เงาดำแค่นเสียงหึ ดึงมือตัวเองกลับ“เซี่ยอานซื่อ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าภรรยาและลูกๆ ของเจ้าเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของศัตรูอย่างไร”นักพรตเทียนจีตัวสั่นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “ความเจ็บปวดจากการทำลายครอบครัวจะลืมได้อย่างไร แต่ศัตรูตายแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไล่ตามอีกต่อไป กระหม่อมหวังว่าท่านราชาจะไม่ยึดติดกับความเกลียดชังครั้งเก่าอีก”“บังอาจ ข้าจะทำอย่างไร ยังต้องให้เจ้าสอนอีกรึ”ทันใดนั้นเงาดำก็ยกแขนเสื้อขึ้น นักพรตเทียนจีก็ลอยออกไปเหมือนใบไม้แห้งที่เหี่ยวเฉาเงามืดหายตัววับ คผู้นั้นนั้นก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้วนักพรตเทียนจีไม่แยแสต่อความเจ็บปวด คุกเข่าลงอีกครั้งเงาดำแค่นเสียงอย่างเย็นชา“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูแคว้น ในฐานะที่เจ้าเป็นราชครู กลับมีใจฝักใฝ่คนนอก ควรสมควรตายนับพันครั้ง......แต่เห็นแก่ที่เจ้าได้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เดินทางท่องยุทธภพบ่อยนัก แต่ชื่อเสียงของเจ้าก็ไม่น้อย ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน ดึงกลุ่มชาวยุทธ์มาเป็นพวกให้ข้าใช้สอย ถ้าทำได้ดี ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่อย
นักพรตเทียนจีเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาปรากฏขึ้นเขายิ้มเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เป็นเจ้านั่นเอง หากตาของเจ้ารู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่ทำลายศาสตร์ฝังโลหิตศิษย์ได้ แต่ยังได้ฝึกฝนพลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้ด้วย เขาจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”เย่จิ่งอวี้จ้องมองไปที่นักพรตเทียนจี ในเวลานี้ เขาเป็นเหมือนชายชราที่โรยราใกล้ตาย ในร่างกายไม่หลงเหลือกำลังภายใน“ผู้อาวุโสนี่คือ...”เขายื่นมือออกไป ตรวจชีพจรเส้นลมปราณของนักพรตเทียนจี แต่กลับถูกเขายกมือขึ้นห้าม“ไม่จำเป็น ข้าสัญญากับเจ้า ว่าข้าจะชดใช้ชีวิตของตาเจ้า คนไม่มีความซื่อสัตย์ย่อมยืนหยัดไม่ได้ คำพูดของสุภาพบุรุษ เมื่อออกไปแล้ว ยากที่จะตามกลับคืนมาได้”เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ คุกเข่าลง พูดด้วยอารมณ์ปลงอนิจจัง “ในเมื่อไม่ใช่เจตนาของผู้อาวุโส ทำไมจึงทำเช่นนี้”นักพรตเทียนจีพูดอย่างสงบ “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่สามารถลบความจริงที่ว่าตาของเจ้าเสียชีวิตเพราะข้าได้ เจ้าปวดใจ ข้าก็ปวดใจเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสามารถพลิกกระแสน้ำได้อย่างแท้จริง หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากสงคราม นอกจากนี้ แคว้นเฟยเหยายังเก่งในเรื่องเล่ห์กลและค่ายกล ต้องรีบหาทางรับมือโดยเร
“เจ้าเป็นใครกันแน่”เขายืนขึ้น สัมผัสใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น น้ำเสียงค่อนข้างโกรธขึ้งเล็กน้อย ราวกับเห็นคนรักที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเบาๆ โอบแขนหยกไว้รอบตัวเขา เสียงใสเหมือนระฆังเงิน“เจ้าชอบข้าไหม”เย่จิ่งหลานหยุดครู่หนึ่ง“อาจจะ”ผู้หญิงคนนั้นเม้มริมฝีปากยิ้มๆ“เจ้าก็จริงใจเหมือนกัน”นางโน้มตัวลงมาจูบเขาด้วยริมฝีปากอันอบอุ่น“แล้วจะต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะหลงรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้น และยอมทำอะไรเพื่อข้า?”“เจ้าจะให้ทำอะไร”ดวงตาของเย่จิ่งหลานตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ ระคนไปกับความปรารถนาเล็กน้อย“ข้าอยากให้เจ้าเป็นกระบี่ในมือข้า ลืมว่าตัวเองเป็นใคร”ใบหูและแก้มของหญิงสาวซุกไซ้ใบหน้าของเขา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางก็เกี่ยวพันรอบหน้าอกของเขาราวกับงู“ลืมสิ้น? ข้าไม่เข้าใจ”เย่จิ่งหลานโอบแขนรอบเอวของนาง สูดกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน“เจ้าไม่ต้องจำอะไร แค่ฆ่าคนก็พอ ไม่ว่าใครก็เป็นเป้าหมายของเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามีความอัดอั้นตันใจมากมาย ความจริงไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองหรอก แค่ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามที่เจ้าต้องการก็พอ”เมื่อได้ยินคำว่าฆ่า เย่จิ่งหลานก็รู้สึกตัวขึ้
ชิงฮุยโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วเงาดำกลายเป็นหมอกหนา มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาเขายืนนิ่งอยู่ในจุดที่นักพรตเทียนจีเสียชีวิต หย่อนกายลงนั่งอย่างช้าๆ วางฝ่ามือลงบนพื้น มีควันสีดำจำนวนมากค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากใต้ดิน แล้วเข้าไปรวมตัวกับเขาจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เงาดำก็ถอนหายใจยาว“เซี่ยอานซื่อ ข้าผิดแล้วจริงๆ หรือ”คำตอบเดียวสำหรับเขา มีเพียงเสียงสายลมคร่ำครวญบนภูเขาเงาดำยืนขึ้นอย่างช้าๆ ทอดสายตามองภูเขาแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปพึมพำ “เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของแคว้นเฟยเหยา แต่ถูกราชวงศ์โจวฉกชิงไป หรือว่าข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของข้าคืน มันไม่ถูกต้องงั้นหรือ”ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น จับก้อนหินขนาดใหญ่บนยอดเขา เงาสีดำตัดก้อนหินนั้นเป็นรูปหลุมศพด้วยมือเปล่า และสลักข้อความไว้เป็นบรรทัดผู้พิทักษ์แคว้นเฟยเหยา เซี่ยอานซื่อตลอดกาล!เขาวางมือบนยอดหลุมศพ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความสิ้นหวังและความเสียใจ“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ทำไมเจ้าต้องจัดการด้วยวิธีสุดโต่งขนาดนี้ ในแคว้นเฟยเหยามีคนเหลืออยู่ไม่มาก ทุกคนมีค่าอย่างยิ่งสำหรับข้า”เขาตบป้ายหลุมศพอ
เฮ่อยวนอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง และกล่าวว่า “ถ้ายึดตามบันทึกในม้วนหนังสือ สาเหตุของการฆ่าล้างทำลายแคว้นเฟยเหยา ควรเป็นเคล็ดวิชาลับของบรรพบุรุษโจว”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ตามตำราโบราณ หมายความเช่นนี้จริง เพียงแต่อาศัยแค่สามบรรทัดนี้ ยากที่จะมองเห็นภาพรวมที่แท้จริงของเหตุการณ์”“เป็นเช่นนี้จริง หนังสือโบราณเขียนโดยคนรุ่นหลัง เป็นการยากที่จะระบุได้ว่าหนังสือเหล่านั้นจริงหรือเท็จมากน้อยเพียงใด”เฮ่อยวนม้วนหนังสือไม้ไผ่เรียบร้อย ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย่จิ่งอวี้เหลือบมองแล้วถามว่า “ท่านพ่อตากังวลเรื่องกองทหารเก่าที่เหลืออยู่ของแคว้นเฟยเหยางั้นหรือ”เฮ่อยวนถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “จริงๆ แล้วคนธรรมดาจะอยู่ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร ถ้าคนเฟยเหยาทำได้จริง พวกเขาก็ต้องไม่ธรรมดา การแทรกซึมมานานนับพันปีนั้นย่ำแย่ยิ่งนัก น่ากลัวยิ่งนัก หากใครๆ ก็สามารถมีความสามารถเหมือนเงานั้น ต้าโจวก็ต้องเกรงกลัวแล้ว”เย่จิ่งอวี้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อได้ยินสิ่งที่เฮ่อยวนพูด ก็รู้สึกขนลุกอย่างอดไม่ได้ด้วยความสามารถดังกล่าว ไม่มีกองทัพธรรมดาใดสาม
ขณะที่กำลังหลับ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าประตูเปิดออก จึงตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ นางก็โล่งใจ“ทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ”เวลานี้ เป็นเวลาฟ้าสางแล้วเย่จิ่งอวี้เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง จับมือขาวเรียวบางของนางไว้“เสวียนเอ๋อร์อยากกลับเมืองหลวงหรือไม่”อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย“นี่ค้องไปกันแล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ใช่ คุณชายใหญ่อินกำลังจะกลับเมืองหลวง ถ้าเสวียนเอ๋อร์คิดถึงตระกูลอิน ก็สามารถกลับไปพร้อมกับอินสิงอวิ๋นได้เลย”อินชิงเสวียนขยี้ตาที่ง่วงนอน มองไปยังเย่จิ่งอวี้อย่างสอบถาม“ที่นี่ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกมากที่ต้องแก้ไขจัดการ ทำไมอาอวี้ถึงอยากให้ข้ากลับไปคนเดียว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีก”นอกจากความกังวลแล้ว นางไม่สามารถนึกถึงเหตุผลอื่นได้อีกจริงๆ“นี่...”เย่จิ่งอวี้ลังเลสักครู่ ก่อนจะบอกอินชิงเสวียนถึงความคิดของเขา“ภายหน้าอาจมีสงครามเกิดขึ้นอีก ข้าไม่ต้องการให้เสวียนเอ๋อร์อยู่กับข้า หากเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์สามารถกลับเมืองหลวงด้วยกันได้ ก็สามารถทิ้งสายเลือดสุดท้ายไว้ให้กับตระกูลเย่ได้”นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนเห็นเย่จิ่งอวี้แสดงสีหน้าห
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมาพยุงอินสิงอวิ๋นขึ้น พูดอย่างอบอุ่นว่า “ลุกขึ้นเร็ว ทุกอย่างให้ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน”“กระหม่อมทราบแล้ว เช่นนั้นจะเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อินสิงอวิ๋นเป็นแม่ทัพผู้นำกองทหาร รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี ประกบมือคารวะ และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า“ช้าก่อน”อินชิงเสวียนเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เข้าไปในมิติและแลกเปลี่ยนชุดเครื่องประดับสามชุดที่ทำจากหินแสงจันทร์ อันประกอบด้วย แหวน สร้อยคอ และกำไลข้อมือ รวมถึงดาบยาวสามเล่มที่ทำด้วยงานฝีมือสมัยใหม่“เครื่องประดับเหล่านี้มอบให้กับท่านแม่รอง พี่สะใภ้และน้องเล็ก ส่วนกระบี่ทั้งสามเล่มนี้มอบให้กับท่านพ่อกับท่านพี่ทั้งสอง”เมื่อมองดูฝักอันประณีต อินสิงอวิ๋นชื่นชอบไม่สามารถวางลงได้ และพูดซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณน้องสาว”หินแสงจันทร์ยังมีความสวยงามเป็นพิเศษ พื้นผิวหินใสส่องประกายด้วยแสงสีฟ้าอ่อน อ่อนโยนและสดใสราวกับแสงจันทร์เมื่อคิดว่าเป่าเล่อเอ่อร์กำลังท้อง แต่ตัวเองกลับเดินทางไกล นางไม่รู้จักใครในเมืองหลวง นางคงรู้สึกทุกข์ใจแน่ๆ การได้เห็นสิ่งนี้จะทำให้นางมีความสุขอย่างแน่นอน“น้องหญิงใหญ่คิดรอบคอบยิ่งนัก หากพวกนางเ
“เมื่อวานเราดื่มเหล้าด้วยกัน นางเป็นผู้หญิงอิสระและไร้ข้อจำกัด”เสียงของอินชิงเสวียนแผ่วต่ำ เจือความอิจฉาในน้ำเสียงเล็กน้อยได้เกิดมาบนโลกนี้ ใครบ้างจะไม่อยากมีชีวิตที่อิสระ อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามีความรู้สึกก็จะถูกผูกมัด หลายครั้งเจ้าก็ทำได้เพียงคิด แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้เย่จิ่งอวี้อ่านความคิดของหญิงสาวออก จึงเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ถ้าเสวียนเอ๋อร์ต้องการ เราก็อยู่ต่ออีกหลายๆ ปี”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ไม่ต้องการ”นางยกกระโปรงขึ้นแล้วเข้าไปในประตู ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “แม่นางชิง เจอกันอีกแล้ว”“สวัสดีแม่นางอิน”ชิงลั่วยืนขึ้น และโค้งคำนับตอบ“ต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มไหม”อินชิงเสวียนมาถึงโต๊ะแล้วไม่จำเป็นว่าคนแซ่เดียวกันจะต้องเกลียดกันเสมอไป สิ่งที่ดีๆ ทุกคนย่อมชอบชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “มื้อเช้าไม่จำเป็นต้องมีสุราหรือกับแกล้ม แค่บะหมี่ชามเดียวก็พอแล้ว”นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่จิ่งอวี้“นี่คือ...”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ และแนะนำด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสามีของข้า นามว่าเย่จิ่งอวี้”“ที่แท้ก็เป็นคุณชายเย่ ชิงลั่วขอคำนับแล้ว”ชิงลั่วยืน
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ