“เจ้าเป็นใครกันแน่”เขายืนขึ้น สัมผัสใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น น้ำเสียงค่อนข้างโกรธขึ้งเล็กน้อย ราวกับเห็นคนรักที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเบาๆ โอบแขนหยกไว้รอบตัวเขา เสียงใสเหมือนระฆังเงิน“เจ้าชอบข้าไหม”เย่จิ่งหลานหยุดครู่หนึ่ง“อาจจะ”ผู้หญิงคนนั้นเม้มริมฝีปากยิ้มๆ“เจ้าก็จริงใจเหมือนกัน”นางโน้มตัวลงมาจูบเขาด้วยริมฝีปากอันอบอุ่น“แล้วจะต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะหลงรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้น และยอมทำอะไรเพื่อข้า?”“เจ้าจะให้ทำอะไร”ดวงตาของเย่จิ่งหลานตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ ระคนไปกับความปรารถนาเล็กน้อย“ข้าอยากให้เจ้าเป็นกระบี่ในมือข้า ลืมว่าตัวเองเป็นใคร”ใบหูและแก้มของหญิงสาวซุกไซ้ใบหน้าของเขา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางก็เกี่ยวพันรอบหน้าอกของเขาราวกับงู“ลืมสิ้น? ข้าไม่เข้าใจ”เย่จิ่งหลานโอบแขนรอบเอวของนาง สูดกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน“เจ้าไม่ต้องจำอะไร แค่ฆ่าคนก็พอ ไม่ว่าใครก็เป็นเป้าหมายของเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามีความอัดอั้นตันใจมากมาย ความจริงไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองหรอก แค่ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามที่เจ้าต้องการก็พอ”เมื่อได้ยินคำว่าฆ่า เย่จิ่งหลานก็รู้สึกตัวขึ้
ชิงฮุยโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วเงาดำกลายเป็นหมอกหนา มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาเขายืนนิ่งอยู่ในจุดที่นักพรตเทียนจีเสียชีวิต หย่อนกายลงนั่งอย่างช้าๆ วางฝ่ามือลงบนพื้น มีควันสีดำจำนวนมากค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากใต้ดิน แล้วเข้าไปรวมตัวกับเขาจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เงาดำก็ถอนหายใจยาว“เซี่ยอานซื่อ ข้าผิดแล้วจริงๆ หรือ”คำตอบเดียวสำหรับเขา มีเพียงเสียงสายลมคร่ำครวญบนภูเขาเงาดำยืนขึ้นอย่างช้าๆ ทอดสายตามองภูเขาแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปพึมพำ “เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของแคว้นเฟยเหยา แต่ถูกราชวงศ์โจวฉกชิงไป หรือว่าข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของข้าคืน มันไม่ถูกต้องงั้นหรือ”ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น จับก้อนหินขนาดใหญ่บนยอดเขา เงาสีดำตัดก้อนหินนั้นเป็นรูปหลุมศพด้วยมือเปล่า และสลักข้อความไว้เป็นบรรทัดผู้พิทักษ์แคว้นเฟยเหยา เซี่ยอานซื่อตลอดกาล!เขาวางมือบนยอดหลุมศพ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความสิ้นหวังและความเสียใจ“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ทำไมเจ้าต้องจัดการด้วยวิธีสุดโต่งขนาดนี้ ในแคว้นเฟยเหยามีคนเหลืออยู่ไม่มาก ทุกคนมีค่าอย่างยิ่งสำหรับข้า”เขาตบป้ายหลุมศพอ
เฮ่อยวนอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง และกล่าวว่า “ถ้ายึดตามบันทึกในม้วนหนังสือ สาเหตุของการฆ่าล้างทำลายแคว้นเฟยเหยา ควรเป็นเคล็ดวิชาลับของบรรพบุรุษโจว”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ตามตำราโบราณ หมายความเช่นนี้จริง เพียงแต่อาศัยแค่สามบรรทัดนี้ ยากที่จะมองเห็นภาพรวมที่แท้จริงของเหตุการณ์”“เป็นเช่นนี้จริง หนังสือโบราณเขียนโดยคนรุ่นหลัง เป็นการยากที่จะระบุได้ว่าหนังสือเหล่านั้นจริงหรือเท็จมากน้อยเพียงใด”เฮ่อยวนม้วนหนังสือไม้ไผ่เรียบร้อย ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย่จิ่งอวี้เหลือบมองแล้วถามว่า “ท่านพ่อตากังวลเรื่องกองทหารเก่าที่เหลืออยู่ของแคว้นเฟยเหยางั้นหรือ”เฮ่อยวนถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “จริงๆ แล้วคนธรรมดาจะอยู่ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร ถ้าคนเฟยเหยาทำได้จริง พวกเขาก็ต้องไม่ธรรมดา การแทรกซึมมานานนับพันปีนั้นย่ำแย่ยิ่งนัก น่ากลัวยิ่งนัก หากใครๆ ก็สามารถมีความสามารถเหมือนเงานั้น ต้าโจวก็ต้องเกรงกลัวแล้ว”เย่จิ่งอวี้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อได้ยินสิ่งที่เฮ่อยวนพูด ก็รู้สึกขนลุกอย่างอดไม่ได้ด้วยความสามารถดังกล่าว ไม่มีกองทัพธรรมดาใดสาม
ขณะที่กำลังหลับ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าประตูเปิดออก จึงตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ นางก็โล่งใจ“ทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ”เวลานี้ เป็นเวลาฟ้าสางแล้วเย่จิ่งอวี้เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง จับมือขาวเรียวบางของนางไว้“เสวียนเอ๋อร์อยากกลับเมืองหลวงหรือไม่”อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย“นี่ค้องไปกันแล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ใช่ คุณชายใหญ่อินกำลังจะกลับเมืองหลวง ถ้าเสวียนเอ๋อร์คิดถึงตระกูลอิน ก็สามารถกลับไปพร้อมกับอินสิงอวิ๋นได้เลย”อินชิงเสวียนขยี้ตาที่ง่วงนอน มองไปยังเย่จิ่งอวี้อย่างสอบถาม“ที่นี่ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกมากที่ต้องแก้ไขจัดการ ทำไมอาอวี้ถึงอยากให้ข้ากลับไปคนเดียว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีก”นอกจากความกังวลแล้ว นางไม่สามารถนึกถึงเหตุผลอื่นได้อีกจริงๆ“นี่...”เย่จิ่งอวี้ลังเลสักครู่ ก่อนจะบอกอินชิงเสวียนถึงความคิดของเขา“ภายหน้าอาจมีสงครามเกิดขึ้นอีก ข้าไม่ต้องการให้เสวียนเอ๋อร์อยู่กับข้า หากเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์สามารถกลับเมืองหลวงด้วยกันได้ ก็สามารถทิ้งสายเลือดสุดท้ายไว้ให้กับตระกูลเย่ได้”นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนเห็นเย่จิ่งอวี้แสดงสีหน้าห
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมาพยุงอินสิงอวิ๋นขึ้น พูดอย่างอบอุ่นว่า “ลุกขึ้นเร็ว ทุกอย่างให้ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน”“กระหม่อมทราบแล้ว เช่นนั้นจะเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อินสิงอวิ๋นเป็นแม่ทัพผู้นำกองทหาร รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี ประกบมือคารวะ และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า“ช้าก่อน”อินชิงเสวียนเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เข้าไปในมิติและแลกเปลี่ยนชุดเครื่องประดับสามชุดที่ทำจากหินแสงจันทร์ อันประกอบด้วย แหวน สร้อยคอ และกำไลข้อมือ รวมถึงดาบยาวสามเล่มที่ทำด้วยงานฝีมือสมัยใหม่“เครื่องประดับเหล่านี้มอบให้กับท่านแม่รอง พี่สะใภ้และน้องเล็ก ส่วนกระบี่ทั้งสามเล่มนี้มอบให้กับท่านพ่อกับท่านพี่ทั้งสอง”เมื่อมองดูฝักอันประณีต อินสิงอวิ๋นชื่นชอบไม่สามารถวางลงได้ และพูดซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณน้องสาว”หินแสงจันทร์ยังมีความสวยงามเป็นพิเศษ พื้นผิวหินใสส่องประกายด้วยแสงสีฟ้าอ่อน อ่อนโยนและสดใสราวกับแสงจันทร์เมื่อคิดว่าเป่าเล่อเอ่อร์กำลังท้อง แต่ตัวเองกลับเดินทางไกล นางไม่รู้จักใครในเมืองหลวง นางคงรู้สึกทุกข์ใจแน่ๆ การได้เห็นสิ่งนี้จะทำให้นางมีความสุขอย่างแน่นอน“น้องหญิงใหญ่คิดรอบคอบยิ่งนัก หากพวกนางเ
“เมื่อวานเราดื่มเหล้าด้วยกัน นางเป็นผู้หญิงอิสระและไร้ข้อจำกัด”เสียงของอินชิงเสวียนแผ่วต่ำ เจือความอิจฉาในน้ำเสียงเล็กน้อยได้เกิดมาบนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่อยากมีชีวิตที่อิสระ อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามีความรู้สึกก็จะถูกผูกมัด หลายครั้งเจ้าก็ทำได้เพียงคิด แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้เย่จิ่งอวี้อ่านความคิดของหญิงสาวออก จึงเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ถ้าเสวียนเอ๋อร์ต้องการ เราก็อยู่ต่ออีกหลายๆ ปี”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ไม่ต้องการ”นางยกกระโปรงขึ้นแล้วเข้าไปในประตู ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “แม่นางชิง เจอกันอีกแล้ว”“สวัสดีแม่นางอิน”ชิงลั่วยืนขึ้น และโค้งคำนับตอบ“ต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มไหม”อินชิงเสวียนมาถึงโต๊ะแล้วไม่จำเป็นว่าคนแซ่เดียวกันจะต้องเกลียดกันเสมอไป สิ่งที่ดีๆ ทุกคนย่อมชอบชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “มื้อเช้าไม่จำเป็นต้องมีสุราหรือกับแกล้ม แค่บะหมี่ชามเดียวก็พอแล้ว”นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่จิ่งอวี้“นี่คือ...”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ และแนะนำด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสามีของข้า นามว่าเย่จิ่งอวี้”“ที่แท้ก็เป็นคุณชายเย่ ชิงลั่วขอคำนับแล้ว”ชิงลั่วยืน
ชิงลั่ววางตะเกียบลง แล้วถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทำอะไรไม่ดีกับเจ้าหรือ”อินชิงเสวียนยักไหล่“อะไรจะน่ากลัวขนาดนั้น ถ้าแม่นางอยากทำอะไรไม่ดีกับข้า มีโอกาสตั้งเยอะ ทำไมต้องออกไปข้างนอกด้วย”ชิงลั่วพูดอย่างตรงไปตรงมาครึ่งหนึ่ง “หลังจากที่เจ้าออกจากโรงเตี๊ยม จะไม่มีใครปกป้องเจ้า ข้าจะประหยัดแรงได้มากขึ้น”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ “ถ้าแม่นางชิงมีความสามารถนี้ ข้าอินชิงเสวียนถึงตายก็ไม่เสียใจ”ครั้นแล้วก็ก้มหน้ากินบะหมี่ แล้วก็รู้สึกเปรี้ยวในปาก แป้งที่ทำมาจากแป้งขาวโพดนั้นไม่อร่อยจริงๆ คราวนี้ถ้ากลับไป ต้องทำให้แป้งหมี่แพร่หลายโดยทั่วกัน“ไม่ถูกปากแม่นางอินหรือ”ชิงลั่วถาม แล้วพูดกับตัวเองว่า “มื้ออาหารเหล่านี้ไม่อร่อยเท่าเมื่อวานของแม่นางอินจริงๆ”“ถ้าแม่นางชิงชอบ ก็แวะมาได้ตลอดเวลา เราเดินทางมาคราวนี้พกของกินมาเยอะมาก”“ไม่ต้องแล้ว ถ้าแม่นางอินไม่อยากกิน ก็ออกไปเดินเล่นกันเถอะ”“ดีเลย”อินชิงเสวียนยืนขึ้น และตะโกนขึ้นไปชั้นบน “อาอวี้ ข้าจะไปเดินเล่น ท่านกับจิ่งหลานรอข้าอยู่ที่นี่นะ”ห้องพักของเย่จิ่งหลานอยู่ชั้นบน ทั้งสองคนในห้องได้ยินชัดเจน“ไม่ทราบฐ
“แม่นางชิง?”อินชิงเสวียนร้องออกมาเบาๆชิงลั่วพูดเบาๆ “ไม่ถึงกับขุ่นเคืองใจนัก แค่รู้สึกเศร้าใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของราชวงศ์ต่างๆ ที่ขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนี้เอง”อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ“ที่ใดมีคน ย่อมเกิดการทะเลาะวิวาทกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดยังมีความโลภ ก็ย่อมเกิดการนองเลือดและสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นการยากที่จะวิจารณ์ว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด และไม่จำเป็นต้องวิพากษ์วิจารณ์ ราษฎรเรียบง่าย ไม่แยกแยะผิดถูกมากนัก พวกเขาจดจำแต่ความดีและความชั่วของเบื้องบนเท่านั้น หากผู้ครองเมืองมีเมตตา ก็จะคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ให้พวกเขามีอาหารและเครื่องนุ่งห่มโดยไม่ต้องกังวล ถ้าหากว่าไฟสงครามลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ประชาชนย่อมจะต้องได้รับความเดือดร้อนเป็นอันดับแรก ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สายตาที่เห็นอกเห็นใจ ราวกับว่ามีราษฎรอยู่ที่นั่นชิงลั่วเหลือบมองนางแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจุดชนวนสงคราม แต่ในการจัดตั้งกองทัพก็ต้องมีเหตุผล”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“เป็นเช่นนี้จริง เพียงแต่จะไม่เกิดขึ้นตอนนี้”