อินชิงเสวียนพูดไม่ออก ส่วนเย่จิ่งหลานยกนิ้วกลางขึ้น เพื่อเห็นแก่หน้าเสด็จพี่ฮ่องเต้ เขากลืนคำว่า “เชี่ย” กลับคืนเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกท้อแท้มากเช่นกัน เสียเวลาคาดหวัง เมื่อไม่มีสิ่งนั้น แล้วจะพูดอะไรที่ดูลึกลับซับซ้อนไปทำไมเขาเกือบจะอยากจะแต่งเรื่องผีมาหลอกเฮ่อฉางเฟิงเดี๋ยวนั้นเลยเฮ่อฉางเฟิงหันกลับมายิ้มแล้วพูดว่า “เราไม่จำเป็นต้องคิดมาก บันทึกอาจไม่จริง บางทีอาจเป็นปัญหาที่หินก้อนนี้ มีบางสิ่งที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้คน”“เจ้ายอมเชื่อเรื่องหินเส็งเคร็งนั่น แต่ก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องผีงั้นหรือ”หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบก็เอานิ้วก้อยสองนิ้วเกี่ยวมุมปาก ใช้นิ้วชี้ดันเปลือกตาล่างขึ้น แล้วทำหน้าผีหลอกเฮ่อฉางเฟิงกระโดดกลับหลัง พูดตะกุกตะกัก “ไม่ควรโทษสิ่งลี้ลับ ผีซ่อนอยู่ในจิตใจมนุษย์ ข้าจะไปหาท่านพ่อก่อนล่ะ”แล้วร่างนั้นก็หายวับไป เจออีกทีก็ลอยไปไกลแล้วเย่จิ่งหลานหัวเราะและพูดว่า “มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศขนาดนี้ เขาดูเหมือนผีมากกว่าผีซะอีก”เย่จิ่งอวี้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เป็นคู่หูที่ดูสนุกสนานดี“จิ่งหลาน อย่าก่อเรื่อง คนมีความกลัวเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วตอน
“จิ่งหลาน เจ้าเป็นอะไรไป”เย่จิ่งอวี้อยู่ใกล้ที่สุด เขารีบเขาไปพยุงเย่จิ่งหลานทันที“ไม่เป็นไร ข้าแค่ปวดหัวนิดหน่อย”“ที่หว่างคิ้วหรือ”อินชิงเสวียนพะวงเรื่องชาดแห่งบาปบนใบหน้าของเขามาก ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาถามทันที“ไม่รู้”เย่จิ่งหลานกดหน้าผาก รู้สึกราวกับว่าลูกธนูนับพันถูกยิงออกมาจากหัว ซึ่งความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาหน้ามืดอินชิงเสวียนหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมาอย่างรวดเร็ว“ลองดื่มดูสิ เผื่อจะบรรเทาได้บ้าง”หลิวซือจวินและเฮ่อฉางเฟิงก็ตามมาดูด้วยเย่จิ่งหลานรับน้ำขึ้นมาจิบ แต่ยังคงปวดหัวแทบระเบิด ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ในหัว“อ๊ากกก!”เขากดหน้าผาก แล้วร้องโอดครวญเย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปคว้าเข็มขัดของเขา แล้วอุ้มเย่จิ่งหลานลงไปที่พื้น“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าบอกท่านแม่ก่อนว่าเราจะตามไปทีหลัง ให้คุณชายหลิวตรวจอาการให้จิ่งหลานก่อน”“ได้”อินชิงเสวียนเป็นห่วงเย่จิ่งหลานอยู่แล้ว จึงขี่ม้าไล่ตามเหมยชิงเกอไปทันทีเย่จิ่งอวี้ประคองเย่จิ่งหลานไปที่โคนต้นไม้ “รบกวนคุณชายหลิวด้วย”หลิวซือจวินหยิบเข็มเงินออกมาแล้ว แล้วฝังเข็มบนศีรษะของเย่จิ่งหลานอย่างรวดเร็วแต่ไม
เจ้าสำนักเซี่ยวชะลอฝีเท้า และถามว่า “เรื่องฝังโลหิตของอวี้เอ๋อร์ เจ้ามั่นใจแค่ไหน”นักนักพรตเทียนจีกล่าวว่า “ทุกสิ่งไม่มีความแน่นอน ข้าทำได้แค่พยายามให้ดีที่สุดเท่านั้น”เซี่ยวอิ่นหวนพูดอย่างเร่งรีบว่า “อิ๋นหวนขอบคุณผู้อาวุโสล่วงหน้า หากผู้อาวุโสสามารถรักษาอวี้เอ๋อร์ได้ อิ๋นหวนก็เต็มใจเป็นวัวเป็นม้าคอยรับใช้ผู้อาวุโส”นักพรตเทียนจีโบกมือ“กล่าวหนักเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพื่อนกับพ่อเจ้ามาหลายปี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายของเขา ข้าย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้...”ยังพูดไม่ทันขาดคำ จู่ๆ นักนักพรตเทียนจีก็ยื่นมือออกมา หยุดเจ้าสำนักเซี่ยวที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า“เกิดอะไรขึ้น?”เจ้าสำนักเซี่ยวหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ แต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แปลกประหลาดขณะที่กำลังจะปลดปล่อยกำลังภายในเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น กลับก็เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในทิวทัศน์ตรงหน้าเขา จู่ๆ ถนนบนภูเขาเดิมก็หายไป ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะที่กำลังตกใจ ก็เห็นร่างหลายร่างโผล่ขึ้นมาจากทะเล แต่งกายเหมือนกับคนในขบวนทุกประการหัวใจของเจ้าสำนัก
นักพรตเทียนจีแข็งใจกล่าวว่า “เจ้าสำนักเซี่ยวมีทักษะวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ข้าน้อยขอบังอาจ ขอร้องให้ท่านราชาไว้ชีวิตเขาด้วย ภายหน้าอาจช่วยฟื้นฟูแคว้นได้”เงาแค่นเสียงเหอะและพูดว่า “คนพวกนี้ล้วนเป็นญาติสนิทของเขา เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าถ้าไว้ชีวิตเขา เขาจะช่วยเจ้า ไร้เดียงสาจริงๆ!”เขาหยุดชั่วคราวและพูดอย่างเย็นชา “คนเหล่านี้เชี่ยวชาญด้านวรยุทธ์ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า ไม่สามารถดูดซับวิญญาณของพวกเขาได้ ทำได้เพียงดักจับพวกเขาจนตายในค่ายกล เมื่อจิตวิญญาณเหนื่อยล้า ค่อยบุกเข้าไปในจิตใจของพวกเขา และช่วงชิงพลัง”นักพรตเทียนจีต้องการพูด แต่ถูกเงาหยุดไว้“พอแล้ว ความเมตตาต่อศัตรูคือความโหดร้ายต่อตนเอง เจ้าลืมไปแล้วหรือ ตอนนั้นชาวต้าโจวปล้นสะดมทุกสิ่ง เพื่อให้ลูกหลานที่ไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่งมาอาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นของเราแห่งนี้ ถอยกลับไปเถอะ!”เขาสะบัดข้อมือ นักพรตเทียนจีก็กลิ้งลงมาจากภูเขาราวกับก้อนกลมๆ เมื่อเห็นผู้คนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ที่ติดอยู่ในค่ายกล เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจมนุษย์ไม่ใช่ผักปลา จะโหดเหี้ยมได้อย่างไรนักพรตเทียนจีอาศัยอยู่ในต้าโจวมาหลายร้อยปี ได้พัฒน
เลือดสีแดงไหลทะลุจากไหล่ของเขาทันที เจ้าสำนักเซี่ยวกัดฟัน ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียวเขาเป็นสัญลักษณ์ทางจิตใจของคนเหล่านี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทุกคนจะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างแน่นอนลำบากแค่ไหน เขาก็ต้องรอจนกว่าจะมีคนช่วยเจ้าสำนักเซี่ยวกระตุ้นกำลังภายในอีกครั้ง ปล่อยปราณกระบี่หลายเล่มขึ้นไปบนท้องฟ้าปราณกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ดูเหมือนจะตัดรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า อากาศอันหนาวเย็นรุนแรง ก็พลันปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาในทันทีเงายืนอยู่บนยอดเขา มองดูเจ้าสำนักเซี่ยวอย่างเงียบงัน พร้อมกับความชื่นชมในดวงตาที่ราวกับควันบางทีเซี่ยอานซื่ออาจกล่าวถูกต้อง ไม่ว่าแคว้นใดก็ยังมีวีรบุรุษที่ควรค่าแก่การชื่นชม พวกเขาไม่ผิดเลย ผิดก็แต่เรื่องที่พวกเขาล้วนแต่เป็นชาวต้าโจวเดิมทีเขาต้องการทรมานเจ้าสำนักเซี่ยวจนถึงขีดสุดที่จิตใจจะรับไหว แล้วค่อยไปปั่นป่วนสติของเขา และดูดซับกำลังภายในของเขามาเป็นของตน แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้อีกต่อไปเอาเถอะ จะอยู่หรือตาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต!เขานึกในใจ ครั้งแล้วร่างเงานั้นก็ค่อยๆ หายไป สลายไปบนยอดเขาในที่สุดในขณะนี้เจ้าสำนักเซี่ยวถูก
อินชิงเสวียนและคนอื่นๆ มาถึงยอดเขาแล้ว ในกลุ่มหมอกอันกว้างใหญ่ มีเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นเย่จิ่งอวี้จำเสียงของเซี่ยวอิ่นหวนได้ทันที เขาตะโกนออกมาอย่างเร่งด่วน และรีบวิ่งเข้าไปในสายหมอก“อาอวี้!”อินชิงเสวียนก็อยากจะเข้าไปเช่นกัน แต่ถูกเย่จิ่งหลานจับไว้“อย่าวู่วาม นี่คือค่ายกล”“แล้วต้องทำอย่างไร”เสียงตะโกนลั่นของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นในค่ายกล อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวลเย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าจะพยายามทำลายค่ายกลดู”“ข้าเอง”เฮ่อฉางเฟิงจรดเท้าลงกับพื้นอินชิงเสวียนยินดียิ่ง มีปรมาจารย์ด้านค่ายกลอยู่ที่นี่ด้วย นางลืมไปได้อย่างไร ในเป่ยไห่ในวันนั้น ถ้าเฮ่อฉางเฟิงไม่ลงมือ ทุกคนคงจะติดอยู่และเสียชีวิตในค่ายกลนั้นแล้ว“รบกวนพี่ชายด้วย”สถานการณ์เร่งด่วน เฮ่อฉางเฟิงจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เขารีบมาที่ขอบทะเลหมอก ตรวจสอบดูว่าค่ายกลเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน เย่จิ่งอวี้ก็ถูกโจมตีด้วยภาพสะท้อนราวกระจกเมื่อมองดูตัวเองอีกคน เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพลวงตาในเป่ยไห่ ครั้งนั้นอันตรายมากจนเกือบทำให้เขาแยกจากเสวียนเอ๋อร์ โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ใช่นางอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็รับมื
“ท่านตา!”อินชิงเสวียนก็ร้องออกมาเบาๆ สถานการณ์นี้ทำให้นางตกใจมาก ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือดเมื่อไม่นาน ชายชราผู้นี้ยังมีร่าเริงมีชีวิตชีวา นัดกันไว้ดิบดีว่าวันหน้าต้องได้เจอกันอีกครั้ง คิดไม่ถึง วันที่ได้พบกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นวันที่จากลาไปตลอดกาลถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก ก็ยอมที่จะไม่เจอดีกว่าเซี่ยวอิ่นหวนและคนอื่นๆ เห็นฉากที่น่าตกใจนี้ผ่านร่างอันสั่นเทาของเย่จิ่งอวี้ เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าตัดเป็นสีดำมืด เกือบจะล้มพับลงไป ฮวาเชียนพุ่งเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว“ผู้คุมตรา!”เซี่ยวอิ่นหวนผลักฮวาเชียนออกไป เดินโงนเงนเข้าไปหาเจ้าสำนักเซี่ยว“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”ในชีวิตนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวสะอาดเรียบร้อยมาโดยตลอด จะเคยมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้ที่ไหน เมื่อมองดูหนวดเคราที่เปื้อนเลือดและเลือดที่อาบไปทั่วร่างกาย เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักแม้ว่านางกับเจ้าสำนักเซี่ยวจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาใกล้ชิดยิ่งกว่าพอ่ลูกแท้ๆ เจ้าสำนักเซี่ยวรักนางมาโดยตลอด ถ่ายทอดสั่งสอนทุกสิ่งที่รู้เป่ยไห่ถูกทำลายลง ในที่สุดก
“อาอวี้...”อินชิงเสวียนพูดไม่ออก คำพูดเช่นนี้ ทำให้นางอึดอัดมากกว่าการทุบตีและดุด่านางเย่จิ่งอวี้หายใจหหักๆ ราวกับจะปลดปล่อยหมอกควันในหัวใจ จากนั้นจึงกดไหล่ของอินชิงเสวียนเบาๆ“เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ท่านแม่ต้องการให้วิญญาณของท่านตากลับไปยังบ้านเกิด เสวียนเอ๋อร์มีวิธีที่จะทำให้ร่างกายของท่านตาไม่เสียหายหรือไม่”“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”ร้านค้าสะสมคะแนนในมิติมีทุกสิ่ง แถมยังมีแพทย์แผนจีนและแพทน์แผนตะวันตกสองคนอย่างเย่จิ่งหลานและหลิวซือจวินอยู่ใกล้ๆอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แต่ว่า...ท่านแม่เสียใจมากเช่นนี้ ยังต้องเดินทางกลับไปอีก ร่างกายจะทนได้หรือ”เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจ“ตราบใดที่รับรองว่าร่างกายของท่านตาไม่เสียหาย ข้าก็จะให้ท่านแม่หยุดพักอยู่ที่นี่ก่อน”หลิวซือจวินกล่าวว่า “ข้าได้นำสมุนไพรมาด้วย มีประโยชน์ในการป้องกันและรักษาความเสื่อมสภาพ หากคุณชายเย่อนุญาต ข้าสามารถคงสภาพรูปลักษณ์เดิมของท่านผู้เฒ่าไว้ได้”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนโลงแก้ว วางร่างเขาไว้ในมิติของข้าก่อนได้”“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็หายตัวไป เมื่อป