แชร์

บทที่ 1333 ชื่นชม

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-05 16:00:00
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู”

ข้อมือของเย่จิ่งอวี้ขยับ เขาโยนนักพรตเทียนจีไปข้างหลัง กำลังภายในที่สม่ำเสมอแพร่กระจายไปทั่วร่างกายในทันที

แรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมาจากร่างสูงนั้น ทั้งโลกดูเหมือนจะมืดลงชั่วขณะหนึ่ง

ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้น มีดเงาก็ถูกยับยั้งในทันใด ยากจะฟาดฟันลงมาได้อีก

เงาคำราม “มีความสามารถดีทีเดียว”

โบกแขนเสื้อ แล้วออกแรงกดดันอีกครั้ง

เย่จิ่งอวี้ยังคงดูสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนดุจขุนเขา

“หากเจ้ามีความสามารถแค่นี้ อย่าว่าแต่ฟื้นฟูบ้านเมืองเลย ข้ารับประกันได้เลย แค่ออกจากเทือกเขาเชื่อมเมฆาเจ้าก็ทำไม่ได้”

“บังอาจ!”

เงาโน้มลงมา หมอกสีดำก็กลายเป็นหอกแหลมคม ชี้ตรงไปที่หัวใจของเย่จิ่งอวี้

“ถอยไป!”

เย่จิ่งอวี้ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม ผลักไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือขวา ในขณะนี้พลังงานแห่งฟ้าดินกลายเป็นรูปธรรม ราวกับโล่ที่ไม่อาจทำลายได้ และกดดันเข้าไปหาเงา

เพียงชั่วพริบตา หอกยาวที่ทำจากหมอกสีดำก็สลายไปเป็นควันและหายไป ดูเหมือนว่าเงาดำจะถูกกระแทกอย่างแรง ทำให้ผงะถอยหลังไปหลายก้าว

เย่จิ่งอวี้ก้าวขึ้นไปบนฟ้า เสื้อผ้าพลิ้วไหว ยืนอยู่ในความว่างเปล่าราวกับเทพเซียน เรียวตายาวเป็นประกายเย็นชา อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1334 เป็นการยากที่จะตัดสินข้อดีข้อเสีย

    “ท่านไม่เป็นไรนะ?”อินชิงเสวียนโยนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเย่จิ่งอวี้ ไป๋เสวี่ยและเจ้าขาวที่ติดอยู่ในค่ายกลก็วิ่งเข้ามาพร้อมกันเย่จิ่งอวี้ลูบเรือนผมนุ่มดุจแพรไหมของนาง แล้วพูดอย่างอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่นักพรตเทียนจี...”ทั้งสองสนทนากันเพียงสั้นๆ เย่จิ่งอวี้ยังคงไม่สามารถทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของท่านตาเขาได้อินชิงเสวียนถอยกลับไปสองก้าว “อาอวี้ไม่ต้องกังวล เงาดำนั้นไม่มีทางสังหารนักพรตเทียนจีอย่างแน่นอน หากข้าเดาไม่ผิด เขาแค่หาข้ออ้างจากไปเท่านั้น”“อืม”เย่จิ่งอวี้หายใจออกยาวๆ หลุบตาลงแล้วถามว่า “ถ้าเสวียนเอ๋อร์เป็นฮ่องเต้ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จะตัดสินใจอย่างไร”เขาภูมิใจในตัวบรรพบุรุษของเขามาโดยตลอด แต่ไม่เคยคิดเลยว่า การสถาปนาราชวงศ์ราชวงศ์โจวจะต้องแลกมาด้วยการเหยียบย่ำซากศพและเลือดเนื้อของผู้คนจากแคว้นอื่นแม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะไม่ใช่คนจิตใจอ่อนแอ แต่ในเวลานี้ เขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างอินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ในเมื่อสถาปนาต้าโจวขึ้นมา เช่นนั้นก็เป็นลิขิตของสวรรค์ อาอวี้ไม่จ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1335 ข้ามีนามว่าชิงลั่ว

    ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้น นิ้วเรียวเล็กคีบจับถั่วปากอ้าไว้ได้ทันอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชมเชยว่า “เป็นวรยุทธ์ที่เยี่ยมยอดจริงๆ”ผู้หญิงคนนั้นหูดีมาก ประกบมือคำนับขึ้นมาทางชั้นสอง“แม่นางยกย่องเกินไปแล้ว”อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งหลานมองหน้ากัน และกระซิบว่า “ลงไปดูสิ”ในเวลานี้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย ทุกคนที่ปรากฏตัวล้วนน่าสงสัยเย่จิ่งหลานพยักหน้า เขาก็อยากเห็นว่าผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมนี้ มีใบหน้างดงามเพียงใด“ข้าอินชิงเสวียน ขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนเดินช้าๆ ไปที่โต๊ะของหญิงสาว และแสดงท่าทางคำนับตามแบบชาวยุทธ์ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นอย่างกล้าหาญ ประกบมือคำนับแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีนามว่าชิงลั่ว”“ที่แท้ก็แม่นางชิง เชิญนั่งเถิด”อินชิงเสวียนมีความประทับใจที่ดีต่อนาง นางเคยเจอหญิงแอ๊บแบ๊วตอแหลมามาก กิริยาท่าทางที่องอาจเช่นนี้ พอเห็นแล้วก็รู้สึกสนใจชิงลั่วพยักหน้านั่งลง แล้วถามว่า “แม่นางอินเป็นคนที่นี่งั้นหรือ”“มิได้ ข้ามาจากเมืองหลวง ที่เดินทางมาคราวนี้ก็เพื่อเยี่ยมญาติ”อินชิงเสวียนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวชิงลั่วยื่นชาให้นาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1336 ชีวิตควรเป็นอิสระและง่ายดาย

    เย่จิ่งหลานหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ“ไม่นับว่าลึกซึ้งนัก แต่สันติภาพทั่วหล้าในปัจจุบันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี อีกไม่นาน ต้าโจวก็จะมีบรรยากาศใหม่”“ข้ากลับได้ยินมาว่าต้าโจวเพิ่งประสบกับโรคระบาดและความอดอยาก แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้มีความสามารถไม่เท่าไหร่”เสียงของชิงลั่วราบเรียบ พูดอย่างไม่แยแสซึ่งอินชิงเสวียนไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นว่าร้ายสามีของตัวเองอยู่แล้ว จึงพูดว่า “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยากจะหลีกเลี่ยง ราษฎรไม่ต้องเดือดร้อนจากภัยแล้งหรือน้ำท่วม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของสวรรค์ การที่ผู้ปกครองแห่งต้าโจวสามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ได้โดยเร็ว ก็รับว่าพบเจอได้ยากแล้ว”ชิงลั่วแค่นเสียงตอบ “นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัว ไม่เคยได้ยินคำว่าเตรียมร่มก่อนฝนตกหรอกหรือ”หัวใจของอินชิงเสวียนกระตุกเบาๆ ดูเหมือนว่าแม่นางคนนี้จะไม่พอใจต้าโจวมาก นางอยู่ที่นี่ คงไม่ได้คิดที่จะลอบสังหารอาอวี้กระมัง ต้องการหาโอกาสลองเชิงวรยุทธ์ของนางหน่อยแล้วแต่กลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่คิดว่าแม่นางชิงอายุยังน้อย จะมีประสบการณ์ในการปกครองบ้านเมืองขนาดนี้ น่าชื่นชมจริงๆ หรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-05
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1337 อารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์

    ความใจกว้างและความมั่นใจที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หลั่งไหลออกมาจากท่วงท่ากิริยาของชิงลั่ว อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยในชีวิตของคนถูกลิขิตให้พัวพันกับหลายสิ่งหลายอย่าง ผู้ที่สามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้อย่างแท้จริงนั้น หาได้ยากจริงๆ แค่ได้มองบุคลิกที่ดูสบายๆ ไม่ผูกมัด ไม่ตามกรอบของแม่นางคนนี้ ก็อยากจะชนแก้วให้สะใจยิ่งนักเย่จิ่งหลานยกสุราอาหารออกมาพอดี จากนั้นก็เทสุราให้กับทั้งสามคนชิงลั่วก้มศีรษะลงแล้วสูดดม กล่าวชมเชยว่า “ไม่เลว หอมมาก เหล้าดี”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางเช่นเจ้าจะมีสายตาแหลมคมเช่นนี้ เพียงแต่ เจ้าปิดหน้าแบบนั้นจะดื่มสุรากับพวกเราอย่างไร”ชิงลั่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าอยากเห็นหน้าตาของข้า ก็แค่พูดมาตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม”นางเอื้อมมือออกไปถอดหมวกออก ใบหน้าที่ดูสง่าผ่าเผยก็ปรากฏให้เห็นผิวที่ขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่มาตรฐาน ดวงตากลมโต สองข้างแก้มใต้ตาดูอิ่มเอิบน่ามอง โหนกคิ้วสูงนิดๆ ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีเอกลักษณ์สง่าผ่าเผย กลีบปากบางเม้มน้อยๆ ให้ความรู้สึกสูงส่งใบหน้านี้มีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแบบเด็กสาว ยังมีเสน่ห์ดั่งสาวงาม แต่ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1338 คลายปมในใจ

    หลังจากดื่มสุราไปสามจอก ทั้งสามก็คุยกันอย่างสนุกสนานหรือจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งสองคนดูเหมือนว่าชิงลั่วจะสนใจอินชิงเสวียนมาก เย่จิ่งหลานไม่สามารถพูดอะไรแทรกได้ เขาจึงนั่งดื่มคนเดียว ฟังผู้หญิงสองคนคุยโม้กันต้องบอกว่าชิงลั่วมีความรู้และความสามารถมากจริงๆ เชี่ยวชาญด้านศิลปะ การเมือง และวรยุทธ์ทุกประเภท ทั้งยังเก่งเรื่องบทกวี กาพย์กลอน และบทเพลงอีกด้วย ถ้าอินชิงเสวียนขาดความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา เกรงว่านางคงพ่ายแพ้ไปนานแล้วนับตั้งแต่มาถึงราชวงศ์โจวนางได้เห็นผู้หญิงมากมาย รวมถึงบุปผางดงามประณีตในวังหลวง กุหลาบในชนบท ผู้นำแต่ละสำนัก และยังมีดอกบัวขาวที่ยังไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้เหมือนชิงมาก่อนด้วยซ้ำ นางถึงกับสงสัยว่า ชิงลั่วก็เป็นผู้ข้ามภพมาเช่นกันหรือไม่ แต่บทกวีที่นางพูดนั้น ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์จริงๆดังคำกล่าวที่ว่าใกล้ชาดก็ติดสีแดง อินชิงเสวียนติดตามเย่จิ่งอวี้มานานขนาดนี้ ก็ต้องติดความคิดที่กระหายผู้มีความรู้มาจากเขาเช่นกัน หากชิงลั่วกลับเมืองหลวงกับตัวเองได้ จะช่วยดึงศักยภาพของนางออกมาได้อย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม นางพยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1339 นี่คือคำตอบที่เจ้าให้ข้างั้นหรือ

    ขณะที่เย่จิ่งหลานพูด อินชิงเสวียนได้ใช้กำลังภายในดึงฤทธิ์สุราออกมา นางไม่คอแข็งเหมือนกับชิงลั่วแต่วันนี้เป็นวันที่สนุกสนานจริงๆ หลังจากมาต้าโจวนานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนได้พบกับผู้หญิงที่เป็นอิสระและไร้ข้อจำกัด การปรากฏตัวของนาง ทำให้คำว่า “จอมยุทธ์หญิง” ปรากฏอยู่ในใจของอินชิงเสวียนอย่างสมบูรณ์นางเก็บกำลังภายในกลับคืน พยักหน้าพูดว่า “เจ้าพูดมีเหตุผล แม่นางชิงลั่วไม่ใช่ชาวยุทธ์ธรรมดาสามัญ ไม่รู้ว่านอกจากตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว ในยุทธจักรยังมีสำนักที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่”เย่จิ่งหลานเปิดขวดเบียร์ จิบแล้วพูดว่า “นอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คนไม่สามารถเข้าใจได้ ก็คงไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ”เมื่อได้ยินคำว่า “แดนศักดิ์สิทธิ์” อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากจริงๆ มีปัญหาเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน!”เมื่อนึกถึงแคว้นเฟยเหยาที่นักพรตเทียนจีพูดถึง อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วมากขึ้นอีกในเมื่อหินที่วิถีแห่งสวรรค์บรรจุอยู่ก็คือแก่นวิญญาณของราชาแคว้นเฟยเหยา เรื่องนี้ เขาต้องไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอนแคว้นล่มสลายครอบครัวล้มตาย นี่ต้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1340 ไปสู่ความตายอย่างสงบ

    เงาดำแค่นเสียงหึ ดึงมือตัวเองกลับ“เซี่ยอานซื่อ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าภรรยาและลูกๆ ของเจ้าเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของศัตรูอย่างไร”นักพรตเทียนจีตัวสั่นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “ความเจ็บปวดจากการทำลายครอบครัวจะลืมได้อย่างไร แต่ศัตรูตายแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไล่ตามอีกต่อไป กระหม่อมหวังว่าท่านราชาจะไม่ยึดติดกับความเกลียดชังครั้งเก่าอีก”“บังอาจ ข้าจะทำอย่างไร ยังต้องให้เจ้าสอนอีกรึ”ทันใดนั้นเงาดำก็ยกแขนเสื้อขึ้น นักพรตเทียนจีก็ลอยออกไปเหมือนใบไม้แห้งที่เหี่ยวเฉาเงามืดหายตัววับ คผู้นั้นนั้นก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้วนักพรตเทียนจีไม่แยแสต่อความเจ็บปวด คุกเข่าลงอีกครั้งเงาดำแค่นเสียงอย่างเย็นชา“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูแคว้น ในฐานะที่เจ้าเป็นราชครู กลับมีใจฝักใฝ่คนนอก ควรสมควรตายนับพันครั้ง......แต่เห็นแก่ที่เจ้าได้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เดินทางท่องยุทธภพบ่อยนัก แต่ชื่อเสียงของเจ้าก็ไม่น้อย ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน ดึงกลุ่มชาวยุทธ์มาเป็นพวกให้ข้าใช้สอย ถ้าทำได้ดี ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-06
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1341 ฝังร่างในขุนเขาเขียวขจี

    นักพรตเทียนจีเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาปรากฏขึ้นเขายิ้มเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เป็นเจ้านั่นเอง หากตาของเจ้ารู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่ทำลายศาสตร์ฝังโลหิตศิษย์ได้ แต่ยังได้ฝึกฝนพลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้ด้วย เขาจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”เย่จิ่งอวี้จ้องมองไปที่นักพรตเทียนจี ในเวลานี้ เขาเป็นเหมือนชายชราที่โรยราใกล้ตาย ในร่างกายไม่หลงเหลือกำลังภายใน“ผู้อาวุโสนี่คือ...”เขายื่นมือออกไป ตรวจชีพจรเส้นลมปราณของนักพรตเทียนจี แต่กลับถูกเขายกมือขึ้นห้าม“ไม่จำเป็น ข้าสัญญากับเจ้า ว่าข้าจะชดใช้ชีวิตของตาเจ้า คนไม่มีความซื่อสัตย์ย่อมยืนหยัดไม่ได้ คำพูดของสุภาพบุรุษ เมื่อออกไปแล้ว ยากที่จะตามกลับคืนมาได้”เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ คุกเข่าลง พูดด้วยอารมณ์ปลงอนิจจัง “ในเมื่อไม่ใช่เจตนาของผู้อาวุโส ทำไมจึงทำเช่นนี้”นักพรตเทียนจีพูดอย่างสงบ “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่สามารถลบความจริงที่ว่าตาของเจ้าเสียชีวิตเพราะข้าได้ เจ้าปวดใจ ข้าก็ปวดใจเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสามารถพลิกกระแสน้ำได้อย่างแท้จริง หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากสงคราม นอกจากนี้ แคว้นเฟยเหยายังเก่งในเรื่องเล่ห์กลและค่ายกล ต้องรีบหาทางรับมือโดยเร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-07

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1519 ไม่ต้องพูด จูบข้า

    เมื่อมองดูดวงตาคู่นั้นที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยน หัวใจของอินชิงเสวียนเหมือนจะถูกสิ่งของบางอย่างกระแทกอย่างแรง พูดไม่ออกเป็นเวลานานนางคิดมาตลอดว่าความรักนั้นสามารถร้อนแรงเร่าร้อน หรือจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างยาวนานก็ได้ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ความรักของเย่จิ่งอวี้นั้นลึกซึ้งและหนักหน่วงมาก จนกระทั่งครอบครองหัวใจของนางอย่างเต็มกำลังรู้สึกว่าลำคอตีบตันไปหมด การมองเห็นพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่งนางยืนขึ้นอย่างช้าๆ เดินไปหาเย่จิ่งอวี้ นางอ้าแขนออก และกอดชายตรงหน้าอย่างแรง ราวกับว่าได้อุ้มทั้งโลกไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็ยืนเขย่งปลายเท้า จูบริมฝีปากที่เริ่มเย็นของเขานางเป็นฝ่ายเริ่มตวัดปลายลิ้นดุนดันปลายลิ้นของเย่จิ่งอวี้ อ้อยอิ่งอยู่กับเขารสหวานเข้าครอบงำประสาทสัมผัสของเย่จิ่งอวี้ทันที เขากอดร่างเล็กของหญิงสาวด้วยมือข้างเดียว จากผู้ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำกลับกลายเป็นฝ่ายกระทำ ยึดร่างบางของนางไว้กับอกของตัวเอง กระแสเสียงแหบเครือ “เสวียนเอ๋อร์...คิดถึงข้างั้นหรือ ทำไมวันนี้ถึงกระตือรือร้นเช่นนี้”อินชิงเสวียนมองใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเทพเซียนด้วยสายตาพร่าเลือน ประทับจูบที่มุมปากของเขาแ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1518 ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเจ้า

    ในตำหนักจินอู๋ อากาศอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิมีเตาผิงสร้างไว้ในห้อง เปลวไฟไหววูบวาบเป็นรูปร่าง ทำให้ตำหนักขนาดใหญ่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาและอบอุ่นยิ่งเย่จิ่งอวี้ช่วยอินชิงเสวียนถอดเสื้อคลุมหนาๆ ออก แล้วส่งถ้วยน้ำชาร้อนๆ ใส่มือของนาง“ได้ยินมาว่าเจ้ากับไห่ถังไปที่พระที่นั่งเทียนเต๋อ?”“อืม ไห่ถังอยากไปพบพี่รองของข้า”อินชิงเสวียนจิบคำเล็กๆ แล้ววางถ้วยชาลง“ฝ่าบาทประสาทสัมผัสทั้งหูและตาดีเยี่ยม ทั้งยังมีองครักษ์เงานับไม่ถ้วน ทุกเรื่องในวัง คงปิดบังท่านไม่ได้ ไม่ทราบว่า ฝ่าบาทคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย สรรพนามที่นางเรียกนี้ เขาไม่ชอบมากจริงๆนอกวังหลวง เขาและอินชิงเสวียนเป็นเพียงคู่รักธรรมดา เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องสำคัญแล้ว พวกเขาก็พูดคุย หัวเราะ หยอกล้อกันบ้างตามประสา แต่เมื่อกลับมาที่วัง เหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในทันที เพียงแค่เอ่ยคำว่า “ฝ่าบาท” ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็เพิ่มมากขึ้น“เรียกว่าอาอวี้เถอะ ข้าชอบมันมากกว่า ข้าสามารถเป็นฮ่องเต้ของทุกคนในโลกได้ แต่ไม่ใช่ของเจ้า”“เอ๊ะ?”อินชิงเสวียนกำลังคิดเรื่องเย่ไห่ถัง ไม่เข้าใจว่าเย่จิ่งอวี้หมายถึง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1517 นิสัยของหลี่กงกงยังคงเหมือนเดิม

    คนที่ถือร่มไม่ใช่อินปู้อวี่ หากแต่เป็นอินชิงเสวียนพี่สะใภ้ของนางแม้ว่าทั้งสองจะแซ่อิน แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเย่ไห่ถังไม่มีความคิดซับซ้อน ความผิดหวังหรือเสียใจล้วนแสดงชัดบนใบหน้า“เสด็จพี่สะใภ้!”นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอินชิงเสวียน และร้องไห้เสียงดังอินชิงเสวียนตบหลังนางเบาๆ เมื่อครู่นางแอบซ่อนอยู่มุมมืด ได้ยินและได้เห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนหากเป็นคนอื่น นางอาจจะพอเข้าใจได้บ้าง แต่พี่รองเป็นคนแตกต่างออกไป ภายใต้รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและดูเฉยเมย นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เขามีนิสัยเชื่องช้ากว่าคนอื่น เมื่อองค์หญิงสารภาพรัก คาดว่าคงจะตกใจมาก เกรงว่าต้องใช้เวลาทั้งคืน เขาถึงจะรู้ตัว“ไม่ร้องนะ พี่สะใภ้จะหาอะไรสนุกๆ ให้เจ้าเล่น”“ไม่เอา ข้าจะกลับตำหนัก เสด็จพี่สะใภ้ไปหาเสด็จพี่ฮ่องเต้เถอะ”เย่ไห่ถังปาดน้ำตาแรงๆ แล้ววิ่งหนีไป อินชิงเสวียนเป็นกังวล จึงเดินตามนางไปสองชั่วยามต่อมา ในที่สุดเย่ไห่ถังก็หยุดร้องไห้ ดวงตาทั้งคู่บวมเป่ง“เสด็จพี่สะใภ้ ข้าคิดตกแล้ว ข้าจะขอให้เสด็จพี่ย้ายพี่รองของท่านออกจากวังหลัง หากมีคนที่เหมาะสม ข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1516 รู้สึกเหน็บหนาวหัวใจ

    เย่ไห่ถังที่เงี่ยหูแอบฟังอยู่ตลอด เมื่อเห็นท่าทางที่โง่เขลาของเขา ในที่สุดก็อดรนทนไม่ได้อีก“ความจริงก็เป็นเช่นนี้แหละ จริงอยู่ที่มีเพียงตระกูลอินของพวกท่านที่เป็นห่วงเสด็จพี่สะใภ้ แค่เสด็จพี่ก็ประคบประหงมเสด็จพี่สะใภ้ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าเช่นกัน หลังจากที่ท่านเข้ามารับตำแหน่งในวัง ทุกครั้งที่ได้เข้าพบก็คือเสด็จอาสิบสาม”นางเดินวนรอบตัวอินปู้อวี่ ร้องอ๋อแล้วพูดอีกว่า “มิน่าล่ะแต่ละวันท่านมักจะหาข้าอ้างไม่ยอมพบข้า ต้องพาลโกรธใส่ข้าอยู่แน่ๆ อินปู้อวี่ ท่านบังอาจนัก”อินปู้อวี่ตกใจ รีบคุกเข่าลงอย่างร้อนรน “กระหม่อมมิกล้า”อินชิงเสวียนพูดบ่น “เอาล่ะ เจ้าอย่าตำหนิพี่รองข้าเลย”ซึ่งเย่ไห่ถังก็ย่อมไม่ต้องการให้คนรักของตัวเองต้องคุกเข่าอยู่แล้ว“เมื่อครู่ข้าล้อเล่นน่ะ รีบลุกขึ้นเร็ว”อินปู้อวี่จึงลุกขึ้นยืน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ยืนนิ่งงั้นเป็นเสาปูนอยู่ตรงนั้นอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ตรงกลางก็รู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นก็เห็นเย่ไห่ถังมองอินปู้อวี่ตาปริบๆ นางกลอกตาแล้วพูดว่า “ข้าเหมือนจะกินของแสลง ท้องไส้ปั่นป่วน พวกเจ้าคุยกันก่อนนะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”“น้องหญิง!”เมื่อเห็นอินชิงเสวียน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1515 ถูกปิดหูปิดตา

    “อินปู้อวี่ มีคนมาหาท่านน่ะ!”เย่ไห่ถังเดินไปที่ประตูพระที่นั่ง วางมือเท้าสะเอว แล้วตะโกนเข้าไปข้างในอินปู้อวี่กำลังดูแผนที่การป้องกันในพระราชวัง ไม่รู้ข่าวการกลับวังของอินชิงเสวียน เขาเป็นคนหัวโบราณ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ค่อยซักถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ เมื่อได้ยินเสียงของเย่ไห่ถัง อินปู้อวี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนนี้เขากลัวที่จะเจอเย่ไห่ถังมาก ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม รู้แค่ว่าเขารู้สึกสับสนมาก“บอกว่าข้าไม่อยู่”องครักษ์กล่าวด้วยความเคารพ “ผู้บัญชาการ ผู้มาไม่ได้มีเพียงแต่องค์หญิงเท่านั้น แต่ยังมีฮองเฮาด้วยขอรับ”อินปู้อวี่ลุกพรวดขึ้นทันที“น้องหญิงใหญ่กลับมาแล้วหรือ”เขาเดินออกจากประตูพระที่นั่งอย่างรวดเร็ว และเห็นอินชิงเสวียนในเครื่องแบบฮองเฮาสีแดงสด ไม่ได้เจอนางมานานกว่าครึ่งปีแล้ว รูปลักษณ์ของอินชิงเสวียนไม่เปลี่ยนไปเลย มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่สุขุมและมีพลังมากขึ้น“น้อง...”อินปู้อวี่พูดออกมาคำหนึ่ง แต่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้น“กระหม่อมอินปู้อวี่ ขอถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนมีหรือจะยอมให้เขาคุกเข่า จับแขนทั้งสองข้างของเขา แล้วดึงข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1514 อยากเจอข้าหรืออยากเจอเขา

    อินชิงเสวียนหันกลับไปพูดว่า “ฝ่าบาทเสด็จก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะคุยกับไห่ถังสักหน่อย”เมื่อมองดูร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าขบวนเสด็จ เกือบจะร้องไห้ด้วยความน้อยใจ เย่จิ่งอวี้ก็ตัดใจพูดให้มากความไม่ลง เย่จิ่งหลานก็ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว ในเมืองหลวงตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนพี่น้องเท่านั้น“ก็ได้ ถ้าคุยกันจนดึกมาก เสวียนเอ๋อร์จะกลับตำหนักไปพักผ่อนก่อนก็ได้ แล้วข้าจะไปหาเจ้าในภายหลัง”เย่จิ่งอวี้รู้ว่าเย่ไห่ถังชอบอินชิงเสวียน ไม่ได้เจอกันมานาน คงมีเรื่องพูดคุยกันเยอะแยะไปหมด งานเลี้ยงในวังคืนนี้ อินชิงเสวียนอาจไม่สามารถไปได้แล้ว“ทราบแล้วเพคะ”อินชิงเสวียนลงจากเกี้ยวด้วยฝีเท้านุ่มนวล เย่ไห่ถังก็กระโดดเข้าหาอย่างมีความสุขทันที“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านกลับมาก็ไม่ยอมบอกข้าเลย หรือท่านลืมข้าไปแล้ว ข้าอยู่ในวังอธิษฐานขอพรให้ท่านทุกวัน ขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัย เสด็จพี่สะใภ้ใจร้ายมาก!”เย่ไห่ถังกอดนางครู่หนึ่ง จากนั้นปล่อยมือ และเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจอินชิงเสวียนที่อยู่ข้างหลังพูดเหย้าแย่นาง “ตกลงว่าเจ้าโกรธข้า หรือโกรธคนแซ่อินกันแน่ เพราะข้ากลับมาไม่ถูกจังหวะพอดี ก็เลยพลอยโดนหางเลขไปด้วยกระมัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1513 วังหลังของคนเพียงผู้เดียว

    “หม่อมฉันน้อมถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!”อินชิงเสวียนยอบกายน้อยๆ ทำความเคารพอย่างเป็นทางการตามราชประเพณี“ตามสบาย”เย่จิ่งอวี้คว้าตัวอินชิงเสวียนขึ้นเมื่อก่อนที่เคยอยู่ในวังหลวง เย่จิ่งอวี้คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าราชบริพารจะกราบถวายบังคมเจ้าเหนือหัว ตอนนี้เมื่อได้เดินทางท่องยุทธภพ กลับรู้สึกว่ามันลำบากยุ่งยากจริงๆ“จากนี้ไปเมื่อเสวียนเอ๋อร์พบข้า ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอีก ส่วนพวกเจ้าเมื่อกลับเข้าวังมาแล้ว เช่นนั้นควรปฏิบัติหน้าที่รับใช้ให้ดี เสวียนเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ”เมื่อทั้งหมดรู้ว่าอินชิงเสวียนตั้งครรภ์ ดวงตาของทุกคนก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ในสายตาของพวกเขา การมีลูกหลานมากมายถือเป็นโชควาสนา ทั้งสองพระองค์แต่งงานกันมาเกือบสองปีแล้ว ยังมีแค่เสี่ยวหนานเฟิงคนเดียว ในวังค่อนข้างเงียบเหงาอยู่บ้าง“พวกกระหม่อม/หม่อมฉัน น้อมรับพระบัญชา จะพยายามดูแลพระนางฮองเฮาให้เต็มที่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ!”“ดีมาก ออกไปก่อนเถอะ”เย่จิ่งอวี้ถอยห่างจากฝูงชน ดึงอินชิงเสวียนไปที่เก้าอี้“เสวียนเอ๋อร์สวมอาภรณ์ฮองเฮาช่างดูดียิ่งนัก”“ฝ่าบาทก็เช่นกัน ชุดมังกรเหมาะกับท่านมาก”อิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1512 หนึ่งวันไม่เห็นเหมือนผ่านไปสามฤดู

    เมื่อเห็นพวกเขา อินชิงเสวียนก็รู้สึกตื้นตันใจเช่นกัน“เสี่ยวอานจื่อ อวิ๋นฉ่าย อวี้จิ่น ยายหลี่ พวกเจ้าอยู่กันทุกคน วิเศษไปเลย ลุกขึ้นมาพูดคุยกันเร็ว!”อินชิงเสวียนช่วยพยุงทุกคนให้ลุกขึ้น ดวงตาชื้นเมื่อเห็นพวกเขา นางก็พลันหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งข้ามภพมาอยู่ในตำหนักเย็นเป็นครั้งแรก ทุกอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน“ฮองเฮา ท่านกลับมาช่างดีจริงๆ!”ทั้งหมดต่างมาห้อมล้อมอินชิงเสวียนไว้ตรงกลาง กอดนางเต็มรัก อินชิงเสวียนก็กอดพวกเขาตอบเช่นกัน ทุกคนต่างวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าวังระหว่างทาง เสี่ยวอานจื่อก็พูดเจื้อยแจ้ว “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักเย็นถูกรื้อแล้ว ฝ่าบาทสร้างสวนสนุกที่นั่น องค์ชายน้อยมีที่เล่นสนุกแล้ว”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ“แล้วคนในตำหนักเย็นล่ะ สวีจือย่วนอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ”ตอนที่นางจากไปเหมือนว่าสวีจือย่วนยังอยู่ในตำหนักเย็นอยู่เลยยายหลี่ลดเสียงกระซิบว่า “หม่อมฉันได้ยินมาว่า นายหญิงสวีฆ่าตัวตาย ร่างถูกโยนลงในสุสานไร้ญาติ”“อ้อ”อินชิงเสวียนเข้าใจแล้วจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แม้ว่าจะถูกเย่จิ่งอวี้ประหารอย่างลับๆ แต่ก็นับว่าส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1511 กระหม่อมคิดถึงท่าน

    เช้าวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนออกจากตระกูลอินภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของทุกคน และผู้ที่คุ้มกันนางกลับวังหลวง ก็คืออินสิงอวิ๋นพี่ชายคนโตเขายังคงหล่อเหลา ทว่านิสัยสุขุมเยือกเย็นมากกว่าปีที่แล้วอินชิงเสวียนเปิดม่านเกี้ยว“พี่ใหญ่ได้เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการพี่สะใภ้บ้างหรือยัง”อินสิงอวิ๋นยิ้มอย่างอบอุ่น มองอินชิงเสวียนด้วยสายตาแบบเดียวกับเมื่อก่อน มีความเอาใจใส่เล็กน้อย“หาแล้ว คราวนี้ก็ค่อนข้างดี น้ำพุวิญญาณของเจ้า แทบจะให้พี่สะใภ้ดื่มหมด”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ควรเป็นเช่นนี้แล้ว พี่สะใภ้อยู่ไกลบ้าน รอนแรมมาไกลกว่าจะถึงตระกูลอินของเรา เราต้องดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้นางอุดอู้อยู่บ้านทั้งวัน ถ้าท่านมีเวลาว่าง ควรพานางไปเดินเล่นบ่อยๆ คนท้องจะรู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัว ถ้ามีท่านอยู่ข้างๆ บางทีนางอาจรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“อืม คราวนี้แหละ ข้าควรจะหาเวลาได้แล้วจริงๆ”อินสิงอวิ๋นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก มีหรือที่เขาไม่ต้องการใช้เวลากับเป่าเล่อเอ่อร์ให้มากๆ แต่ในวังหลวงมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จนเขาไม่กล้าที่จะหย่อนยานตอนนี้ฝ่าบาทและน้องสาวกลับเมืองหลวงแล้ว ก็เหมือนมีกระดูกสันหลัง ทายาทเฟย

DMCA.com Protection Status