หลิวซือจวินโบกไม้โบกมืออย่างรวดเร็ว“ไม่ใช่ๆ ข้าแค่ถามเฉยๆ”อินชิงเสวียนกลับเข้าใจผิดไปแล้ว การที่สาวน้อยจะชื่นชมวีรบุรุษ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใด ล้วนไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พ่อแม่ได้กลับมาคืนดีกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นอีก“ท่านพ่อมีความรักต่อท่านแม่อย่างลึกซึ้ง ชาตินี้ไม่มีวันรับอนุอีก ยิ่งไม่มีใครสามารถทำลายพวกเขาได้ และข้าก็ไม่ยอมให้ใครทำเช่นนี้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวซือจวินก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยตามเรื่องเล่าต่างๆ มักบอกว่าหญิงงามต้องคู่กับวีรบุรุษ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่จะบอกว่าในใจไม่มีความรู้สึกโกรธเคืองใจเลยสักนิด ก็คงเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าเฮ่อยวนจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม เขาไม่ควรละทิ้งพวกนางสองแม่ลูก แม้ว่าแม่ของนางจะหน้าตาธรรมดา แต่ก็ยังคงเป็นภรรยาคนแรกของเขาแล้วก็คิดอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลอะไรที่จำใจต้องทำ หรือบางทีเขาอาจจะกลับไปตามหาพวกนางแม่ลูกแล้ว แต่พวกนางกลับย้ายที่อยู่ไปแล้วนางถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าเมืองเฮ่อเป็นคนที่มีความรักลึกซึ้งจริงๆ”“นั่นเพราะเขามีความรักต่อแม่ของข้า”เมื่อคิดถึงแม่ หลิวซือจวินก็รู้สึกสะเทือนใจ“แ
“มาแล้วขอรับ”หวังซุ่นหดคอเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว“บ่าวถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย“ลุกขึ้นเถอะ ที่ข้ามาหาเจ้าที่นี่ เพราะอยากได้หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเจ้า แต่ข้าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นมาก่อน โชคดีที่มีศิษย์จากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ด้วย ไปตามคนมาหน่อย”หวังซุ่นไม่เข้าใจว่าอินชิงเสวียนหมายความว่าอะไร เย่จิ่งหลานจึงพูดว่า “ไปตามฉินเซ่อผีผามา เดี๋ยวพวกนางจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง”“อ้อ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”หวังซุ่นไม่กล้าชักช้า หลังจากปิดประตูก็วิ่งแจ้นไป วันนี้เจ้านายยิ่งหงุดหงิดมากกว่าปกติ เขาไม่อยากขัดใจเจ้านายให้ตัวเองซวยหรอกนะหลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ทั้งสี่ก็มาถึง ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ยังคงเศร้าเสียใจกับการจากไปของเจ้าสำนักเซี่ยว ดวงตาบวมแดงไปหมดทั้งหมดกำลังจะทำความเคารพ แต่ก็ถูกอินชิงเสวียนห้ามไว้“หลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับท่านตา มีเพียงนักพรตเทียนจีที่หายตัวไป ซึ่งน่าสงสัยมาก ข้าอาจมีวิธีล่อเขาออกมา สอบถามเรื่องราวทั้งหมด ขอให้พี่สาวทั้งสี่ช่วยอธิบายความสูงและรูปร่างหน้าตาของนักพรตเทียนจี ร
ชายคนนี้สวมชุดคลุมสีฟ้าเทา คอเสื้อถูกซักจนสีซีด แต่กลับดูสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก มีใบหน้าซูบตอบ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเมตตาที่ห่วงใยทุกสรรพสิ่งและความสงบสุขเมื่อสบตากัน อารมณ์วุ่นวายของอินชิงเสวียนดูเหมือนจะสงบลงทันทีนักพรตเต๋าชรายิ้มให้นาง แล้วหันไปหาเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังยกอาหารเข้ามา“พี่ชายน้อยท่านนี้ ที่นี่มีเสบียงอาหารแห้งขายหรือไม่”เสี่ยวเอ้อร์มองดูเสื้อผ้าซอมซ่อของเขา ได้กลิ่นความยากจน จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หมั่นโถวหรือแป้งเปี๊ยะก็ไม่มีทั้งนั้น ที่ถูกที่สุดมีแค่บะหมี่ ราคาชามละเจ็ดอีแปะ ถ้าเจ้าอยากกิน ก็รอจนกว่าข้าจะทำอาหารให้ลูกค้าทั้งสองท่านนี้เสร็จก่อน แล้วจะทำให้เจ้า”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะพูด เย่จิ่งหลานก็ชิงพูดขึ้นเสียพูดก่อน“พูดอะไรแบบนั้น เจ้าไม่รู้จักคำว่าเคารพผู้อาวุโสปรานีเด็กหรือไง ค่าอาหารของท่านผู้เฒ่าคนนี้ ข้าจะเลี้ยงเอง”อินชิงเสวียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นักพรตท่านนี้ หากไม่รังเกียจ ทำไมไม่ร่วมรับประทานอาหารกับพวกเราพี่สาวน้องชายล่ะ?”เย่จิ่งหลานรีบแก้ไขทันที“เป็นพี่ชายน้องสาว”อินชิงเสวีย
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม มาพร้อมอัศนีที่เล่นโลดบนผืนนภาพายุฝนกระหน่ำสาดไปทั่วทั้งตำหนักวังเย็น ประตูไม้ที่แต่เดิมก็ปิดไม่สนิทอยู่แล้ว ชนกระแทกกันอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น สาวใช้ในชุดเสื้อผ้าขาดเก่าๆ ใช้ร่างกายตนเองดันประตูไว้อย่างสุดชีวิต พร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งอย่างห้ามไม่อยู่เจ้านายใกล้จะคลอดเต็มที ทว่าสภาพอากาศตอนนี้กลับทั้งลมแรงทั้งฝนตกไฉนสวรรค์จึงใจร้ายเฉกเช่นนี้ยายเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างขอบเตียงก็ดวงตาแดงก่ำเช่นกันพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “พระสนม ศรีษะทารกใกล้ออกมาแล้ว ขอเพียงพระองค์ออกแรงอีกนิด ทารกก็จะออกมาแล้ว”บนเตียงมีหญิงสาวใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษผู้หนึ่งนอนราบอยู่ ใบหน้าสวยได้รูปเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และท้องที่กลมโตก็เด่นสะดุดตาเป็นอย่างมากเธอใช้กัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง นิ้วมือจิกกับขอบเตียงจนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เส้นเลือดบนหน้าผากก็ปูดโปนชัดเจนทว่าเพียงเสี้ยววินาทีหญิงสาวก็หมดแรงยายหลี่รีบจับมือเธอเอาไว้ และพูดอย่างยากเย็น “พระสนม โปรดพยายามอีกหน่อยเพคะ ขอเพียงคลอดพระโอรส บางทีพวกเราอาจจะได้ย้ายออกจากวังเย็นก็ได้ ใต้เท้าเองก็จะสามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว”หญิงสาว
อินชิงเสวียนแก้มแดงด้วยความเขิน ตนเองยังไม่มีแม้แต่แฟนหนุ่ม อยู่ดีๆ บอกให้เธอให้นมทารก ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆ แต่พอเห็นทารกน้อยร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ก็ทนใจร้ายไม่ลง เธอรับทารกน้อยมาด้วยความระวัง กลัวจะเผลอทำเด็กน้อยเจ็บ แต่วินาทีต่อมาก็ตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดทันที เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่มีน้ำนมเด็กน้อยดูดดุนไปสักพัก แต่ไม่มีอะไรเข้าปากเลย ทันใดนั้นมือน้อยๆ กำแน่นแล้วเริ่มร้องไห้ ขาเล็กๆ ทั้งสองเตะไปมาราวกับกำลังระบายความไม่พอใจที่มีออกมายายหลี่รีบอุ้มทารกน้อยกลับไป กล่อมเด็กน้อยไปพลางและพูดด้วยความร้อนใจ “ทีนี้ควรจะทำอย่างไรดี พระสนมไม่มีน้ำนม ผู้ใหญ่อย่างเราอดบ้างหิวบ้างไม่เป็นไร แต่องค์ชายยังเด็กขนาดนี้ จะทนไหวได้อย่างไรกัน”เด็กน้อยร้องไห้จนหอบเหนื่อย ทำให้อินชิงเสวียนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาด้วย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในช่องว่างมีภารกิจที่เก็บคะแนนได้ จึงพูดขึ้นทันที “อวิ๋นฉ่าย เจ้าไปข้างนอกเก็บต้นหญ้ามาให้ข้าต้นหนึ่ง”อวิ๋นฉ่ายชะงัก นี่พระสนมร้อนใจจนสับสนเสียแล้วหรือ เก็บต้นหญ้ามาจะมีประโยชน์อะไร?เสียงร้องเด็กน้อยดังสนั่น อินชิงเสวียนก็รู้สึกว้าวุ่นในใจตาม พูดด้วยเสียงที่ด
พระสนมในอดีตเป็นคนอ่อนโยน แต่เจ้านายในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างเย็นชา และที่พวกเธอไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ สิ่งของแปลกๆ เหล่านี้ได้มาจากที่ไหนอินชิงเสวียนเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวในนิยายจะเกิดขึ้นกับตัวเองตัวเธอยังเป็นแค่เด็กน้อยที่ยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้นอกจากต้องเลี้ยงลูกแล้ว ยังต้องเอาชีวิตรอดในวังเย็นเช่นนี้ โจทย์นี้จะยากเกินไปสำหรับเธอแล้วหรือเปล่าโชคยังดีที่สวรรค์ยังมอบโกลด์ฟิงเกอร์*ในตำนานให้เธอ เพียงแค่นึกคิด เธอก็จะเข้าไปในช่องว่างอินชิงเสวียนใช้แรงขุดหลุมเล็กๆ จำนวนหนึ่ง จากนั้นก็นำเมล็ดข้าวสาลี แตงกวาและมะเขือเทศปลูกลงไป ทันใดนั้นก็มีการแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอรดน้ำด้วยน้ำพุวิญญาณหรือไม่ไม่ต้องคิดมากกับคำถามนี้เลย เธอเลือกตอบตกลงทันที ทันใดนั้นน้ำจากน้ำพุวิญญาณก็ลอยมารดพืชที่ปลูกไว้อย่างแม่นยำ จากนั้นก็เกิดเรื่องที่ทำให้อินชิงเสวียนต้องตะลึงเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกไปเมื่อสักครู่งอกเงยและเติบโตให้เห็นกับตา และเพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นสวนเขียวขจีสมแล้วที่เป็นน้ำพุวิญญาณ!อินชิงเสวียนดีใจยกใหญ่ จึงรีบปลูกเพิ่มอีก และเลือก
ยายหลี่รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก โค้งตัวคำนับและพูดว่า "บ่าวทราบแล้ว แต่ว่าเราควรจะตั้งชื่อให้พระโอรสก่อนไหมเพคะ"เมื่อคิดถึงผู้ชายใจร้ายใจดำคนนั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกเย้ยหยัน"ชื่อว่าหมาน้อยแล้วกัน ชื่อหยาบเลี้ยงโตง่าย"อวิ๋นฉ่ายเอามือปิดปาก แล้วหัวเราะพรวดออกมา"พระสนม มีชื่อแบบนี้ที่ไหนกันเพคะ"ยายหลี่เองก็หัวเราะตาม ชื่อนี้ไม่น่าฟังมากเกินไปแล้วอินชิงเสวียนกลับเข้าห้องไปแล้ว อย่างไรเสียเด็กน้อยก็เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น รอได้ออกจากวังแล้ว ค่อยตั้งชื่อใหม่ให้เด็กน้อยแล้วกันตอนนี้เธอก็ไม่อยากเสียเวลาคิดเรื่องนี้ด้วยกลับมาถึงห้อง อินชิงเสวียนก็เข้าไปในช่องว่างอีก เธอดื่มน้ำพุวิญญาณเล็กน้อย แล้วเริ่มเพาะปลูกต่อพื้นที่ในช่องว่างไม้ใหญ่นัก คงราวๆยี่สิบร่องแปลง แต่ละร่องแปลงอย่างมากสุดก็ยาวแค่ยี่สิบเมตร อินชิงเสวียนปลูกผักไปสองแปลง ส่วนที่เหลือเธอปลูกข้าวสาลีตอนที่กลับออกมา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้วอินชิงเสวียนออกไปดูข้างนอก ก็พบว่ายายหลี่กับอวิ๋นฉ่ายนอนหลับไปแล้วเจ้าหมาน้อยก็เป็นเด็กดีเช่นกัน ตาคู่เล็กหลับพริ้มปิดสนิทตั้งแต่ที่ใช้น้ำพุวิญญาณชงนม เจ้าหมาน้อยก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช
เจ้าหมาน้อยได้ดื่มนมก็เงียบทันทีมือเล็กๆ สองข้างโบกไปมาด้วยความดีใจ เท้าเล็กๆ สีอมชมพูก็เตะเป็นจังหวะเมื่อมองดูเจ้าตัวเล็กที่หลับตาอยู่กำลังดูดจุกนมด้วยความพยายาม อินชิงเสวียนก็อดที่จะรู้สึกในความอัศจรรย์ของชีวิตไม่ได้เด็กตัวเล็กๆ แค่นี้ยังรู้จักพยายามเอาชีวิตรอด ตัวเองในฐานะแม่(ไม่เจ็บท้อง)ของเขา จะต้องพยายามให้มากยิ่งกว่าขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กน่ารักน่าเอ็นดูมาก สนุกกว่าหลานชายตัวเองที่อ้าปากเป็นร้องไห้เยอะเลยเธออยากจะอุ้มเด็กน้อย แต่ก็ไม่กล้านัก เธอรู้สึกว่าเด็กน้อยนั้นแขนก็เล็กขาก็เล็ก เปราะบางเกินไป รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยค่อยว่ากันดีกว่ากลับมาถึงห้อง อินชิงเสวียนก็เริ่มครุ่นคิดขึ้นมาถ้าอยากออกจากวังก็ต้องมีเงิน มีเงินถึงสามารถผูกสัมพันธ์กับผู้คนและสร้างเครือข่ายต่างๆ ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่แดงเดียว นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่มากตอนย้ายมาวังเย็นเป็นเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกมาก เจ้าของร่างเดิมไม่ทันได้เอาอะไรติดตัวมาเลย แม้แต่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก็ยังไม่มี ดังนั้นอย่าพูดถึงของมีค่าเลย ถ้ามีวิธีที่แลกเงินได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารบูดเน่าทุกมื้อสิ่งที่เธอปลูกในช่อ