีรษะ หากถูกโ
นอกห้วงทะเลแห่งจิต อินชิงเสวียนมองไปยังลิ่นเซียวที่ประทับฝ่ามืออยู่บนหลังของเย่จิ่งหลานอย่างประหม่า“อาจารย์ ท่านสัมผัสถึงแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานได้แล้วหรือยัง ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง”“คงจะสำเร็จแล้ว”ลิ่นเซียวถอนมือออก และแน่นอนว่าเพียงครู่หนึ่ง เย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกัน“ชิงเสวียน ผู้อาวุโสลิ่น นี่คือ...”“ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”เฮ่ออวิ๋นทงก็ดูประหลาดใจเช่นกัน“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่กันหมดล่ะ เกิดอะไรขึ้น”ทุกคนสูญเสียความทรงจำในช่วงเวลานั้นไป ต่างเพ่งมองไปยังอินชิงเสวียน“ผู้อาวุโสทุกท่านตกอยู่ภายใต้อาคมของชิงฮุย...”อินชิงเสวียนเล่าสั้นๆ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าชิงฮุยได้ช่วงงชิงร่างของลั่วสุ่ยชิงไปเมื่อได้ยินว่าเย่จิ่งหลานกลับมาที่เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว และแก่นวิญญาณก็อยู่ในห้วงทะเลแห่งจิตของลั่วสุ่ยชิง ทุกคนก็เป็นกังวลอีกครั้งทุกคนเบิกตากว้าง มองไปยังเย่จิ่งหลานและลั่วสุ่ยชิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดลั่วสุ่ยชิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาหรี่ลง
เย่จิ่งหลานขบกรามแน่น“ข้าสามารถให้ร่างกายแก่เจ้าได้ แต่เจ้าต้องสาบานอย่างจริงจัง ว่าจะไม่ทำร้ายต้าโจว หากผิดคำสาบาน ลูกหลานชาวเฟยเหยาทั้งหมดรวมทั้งตัวเจ้าเอง จะถูกสวรรค์ลงโทษ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”ในชีวิตนี้ของเขา เขาได้เป็นหมอที่ตัวเองชอบ ได้ข้ามภพ แถมยังได้ข้ามภพมาเป็นท่านอ๋องที่มีสถานะสูง ได้เดินทางจากการต่อสู้แย่งชิงในวังสู่ยุทธภพ และจากการไร้ชื่อเสียงเรียงนาม มาเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธจักร ยังได้สัมผัสประสบการณ์การปล่อยให้ความคิดไหลไปในทางที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอีกครั้งหนึ่ง พอใคร่ครวญดูแล้ว มันก็คุ้มค่าจริงๆหากเขาสามารถยุติสงครามนี้ด้วยชีวิตของตัวเองได้ เย่จิ่งหลานก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รักตัวกลัวตาย แต่เมื่อเผชิญกับความชอบธรรม เขาก็มีความตระหนักรู้ ในฐานะคนสมัยใหม่ เขาจะต้องไม่แย่กว่าอินชิงเสวียนอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาดแห่งบาปในร่างกายของเขาที่ยังไม่ถูกกำจัด หากชิงฮุยกล้าใช้ร่างกายของเขาเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ มันจะดึงดูดฟ้าผ่า ผ่าเขาให้เป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอนหลังจากฟังคำพูดของเย่จิ่งหลานแล้ว ชิงฮุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสี