หลิวซือจวินดึงเข็มเงินออกมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อขอเรียนวิชาแพทย์จากคนในอิ๋นเฉิง ข้าไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร”เมื่อครู่นี้นางก็ได้ยินคำเรียกขานระหว่างพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักหรือเจ้าเมือง หรือผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนัก ทั้งหมดล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่ตนเองไม่สามารถล่วงเกินได้เฮ่อยวนพยักหน้า และถามว่า “เจ้า...คงไม่ใช่คนจากเมืองใกล้ๆ นี้กระมัง แล้วทำไมถึงรู้จักอิ๋นเฉิง”หลิวซือจวินประกบมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาจากแม่ นางบอกว่าวิชาแพทย์ที่สุดยอดที่สุดในโลกอยู่ที่อิ๋นเฉิง ก่อนตายนางได้กำชับข้าไว้ ว่าต้องมาดูให้ได้”เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อยวน นัยน์ตาฉายแววเคารพชื่นชม และอารมณ์อื่นๆ แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปมีท่าทางร่าเริงอีกครั้ง“โชคดีที่คุณชายเฮ่อช่วยชีวิตไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถมาพบเจ้าเมืองเฮ่อได้”เฮ่อยวนยิ้ม“ท่ามกลางผู้คนมากล้น การได้มาพบกันนับเป็นวาสนา หากเจ้าชื่นชอบทักษะทางการแพทย์ วันหน้าก็สามารถรั้งอยู่ในอิ๋นเฉิงเพื่อตั้งใจศึกษาได้”หลิวซือจวินแสดงสีหน้ายินดีทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”“ด้วยความย
ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติได้พัดพาลมอันรุนแรงประหนึ่งจะฉีกท้องฟ้า ลอยสูงขึ้น ทรงพลังราวกับฟ้าร้อง และหมอกสีดำที่พุ่งออกมาดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างทั้งฟ้าดินทุกคนมองดูท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้วรยุทธ์แบบใด ถึงสามารถฝึกฝนปราณกระบี่ที่ครอบงำเช่นนี้ออกมาได้แม้แต่กระบี่ของปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวก็อาจเทียบไม่ติดกับสิ่งนี้แม้เพียงกระผีกเดียว แม้แต่เย่จิ่งหลานก็อ้าปากกว้างเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูในห้องโถงจื่อชี่ตงไหล ท้องฟ้ามืดมิด จึงไม่อาจได้ชื่นชมอย่างละเอียดเลยตอนนี้มีเพียงสองคำในใจของเขาโคตรเจ๋ง!มีเพียงเย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อย มองอินชิงเสวียนอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งท่าทางภาคภูมิใจชนิดนั้น แทบจะสลักคำว่า นี่คือภรรยาของข้า ไว้บนใบหน้าของเขาได้เลยในชั่วพริบตา ใบมีดดำทะมึนก็ได้ฟาดฟันลงบนก้อนหินแล้ว ในเวลาเดียวกัน เย่จิ่งหลานก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่ากลัว“ทำได้ดี!”จู่ๆ หัวใจก็สะดุ้ง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือจะเป็นจริงอย่างที่อินชิงเสวียนพูดไว้ ว่าหากกำแพงหินพังทลาย สิ่งเลวร้ายก็จะหลุดพ้นออกมา?
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ข้าจะลองดูว่าจะสามารถใช้กำลังภายในรวมเอาความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในตัวพวกเขาให้มารวมกันได้หรือไม่ถ้าทำได้ ให้คุณชายหลิวฉวยจังหวะนี้ตรึงมันไว้ด้วยเข็มเงิน แล้วข้าจะหาวิธีเค้นมันออกมา”เหมยชิงเกอตกใจเล็กน้อย“ความคิดชั่วร้าย...รวมกันไว้ที่เดียว? นั่นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จะทำได้จริงหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างถ่อมตัว“ลูกเขยไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ลองดูได้”อินชิงเสวียนรู้จักสามีของตนเป็นอย่างดี เขาไม่เคยพูดอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ คิดว่าเขาต้องค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้ว“ที่อาอวี้พูดก็มีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาบ้าคลั่งต่อไปได้ ข้ามักจะรู้สึกว่าทักษะของพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามความคิดที่ชั่วร้าย หากเป็นเช่นนี้จริง คิดว่าอีกไม่นานก็จะทำลายโซ่เหล็กได้ อันก่อให้เกิดหายนะไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”หลิวซือจวินมองไปที่เหมยชิงเกอทันทีเย่จิ่งอวี้แทนตัวว่าเขย หรือว่านางก็คือภรรยาของเจ้าเมืองเฮ่อ?ช่างเป็นคนหน้าตาท่าทางดูดีจริงๆเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเองที่เสียชีวิต ผอมแห้งผิวหนังติดกระดูก หลิวซือจวินก็อดไม่ได้ที่จะถอ
เงานั้นหัวเราะเสียงดัง มีกลุ่มควันจำนวนหนึ่งรวมตัวกันบนศีรษะของชิงฮุย ราวกับกำลังลูบศีรษะของเขา“ดีๆๆ เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี เจ้าอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ได้รับอะไรบ้างไหม”ชิงฮุยโค้งคำนับด้วยความเคารพ ดวงตาสุกใสดุจธารา“ศิษย์โง่เขลา ร่ำเรียนได้เพียงห้าศาสตร์ แต่ไม่สามารถนำศิลาตอบสวรรค์ออกมาได้”เงาพูดเบาๆ ว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้โง่เขลา คนโง่ที่ไหนจะสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ มีเพียงผู้ที่ปราศจากกิเลสและไร้ซึ่งความปรารถนาเท่านั้น ถึงจะผ่านการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้”ในขณะที่กำลังพูด เงาเหมือนควันอีกกลุ่มหนึ่งก็ลอยมาจากฟ้า และรวมเข้ากับร่างเงาหมอกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เงานั้นยิ้มอย่างหยิงยโส “คิดไม่ถึงว่าหลายร้อยปีต่อมา ต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถ สามารถคลายวิชาสะกดวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว”ชิงฮุยยืดตัวขึ้น“หากพวกเขาสามารถคลายออกได้ เช่นนั้นพลังวิญญาณจะกลับคืนสู่ร่างหลักของท่านราชา เสริมกำลังของท่านราชาให้แข็งแกร่งขึ้น หากไม่สามารถคลายออกได้ เช่นนั้นก็จะฆ่ากันตาย ไม่ตายไม่เลิก”เงากล่าวว่า “ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ชนะคือพวกเรา”ชิงฮุยยิ้มแล้ว ก้มศีรษะล
เวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล เพียงพริบตาก็รุ่งเช้าชาวยุทธ์ส่วนใหญ่ฟื้นคืนสติกันแล้ว แต่ยังคงเฝ้าหินที่แตกแล้วอยย่างไม่เต็มใจที่จะจากไปเย่จิ่งหลานนั่งบนก้อนหิน ยกมือซ้ายขึ้นเท้าคาง แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ดูสิ นี่คือความโลภในธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าจะมีสติ แต่ก็เปลี่ยนสันดานกินอุจจาระของสุนัขไม่ได้”อินชิงเสวียนหาวและพูดว่า “แล้วเจ้าไม่มีความโลภอยู่ในใจงั้นหรือ ถ้าคนปราศจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ถึงจะเรียกว่าผิดปกติอย่างแท้จริง”เย่จิ่งหลานหรี่ตาแล้วพูดว่า “ย่อมมีอยู่แล้ว แต่ข้าไม่โลภ ยิ่งไม่ทำสิ่งที่รู้ว่าไม่ควรทำ”อินชิงเสวียนทำเสียงชิ“ถ้าเจ้าไม่โลภ แล้วเอาได้ของพวกนั้นจากข้าทำไม ความอยากอาหาร ก็ไม่ใช่ความโลภอีกชนิดหนึ่งงั้นหรือ”จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็พูดไม่ออก ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ยัยบ้านี่ ก็แค่เอาของมานิดหน่อยเองไม่ใช่รึ เจ้ายังจะอวดอีก”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ฉะนั้นนะ อย่างนี้เรียกว่าใจอ่อนเพราะติดค้างบุญคุณ”ในเวลานี้ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงลงมาจากยอดเขา สะท้อนไปที่ใบหน้าเล็กๆ ที่ประณีตงดงามของอินชิงเสวียน ขนตาที่งอนน้อยๆ คล้ายถูกเคลือบด้วยแสงสีทองอ่อนเมื่อจับคู่
เย่จิ่งหลานทอดสายตามองไปไกลด้วยท่าทางภาคภูมิใจ“ลูกผู้ชายควรทะเยอทะยานต่อสู้ไปทั่วสารทิศ พิชิตใต้หล้า ไม่ควรพอใจกับดินแดนเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่เดินทางในขณะที่ยังเยาว์วัย ไม่ใช่ว่าจะทำให้วัยหนุ่มสาวผ่านไปโดยไร้ประโยชน์หรอกหรือ”เมื่อมองตามสายตาของเย่จิ่งหลาน เฮ่อฉางเฟิงก็เห็นห่านป่าสองตัวบินข้ามท้องฟ้าอย่างอิสระและเสรี ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโหยหาเล็กน้อยเย่จิ่งหลานเหลือบมองเขาอย่างลับๆ ตีเหล็กตอนร้อนว่า “ถ้าพี่เฮ่อยังอยู่ที่อิ๋นเฉิง จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถละทิ้งได้ อาจมีหลายสิ่งที่ยากต่อการปรับตัว ทำไมไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาให้กว้างขวางล่ะ”เดิมทีฮั่วเทียนเฉิงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอย่างง่ายดาย ส่วนหวังซุ่นก็พอจะเฉลียวฉลาดใช้ได้ แต่มันก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริง หากดึงเฮ่อฉางเฟิงเข้ามามีร่วมได้ จะเป็นการผสมผสานอันทรงพลังของวรยุทธ์และสติปัญญาเฮ่อฉางเฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ และคนเลี้ยงม้าเหล่าหลิวความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่ เขาจะลืมในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร เพียงแค่ระงับไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเห็นความรักของพ่อกับเหมยชิงเกอ เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกอึด
ฮวาเชียนหยิบภาพวาด แล้วเหล่าลูกศิษย์สองสามคนออกจากกลุ่มขบวน ไม่ไกลนัก ชายวัยกลางคนที่มีท่าทางดุร้ายก็กระโดดออกมาจากตรอกข้างๆ กอดลูกศิษย์ที่ติดกระดาษวาดรูป และกัดที่ไหล่อย่างแรงศิษย์คนนั้นเจ็บปวด จึงหันกลับมาและเตะชาวยุทธ์คนนั้นออกไปดวงตาของเขาแดงก่ำ ลุกขึ้นด้วยท่าทางแปลกๆศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ“อาจารย์อาฮวา เขา...”ฮวาเชียนก็ตกใจเช่นกัน นี่คือวรยุทธ์แบบไหน ทำไมมันถึงชั่วร้ายขนาดนี้ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝักเสียงดังเกรียวกราว และแทงเข้าที่หน้าอกของคนผู้นั้นคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นปากที่เปื้อนเลือดพุ่งเข้าไปหาพวกเขาอีกฮวาเชียนก็ตกใจอีก สถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่เบื้องหน้านี้ ดูน่ากลัวยิ่งกว่าผีแคระในตงหลิวด้วยซ้ำในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มหนึ่งพุ่งออกมาตัดศีรษะของคนผู้นั้นฮวาเฉียนประกบมือกล่าวคำขอบคุณ“ขอบคุณคุณชายอินที่มาช่วย”อินสิงอวิ๋นคารวะตอบ“เล็กน้อยเท่านั้น ผู้อาวุโสฮวาไม่ต้องเกรงใจ”เจ้าสำนักเซี่ยวลอยลงจากหลังม้าแล้ว เขาเหลือบมองคนผู้นั้น หลับตาสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ที่นี่แปลกมาก ดูเหมือนจะไม่มีคนมีชีวิตอยู่ในเมืองนี้”
“เจ้าสองคนคุยอะไรกันอยู่ ท่าทางมีความสุขมาก”อินชิงเสวียนมองส่งหลิวซือจวินจากไป แล้วก็เห็นเย่จิ่งหลานกับเฮ่อฉางเฟิงดื่มสุรากินขนม ทั้งพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน สองคนนี้ดูไม่สะดุ้งสะเทือนต่อสิ่งใด“ข้ากับคุณชายน้อยเย่คุยกันเรื่องอนาคต...”เฮ่อฉางเฟิงเพิ่งพูดได้ครึ่งประโยค เย่จิ่งหลานก็พูดแทรกขึ้นว่า “ในอนาคตถ้าพี่ชายของเจ้าไปเมืองหลวง ข้าจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่อยู่แล้ว ถ้าพี่ชายไปเมื่อไหร่ เราจะต้อนรับขับสู้อย่างดี”นางเหลือบมองชาวยุทธ์ที่กำลังสัมผัสและตบก้อนหินที่แตกหักเป็นสองก้อน บางคนถึงกับยื่นก้นออกมา อ้าปากแล้วกัดไปเล็กน้อย ด้วยหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ นางทำหน้าหยามหยันเล็กน้อย“ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ยอมแพ้”“เจ้าก็พูดเอง เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา นี่เป็นธรรมชาติแท้จริงของมนุษย์”เย่จิ่งหลานมองดูอย่างเยาะเย้ย แล้วพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ข้าไม่เข้าใจ ใครเป็นคนเผยแพร่เรื่องทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั่น หลอกสองสำนักชั้นนำในยุทธจักรจนหัวหมุน”“ข้าไม่รู้ ถึงอย่างไรตั้งแต่ข้าจำความได้ ทางสู