Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 217 เจ้าจับปีศาจได้อีกแล้วรึ

Share

บทที่ 217 เจ้าจับปีศาจได้อีกแล้วรึ

Author: ม่อเยี่ยน
หลังจากที่หานปิงเดินออกไป สวีจือย่วนก็จมอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้งอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจเบาๆ หยิบเข็มขึ้นมาแล้วเย็บเสื้อผ้าให้เสี่ยวหนานเฟิงต่อ...

ในเวลานี้ ซูฉ่ายเวยก็มีความรู้สึกผสมปนเปไปหมดเหมือนกัน

รู้สึกดีใจที่อินชิงเสวียนยังไม่ตาย ต่อไปยังสามารถซื้อของเพื่อเอาใจนางได้อีก แต่ก็รู้สึกกังวลที่นางยังไม่ตาย ได้ยินมาว่าฝ่าบาทได้อุ้มนางกลับไปที่ตำหนักจินหวูด้วยตัวเอง

เมื่อคิดว่าพวกนางทั้งสองต่างก็เป็นสนมขั้นเฟย ในขณะที่เหยาเฟยอาศัยอยู่ในตำหนักจินหวู แต่ตัวเองกลับยังคงอาศัยอยู่ในหอฉงฮวาเล็กๆ จู่ๆ ในใจก็คิดว่าไม่ยุติธรรม

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเซียงหลานพูดว่า “พระสนม นายหญิงฉู่และนายหญิงท่านอื่นๆ มาเพคะ”

ซูฉ่ายเวยกำลังจะหาคนคุยอยู่พอดี เมื่อได้ยินดังนี้จึงบอกว่า “ให้พวกนางเข้ามา”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉู่หลิงอวี้ที่สวมกระโปรงสีเขียวก็เดินนำทุกคนเข้ามา

แม้ว่าฉู่หลิงอวี้จะไม่มีตำแหน่ง แต่กลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์แสนกลชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ จึงกลายเป็นผู้นำของเหล่าหญิงงามไปโดยปริยาย นอกจากนี้ฉู่หลิงอวี้ยังมีภูมิหลังตระกูลที่ดี ตระกูลฝ่ายแม่เป็นคนค้าขาย จึงมีเงิน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 218 ข้าป้อนเจ้าเอง

    อินชิงเสวียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ถามด้วยแววตาเป็นประกาย “ฝ่าบาทยอมมอบตัวปีศาจหลวงจีนนั่นให้หม่อมฉันจริงหรือเพคะ”เมื่อเห็นท่าทางของนางดูมีชีวิตชีวา เย่จิ่งอวี้ก็ดูเหมือนจะได้ตัวเสี่ยวเสวียนจื่อผู้เฉลียวฉลาดซุกซนคนเดิมกลับคืนมาเขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายรักใคร่“แน่นอน แต่เจ้าต้องมั่นใจว่าจะจัดการเขาให้อยู่หมัดให้ได้”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างภาคภูมิใจกล่าวว่า “นั่นไม่มีปัญหา หม่อมฉันจะทำให้เขาเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาอย่างแน่นอน”เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเรียกรวมทุกคนในวังหลัง ให้ไปพร้อมกันที่หอสวดมนต์”“พรุ่งนี้...” อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้นมอง “มีอะไรรึ เจ้ามีความลำบากใจ?”อินชิงเสวียนลังเลก่อนจะพูดว่า “ไม่มีความลำบากใจเพคะ หากต้องการให้เขาเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็ต้องไปพบเขาก่อน”เย่จิ่งอวี้คลี่ยิ้มบางๆ การจับปีศาจนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเรื่องไร้สาระจริงๆ ด้วย ยายเด็กนี่ต้องมีความคิดชั่วร้ายอีกแน่ๆ“เจ้าอยากเจอเขายามใด”อินชิงเสวียนกลอกตาครุ่นคิดแล้วบอกว่า “หากมีการประกาศให้ใต้หล้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 219 ข้าจะทำอะไรต้องให้พวกเจ้าสอนด้วยรึ

    เมื่อได้ยินคำว่าป้อนเอง อินชิงเสวียนก็นึกถึงฉากในภาพยนตร์ที่ชายและหญิงป้อนยาแบบปากต่อปาก แล้วจึงรู้สึกร้อนหูอยู่มิวาย“ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันดื่มเอง”นางรีบคว้าชามยา ดื่มยาในอึกเดียว และทันใดนั้นใบหน้าแห่งความขมขื่นก็ปรากฏขึ้นเย่จิ่งอวี้หยิบผลไม้แช่อิ่มจากมือของอวิ๋นฉ่ายมาส่งให้นาง“รีบกินซะ จะได้หายขม”อินชิงเสวียนยัดเข้าไปในปากของตัวเองทันที แล้วรสหวานอมเปรี้ยวก็แผ่ซ่านอยู่ในปาก ทำให้รู้สึกความสุขยิ่งเมื่อเห็นปากของอินชิงเสวียนขยับ เสี่ยวหนานเฟิงก็โน้มตัวไปข้างหน้า ยื่นมือเล็กๆ ของเขาออกมา คว้าผลไม้แช่อิ่มชิ้นหนึ่ง หมายจุยัดมันเข้าปากตัวเองอินชิงเสวียนตกใจ “รีบแย่งคืนเร็ว!”เย่จิ่งอวี้มือไวตาไวรีบคว้าผลไม้แช่อิ่มอย่างรวดเร็ว เสี่ยวหนานเฟิงจึงได้กินแต่อากาศดวงตาสีดำโตของเขาจ้องเป๋ง ทำริมฝีปากขมุบขมิบ ไม่เห็นมีรสชาติอะไรเลย จากนั้นเขาก็มองดูผลไม้แช่อิ่มที่อยู่ในมือของเย่จิ่งอวี้ ปากเล็กเบะออก แล้วน้ำตาหยดใหญ่ก็ไหลออกมาทันทีเมื่อเห็นลูกร้องไห้ เย่จิ่งอวี้ก็ตื่นตระหนกทันที“ทำอย่างไรดี มีอะไรที่เขากินได้บ้าง รีบเอามาเร็ว”เสี่ยวหนานเฟิงชี้ไปที่ผลไม้แช่อิ่ม ขณะที่น้ำตาไหล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 220 หม่อมฉันรับคำท้า

    เย่จิ่งอวี้เดินขึ้นบันไดหินไปที่ประตู แล้วค่อยๆ หันหลังกลับเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “พวกเจ้าคิดว่าสนมของไปทำร้ายเขาเป็นเรื่องไม่สมควร แต่กลับไม่ถามถึงเรื่องที่ปีศาจหลวงจีนนั่นกักขังคนของข้าถึงสามวัน ถ้าภรรยาและลูกๆ ของพวกเจ้าถูกจับ ก็จะไม่ดูดำดูดีงั้นรึ!”“เรื่องดวงชะตายิ่งเป็นเรื่องไร้สาระ ตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในต้าโจว ถ้าข้าจำไม่ผิด พวกเจ้าได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าข้าไม่มีศีลธรรมคู่ควรกับตำแหน่ง ทำให้เกิดภัยพิบัติดังกล่าว เหตุใดในตอนนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล่าวหาว่าเสวียนเจินไร้คุณธรรม จึงทำให้เกิดภัยพิบัติบ้าง”ทุกคนคุกเข่าลงทันที“พวกกระหม่อมมิกล้าวิจารณ์ฝ่าบาท!”เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าคิดว่าที่ข้าไม่พูด เพราะข้าไม่รู้ แต่เพราะเห็นแก่ความชราของพวกเจ้า จึงไม่ได้สั่งให้ลงโทษ ตอนนี้แทนที่จะสำนึกตัว แต่กลับมาโทษข้า ใต้หล้ามีขุนนางกบฏอย่างพวกเจ้าด้วยงั้นหรือ”คำพูดสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากปากของเขา เป็นเหมือนเหล็กแหลมที่พุ่งออกมา ทุกคนตัวสั่นสะท้านในทันที“กระหม่อมมิกล้า!”เย่จิ่งอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ถ้าไม่กล้าก็จงกลับไปซะ”“ช้าก่อน!

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 221 ขึ้นแท่นบวงสรวงขอฝน

    ผ่านไปชั่วข้ามคืน แท่นบวงสรวงสวรรค์ก็ได้ถูกสร้างขึ้นแท่นบวงสรวงสูงสามจั้งยื่นออกไปสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน มีธงพุทธหลากสีแขวนอยู่ ทำให้ดูเคร่งขรึมน่าครั่นคร้ามในวันที่สอง ขุนนางทุกคนมาพร้อมกันที่วังหลังก่อนการประชุมเช้า เพื่อเป็นสักขีพยานที่เสวียนเจินและอินชิงเสวียนจะบวงสรวงสวรรค์เพื่อขอฝนหลังจากประคบน้ำแข็งมาทั้งคืน รอยบวมแดงบนใบหน้าของเสวียนเจินก็ลดลงอย่างมาก เขาห่มจีวรหลวงจีนสีขาวราวกับหิมะ กับหมวกสีแดงทอง มือซ้ายวางตั้งบนหน้าอก มือขวาถือไม้ขักจระทองคำ ท่าทางประหนึ่งหลวงจีนผู้สูงศักดิ์ อินชิงเสวียนสวมชุดสีเทาอย่างลัทธิเต๋า เส้นผมศีรษะกูกรวบไว้ด้วยปิ่นปักผมไม้ ในมือถือกระบี่ไม้ต้นท้อ เมื่อมีสายลมพัดบริเวณชายผ้า ดูพลิ้วไหวราวกับนางฟ้า ให้ความรู้สึกประหนึ่งเทพเซียนบนสวรรค์นางกำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาอย่างไม่ต้องสงสัยถ้าอยากให้ฝนตก ก็ไม่ต้องเตียมของอะไรให้มากมายเพียงแลกด้วยคะแนนสะสมก็สิ้นเรื่องอย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนก็มีความคิดของคัวเองเช่นกันในความเข้าใจของนาง หลวงจีนนับเป็นนิกายหนึ่ง ลัทธิเต๋าถึงจะเป็นรากฐานที่แท้จริงของประเทศจีน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีน แต่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 222 ประหารเสวียนเจิน

    หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ยกดาบไม้ในมือขึ้น ชี้ไปที่เสวียนเจิน แล้วพูดว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าก่อน เกรงว่าถ้าข้าลงมือแล้ว เจ้าจะหมดโอกาส”เสวียนเจินมองไปที่อินชิงเสวียนอย่างเย็นชา นัยน์ตาฉายแววอำมหิต“เจ้าไม่กลัวว่าอาตมาจะเอาชีวิตเจ้ารึ อยู่บนแท่นสูงขนาดนี้ ต่อให้ฝ่าบาทต้องการจะช่วยเจ้า แต่ก็อาจมาไม่ทันเวลา”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างไม่อินังขังขอบ“เจ้าหลวงจีนชั่ว คิดรึว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือเป็นเพราะเมื่อวานยังถูกทุบตีไม่พอ ถ้าจะอยากให้ข้าประทานตบอีกสักหลายๆ ที ข้าก็ยอมด้วยความเต็มใจ”“เจ้า...”เสวียนเจินจมูกบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเมื่อไทเฮาเห็นว่าเขายังไม่ขยับ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนจากด้านล่าง “เสวียนเจินไต้ซือ รีบอธิษฐานขอฝนเร็ว!”เสวียนเจินเหลือบมองลงด้านล่าง แล้วถอนสายตากลับเขาวางไม้ขักขระไว้ข้างๆ แล้วนั่งขัดสมาธิ บีบมือแล้วมองไปยังทิศทางของตำหนักฉู่เยว่อินชิงเสวียนยืนขึ้นสูง ย่อมสามารถมองเห็นได้ไกลเป็นธรรมดาข้าเห็นหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ในตำหนักฉู่ซิ่ว กำลังเล่นกับเด็กชายอายุสี่หรือห้าขวบก็อดสงสัยไม่ได้ในวังมีเด็กโตขนาดนี้ได้อย่างไรเมื่อพิจารณาจากอายุของสตรีคนนั้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 223 ฝนจงมา

    อินชิงเสวียนถือกระบี่ไม่ลูกท้อไว้ แล้วพูดเสียงดัง “ใต้หล้าแห้งแล้ง ข้าในฐานะพลเมืองของต้าโจว เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำประโยชน์ต่อทุกคน เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยเรียนรู้วิธีการอธิษฐานขอฝนจากนักพรตผู้หนึ่ง บัดนี้ในฐานประชาชนชาวต้าโจว ข้ายินดีที่จะลองดู”เมื่อเห็นว่าสิ่งที่นางพูดฟังดูจริงจัง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นกลับเห็นอินชิงเสวียนค่อยๆ ยกกระบี่ไม้ด้วยมือขวา ชี้กระบี่ขึ้นไปบนฟ้า มือซ้ายก็ทำท่าทางที่ประสานกัน แล้วพูดเสียงก้องกังวาน “ด้วยพลังแห่งไท่หยวนเฮ่าเทพอัสนี ผสานหยินหยางปกป้องเมืองแห่งอัสนี เพลิงวายุแห่งกวนป๋อสุดลึกล้ำ ก่อกำเนิดวายุแลพลังไฟฟ้า เพียวจูไท่ฮว๋ามีบัญชา เง็กเซียนฮ่องเต้รับสั่งพลัน รวมแสงตะวันฝนพลันบังเกิด สั่งมังกรส่งพลังงาน ข้าขอสวดภาวนา นี่คือบงการแห่งฮ่องเต้ ขืนกล้าต้านต้องโทษหนัก จงเร่งมือในฉับพลัน!”“ฝนจงมา!”เพื่อที่จะแสดงฉากวันนี้ เมื่อคืนนี้นางใช้1 คะแนนแลกหนังสือลัทธิเต๋ามาเล่มหนึ่งสิ่งเหล่านี้เขียนโดยคนรุ่นหลัง จึงไม่สามารถเป็นจริงได้ ยิ่งกว่านั้นอินชิงเสวียนเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนเท่านั้น ไม่มีการบำเพ็ญบารมี ซึ่งบทสวดเหล่านี้ไม่มีอะไรมากไป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 224 ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นคนนอก

    พริบตาเดียวก็ตกค่ำแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตกเมื่อเห็นฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าอย่างมีความสุข คะแนนที่จ่ายไปก็คุ้มค่าดีแต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเสี่ยวอานจื่อวิ่งเข้ามา“พระสนม นายหญิงสวีมาพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ข้างนอก”อินชิงเสวียนรีบกล่าวขึ้นโดยเร็ว “ให้นางเข้ามาเร็ว ฝนตกหนักขนาดนี้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”หลังจากนั้นไม่นาน หานปิงก็ประคองสวีจือย่วนเดินเข้ามาจากด้านนอก“สวีจือย่วนน้อมคำนับพระสนมเหยาเฟย”สวีจือย่วนยอบกายคำนับ แล้วอินชิงเสวียนก็พยุงนางขึ้นมาทันที“เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี โดนฝนเปียกมาหรือไม่”อินชิงเสวียนมองสวีจือย่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก ไม่อาจต้านลมฝนได้นักสวีจือย่วนยิ้มอ่อนโยน “ไม่เปียก สุขภาพของพระสนมเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าสบายดีมาก มีชีวิตชีวาดีทีเดียว”อินชิงเสวียนชูหมัดขึ้น เมื่อสวีจือย่วนเห็นว่านางดูกระปรี้กระเปร่าก็สบายใจขึ้นมาก“ก่อนหน้านี้ที่เห็นฝ่าบาทอุ้มเจ้ากลับมาที่ตำหนักจินหวู ข้ายังเป็นห่วงแทบแย่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีแล้ว! “เมื่อเห็นสวีจือย่วนเป็นห่วงตัวเองมากขนาดนี้ อินชิงเสว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 225 เป็นข้า

    สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนเบาๆ แล้วกระซิบว่า “ข้าก็เหมือนกัน!”ตอนที่นางพูดคำนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำเล็กน้อย แล้วก้มศีรษะลงทันทีอินชิงเสวียนพอจะเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าอยู่ในตำหนักว่างๆ แล้วรู้สึกเบื่อก็มาที่นี่บ่อยๆ นะ”ดวงตาของสวีจือย่วนสว่างขึ้น จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างแรงพวกนางทั้งสองพูดคุยกันพลาง รับประทานอาหารกันพลาง โดยเรื่องที่คุยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระเสียมากสวีจือย่วนรู้กาลเทศะ ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลย ซึ่งช่วยให้อินชิงเสวียนประหยัดคำพูดได้มากเพียงพริบตาเดียว ฟ้าก็มืดลงแล้วสวีจือย่วนยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่มาหลายชั่วยามแล้ว ควรกลับได้แล้ว ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟยสำหรับการต้อนรับ”นางยอบกายคำนับด้วยท่วงท่าสง่างามอินชิงเสวียนช่วยประคองนางลุกขึ้น แล้วหันไปมองดูฝนข้างนอก จึงพูดว่า “ฝนตกหนักลมแรง ยามคำคืนทางมืดเดินลำบาก คืนนี้เจ้าค้างที่นี่เถอะ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ ใต้แสงเทียน”“เอ่อ...”สวีจือย่วนลังเลมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน นางยังไม่ได้ถามถึงอินสิงอวิ๋นเลย ในใจนางอยากรู้เรื่องของ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status