Share

บทที่ 1296 คนบ้า

Author: ม่อเยี่ยน
เหมยชิงเกอขมวดคิ้ว

“คนเหล่านี้ล้วนคลุ้มคลั่งเสียสติเพราะเข้ามาทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ หากสามารถทำลายสิ่งนี้ได้ บางทีคนเหล่านี้อาจจะฟื้นคืนสติขึ้นมา”

อาคันตุกะกู่เทียนกลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าตำหนักเหมย หากหินก้อนนี้ก่อความวุ่นวายจริงๆ ทำไมตั้งแต่อิ๋นเฉิงเข้ามาดูแลตั้งนานหลายปีขนาดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในความคิดของข้า เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง”

เขาหยุดแล้วกล่าวว่า “ข้าบังอาจคาดเดาว่า อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นจุดเริ่มต้น หรืออาจมีอุปสรรคบางอย่างเกิดขึ้น จึงนำไปทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อีกด้านหนึ่งก็เป็นได้ สิ่งของนี้อาจจะทำให้ความเกลียดชังและความอยากได้ของมนุษย์เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเสียสติ”

ดวงตาของเหมยชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย

สิ่งที่ผู้อาวุโสกู่พูด ค่อนข้างมีเหตุผลอยู่บ้าง อย่างน้อยกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็ไม่เป็นอะไร ความโกรธแค้นชิงในใจของนาง เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดมีความรู้สึกเหล่านี้มากกว่านางอีกแล้ว

เฮ่อยวนพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสฉางและกู่เทียนพูด

หากมีวิธีการกำจัดวิญญาณชั่วร้ายนี้ เฮ่อยวนย่อม
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1297 เป็นสตรี

    ทุกคนตกตะลึง ความสำเร็จด้านกระบี่ของลิ่นเซียวสูงส่งมากเพียง สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวหมุนข้อมือ แล้วตะโกน “ไป!”กระบี่ยาวเกือบร้อยเล่มราวกับจะมีดวงตา ทั้งหมดพุ่งแทงไปยังวิถีแห่งสวรรค์ฉางชิวเฟิงและกู่เทียนต้องการที่จะหยุดยั้ง แต่ก็สายเกินไปแล้ว ต่างอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง ด้วยมิอาจทนมองต่อไปได้ด้วยกำลังภายในของลิ่นเซียว ด้วยกระบี่จำนวนมากที่แทงพุ่งออกไปพร้อมกัน แม้แต่ยอดเขาก็ยังราบเป็นหน้ากลองได้ เช่นนั้นวิถีแห่งสวรรค์ก็คงไม่รอดแล้วแน่ๆอย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงระเบิดดังสนั่น หากแต่เป็นเสียงอาวุธที่แตกหักกระบี่ยาวทั้งหมดทยอยหักพังไป แต่หินประหลาดนั้นยังคงมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยลิ่นเซียวหันหน้ากลับมา เมื่อเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจหินยังไม่แตก หรือว่าวรยุทธ์ของตัวเองถดถอยลง?สีหน้าของลิ่นเซียวเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าหินหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยขีดข่วน ซึ่งถือว่าแปลกจริงๆ“เปล่าประโยชน์ แม้แต่สว่านไฟฟ้าก็เจาะไม่ได้ ของสิ่งนี้แปลกมากจริงๆ”เย่จิ่งหลา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1298 เป็นสามีของข้า

    อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ปิดบังสายตาของหลิวซือจวิน และหันไปมองที่เฉิงเฟิ่งโหลวกล่าวปลอบโยนเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อมาถึงแล้ว ก็อยู่กับพวกเราเถอะ อีกสักพักข้าจะไปตั้งกระโจมพัก เจ้าก็ไปพักผ่อนข้างในก่อนได้”เฉิงเฟิ่งโหลวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พูดอย่างกังวลว่า “แต่...หนังสือที่บ้าน...”“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นไม่แย่งชิงหนังสือหรอก”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หันไปหาเฮ่อฉางเฟิง“พี่ชายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ”เฮ่อฉางเฟิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีอยากรอดูผลของวิถีแห่งสวรรค์ก่อน นึกว่าจะได้เจอกับชาวยุทธ์ที่บ้าคลั่งจำนวนหนึ่งแทน ในระหว่างการสอบสวนได้ช่วยชีวิตพวกเขาทั้งสองไว้ คิดไม่ถึงน้องเล็กกับน้องชายเฉิงคนนี้จะรู้จักกัน ในที่สุดพี่ชายก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายเคยทำอะไรผิดที่ไหนกัน ไม่ว่าจะที่เป่ยไห่ หรือว่าที่นี่ เรียกว่าเป็นเหมือนฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล”หลิวซือจวินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเฮ่อ นี่คือน้องสาวของเจ้าหรือ ครอบครัวของเจ้าหน้าตาดีจัง งั้นนั่นก็เป็นพี่น้องชายของเจ้าด้วยหร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1299 เสียการควบคุม

    “ทำไมล่ะ”เฮ่อยวนหันศีรษะไปมองอย่างเคร่งขรึมองครักษ์ส่วนตัวโค้งคำนับและพูดว่า “คนในเมืองดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ มีบางคนก็บ้าคลั่งไปแล้ว”สีหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“แพร่กระจายเร็วขนาดนี้เชียวหรือ”องครักษ์พยักหน้า“เราควบคุมชาวบ้านไว้ได้บางส่วนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าก็บอกแล้ว เมื่อควรตัดสินใจกลับไม่ตัดสินใจ สุดท้ายย่อมได้รับความวุ่นวาย หากไม่ทำลายหินเส็งเคร็งนี่ จะต้องมีคนเข้ามาข้องเกี่ยวแน่นอน”เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพก็ตามมารายงานต่อ“เจ้าตำหนัก ชาวยุทธ์จำนวนมากได้หนีออกจากเมืองไปแล้ว ต้องการให้ไล่ตามตัวกลับมาหรือไม่”ใบหน้าของเหมยชิงเกอพลันอึมครึมมืดมน“ไล่ตาม ต้องจับพวกเขากลับมาให้หมด”จากนั้นก็มองไปที่เฮ่อยวน“สิ่งที่คุณชายน้อยเย่พูดมาก็มีเหตุผล หากเราร่วมมือกัน บางทีอาจจะสามารถทำลายมันได้”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ฉางชิวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน ดูว่าจะสามารถดึงสิ่งชั่วร้ายออกมาโดยไม่สร้างความเสียหายได้หรือไม่ จากนั้นค่อยๆ ไขปริศนาวิถีแห่งสวรรค์”เข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1300 ลำดับในยุทธจักร

    ชาวยุทธ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเลือกใครมาคนหนึ่งก็ล้วนมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับหงายหลัง ล้มลงกับพื้นโดยที่เสียภาพลักษณ์ไปหมดลิ่นเซียวกระโดดขึ้นจากพื้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ”เขาโคจรกำลังภายในร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือขวา ลมแรงที่พัดโหมอยู่รอบตัวนั้น กลายเป็นของแข็งขึ้นมาในทันที เกิดเป็นกระบี่ลมนับสิบเล่มที่ล้อมรอบแขนของเขา ราวกับรอคำสั่งจากเจ้าของเย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์กระบี่ของใต้หล้า กำลังภายในของผู้อาวุโสลิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก ที่เขาพ่ายแพ้ในเมืองหลวงวันนั้น ก็ไม่นับว่าเสียหน้ามากนักการดำรงอยู่ของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ในวังเลย แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในบรรดาชาวยุทธ์ที่เขาเคยเจอมา วรยุทธ์ของเฮ่อยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากที่สุด จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตำหนักเหมยได้รับการเลื่อนขั้นจากน้ำพุวิญญาณ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็เกรงว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลิ่นเซียว เจ้าสำนักเซี่ยวกับเจ้าตำหนักเหมยคงมีพ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1301 ใบมีดแห่งมิติออกโรง

    หลิวซือจวินดึงเข็มเงินออกมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อขอเรียนวิชาแพทย์จากคนในอิ๋นเฉิง ข้าไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร”เมื่อครู่นี้นางก็ได้ยินคำเรียกขานระหว่างพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักหรือเจ้าเมือง หรือผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนัก ทั้งหมดล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่ตนเองไม่สามารถล่วงเกินได้เฮ่อยวนพยักหน้า และถามว่า “เจ้า...คงไม่ใช่คนจากเมืองใกล้ๆ นี้กระมัง แล้วทำไมถึงรู้จักอิ๋นเฉิง”หลิวซือจวินประกบมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาจากแม่ นางบอกว่าวิชาแพทย์ที่สุดยอดที่สุดในโลกอยู่ที่อิ๋นเฉิง ก่อนตายนางได้กำชับข้าไว้ ว่าต้องมาดูให้ได้”เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อยวน นัยน์ตาฉายแววเคารพชื่นชม และอารมณ์อื่นๆ แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปมีท่าทางร่าเริงอีกครั้ง“โชคดีที่คุณชายเฮ่อช่วยชีวิตไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถมาพบเจ้าเมืองเฮ่อได้”เฮ่อยวนยิ้ม“ท่ามกลางผู้คนมากล้น การได้มาพบกันนับเป็นวาสนา หากเจ้าชื่นชอบทักษะทางการแพทย์ วันหน้าก็สามารถรั้งอยู่ในอิ๋นเฉิงเพื่อตั้งใจศึกษาได้”หลิวซือจวินแสดงสีหน้ายินดีทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”“ด้วยความย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1302 ผ่าวิถีแห่งสวรรค์

    ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติได้พัดพาลมอันรุนแรงประหนึ่งจะฉีกท้องฟ้า ลอยสูงขึ้น ทรงพลังราวกับฟ้าร้อง และหมอกสีดำที่พุ่งออกมาดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างทั้งฟ้าดินทุกคนมองดูท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้วรยุทธ์แบบใด ถึงสามารถฝึกฝนปราณกระบี่ที่ครอบงำเช่นนี้ออกมาได้แม้แต่กระบี่ของปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวก็อาจเทียบไม่ติดกับสิ่งนี้แม้เพียงกระผีกเดียว แม้แต่เย่จิ่งหลานก็อ้าปากกว้างเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูในห้องโถงจื่อชี่ตงไหล ท้องฟ้ามืดมิด จึงไม่อาจได้ชื่นชมอย่างละเอียดเลยตอนนี้มีเพียงสองคำในใจของเขาโคตรเจ๋ง!มีเพียงเย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อย มองอินชิงเสวียนอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งท่าทางภาคภูมิใจชนิดนั้น แทบจะสลักคำว่า นี่คือภรรยาของข้า ไว้บนใบหน้าของเขาได้เลยในชั่วพริบตา ใบมีดดำทะมึนก็ได้ฟาดฟันลงบนก้อนหินแล้ว ในเวลาเดียวกัน เย่จิ่งหลานก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่ากลัว“ทำได้ดี!”จู่ๆ หัวใจก็สะดุ้ง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือจะเป็นจริงอย่างที่อินชิงเสวียนพูดไว้ ว่าหากกำแพงหินพังทลาย สิ่งเลวร้ายก็จะหลุดพ้นออกมา?

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1303 น้อมรับเสด็จท่านราชา

    เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ข้าจะลองดูว่าจะสามารถใช้กำลังภายในรวมเอาความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในตัวพวกเขาให้มารวมกันได้หรือไม่ถ้าทำได้ ให้คุณชายหลิวฉวยจังหวะนี้ตรึงมันไว้ด้วยเข็มเงิน แล้วข้าจะหาวิธีเค้นมันออกมา”เหมยชิงเกอตกใจเล็กน้อย“ความคิดชั่วร้าย...รวมกันไว้ที่เดียว? นั่นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จะทำได้จริงหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างถ่อมตัว“ลูกเขยไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ลองดูได้”อินชิงเสวียนรู้จักสามีของตนเป็นอย่างดี เขาไม่เคยพูดอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ คิดว่าเขาต้องค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้ว“ที่อาอวี้พูดก็มีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาบ้าคลั่งต่อไปได้ ข้ามักจะรู้สึกว่าทักษะของพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามความคิดที่ชั่วร้าย หากเป็นเช่นนี้จริง คิดว่าอีกไม่นานก็จะทำลายโซ่เหล็กได้ อันก่อให้เกิดหายนะไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”หลิวซือจวินมองไปที่เหมยชิงเกอทันทีเย่จิ่งอวี้แทนตัวว่าเขย หรือว่านางก็คือภรรยาของเจ้าเมืองเฮ่อ?ช่างเป็นคนหน้าตาท่าทางดูดีจริงๆเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเองที่เสียชีวิต ผอมแห้งผิวหนังติดกระดูก หลิวซือจวินก็อดไม่ได้ที่จะถอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1304 เป็นโชคดีของใต้หล้า

    เงานั้นหัวเราะเสียงดัง มีกลุ่มควันจำนวนหนึ่งรวมตัวกันบนศีรษะของชิงฮุย ราวกับกำลังลูบศีรษะของเขา“ดีๆๆ เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี เจ้าอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ได้รับอะไรบ้างไหม”ชิงฮุยโค้งคำนับด้วยความเคารพ ดวงตาสุกใสดุจธารา“ศิษย์โง่เขลา ร่ำเรียนได้เพียงห้าศาสตร์ แต่ไม่สามารถนำศิลาตอบสวรรค์ออกมาได้”เงาพูดเบาๆ ว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้โง่เขลา คนโง่ที่ไหนจะสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ มีเพียงผู้ที่ปราศจากกิเลสและไร้ซึ่งความปรารถนาเท่านั้น ถึงจะผ่านการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้”ในขณะที่กำลังพูด เงาเหมือนควันอีกกลุ่มหนึ่งก็ลอยมาจากฟ้า และรวมเข้ากับร่างเงาหมอกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เงานั้นยิ้มอย่างหยิงยโส “คิดไม่ถึงว่าหลายร้อยปีต่อมา ต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถ สามารถคลายวิชาสะกดวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว”ชิงฮุยยืดตัวขึ้น“หากพวกเขาสามารถคลายออกได้ เช่นนั้นพลังวิญญาณจะกลับคืนสู่ร่างหลักของท่านราชา เสริมกำลังของท่านราชาให้แข็งแกร่งขึ้น หากไม่สามารถคลายออกได้ เช่นนั้นก็จะฆ่ากันตาย ไม่ตายไม่เลิก”เงากล่าวว่า “ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ชนะคือพวกเรา”ชิงฮุยยิ้มแล้ว ก้มศีรษะล

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status