หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1314 เสียชีวิตเพราะสิ้นแรง

แชร์

บทที่ 1314 เสียชีวิตเพราะสิ้นแรง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนและคนอื่นๆ มาถึงยอดเขาแล้ว ในกลุ่มหมอกอันกว้างใหญ่ มีเสียงการต่อสู้เกิดขึ้น

เย่จิ่งอวี้จำเสียงของเซี่ยวอิ่นหวนได้ทันที เขาตะโกนออกมาอย่างเร่งด่วน และรีบวิ่งเข้าไปในสายหมอก

“อาอวี้!”

อินชิงเสวียนก็อยากจะเข้าไปเช่นกัน แต่ถูกเย่จิ่งหลานจับไว้

“อย่าวู่วาม นี่คือค่ายกล”

“แล้วต้องทำอย่างไร”

เสียงตะโกนลั่นของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นในค่ายกล อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล

เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าจะพยายามทำลายค่ายกลดู”

“ข้าเอง”

เฮ่อฉางเฟิงจรดเท้าลงกับพื้น

อินชิงเสวียนยินดียิ่ง มีปรมาจารย์ด้านค่ายกลอยู่ที่นี่ด้วย นางลืมไปได้อย่างไร ในเป่ยไห่ในวันนั้น ถ้าเฮ่อฉางเฟิงไม่ลงมือ ทุกคนคงจะติดอยู่และเสียชีวิตในค่ายกลนั้นแล้ว

“รบกวนพี่ชายด้วย”

สถานการณ์เร่งด่วน เฮ่อฉางเฟิงจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เขารีบมาที่ขอบทะเลหมอก ตรวจสอบดูว่าค่ายกลเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน เย่จิ่งอวี้ก็ถูกโจมตีด้วยภาพสะท้อนราวกระจก

เมื่อมองดูตัวเองอีกคน เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพลวงตาในเป่ยไห่ ครั้งนั้นอันตรายมากจนเกือบทำให้เขาแยกจากเสวียนเอ๋อร์ โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ใช่นาง

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็รับมื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1315 วีรบุรุษในยามบั้นปลาย

    “ท่านตา!”อินชิงเสวียนก็ร้องออกมาเบาๆ สถานการณ์นี้ทำให้นางตกใจมาก ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือดเมื่อไม่นาน ชายชราผู้นี้ยังมีร่าเริงมีชีวิตชีวา นัดกันไว้ดิบดีว่าวันหน้าต้องได้เจอกันอีกครั้ง คิดไม่ถึง วันที่ได้พบกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นวันที่จากลาไปตลอดกาลถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก ก็ยอมที่จะไม่เจอดีกว่าเซี่ยวอิ่นหวนและคนอื่นๆ เห็นฉากที่น่าตกใจนี้ผ่านร่างอันสั่นเทาของเย่จิ่งอวี้ เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าตัดเป็นสีดำมืด เกือบจะล้มพับลงไป ฮวาเชียนพุ่งเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว“ผู้คุมตรา!”เซี่ยวอิ่นหวนผลักฮวาเชียนออกไป เดินโงนเงนเข้าไปหาเจ้าสำนักเซี่ยว“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”ในชีวิตนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวสะอาดเรียบร้อยมาโดยตลอด จะเคยมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้ที่ไหน เมื่อมองดูหนวดเคราที่เปื้อนเลือดและเลือดที่อาบไปทั่วร่างกาย เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักแม้ว่านางกับเจ้าสำนักเซี่ยวจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาใกล้ชิดยิ่งกว่าพอ่ลูกแท้ๆ เจ้าสำนักเซี่ยวรักนางมาโดยตลอด ถ่ายทอดสั่งสอนทุกสิ่งที่รู้เป่ยไห่ถูกทำลายลง ในที่สุดก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1316 คนตายไม่อาจฟื้นคืนชีพได้

    “อาอวี้...”อินชิงเสวียนพูดไม่ออก คำพูดเช่นนี้ ทำให้นางอึดอัดมากกว่าการทุบตีและดุด่านางเย่จิ่งอวี้หายใจหหักๆ ราวกับจะปลดปล่อยหมอกควันในหัวใจ จากนั้นจึงกดไหล่ของอินชิงเสวียนเบาๆ“เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ท่านแม่ต้องการให้วิญญาณของท่านตากลับไปยังบ้านเกิด เสวียนเอ๋อร์มีวิธีที่จะทำให้ร่างกายของท่านตาไม่เสียหายหรือไม่”“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”ร้านค้าสะสมคะแนนในมิติมีทุกสิ่ง แถมยังมีแพทย์แผนจีนและแพทน์แผนตะวันตกสองคนอย่างเย่จิ่งหลานและหลิวซือจวินอยู่ใกล้ๆอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แต่ว่า...ท่านแม่เสียใจมากเช่นนี้ ยังต้องเดินทางกลับไปอีก ร่างกายจะทนได้หรือ”เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจ“ตราบใดที่รับรองว่าร่างกายของท่านตาไม่เสียหาย ข้าก็จะให้ท่านแม่หยุดพักอยู่ที่นี่ก่อน”หลิวซือจวินกล่าวว่า “ข้าได้นำสมุนไพรมาด้วย มีประโยชน์ในการป้องกันและรักษาความเสื่อมสภาพ หากคุณชายเย่อนุญาต ข้าสามารถคงสภาพรูปลักษณ์เดิมของท่านผู้เฒ่าไว้ได้”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนโลงแก้ว วางร่างเขาไว้ในมิติของข้าก่อนได้”“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็หายตัวไป เมื่อป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1317 บ้านดองพบกัน

    เย่จิ่งอวี้ก้มลงมอง“กลิ่นคาวเลือดรุนแรงมาก คงเพิ่งตายไม่นาน”ในที่สุดผู้คุมตราเซี่ยวก็เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”อินชิงเสวียนพูดง่ายๆ ว่า “เรื่องมันยาว พูดสั้นๆ ก็คือ เกิดจากก้อนหินก้อนหนึ่ง พวกผ่าก้อนหินออก ดูเหมือนว่าสิ่งชั่วร้ายจะหนีออกมาได้ สิ่งนั้นล่อลวงจิตใจผู้คน ชาวยุทธ์มากมายต่างก็ตกหลุมพรางนี้”เมื่อได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูด ผู้คุมตราเซี่ยวก็ขมวดคิ้ว“ในโลกนี้มีสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย เราขึ้นไปดูกันก่อน”“อืม”ทั้งหมดวิ่งไปตามถนนบนภูเขาไปยังยอดเขาบรรจบสวรรค์ ระหว่างทางพวกเขาเห็นศิษย์หลายคนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน บ้างก็ตายจากมีด บ้างก็กระบี่ ซึ่งนี่สามารถมองออกได้ทันทีว่า คนที่ลงมือไม่ใช่คนเพียงคนเดียวบนยอดเขาที่อยู่ไม่ไกล เงาและชิงฮุยยืนอย่างเงียบเชียบหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เงาก็เอ่ยถามว่า “ชาวเผ่าทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง”ชิงฮุยโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้าน้อยได้แจ้งข่าวแล้ว พวกเขากำลังเดินทางมาที่นี่”“ดีมาก”เงาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เซี่ยอานซื่อใช้อารมณ์เป็นใหญ่เกินไป ยากที่จะใช้การได้ อีกอย่าง ยังมีอีกคนหนึ่ง เจ้ารู้เรื่องของเขาหร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1318 ฝันหวาน

    เซี่ยวอิ่นหวนชี้ไปข้างหลัง มักจะรู้สึกว่าถ้าไม่ถามให้กระจ่าง ก็จะไม่สบายใจเหมยชิงเกอตกใจเล็กน้อย“ไม่มี ศิษย์ของตำหนักเทพทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ยอดเขาบรรจบสวรรค์”เซี่ยวอิ๋นหวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าคนที่ลงมือ ไม่ได้มาจากตำหนักเทพจริงๆ“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”เมื่อเห็นดวงตาของเซี่ยวอิ่นหวนแดงก่ำ เหมยชิงเกอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ดีอินชิงเสวียนถอนหายใจหนักๆ“ผู้ที่เดินทางมาด้วยคราวนี้ ไม่ได้มีเพียงแม่สามีเท่านั้น ท่านตาก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาถูกหลอกให้ไปที่ภูเขานั้น ติดกับดักค่ายกลโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านตาใช้กำลังภายในทั้งหมดจนหมดแรง เพื่อขอความช่วยเหลือ และได้...เสียชีวิตแล้ว”“หรือว่าท่านตาที่ชิงเสวียนที่กล่าวถึง คือเจ้าสำนักเซี่ยว?”แม้ว่าเหมยชิงเกอจะไม่เคยพบกับเจ้าสำนักเซี่ยว แต่นางก็เคยได้ยินอินชิงเสวียนพูดถึงเรื่องราวในเป่ยไห่หลายครั้งแม้ว่าเจ้าสำนักจะยังอายุมากแล้ว แต่ก็ยังพาลูกศิษย์ไปที่เป่ยไห่ต่อสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องความสงบสุขของปวงประชา มีบุคลิกที่ซื่อสัตย์และรักลูกศิษย์มาก ยังเป็นแบบอย่างของจอมยุทธ์ คิดไม่ถึงว่าต้องมาจบชีวิตลงที่นี่จู่ๆ ก็ไม่รู้จะปลอบน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1319 ตื่นจากฝันโดยไร้ร่องรอย

    เย่จิ่งหลานคิดว่าตัวเองตาฝาด ฉากนั้นน่าทึ่งมากจริงๆ!หญิงสาวผู้นั้นปิดหน้าด้วยผ้าโปร่ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าโปร่งสีชมพูอ่อนที่ดูเบาบางโปร่งแสง ทำให้เห็นผิวพรรณรูปร่างบางส่วน ซึ่งสร้างความรู้สึกที่น่าสนใจและเย้ายวนใจนางเยื้องย่างเข้าไป เดินไปหาเย่จิ่งหลาน ห่างเพียงไม่กี่ก้าว เดินไปอย่างอ่อนช้อยน่ามอง ทำให้คนอดคิดไปไกลไม่ได้เย่จิ่งหลานขยี้ตา ผู้หญิงคนนั้นมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว“คุณชายน้อย ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”นางเอื้อมมือที่เรียวบางออกมา เกี่ยวคางของเย่จิ่งหลาน ผ้าคลุมอันอ่อนนุ่มตกใส่บนใบหน้าของเย่จิ่งหลาน ทำให้รู้สึกจั๊กจี้เย่จิ่งหลานอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมา ดึงผ้าคลุมออกจากใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเดิมคิดว่านี่เป็นใบหน้าที่มีเสน่ห์เย้ายวนมาก แต่คิดไม่ถึง ว่าจะกลายเป็นใบหน้าที่แสนบริสุทธิ์ใบหน้ารูปไข่ได้รูป ดวงตากลมโต จมูกโด่ง ด้วยคิ้วที่โก่งนิดๆ ทำให้ดูมีบุคลิกที่สง่างามและแข็งแกร่งเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้เย่จิ่งหลานรู้สึกว่านางดูเหมือนอินชิงเสวียนเล็กน้อยเขาต้องการถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ริมฝีปากบางของผู้หญิงคนนั้นทาบทับลงมา เรียวมือคล้ายดอกบัวคู่หนึ่งโอบกอดคอข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1320 พูดผิดไป

    แต่เพียงชั่วครู่หนึ่ง เงาหมอกนั้นก็หายไป“มีอะไรหรือ”ข้อมือของเย่จิ่งหลานสั่น โยนเขาลงบนเก้าอี้ในห้องอย่างแม่นยำหวังซุ่นมองอีกครั้ง อาจเป็นเพราะตัวเองตาฝาดไปเขาหัวเราะแหะๆ และพูดอย่างชาญฉลาด “เรื่องนั้นน่ะหรือ อ้อจริงสิ ศิษย์หลายคนจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ต้องการขึ้นไปบนภูเขา”เย่จิ่งหลานพูดด้วยความโกรธว่า “จะขึ้นไปทำอะไร อยู่กับข้าที่นี่ดีกว่า ตอนนี้ตำหนักเทพหอทองคำอาจไม่ปลอดภัย ที่นี่ใกล้กับอิ๋นเฉิง หากเจอเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ ก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากอิ๋นเฉิงได้”“นายท่านพูดถูก บ่าวจะกลับไปบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้”หวังซุ่นกลัวถูกยำเละ จึงวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาจากไป เย่จิ่งหลานก็ค้นหาไปรอบๆ อีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลยให้ตายเถอะ คงอัดอั้นไว้นาน ไม่งั้นคงไม่ฝันแบบนี้เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หยิบผ้าคาดเอวที่ห้อยอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าที่ตำหนักเทพหอทองคำเป็นอย่างไรบ้างขณะที่เย่จิ่งหลานกำลังคิดเรื่องนี้ ฉุยอวี้ก็พาคนกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แม้แต่รอยเท้าก็ไม่มี“คงไม่ใช่คนตงหลิว แม้ว่าคนตงหลิวจะมีเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่อาจไม่ทิ้งร่องรอยไว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1321 ชั่วร้ายกับใสซื่อ

    หลิวซือจวินเป่าลมหายใจออก แล้วจึงพูดว่า “ขอบคุณแม่นางอิน”“ไม่ต้องเกรงใจ ไปกันเถอะ”อินชิงเสวียนเดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว หลิวซือจวินเดินตามหลังนางไปด้วยความคิดที่ซับซ้อนตามลำดับอายุแล้ว อินชิงเสวียนควรจะเป็นน้องสาวของนาง เฮ่อฉางเฟิงก็อายุน้อยกว่านางเช่นกัน ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานั้นได้อยู่คนเดียวลำพัง แต่จู่ๆ ก็มีน้องชายกับน้องสาวเพิ่มขึ้นมา ในใจทั้งมีความสุขและความกังวลในเวลาเดียวกันมีความสุขที่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีก ภายหน้าถ้าประสบพบเจอกับเรื่องใด ก็มีคนให้ปรึกษาหารือด้วย แต่สิ่งที่กังวลก็คือเฮ่อยวนจะเต็มใจยอมรับตัวเองหรือไม่ แล้วเจ้าตำหนักเหม่ยผู้นั้น จะยอมรับหรือไม่ขณะที่ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินอินชิงเสวียนถามว่า “คุณชายหลิวมาที่นี่ เพื่อมาศึกษาวิชาแพทย์เท่านั้นหรอกหรือ”หลิวซือจวินต้องการบอกจุดประสงค์ของการเดินทางของตัวเองมาก แต่ในที่สุดก็ระงับไว้“ใช่ ตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ ก็ได้ยินชาวบ้านกล่าวขานกันว่าคนในอิ๋นเฉิงมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าเมืองก็ใจดีมีเมตตามาก ซือจวินมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า จึงเกิดความรู้สึกชอบขึ้นมาทันทีที่ได้พบ”อินชิงเสวียนชะลอความเร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1322 เคร่งขรึมจริงจัง

    หลิวซือจวินโบกไม้โบกมืออย่างรวดเร็ว“ไม่ใช่ๆ ข้าแค่ถามเฉยๆ”อินชิงเสวียนกลับเข้าใจผิดไปแล้ว การที่สาวน้อยจะชื่นชมวีรบุรุษ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด ล้วนไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ่อแม่ได้กลับมาคืนดีกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอีก“ท่านพ่อมีความรักต่อท่านแม่อย่างลึกซึ้ง ชาตินี้ไม่มีวันรับอนุอีก ยิ่งไม่มีใครสามารถทำลายพวกเขาได้ และข้าก็ไม่ยอมให้ใครทำเช่นนี้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวซือจวินก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยตามเรื่องเล่าต่างๆ มักบอกว่าหญิงงามต้องคู่กับวีรบุรุษ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่จะบอกว่าในใจไม่มีความรู้สึกโกรธเคืองใจเลยสักนิด ก็คงเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าเฮ่อยวนจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เขาไม่ควรละทิ้งพวกนางสองแม่ลูก แม้ว่าแม่ของนางจะหน้าตาธรรมดา แต่ก็ยังคงเป็นภรรยาคนแรกของเขาแล้วก็คิดอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลอะไรที่จำใจต้องทำ หรือบางทีเขาอาจจะกลับไปตามหาพวกนางแม่ลูกแล้ว แต่พวกนางกลับย้ายที่อยู่ไปแล้วนางถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าเมืองเฮ่อเป็นคนที่มีความรักลึกซึ้งจริงๆ”“นั่นเพราะเขามีความรักต่อแม่ของข้า”เมื่อคิดถึงแม่ หลิวซือจวินก็รู้สึกสะเทือนใจ“แ

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status