แชร์

บทที่ 1329 แคว้นเฟยเหยา

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-04 16:00:00
ทั้งคู่ไล่ตามไป๋เสวี่ยไปติดๆ เย่จิ่งหลานก็ยิ้มอย่างขมขื่น

ในชาติที่แล้วเขาตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง ปล่อยให้คนทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เมื่อเผชิญกับเรื่องใด ไม่มีแม้แต่ที่ที่จะให้ทวงคืนความยุติธรรม แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เขามีพี่ชายที่รักและเคารพ มีเพื่อนสนิทที่ห่วงใย หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

แต่เขาจะทนลากพวกเขาลงไปได้อย่างไร ถ้าการไปแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นวิธีเดียวจริงๆ เขาจะเลือกที่จะเดินทางไปเพียงลำพัง

แม้ว่าเย่จิ่งหลานจะทั้งขำทั้งด่า คุยโวโอ้อวด แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าเพื่อเรื่องยิบย่อยในยุทธภพ เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนถูกรั้งตัวไว้นานเกินไป ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว

ลำพังแค่หัวเดียวชีวิตเดียว ขนาดตงหลิวเขายังสามารถทำลายได้ นับประสาอะไรกับแดนศักดิ์สิทธิ์ มีอะไรให้กลัว?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกโล่งใจ

ตอนนี้เติบโตเป็นคนหนุ่มแล้ว ควรมีท่วงท่าลักษณะเหมือนคนหนุ่มทั่วไป วันนี้มีเหล้าวันนี้ก็เมา จะไปคิดอะไรให้มากความ!

เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวกลับเข้าไป

มีเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนอยู่ที่นี่ แม้ว่าเขาจะไป ก็เป็นเพียงผู้สังเกต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1330 นิทานเรื่องหนึ่ง

    ขณะที่หญิงสาวกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนก็ได้ตามไปถึงเรือนเล็กที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่งแล้วไป๋เสวี่ยกระโดดลงจากกำแพงบ้าน บุกเข้าไปทางหน้าต่าง สองสามีภรรยาตามไปอย่างใกล้ชิด แต่เห็นเพียงถ้วยชาเท่านั้นทั้งสองคนแยกย้ายกันไปตรวจค้น แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย“ดูท่าทาง เขาเพิ่งจากไปไม่นานนี้”เย่จิ่งอวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา พบว่าน้ำยังอุ่นอยู่อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อไป๋เสวี่ยเคยได้ดมกลิ่นของนักพรตเทียนจีแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน เพียงว่าเขาถนัดในเรื่องค่ายกลและกลไก อาอวี้ระวังตัวด้วย”“อื้ม เราไปหากันต่อเถอะ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ฆาตกร แต่ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับฆาตกรเป็นแน่”ทั้งสองพาไป๋เสวี่ยและเจ้าขาวออกจากบ้าน ทันทีที่ปิดประตู อินชิงเสวียนก็เห็นลูกศรที่วาดไว้บนประตู ชี้ไปทางทิศเหนือ“อาอวี้ ดูสิ”เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความรอบคอบของอินชิงเสวียน“บางทีเขาอาจจะทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา เสวียนเอ๋อร์กลับไปหาจิ่งหลานก่อน ข้าจะไปดูหน่อย”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะทันที“ไม่ได้ ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”แม้ว่าอินชิงเสวียนไม่เคยมีอาการแพ้ครรภ์ที่รุนแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1331 ตะลึง

    เมื่อเห็นว่านักพรตเทียนจีไม่ได้เป็นศัตรู เย่จิ่งอวี้จึงคว่ำฝ่ามือลง ถ้วยชาก็ตกลงไปบนโต๊ะหินอย่างเงียบๆ“ในเมื่อเจ้าต้องการเล่าเรื่อง เช่นนั้นจงเล่าให้ครบถ้วนและชัดเจนที่สุด เมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือฮ่องเต้ราชวงศ์โจวก็ควรจะเข้าใจดีว่า สิ่งที่คนในราชวงศ์ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กคืออะไร ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะหลอกลวงด้วยคำเพียงไม่กี่คำได้”นักพรตเทียนจียกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง รินชาอีกถ้วยให้เย่จิ่งอวี้ แล้วถอนหายใจยาว“ใช่ สิ่งที่ฮ่องเต้เก่งกาจที่สุดคือเชี่ยวชาญในอำนาจและจิตใจของผู้คน ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์โดยรวม ตลอดหลายพันปีก็เป็นเช่นนี้ไม่มีข้อยกเว้น......แม้ว่าฮ่องเต้จะอายุไม่มาก แต่กลับสามารถควบคุมโรคระบาด บรรเทาความอดอยาก สร้างสำนักศึกษาหลวงและโรงเรียนสอนการต่อสู้ ทำให้ราษฎรนับหมื่นมีบ้านให้พักพิง ยังทำให้เด็กยากไร้มีอนาคต เห็นได้ชัดว่าพิเศษอย่างยิ่ง”เย่จิ่งอวี้หยิบถ้วยชาขึ้นมา จิบแล้วพูดเบาๆ ว่า “เจ้าคิดผิดแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผลงานของข้า แต่เป็นผลงานของฮองเฮาต้าโจวเพียงผู้เดียว ที่มาที่นี่วันนี้ มิได้มาหารือเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง ข้าต้องการถาม สาเหตุของการตายของท่าน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1332 การต่อสู้ระหว่างผู้ครองแคว้น

    นักพรตเทียนจีถอนหายใจเล็กน้อย“ข้าอยู่มานานมากแล้ว ไม่แยแสต่อกรรมสิทธิ์การครอบครองบ้านเมืองมานานแล้ว รู้แค่ว่าเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น คนแรกที่ตายจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม คนอื่นอาจไม่คิดอย่างที่ข้าคิด...”“เซี่ยอานซื่อ เจ้าพูดมากเกินไปหน่อยกระมัง”เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะ ร่างที่เหมือนหมอกก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในอากาศเย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน พลังแห่งฟ้าดินก็เติมเต็มไปทั่วร่างกายในทันที“เจ้าเป็นใคร”เสียงนั้นพูดว่า “ข้าชื่อลั่วสุ่ยชิง ราชาแห่งแคว้นเฟยเหยา ในเมื่อเจ้าเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์โจวงั้นเจ้าก็ตายซะ บ้านเมืองจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ช่วยแบ่งเบาภาระให้ข้าได้มาก”ร่างของนักพรตเทียนจีหายวับ และเอาตัวมาบังด้านหน้าของเย่จิ่งอวี้แล้ว“ขอท่านราชาเห็นแก่กระหม่อม โปรดหยุดการต่อสู้ก่อน การใช้กำลังอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้”เงายิ้มเยาะและพูดว่า “เซี่ยอานซื่อ เจ้ายิ่งอายุมากขึ้นยิ่งย้อนกลับไม่รู้ประสาสินะ ไม่ได้เจอหลายปี ขาดความกล้าหาญไปหมดแล้ว ยังไม่รีบถอยกลับไปอีกรึ”เงาหมอกลอยไปที่หน้าอกของนักพรตเทียนจี ครู่หนึ่งก็มีเลือดไหลออกมาจากปากของนักพรตเทียนจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-04
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1333 ชื่นชม

    “ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”ข้อมือของเย่จิ่งอวี้ขยับ เขาโยนนักพรตเทียนจีไปข้างหลัง กำลังภายในที่สม่ำเสมอแพร่กระจายไปทั่วร่างกายในทันทีแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมาจากร่างสูงนั้น ทั้งโลกดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะหนึ่งทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น มีดเงาก็ถูกยับยั้งในทันใด ยากจะฟาดฟันลงมาได้อีกเงาคำราม “มีความสามารถดีทีเดียว”โบกแขนเสื้อ แล้วออกแรงกดดันอีกครั้งเย่จิ่งอวี้ยังคงดูสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนดุจขุนเขา“หากเจ้ามีความสามารถแค่นี้ อย่าว่าแต่ฟื้นฟูบ้านเมืองเลย ข้ารับประกันได้เลย แค่ออกจากเทือกเขาเชื่อมเมฆาเจ้าก็ทำไม่ได้”“บังอาจ!”เงาโน้มลงมา หมอกสีดำก็กลายเป็นหอกแหลมคม ชี้ตรงไปที่หัวใจของเย่จิ่งอวี้“ถอยไป!”เย่จิ่งอวี้ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ผลักไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือขวา ในขณะนี้พลังงานแห่งฟ้าดินกลายเป็นรูปธรรม ราวกับโล่ที่ไม่อาจทำลายได้ และกดดันเข้าไปหาเงาเพียงชั่วพริบตา หอกยาวที่ทำจากหมอกสีดำก็สลายไปเป็นควันและหายไป ดูเหมือนว่าเงาดำจะถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้ผงะถอยหลังไปหลายก้าวเย่จิ่งอวี้ก้าวขึ้นไปบนฟ้า เสื้อผ้าพลิ้วไหว ยืนอยู่ในความว่างเปล่าราวกับเทพเซียน เรียวตายาวเป็นประกายเย็นชา อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1334 เป็นการยากที่จะตัดสินข้อดีข้อเสีย

    “ท่านไม่เป็นไรนะ?”อินชิงเสวียนโยนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ไป๋เสวี่ยและเจ้าขาวที่ติดอยู่ในค่ายกลก็วิ่งเข้ามาพร้อมกันเย่จิ่งอวี้ลูบเรือนผมนุ่มดุจแพรไหมของนาง แล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่นักพรตเทียนจี...”ทั้งสองสนทนากันเพียงสั้นๆ เย่จิ่งอวี้ยังคงไม่สามารถทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของท่านตาเขาได้อินชิงเสวียนถอยกลับไปสองก้าว “อาอวี้ไม่ต้องกังวล เงาดำนั้นไม่มีทางสังหารนักพรตเทียนจีอย่างแน่นอน หากข้าเดาไม่ผิด เขาแค่หาข้ออ้างจากไปเท่านั้น”“อืม”เย่จิ่งอวี้หายใจออกยาวๆ หลุบตาลงแล้วถามว่า “ถ้าเสวียนเอ๋อร์เป็นฮ่องเต้ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จะตัดสินใจอย่างไร”เขาภูมิใจในตัวบรรพบุรุษของเขามาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดเลยว่า การสถาปนาราชวงศ์ราชวงศ์โจวจะต้องแลกมาด้วยการเหยียบย่ำซากศพและเลือดเนื้อของผู้คนจากแคว้นอื่นแม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะไม่ใช่คนจิตใจอ่อนแอ แต่ในเวลานี้ เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างอินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ในเมื่อสถาปนาต้าโจวขึ้นมา เช่นนั้นก็เป็นลิขิตของสวรรค์ อาอวี้ไม่จ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1335 ข้ามีนามว่าชิงลั่ว

    ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้น นิ้วเรียวเล็กคีบจับถั่วปากอ้าไว้ได้ทันอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชมเชยว่า “เป็นวรยุทธ์ที่เยี่ยมยอดจริงๆ”ผู้หญิงคนนั้นหูดีมาก ประกบมือคำนับขึ้นมาทางชั้นสอง“แม่นางยกย่องเกินไปแล้ว”อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งหลานมองหน้ากัน และกระซิบว่า “ลงไปดูสิ”ในเวลานี้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย ทุกคนที่ปรากฏตัวล้วนน่าสงสัยเย่จิ่งหลานพยักหน้า เขาก็อยากเห็นว่าผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมนี้ มีใบหน้างดงามเพียงใด“ข้าอินชิงเสวียน ขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนเดินช้าๆ ไปที่โต๊ะของหญิงสาว และแสดงท่าทางคำนับตามแบบชาวยุทธ์ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นอย่างกล้าหาญ ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีนามว่าชิงลั่ว”“ที่แท้ก็แม่นางชิง เชิญนั่งเถิด”อินชิงเสวียนมีความประทับใจที่ดีต่อนาง นางเคยเจอหญิงแอ๊บแบ๊วตอแหลมามาก กิริยาท่าทางที่องอาจเช่นนี้ พอเห็นแล้วก็รู้สึกสนใจชิงลั่วพยักหน้านั่งลง แล้วถามว่า “แม่นางอินเป็นคนที่นี่งั้นหรือ”“มิได้ ข้ามาจากเมืองหลวง ที่เดินทางมาคราวนี้ก็เพื่อเยี่ยมญาติ”อินชิงเสวียนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวชิงลั่วยื่นชาให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1336 ชีวิตควรเป็นอิสระและง่ายดาย

    เย่จิ่งหลานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ“ไม่นับว่าลึกซึ้งนัก แต่สันติภาพทั่วหล้าในปัจจุบันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี อีกไม่นาน ต้าโจวก็จะมีบรรยากาศใหม่”“ข้ากลับได้ยินมาว่าต้าโจวเพิ่งประสบกับโรคระบาดและความอดอยาก แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้มีความสามารถไม่เท่าไหร่”เสียงของชิงลั่วราบเรียบ พูดอย่างไม่แยแสซึ่งอินชิงเสวียนไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นว่าร้ายสามีของตัวเองอยู่แล้ว จึงพูดว่า “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยากจะหลีกเลี่ยง ราษฎรไม่ต้องเดือดร้อนจากภัยแล้งหรือน้ำท่วม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของสวรรค์ การที่ผู้ปกครองแห่งต้าโจวสามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ได้โดยเร็ว ก็รับว่าพบเจอได้ยากแล้ว”ชิงลั่วแค่นเสียงตอบ “นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัว ไม่เคยได้ยินคำว่าเตรียมร่มก่อนฝนตกหรอกหรือ”หัวใจของอินชิงเสวียนกระตุกเบาๆ ดูเหมือนว่าแม่นางคนนี้จะไม่พอใจต้าโจวมาก นางอยู่ที่นี่ คงไม่ได้คิดที่จะลอบสังหารอาอวี้กระมัง ต้องการหาโอกาสลองเชิงวรยุทธ์ของนางหน่อยแล้วแต่กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าแม่นางชิงอายุยังน้อย จะมีประสบการณ์ในการปกครองบ้านเมืองขนาดนี้ น่าชื่นชมจริงๆ หรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1337 อารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์

    ความใจกว้างและความมั่นใจที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หลั่งไหลออกมาจากท่วงท่ากิริยาของชิงลั่ว อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยในชีวิตของคนถูกลิขิตให้พัวพันกับหลายสิ่งหลายอย่าง ผู้ที่สามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้อย่างแท้จริงนั้น หาได้ยากจริงๆ แค่ได้มองบุคลิกที่ดูสบายๆ ไม่ผูกมัด ไม่ตามกรอบของแม่นางคนนี้ ก็อยากจะชนแก้วให้สะใจยิ่งนักเย่จิ่งหลานยกสุราอาหารออกมาพอดี จากนั้นก็เทสุราให้กับทั้งสามคนชิงลั่วก้มศีรษะลงแล้วสูดดม กล่าวชมเชยว่า “ไม่เลว หอมมาก เหล้าดี”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางเช่นเจ้าจะมีสายตาแหลมคมเช่นนี้ เพียงแต่ เจ้าปิดหน้าแบบนั้นจะดื่มสุรากับพวกเราอย่างไร”ชิงลั่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าอยากเห็นหน้าตาของข้า ก็แค่พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม”นางเอื้อมมือออกไปถอดหมวกออก ใบหน้าที่ดูสง่าผ่าเผยก็ปรากฏให้เห็นผิวที่ขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่มาตรฐาน ดวงตากลมโต สองข้างแก้มใต้ตาดูอิ่มเอิบน่ามอง โหนกคิ้วสูงนิดๆ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีเอกลักษณ์สง่าผ่าเผย กลีบปากบางเม้มน้อยๆ ให้ความรู้สึกสูงส่งใบหน้านี้มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบเด็กสาว ยังมีเสน่ห์ดั่งสาวงาม แต่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1525 พิธีเสกสมรสของท่านอ๋องจิ้ง

    ณ ตำหนักจินอู๋“เป็นอย่างไร ข้าดูคนออกไหม”เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมยาวนุ่มๆ ด้วยสีหน้าท่าทางพออกพอใจมากอินชิงเสวียนทำเสียงชิ“เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จบได้ด้วยคำพูดเดียว ท่านกลับข่มขู่จนพวกเขาเกือบตาย เอาเถอะ เห็นแก่อาอวี้ที่วางแผนเผื่อน้องสาว ข้าจะไม่ถือสาท่าน ได้ยินมาว่าเสด็จอาไปสู่ขอที่ตระกูลอินแล้ว ต้าโจวมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นติดต่อกันเลยทีเดียว”เย่จิ่งอวี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน“สิ่งที่ข้ารอคอยมากที่สุดคือเรื่องดีของเสวียนเอ๋อร์ ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง องค์หญิงน้อยของเราดิ้นบ้างหรือไม่”อินชิงเสวียนลูบท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว“ไม่มี ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาว ท่าทางว่าง่ายมาก”เย่จิ่งอวี้โน้มตัวลง เอาหน้าแนบกับท้องน้อยของอินชิงเสวียน“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสวียนเอ๋อร์มีชื่อที่ชอบหรือเปล่า”อินชิงเสวียนหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ชื่อของจ้าวเอ๋อร์ยิ่งใหญ่เกินไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรถึงจะเข้ากับลูกสาวสุดที่รักของข้า”เย่จิ่งอวี้ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะตั้งชื่อเอง แม้ต้องเปิดตำราโบราณจนหมดวังหลวง ข้าก็จะตั้งชื่อที่โด่งดังที่สุดในโลกให้ลูกสาวของเรา”อินชิงเสวีย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1524 ไม่พอใจก็ต้องทน

    ทั้งสองสะดุ้งตกใจพร้อมกัน เย่ไห่ถังรีบเอาตัวมาบังให้อินปู้อวี่ทันที“เสด็จพี่ พวกเรา...ทั้งหมดเป็นความคิดของข้า เป็นข้าที่อยากหนีการแต่งงาน เป็นข้าที่บังคับเขา!”อินปู้อวี่รู้ว่าฝ่าบาทมีวรยุทธ์สูงส่ง สิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่เขาจะต้องได้ยินอยู่แล้ว เขาก้าวไปข้างหน้า และคุกเข่าลงต่อหน้าฝ่าบาทด้วยสีหน้าซีดเซียว“ฝ่าบาททรงพระปรีชา ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับองค์หญิงเลย เป็นกระหม่อมที่เพ้อฝันในตัวองค์หญิง คิดฝันในสิ่งที่ไม่สมควร ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของกระหม่อมเพียงฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับองค์หญิง ไม่เกี่ยวกับฮองเฮา และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินเลย กระหม่อมยอมตายเพื่อชดใช้ความผิด ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกับองค์หญิง โปรดอย่าส่งนางไปแต่งงานกับเจียงวูเลยพ่ะย่ะค่ะ!”อินปู้อวี่สะบัดนิ้ว กระบี่ที่เอวก็หลุดออกมาจากฝักเสียงดัง เขาถือกระบี่จ่อที่ลำคอตัวเอง ทว่าเหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นขัดขวางไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ผิวหนังของเขาได้เลยใบหน้าของเย่ไห่ถังซีดลงด้วยความหวาดกลัว กระโจมเข้าไปหาเขาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดปนสะอื้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1523 สารภาพความในใจ

    อินปู้อวี่ไม่กล้าสบตาคู่นั้นโดยตรง ก้มหน้าพูดว่า “กระหม่อมจะกล้าหัวเราะเยาะองค์หญิงได้อย่างไร กระหม่อมเป็นห่วงองค์หญิง ดังนั้น...จึงมาเยี่ยม”เย่ไห่ถังลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหาเขาทีละก้าวถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้ากำลังจะไปจากวังหลวง จะไม่ได้รบกวนท่านอีกตลอดไป ท่านสมความปรารถนาแล้ว ยังต้องเป็นห่วงอะไรอีก”อินปู้อวี่ก้มศีรษะลง มองดูปลายรองเท้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงคิด กระหม่อมไม่เคยคิดเลยว่าองค์หญิงจะไปแต่งงานเชื่อมไมตรี”เย่ไห่ถังยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ยถากถาง“การแต่งงานเชื่อมไมตรีเพื่อเสริมสร้างอำนาจราชวงศ์ ทำให้ประชาชนมีความสุขสงบ เป็นเรื่องธรรมดาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วไม่ใช่หรือ จะไม่เคยคิดได้อย่างไร ท่านเคยไปทำศึกที่เจียงวู คงรู้สถานการณ์ที่นั่นดี ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ฟ้าดินกว้างขวาง สำหรับข้าคงเป็นสิ่งที่ดีมาก”ทันใดนั้นอินปู้อวี่ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย“ไม่ดี ที่นั่นไม่เหมาะกับองค์หญิงเลย ชาวเจียงวูส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกระโจม อพยพตามฤดูกาล แม้แต่ตำหนักที่ประทับที่เป็นทางการก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ องค์หญิงสูงศักดิ์ล้ำค่า จะทนสิ่งนี้ได้อย่างไร”เย่ไห่ถังมองดู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1522 ท่านมาหัวเราะเยาะข้างั้นหรือ

    ไม่ได้ เขาต้องไปพบกับเย่ไห่ถัง!อินปู้อวี่เปลี่ยนเป็นชุดพรางตัว ผลักเปิดหน้าต่างด้านข้าง กวาดสายตามองไปรอบๆ และร่างนั้นก็กระโดดออกจากพระที่นั่งเทียนเต๋ออย่างเงียบเชียบในเวลานี้ ตำหนักชิงฮว๋าได้ตกอยู่ในความโกลาหลหมอหลวงหลายคนช่วยกันตรวจชีพจร และในที่สุดก็สรุปได้ว่า องค์หญิงวิตกกังวลเกินเหตุ ไม่มีอะไรร้ายแรงอินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้อย่างงอนๆ จากนั้นให้น้ำพุวิญญาณชงชามะนาวให้นางดื่มเย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ และพูดว่า “ในที่สุดน้องสาวของข้าก็โตขึ้นแล้ว รู้จักจะคิดแทนข้า แม้ว่าเจียงวูจะเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ก็มีชนเผ่าอยู่ใกล้ๆ มากมาย เมื่อราชาเผ่ามีเจตนาเป็นกบฏ แล้วร่วมมือกัน นั่นจะเป็นขุมพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ เจ้าไปแต่งงานเชื่อมไมตรีในฐานะองค์หญิง ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาของสวรรค์เท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของชาวเจียงวูมั่นคงอีกด้วย เจ้าก็ถึงวัยที่จะแต่งงานพอดี ราชาเผ่าอายุมากกว่าเจ้าไปบ้าง ย่อมรักและทะนุถนอมเจ้าอย่างดีอยู่แล้ว ข้าออกคำสั่งให้เขาแต่งเจ้าเป็นภรรยาเอกแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”เย่ไห่ถังหน้าซีด นั่งฟังอยู่เงียบๆ ดวงตาว่างเปล่าอินชิงเสวียนทนไม่ไหว ตะโกนออกมาด้ว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1521 ศรัทธาพังทลาย

    อินปู้อวี่ตกตะลึงจนหน้าเผือดสีเขาอ่านจดหมายลับกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง คำต่อคำ บรรทัดต่อบรรทัด ไม่ผิด ฝ่าบาททรงหมายความตามนี้จริงๆปลายนิ้วสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ พระราชโองการร่วงหล่นลงกับพื้น“ผู้บัญชาการ เกิดอะไรขึ้นขอรับ”รองแม่ทัพยืนอยู่ข้างๆ กำลังคิดจะหยิบพระราชโองการขึ้นมาดูอินปู้อวี่ยื่นมือออกไปห้ามเขา สีหน้ามืดลง“ถอยออกไป”รองแม่ทัพไม่กล้าพูดอะไร โค้งคำนับและถอยออกไปนอกพระที่นั่ง ทว่าในใจกลับเอาแต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลอินมากเพียงใดนั้น เจ้าหน้าที่ขุนนางทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดี เหตุใดผู้บังคับบัญชาจึงมีสีหน้าหวาดกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้?เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นานแต่ก็คิดไม่เข้าใจ จึงนำทหารออกไปลาดตระเวนอินปู้อวี่ยืนนิ่งงันอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่จะหยิบพระราชโองการขึ้นมา ดึงตะบันไฟออกมา และเริ่มเผามันด้วยสีหน้าด้านชาดังที่เย่จิ่งอวี้พูด เขาเข้าใจทุกอย่าง และรู้ทุกอย่างเขามีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อม หัวสมองก็ไม่ฉลาดพอ ไม่เฉลียวฉลาดเหมือนพี่ใหญ่ และไม่ชอบทำตัวเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนหัวช้าเรื่องความรัก แต่เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1520 อ่านจบแล้วจงเผาทำลาย

    อินชิงเสวียนค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้น นับจากการแจกจ่ายตำราไปจนถึงการก่อตั้งโรงเรียนสอนการต่อสู้ ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แม้ว่าเวลาจะฉุกละหุกไปบ้าง แต่ถ้าเทียบกับบทกวีและบทเพลงที่น่าเบื่อก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเพิ่มพูนความรู้มากพอสมควรแต่หากต้องการให้มีการศึกษาภาคบังคับเหมือนในยุคสมัยใหม่ รวมถึงมีการเรียนแบบมหาวิทยาลัย เกรงว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีโชคดีที่ฮ่องเต้สนับสนุนนาง ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม นางก็เต็มใจที่จะลองดู“เช่นนั้นก็ยอดไปเลย ข้ารอไม่ไหวแล้ว เพียงแต่ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ทำไมไม่จัดสอบหน้าพระที่นั่งหลังวันตรุษล่ะ จะได้ให้เหล่าบัณฑิตได้สนุกสนานกับครอบครัวในวันตรุษให้เต็มที่”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเห็นด้วย“เสวียนเอ๋อร์พูดมีเหตุผล พรุ่งนี้ข้าจะเขียนโองการขึ้นใหม่ ให้สอบระดับเขตก่อน จากนั้นสอบระดับมณฑล ส่วนการสอยระดับอื่นไว้ค่อยดำเนินการหลังวันตรุษ”อินชิงเสวียนคลี่ยิ้ม“ขอบพระทัยฝ่าบาท”“ปากเล็กๆ เต็มไปด้วยน้ำผึ้ง ขอข้าชิมหน่อย”อินชิงเสวียนปิดปากของเขาทันที“ข้าจะลุกจากเตียงแล้ว”เย่จิ่งอวี้กอดนางไว้แน่นกึ่งบังคับ“ไม่ได้ ข้าบอกแล้ว วันนี้ให้นอนบนเตียง”อินชิงเสวียนดิ้นไม่หลุ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1519 ไม่ต้องพูด จูบข้า

    เมื่อมองดูดวงตาคู่นั้นที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน หัวใจของอินชิงเสวียนเหมือนจะถูกสิ่งของบางอย่างกระแทกอย่างแรง พูดไม่ออกเป็นเวลานานนางคิดมาตลอดว่าความรักนั้นสามารถร้อนแรงเร่าร้อน หรือจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างยาวนานก็ได้ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ความรักของเย่จิ่งอวี้นั้นลึกซึ้งและหนักหน่วงมาก จนกระทั่งครอบครองหัวใจของนางอย่างเต็มกำลังรู้สึกว่าลำคอตีบตันไปหมด การมองเห็นพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่งนางยืนขึ้นอย่างช้าๆ เดินไปหาเย่จิ่งอวี้ นางอ้าแขนออก และกอดชายตรงหน้าอย่างแรง ราวกับว่าได้อุ้มทั้งโลกไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็ยืนเขย่งปลายเท้า จูบริมฝีปากที่เริ่มเย็นของเขานางเป็นฝ่ายเริ่มตวัดปลายลิ้นดุนดันปลายลิ้นของเย่จิ่งอวี้ อ้อยอิ่งอยู่กับเขารสหวานเข้าครอบงำประสาทสัมผัสของเย่จิ่งอวี้ทันที เขากอดร่างเล็กของหญิงสาวด้วยมือข้างเดียว จากผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำกลับกลายเป็นฝ่ายกระทำ ยึดร่างบางของนางไว้กับอกของตัวเอง กระแสเสียงแหบเครือ “เสวียนเอ๋อร์...คิดถึงข้างั้นหรือ ทำไมวันนี้ถึงกระตือรือร้นเช่นนี้”อินชิงเสวียนมองใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพเซียนด้วยสายตาพร่าเลือน ประทับจูบที่มุมปากของเขาแ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1518 ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเจ้า

    ในตำหนักจินอู๋ อากาศอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิมีเตาผิงสร้างไว้ในห้อง เปลวไฟไหววูบวาบเป็นรูปร่าง ทำให้ตำหนักขนาดใหญ่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาและอบอุ่นยิ่งเย่จิ่งอวี้ช่วยอินชิงเสวียนถอดเสื้อคลุมหนาๆ ออก แล้วส่งถ้วยน้ำชาร้อนๆ ใส่มือของนาง“ได้ยินมาว่าเจ้ากับไห่ถังไปที่พระที่นั่งเทียนเต๋อ?”“อืม ไห่ถังอยากไปพบพี่รองของข้า”อินชิงเสวียนจิบคำเล็กๆ แล้ววางถ้วยชาลง“ฝ่าบาทประสาทสัมผัสทั้งหูและตาดีเยี่ยม ทั้งยังมีองครักษ์เงานับไม่ถ้วน ทุกเรื่องในวัง คงปิดบังท่านไม่ได้ ไม่ทราบว่า ฝ่าบาทคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย สรรพนามที่นางเรียกนี้ เขาไม่ชอบมากจริงๆนอกวังหลวง เขาและอินชิงเสวียนเป็นเพียงคู่รักธรรมดา เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องสำคัญแล้ว พวกเขาก็พูดคุย หัวเราะ หยอกล้อกันบ้างตามประสา แต่เมื่อกลับมาที่วัง เหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทันที เพียงแค่เอ่ยคำว่า “ฝ่าบาท” ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็เพิ่มมากขึ้น“เรียกว่าอาอวี้เถอะ ข้าชอบมันมากกว่า ข้าสามารถเป็นฮ่องเต้ของทุกคนในโลกได้ แต่ไม่ใช่ของเจ้า”“เอ๊ะ?”อินชิงเสวียนกำลังคิดเรื่องเย่ไห่ถัง ไม่เข้าใจว่าเย่จิ่งอวี้หมายถึง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1517 นิสัยของหลี่กงกงยังคงเหมือนเดิม

    คนที่ถือร่มไม่ใช่อินปู้อวี่ หากแต่เป็นอินชิงเสวียนพี่สะใภ้ของนางแม้ว่าทั้งสองจะแซ่อิน แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเย่ไห่ถังไม่มีความคิดซับซ้อน ความผิดหวังหรือเสียใจล้วนแสดงชัดบนใบหน้า“เสด็จพี่สะใภ้!”นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอินชิงเสวียน และร้องไห้เสียงดังอินชิงเสวียนตบหลังนางเบาๆ เมื่อครู่นางแอบซ่อนอยู่มุมมืด ได้ยินและได้เห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนหากเป็นคนอื่น นางอาจจะพอเข้าใจได้บ้าง แต่พี่รองเป็นคนแตกต่างออกไป ภายใต้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและดูเฉยเมย นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เขามีนิสัยเชื่องช้ากว่าคนอื่น เมื่อองค์หญิงสารภาพรัก คาดว่าคงจะตกใจมาก เกรงว่าต้องใช้เวลาทั้งคืน เขาถึงจะรู้ตัว“ไม่ร้องนะ พี่สะใภ้จะหาอะไรสนุกๆ ให้เจ้าเล่น”“ไม่เอา ข้าจะกลับตำหนัก เสด็จพี่สะใภ้ไปหาเสด็จพี่ฮ่องเต้เถอะ”เย่ไห่ถังปาดน้ำตาแรงๆ แล้ววิ่งหนีไป อินชิงเสวียนเป็นกังวล จึงเดินตามนางไปสองชั่วยามต่อมา ในที่สุดเย่ไห่ถังก็หยุดร้องไห้ ดวงตาทั้งคู่บวมเป่ง“เสด็จพี่สะใภ้ ข้าคิดตกแล้ว ข้าจะขอให้เสด็จพี่ย้ายพี่รองของท่านออกจากวังหลัง หากมีคนที่เหมาะสม ข

DMCA.com Protection Status