Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 220 หม่อมฉันรับคำท้า

Share

บทที่ 220 หม่อมฉันรับคำท้า

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เย่จิ่งอวี้เดินขึ้นบันไดหินไปที่ประตู แล้วค่อยๆ หันหลังกลับ

เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “พวกเจ้าคิดว่าสนมของไปทำร้ายเขาเป็นเรื่องไม่สมควร แต่กลับไม่ถามถึงเรื่องที่ปีศาจหลวงจีนนั่นกักขังคนของข้าถึงสามวัน ถ้าภรรยาและลูกๆ ของพวกเจ้าถูกจับ ก็จะไม่ดูดำดูดีงั้นรึ!”

“เรื่องดวงชะตายิ่งเป็นเรื่องไร้สาระ ตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในต้าโจว ถ้าข้าจำไม่ผิด พวกเจ้าได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าข้าไม่มีศีลธรรมคู่ควรกับตำแหน่ง ทำให้เกิดภัยพิบัติดังกล่าว เหตุใดในตอนนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล่าวหาว่าเสวียนเจินไร้คุณธรรม จึงทำให้เกิดภัยพิบัติบ้าง”

ทุกคนคุกเข่าลงทันที

“พวกกระหม่อมมิกล้าวิจารณ์ฝ่าบาท!”

เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าคิดว่าที่ข้าไม่พูด เพราะข้าไม่รู้ แต่เพราะเห็นแก่ความชราของพวกเจ้า จึงไม่ได้สั่งให้ลงโทษ ตอนนี้แทนที่จะสำนึกตัว แต่กลับมาโทษข้า ใต้หล้ามีขุนนางกบฏอย่างพวกเจ้าด้วยงั้นหรือ”

คำพูดสุดท้ายที่เปล่งออกมาจากปากของเขา เป็นเหมือนเหล็กแหลมที่พุ่งออกมา ทุกคนตัวสั่นสะท้านในทันที

“กระหม่อมมิกล้า!”

เย่จิ่งอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ถ้าไม่กล้าก็จงกลับไปซะ”

“ช้าก่อน!
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 221 ขึ้นแท่นบวงสรวงขอฝน

    ผ่านไปชั่วข้ามคืน แท่นบวงสรวงสวรรค์ก็ได้ถูกสร้างขึ้นแท่นบวงสรวงสูงสามจั้งยื่นออกไปสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน มีธงพุทธหลากสีแขวนอยู่ ทำให้ดูเคร่งขรึมน่าครั่นคร้ามในวันที่สอง ขุนนางทุกคนมาพร้อมกันที่วังหลังก่อนการประชุมเช้า เพื่อเป็นสักขีพยานที่เสวียนเจินและอินชิงเสวียนจะบวงสรวงสวรรค์เพื่อขอฝนหลังจากประคบน้ำแข็งมาทั้งคืน รอยบวมแดงบนใบหน้าของเสวียนเจินก็ลดลงอย่างมาก เขาห่มจีวรหลวงจีนสีขาวราวกับหิมะ กับหมวกสีแดงทอง มือซ้ายวางตั้งบนหน้าอก มือขวาถือไม้ขักจระทองคำ ท่าทางประหนึ่งหลวงจีนผู้สูงศักดิ์ อินชิงเสวียนสวมชุดสีเทาอย่างลัทธิเต๋า เส้นผมศีรษะกูกรวบไว้ด้วยปิ่นปักผมไม้ ในมือถือกระบี่ไม้ต้นท้อ เมื่อมีสายลมพัดบริเวณชายผ้า ดูพลิ้วไหวราวกับนางฟ้า ให้ความรู้สึกประหนึ่งเทพเซียนบนสวรรค์นางกำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาอย่างไม่ต้องสงสัยถ้าอยากให้ฝนตก ก็ไม่ต้องเตียมของอะไรให้มากมายเพียงแลกด้วยคะแนนสะสมก็สิ้นเรื่องอย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนก็มีความคิดของคัวเองเช่นกันในความเข้าใจของนาง หลวงจีนนับเป็นนิกายหนึ่ง ลัทธิเต๋าถึงจะเป็นรากฐานที่แท้จริงของประเทศจีน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีน แต่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 222 ประหารเสวียนเจิน

    หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ยกดาบไม้ในมือขึ้น ชี้ไปที่เสวียนเจิน แล้วพูดว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าก่อน เกรงว่าถ้าข้าลงมือแล้ว เจ้าจะหมดโอกาส”เสวียนเจินมองไปที่อินชิงเสวียนอย่างเย็นชา นัยน์ตาฉายแววอำมหิต“เจ้าไม่กลัวว่าอาตมาจะเอาชีวิตเจ้ารึ อยู่บนแท่นสูงขนาดนี้ ต่อให้ฝ่าบาทต้องการจะช่วยเจ้า แต่ก็อาจมาไม่ทันเวลา”อินชิงเสวียนยิ้มอย่างไม่อินังขังขอบ“เจ้าหลวงจีนชั่ว คิดรึว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือเป็นเพราะเมื่อวานยังถูกทุบตีไม่พอ ถ้าจะอยากให้ข้าประทานตบอีกสักหลายๆ ที ข้าก็ยอมด้วยความเต็มใจ”“เจ้า...”เสวียนเจินจมูกบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเมื่อไทเฮาเห็นว่าเขายังไม่ขยับ ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนจากด้านล่าง “เสวียนเจินไต้ซือ รีบอธิษฐานขอฝนเร็ว!”เสวียนเจินเหลือบมองลงด้านล่าง แล้วถอนสายตากลับเขาวางไม้ขักขระไว้ข้างๆ แล้วนั่งขัดสมาธิ บีบมือแล้วมองไปยังทิศทางของตำหนักฉู่เยว่อินชิงเสวียนยืนขึ้นสูง ย่อมสามารถมองเห็นได้ไกลเป็นธรรมดาข้าเห็นหญิงวัยกลางคนยืนอยู่ในตำหนักฉู่ซิ่ว กำลังเล่นกับเด็กชายอายุสี่หรือห้าขวบก็อดสงสัยไม่ได้ในวังมีเด็กโตขนาดนี้ได้อย่างไรเมื่อพิจารณาจากอายุของสตรีคนนั้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 223 ฝนจงมา

    อินชิงเสวียนถือกระบี่ไม่ลูกท้อไว้ แล้วพูดเสียงดัง “ใต้หล้าแห้งแล้ง ข้าในฐานะพลเมืองของต้าโจว เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องทำประโยชน์ต่อทุกคน เมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยเรียนรู้วิธีการอธิษฐานขอฝนจากนักพรตผู้หนึ่ง บัดนี้ในฐานประชาชนชาวต้าโจว ข้ายินดีที่จะลองดู”เมื่อเห็นว่าสิ่งที่นางพูดฟังดูจริงจัง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นกลับเห็นอินชิงเสวียนค่อยๆ ยกกระบี่ไม้ด้วยมือขวา ชี้กระบี่ขึ้นไปบนฟ้า มือซ้ายก็ทำท่าทางที่ประสานกัน แล้วพูดเสียงก้องกังวาน “ด้วยพลังแห่งไท่หยวนเฮ่าเทพอัสนี ผสานหยินหยางปกป้องเมืองแห่งอัสนี เพลิงวายุแห่งกวนป๋อสุดลึกล้ำ ก่อกำเนิดวายุแลพลังไฟฟ้า เพียวจูไท่ฮว๋ามีบัญชา เง็กเซียนฮ่องเต้รับสั่งพลัน รวมแสงตะวันฝนพลันบังเกิด สั่งมังกรส่งพลังงาน ข้าขอสวดภาวนา นี่คือบงการแห่งฮ่องเต้ ขืนกล้าต้านต้องโทษหนัก จงเร่งมือในฉับพลัน!”“ฝนจงมา!”เพื่อที่จะแสดงฉากวันนี้ เมื่อคืนนี้นางใช้1 คะแนนแลกหนังสือลัทธิเต๋ามาเล่มหนึ่งสิ่งเหล่านี้เขียนโดยคนรุ่นหลัง จึงไม่สามารถเป็นจริงได้ ยิ่งกว่านั้นอินชิงเสวียนเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนเท่านั้น ไม่มีการบำเพ็ญบารมี ซึ่งบทสวดเหล่านี้ไม่มีอะไรมากไป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 224 ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นคนนอก

    พริบตาเดียวก็ตกค่ำแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตกเมื่อเห็นฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าอย่างมีความสุข คะแนนที่จ่ายไปก็คุ้มค่าดีแต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเสี่ยวอานจื่อวิ่งเข้ามา“พระสนม นายหญิงสวีมาพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ข้างนอก”อินชิงเสวียนรีบกล่าวขึ้นโดยเร็ว “ให้นางเข้ามาเร็ว ฝนตกหนักขนาดนี้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”หลังจากนั้นไม่นาน หานปิงก็ประคองสวีจือย่วนเดินเข้ามาจากด้านนอก“สวีจือย่วนน้อมคำนับพระสนมเหยาเฟย”สวีจือย่วนยอบกายคำนับ แล้วอินชิงเสวียนก็พยุงนางขึ้นมาทันที“เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี โดนฝนเปียกมาหรือไม่”อินชิงเสวียนมองสวีจือย่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก ไม่อาจต้านลมฝนได้นักสวีจือย่วนยิ้มอ่อนโยน “ไม่เปียก สุขภาพของพระสนมเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าสบายดีมาก มีชีวิตชีวาดีทีเดียว”อินชิงเสวียนชูหมัดขึ้น เมื่อสวีจือย่วนเห็นว่านางดูกระปรี้กระเปร่าก็สบายใจขึ้นมาก“ก่อนหน้านี้ที่เห็นฝ่าบาทอุ้มเจ้ากลับมาที่ตำหนักจินหวู ข้ายังเป็นห่วงแทบแย่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีแล้ว! “เมื่อเห็นสวีจือย่วนเป็นห่วงตัวเองมากขนาดนี้ อินชิงเสว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 225 เป็นข้า

    สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนเบาๆ แล้วกระซิบว่า “ข้าก็เหมือนกัน!”ตอนที่นางพูดคำนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำเล็กน้อย แล้วก้มศีรษะลงทันทีอินชิงเสวียนพอจะเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าอยู่ในตำหนักว่างๆ แล้วรู้สึกเบื่อก็มาที่นี่บ่อยๆ นะ”ดวงตาของสวีจือย่วนสว่างขึ้น จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างแรงพวกนางทั้งสองพูดคุยกันพลาง รับประทานอาหารกันพลาง โดยเรื่องที่คุยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระเสียมากสวีจือย่วนรู้กาลเทศะ ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลย ซึ่งช่วยให้อินชิงเสวียนประหยัดคำพูดได้มากเพียงพริบตาเดียว ฟ้าก็มืดลงแล้วสวีจือย่วนยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่มาหลายชั่วยามแล้ว ควรกลับได้แล้ว ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟยสำหรับการต้อนรับ”นางยอบกายคำนับด้วยท่วงท่าสง่างามอินชิงเสวียนช่วยประคองนางลุกขึ้น แล้วหันไปมองดูฝนข้างนอก จึงพูดว่า “ฝนตกหนักลมแรง ยามคำคืนทางมืดเดินลำบาก คืนนี้เจ้าค้างที่นี่เถอะ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ ใต้แสงเทียน”“เอ่อ...”สวีจือย่วนลังเลมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน นางยังไม่ได้ถามถึงอินสิงอวิ๋นเลย ในใจนางอยากรู้เรื่องของ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 226 เขาไม่มีทางหลอกข้า

    “ข้า...ข้ามาเยี่ยมพระสนมเหยาเฟย...”สวีจือย่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาซึ่งอินสิงอวิ๋นได้ไปจับมือของอินชิงเสวียนแล้ว“ข้างนอกมีข่าวลือว่าเจ้าขอฝนได้ เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกหลวงจีนพาไปขังไว้ในหอสวดมนต์ จึงให้คนมาสืบดู แต่เขาบอกว่าเจ้าไร้อันตราย แต่เหตุเจ้าถึงได้ไปขอฝนกับหลวงจีนนั่นได้”เมื่อเห็นอินสิงอวิ๋นมองนางอย่างร้อนใจ อินชิงเสวียนก็รู้สึกอบอุ่นในใจ พูดปลอบใจเขา “ทั้งหมดเป็นแผนของไทเฮา ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง”อินสิงอวิ๋นพูดอย่างกังวล “เจ้าลำบากอยู่ในวัง ข้าจะไม่เป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร เย่จิ่งอวี้กับไทเฮาสนิทกันจนนุ่งกางเกงตัวเดียวกันได้แล้ว เจ้าควรรีบตัดสินใจ รีบไปกับข้า”อินชิงเสวียนผลักมือของเขาออก พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้ข้าได้รับแต่งตั้งยศเป็นสนมขั้นเฟยแล้ว จะออกจากวังได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร ถ้าข้าจากไป จะมีผู้คนมากมายหลายชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”“ชิงเสวียน!”อินสิงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้า และจับไหล่ของนางเมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ งดงามดวงนั้น อินสิงอวิ๋นก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจ แล้วโพล่งออกมาว่า “อย่าบอกนะ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 227 ข้าไม่ชอบ

    ในเวลานี้ สวีจือย่วนน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจนางคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนผู้นั้นจริงๆพอมานึกดูตอนนี้ ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงความฝัน แทบไม่อยากจะเชื่อเลย!นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงทุกรายละเอียดของอินสิงอวิ๋น ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักจนออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรกับตัวเองมากนัก แต่สวีจือย่วนก็มีความสุขเมื่อคิดว่ายังมีร่องรอยของเขาอยู่ในห้องนี้อินชิงเสวียนหยิบตะบันไฟออกมาจุดตะเกียงอีกครั้งเมื่อเห็นน้ำตาบนแก้มของสวีจือย่วน นางก็เดินไปหาอย่างอดไม่ได้ แล้วตบไหล่นางเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้เจ้าได้พบเขาแล้ว ก็น่าจะสบายใจได้แล้วนะ”สวีจือย่วนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก คุกเข่าลงพร้อมกับสะอื้น“ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟย”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปประคองร่างนางขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่ต้องพูดคำสุภาพอีกแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนกันก่อนเถอะ”“อืม”สวีจือย่วนถอดกระโปรงออก แล้วนอนบนเตียงกับอินชิงเสวียน มือของนางจับมุมผ้าห่มไว้แน่น นางยิ้มอยู่พักหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ร้องไห้ออกมาอีกเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็โคลงศีรษะอย่างช่วยไม่ได้นางไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 228 เจ้าคิดจะหอบลูกหอบเงินหนีรึ

    อินชิงเสวียนตกตะลึงเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “กิจการบ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ยากที่จะจัดการได้ ข้ามีอารมณ์ไปหาสตรีได้อย่างไร”อินชิงเสวียนมองดูเขา แล้วถามด้วยความสับสน “ตอนนี้เก็บเกี่ยวข้าวสาลีได้แล้ว ทหารจากเมืองหลวงถูกส่งไปยังเจียงวูแล้ว ฝ่าบาทต้องกังวลอะไรอีก”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว พูดด้วยโทรเสียงทุ้มต่ำ “ทหารโล่ของเจ้าถูกศัตรูพบวิธีเอาชนะได้แล้ว เมื่อเช้านี้ ข้าได้รับรายงานด่วนแปดร้อยลี้ คูเมืองชายแดนถูกทำลาย กองกำลังได้ถอยร่นมารักษาอยู่ที่ด่านถงกู่ ถ้าเกิดว่าช่องทางนี้พังอีก เจียงวูจะโรมรุกบุกตะลุยเข้ามาอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ“พวกเขาสามารถผ่านค่ายกลโล่กำแพงได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าสงสัยว่าในกองทัพมีหนอนบ่อนไส้”อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “มีเพียงความเป็นไปได้นี้เพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นศัตรูคงไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้”ทันใดนั้นนางก็นึกถึงจังเถี่ยและสวีเหลียง จึงถามขึ้นทันที “ทหารได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “มีค่ายกลฌล่กำแพงเป็นเกรา

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1456 ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้

    “ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก

DMCA.com Protection Status