Share

บทที่ 1329 แคว้นเฟยเหยา

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ทั้งคู่ไล่ตามไป๋เสวี่ยไปติดๆ เย่จิ่งหลานก็ยิ้มอย่างขมขื่น

ในชาติที่แล้วเขาตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง ปล่อยให้คนทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เมื่อเผชิญกับเรื่องใด ไม่มีแม้แต่ที่ที่จะให้ทวงคืนความยุติธรรม แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เขามีพี่ชายที่รักและเคารพ มีเพื่อนสนิทที่ห่วงใย หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

แต่เขาจะทนลากพวกเขาลงไปได้อย่างไร ถ้าการไปแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นวิธีเดียวจริงๆ เขาจะเลือกที่จะเดินทางไปเพียงลำพัง

แม้ว่าเย่จิ่งหลานจะทั้งขำทั้งด่า คุยโวโอ้อวด แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเพื่อเรื่องยิบย่อยในยุทธภพ เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนถูกรั้งตัวไว้นานเกินไป ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว

ลำพังแค่หัวเดียวชีวิตเดียว ขนาดตงหลิวเขายังสามารถทำลายได้ นับประสาอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรให้กลัว?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกโล่งใจ

ตอนนี้เติบโตเป็นคนหนุ่มแล้ว ควรมีท่วงท่าลักษณะเหมือนคนหนุ่มทั่วไป วันนี้มีเหล้าวันนี้ก็เมา จะไปคิดอะไรให้มากความ!

เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวกลับเข้าไป

มีเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนอยู่ที่นี่ แม้ว่าเขาจะไป ก็เป็นเพียงผู้สังเกต
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1330 นิทานเรื่องหนึ่ง

    ขณะที่หญิงสาวกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนก็ได้ตามไปถึงเรือนเล็กที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งแล้วไป๋เสวี่ยกระโดดลงจากกำแพงบ้าน บุกเข้าไปทางหน้าต่าง สองสามีภรรยาตามไปอย่างใกล้ชิด แต่เห็นเพียงถ้วยชาเท่านั้นทั้งสองคนแยกย้ายกันไปตรวจค้น แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย“ดูท่าทาง เขาเพิ่งจากไปไม่นานนี้”เย่จิ่งอวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา พบว่าน้ำยังอุ่นอยู่อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อไป๋เสวี่ยเคยได้ดมกลิ่นของนักพรตเทียนจีแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน เพียงว่าเขาถนัดในเรื่องค่ายกลและกลไก อาอวี้ระวังตัวด้วย”“อื้ม เราไปหากันต่อเถอะ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ฆาตกร แต่ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรเป็นแน่”ทั้งสองพาไป๋เสวี่ยและเจ้าขาวออกจากบ้าน ทันทีที่ปิดประตู อินชิงเสวียนก็เห็นลูกศรที่วาดไว้บนประตู ชี้ไปทางทิศเหนือ“อาอวี้ ดูสิ”เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความรอบคอบของอินชิงเสวียน“บางทีเขาอาจจะทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา เสวียนเอ๋อร์กลับไปหาจิ่งหลานก่อน ข้าจะไปดูหน่อย”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะทันที“ไม่ได้ ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”แม้ว่าอินชิงเสวียนไม่เคยมีอาการแพ้ครรภ์ที่รุนแ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1331 ตะลึง

    เมื่อเห็นว่านักพรตเทียนจีไม่ได้เป็นศัตรู เย่จิ่งอวี้จึงคว่ำฝ่ามือลง ถ้วยชาก็ตกลงไปบนโต๊ะหินอย่างเงียบๆ“ในเมื่อเจ้าต้องการเล่าเรื่อง เช่นนั้นจงเล่าให้ครบถ้วนและชัดเจนที่สุด เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือฮ่องเต้ราชวงศ์โจวก็ควรจะเข้าใจดีว่า สิ่งที่คนในราชวงศ์ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กคืออะไร ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะหลอกลวงด้วยคำเพียงไม่กี่คำได้”นักพรตเทียนจียกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง รินชาอีกถ้วยให้เย่จิ่งอวี้ แล้วถอนหายใจยาว“ใช่ สิ่งที่ฮ่องเต้เก่งกาจที่สุดคือเชี่ยวชาญในอำนาจและจิตใจของผู้คน ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์โดยรวม ตลอดหลายพันปีก็เป็นเช่นนี้ไม่มีข้อยกเว้น......แม้ว่าฮ่องเต้จะอายุไม่มาก แต่กลับสามารถควบคุมโรคระบาด บรรเทาความอดอยาก สร้างสำนักศึกษาหลวงและโรงเรียนสอนการต่อสู้ ทำให้ราษฎรนับหมื่นมีบ้านให้พักพิง ยังทำให้เด็กยากไร้มีอนาคต เห็นได้ชัดว่าพิเศษอย่างยิ่ง”เย่จิ่งอวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา จิบแล้วพูดเบาๆ ว่า “เจ้าคิดผิดแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผลงานของข้า แต่เป็นผลงานของฮองเฮาต้าโจวเพียงผู้เดียว ที่มาที่นี่วันนี้ มิได้มาหารือเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง ข้าต้องการถาม สาเหตุของการตายของท่าน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1332 การต่อสู้ระหว่างผู้ครองแคว้น

    นักพรตเทียนจีถอนหายใจเล็กน้อย“ข้าอยู่มานานมากแล้ว ไม่แยแสต่อกรรมสิทธิ์การครอบครองบ้านเมืองมานานแล้ว รู้แค่ว่าเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น คนแรกที่ตายจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม คนอื่นอาจไม่คิดอย่างที่ข้าคิด...”“เซี่ยอานซื่อ เจ้าพูดมากเกินไปหน่อยกระมัง”เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะ ร่างที่เหมือนหมอกก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในอากาศเย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน พลังแห่งฟ้าดินก็เติมเต็มไปทั่วร่างกายในทันที“เจ้าเป็นใคร”เสียงนั้นพูดว่า “ข้าชื่อลั่วสุ่ยชิง ราชาแห่งแคว้นเฟยเหยา ในเมื่อเจ้าเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์โจวงั้นเจ้าก็ตายซะ บ้านเมืองจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ช่วยแบ่งเบาภาระให้ข้าได้มาก”ร่างของนักพรตเทียนจีหายวับ และเอาตัวมาบังด้านหน้าของเย่จิ่งอวี้แล้ว“ขอท่านราชาเห็นแก่กระหม่อม โปรดหยุดการต่อสู้ก่อน การใช้กำลังอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้”เงายิ้มเยาะและพูดว่า “เซี่ยอานซื่อ เจ้ายิ่งอายุมากขึ้นยิ่งย้อนกลับไม่รู้ประสาสินะ ไม่ได้เจอหลายปี ขาดความกล้าหาญไปหมดแล้ว ยังไม่รีบถอยกลับไปอีกรึ”เงาหมอกลอยไปที่หน้าอกของนักพรตเทียนจี ครู่หนึ่งก็มีเลือดไหลออกมาจากปากของนักพรตเทียนจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1333 ชื่นชม

    “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”ข้อมือของเย่จิ่งอวี้ขยับ เขาโยนนักพรตเทียนจีไปข้างหลัง กำลังภายในที่สม่ำเสมอแพร่กระจายไปทั่วร่างกายในทันทีแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมาจากร่างสูงนั้น ทั้งโลกดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะหนึ่งทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น มีดเงาก็ถูกยับยั้งในทันใด ยากจะฟาดฟันลงมาได้อีกเงาคำราม “มีความสามารถดีทีเดียว”โบกแขนเสื้อ แล้วออกแรงกดดันอีกครั้งเย่จิ่งอวี้ยังคงดูสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนดุจขุนเขา“หากเจ้ามีความสามารถแค่นี้ อย่าว่าแต่ฟื้นฟูบ้านเมืองเลย ข้ารับประกันได้เลย แค่ออกจากเทือกเขาเชื่อมเมฆาเจ้าก็ทำไม่ได้”“บังอาจ!”เงาโน้มลงมา หมอกสีดำก็กลายเป็นหอกแหลมคม ชี้ตรงไปที่หัวใจของเย่จิ่งอวี้“ถอยไป!”เย่จิ่งอวี้ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ผลักไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือขวา ในขณะนี้พลังงานแห่งฟ้าดินกลายเป็นรูปธรรม ราวกับโล่ที่ไม่อาจทำลายได้ และกดดันเข้าไปหาเงาเพียงชั่วพริบตา หอกยาวที่ทำจากหมอกสีดำก็สลายไปเป็นควันและหายไป ดูเหมือนว่าเงาดำจะถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้ผงะถอยหลังไปหลายก้าวเย่จิ่งอวี้ก้าวขึ้นไปบนฟ้า เสื้อผ้าพลิ้วไหว ยืนอยู่ในความว่างเปล่าราวกับเทพเซียน เรียวตายาวเป็นประกายเย็นชา อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1334 เป็นการยากที่จะตัดสินข้อดีข้อเสีย

    “ท่านไม่เป็นไรนะ?”อินชิงเสวียนโยนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ไป๋เสวี่ยและเจ้าขาวที่ติดอยู่ในค่ายกลก็วิ่งเข้ามาพร้อมกันเย่จิ่งอวี้ลูบเรือนผมนุ่มดุจแพรไหมของนาง แล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่นักพรตเทียนจี...”ทั้งสองสนทนากันเพียงสั้นๆ เย่จิ่งอวี้ยังคงไม่สามารถทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของท่านตาเขาได้อินชิงเสวียนถอยกลับไปสองก้าว “อาอวี้ไม่ต้องกังวล เงาดำนั้นไม่มีทางสังหารนักพรตเทียนจีอย่างแน่นอน หากข้าเดาไม่ผิด เขาแค่หาข้ออ้างจากไปเท่านั้น”“อืม”เย่จิ่งอวี้หายใจออกยาวๆ หลุบตาลงแล้วถามว่า “ถ้าเสวียนเอ๋อร์เป็นฮ่องเต้ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จะตัดสินใจอย่างไร”เขาภูมิใจในตัวบรรพบุรุษของเขามาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดเลยว่า การสถาปนาราชวงศ์ราชวงศ์โจวจะต้องแลกมาด้วยการเหยียบย่ำซากศพและเลือดเนื้อของผู้คนจากแคว้นอื่นแม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะไม่ใช่คนจิตใจอ่อนแอ แต่ในเวลานี้ เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างอินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ในเมื่อสถาปนาต้าโจวขึ้นมา เช่นนั้นก็เป็นลิขิตของสวรรค์ อาอวี้ไม่จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1335 ข้ามีนามว่าชิงลั่ว

    ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้น นิ้วเรียวเล็กคีบจับถั่วปากอ้าไว้ได้ทันอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชมเชยว่า “เป็นวรยุทธ์ที่เยี่ยมยอดจริงๆ”ผู้หญิงคนนั้นหูดีมาก ประกบมือคำนับขึ้นมาทางชั้นสอง“แม่นางยกย่องเกินไปแล้ว”อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งหลานมองหน้ากัน และกระซิบว่า “ลงไปดูสิ”ในเวลานี้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย ทุกคนที่ปรากฏตัวล้วนน่าสงสัยเย่จิ่งหลานพยักหน้า เขาก็อยากเห็นว่าผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมนี้ มีใบหน้างดงามเพียงใด“ข้าอินชิงเสวียน ขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนเดินช้าๆ ไปที่โต๊ะของหญิงสาว และแสดงท่าทางคำนับตามแบบชาวยุทธ์ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นอย่างกล้าหาญ ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีนามว่าชิงลั่ว”“ที่แท้ก็แม่นางชิง เชิญนั่งเถิด”อินชิงเสวียนมีความประทับใจที่ดีต่อนาง นางเคยเจอหญิงแอ๊บแบ๊วตอแหลมามาก กิริยาท่าทางที่องอาจเช่นนี้ พอเห็นแล้วก็รู้สึกสนใจชิงลั่วพยักหน้านั่งลง แล้วถามว่า “แม่นางอินเป็นคนที่นี่งั้นหรือ”“มิได้ ข้ามาจากเมืองหลวง ที่เดินทางมาคราวนี้ก็เพื่อเยี่ยมญาติ”อินชิงเสวียนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวชิงลั่วยื่นชาให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเข้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1336 ชีวิตควรเป็นอิสระและง่ายดาย

    เย่จิ่งหลานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ“ไม่นับว่าลึกซึ้งนัก แต่สันติภาพทั่วหล้าในปัจจุบันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี อีกไม่นาน ต้าโจวก็จะมีบรรยากาศใหม่”“ข้ากลับได้ยินมาว่าต้าโจวเพิ่งประสบกับโรคระบาดและความอดอยาก แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้มีความสามารถไม่เท่าไหร่”เสียงของชิงลั่วราบเรียบ พูดอย่างไม่แยแสซึ่งอินชิงเสวียนไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นว่าร้ายสามีของตัวเองอยู่แล้ว จึงพูดว่า “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยากจะหลีกเลี่ยง ราษฎรไม่ต้องเดือดร้อนจากภัยแล้งหรือน้ำท่วม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของสวรรค์ การที่ผู้ปกครองแห่งต้าโจวสามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ได้โดยเร็ว ก็รับว่าพบเจอได้ยากแล้ว”ชิงลั่วแค่นเสียงตอบ “นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัว ไม่เคยได้ยินคำว่าเตรียมร่มก่อนฝนตกหรอกหรือ”หัวใจของอินชิงเสวียนกระตุกเบาๆ ดูเหมือนว่าแม่นางคนนี้จะไม่พอใจต้าโจวมาก นางอยู่ที่นี่ คงไม่ได้คิดที่จะลอบสังหารอาอวี้กระมัง ต้องการหาโอกาสลองเชิงวรยุทธ์ของนางหน่อยแล้วแต่กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าแม่นางชิงอายุยังน้อย จะมีประสบการณ์ในการปกครองบ้านเมืองขนาดนี้ น่าชื่นชมจริงๆ หรือ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1337 อารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์

    ความใจกว้างและความมั่นใจที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หลั่งไหลออกมาจากท่วงท่ากิริยาของชิงลั่ว อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยในชีวิตของคนถูกลิขิตให้พัวพันกับหลายสิ่งหลายอย่าง ผู้ที่สามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้อย่างแท้จริงนั้น หาได้ยากจริงๆ แค่ได้มองบุคลิกที่ดูสบายๆ ไม่ผูกมัด ไม่ตามกรอบของแม่นางคนนี้ ก็อยากจะชนแก้วให้สะใจยิ่งนักเย่จิ่งหลานยกสุราอาหารออกมาพอดี จากนั้นก็เทสุราให้กับทั้งสามคนชิงลั่วก้มศีรษะลงแล้วสูดดม กล่าวชมเชยว่า “ไม่เลว หอมมาก เหล้าดี”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางเช่นเจ้าจะมีสายตาแหลมคมเช่นนี้ เพียงแต่ เจ้าปิดหน้าแบบนั้นจะดื่มสุรากับพวกเราอย่างไร”ชิงลั่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าอยากเห็นหน้าตาของข้า ก็แค่พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม”นางเอื้อมมือออกไปถอดหมวกออก ใบหน้าที่ดูสง่าผ่าเผยก็ปรากฏให้เห็นผิวที่ขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่มาตรฐาน ดวงตากลมโต สองข้างแก้มใต้ตาดูอิ่มเอิบน่ามอง โหนกคิ้วสูงนิดๆ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีเอกลักษณ์สง่าผ่าเผย กลีบปากบางเม้มน้อยๆ ให้ความรู้สึกสูงส่งใบหน้านี้มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบเด็กสาว ยังมีเสน่ห์ดั่งสาวงาม แต่ก

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status