ขณะที่เย่จิ่งหลานพูด อินชิงเสวียนได้ใช้กำลังภายในดึงฤทธิ์สุราออกมา นางไม่คอแข็งเหมือนกับชิงลั่วแต่วันนี้เป็นวันที่สนุกสนานจริงๆ หลังจากมาต้าโจวนานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนได้พบกับผู้หญิงที่เป็นอิสระและไร้ข้อจำกัด การปรากฏตัวของนาง ทำให้คำว่า “จอมยุทธ์หญิง” ปรากฏอยู่ในใจของอินชิงเสวียนอย่างสมบูรณ์นางเก็บกำลังภายในกลับคืน พยักหน้าพูดว่า “เจ้าพูดมีเหตุผล แม่นางชิงลั่วไม่ใช่ชาวยุทธ์ธรรมดาสามัญ ไม่รู้ว่านอกจากตำหนักเทพหอทองคำกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงแล้ว ในยุทธจักรยังมีสำนักที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่”เย่จิ่งหลานเปิดขวดเบียร์ จิบแล้วพูดว่า “นอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คนไม่สามารถเข้าใจได้ ก็คงไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ”เมื่อได้ยินคำว่า “แดนศักดิ์สิทธิ์” อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ลำบากจริงๆ มีปัญหาเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน!”เมื่อนึกถึงแคว้นเฟยเหยาที่นักพรตเทียนจีพูดถึง อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วมากขึ้นอีกในเมื่อหินที่วิถีแห่งสวรรค์บรรจุอยู่ก็คือแก่นวิญญาณของราชาแคว้นเฟยเหยา เรื่องนี้ เขาต้องไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอนแคว้นล่มสลายครอบครัวล้มตาย นี่ต้อง
เงาดำแค่นเสียงหึ ดึงมือตัวเองกลับ“เซี่ยอานซื่อ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าภรรยาและลูกๆ ของเจ้าเสียชีวิตอย่างอนาถด้วยน้ำมือของศัตรูอย่างไร”นักพรตเทียนจีตัวสั่นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “ความเจ็บปวดจากการทำลายครอบครัวจะลืมได้อย่างไร แต่ศัตรูตายแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไล่ตามอีกต่อไป กระหม่อมหวังว่าท่านราชาจะไม่ยึดติดกับความเกลียดชังครั้งเก่าอีก”“บังอาจ ข้าจะทำอย่างไร ยังต้องให้เจ้าสอนอีกรึ”ทันใดนั้นเงาดำก็ยกแขนเสื้อขึ้น นักพรตเทียนจีก็ลอยออกไปเหมือนใบไม้แห้งที่เหี่ยวเฉาเงามืดหายตัววับ คผู้นั้นนั้นก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้วนักพรตเทียนจีไม่แยแสต่อความเจ็บปวด คุกเข่าลงอีกครั้งเงาดำแค่นเสียงอย่างเย็นชา“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูแคว้น ในฐานะที่เจ้าเป็นราชครู กลับมีใจฝักใฝ่คนนอก ควรสมควรตายนับพันครั้ง......แต่เห็นแก่ที่เจ้าได้อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เดินทางท่องยุทธภพบ่อยนัก แต่ชื่อเสียงของเจ้าก็ไม่น้อย ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน ดึงกลุ่มชาวยุทธ์มาเป็นพวกให้ข้าใช้สอย ถ้าทำได้ดี ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่อย
นักพรตเทียนจีเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาปรากฏขึ้นเขายิ้มเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เป็นเจ้านั่นเอง หากตาของเจ้ารู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่ทำลายศาสตร์ฝังโลหิตศิษย์ได้ แต่ยังได้ฝึกฝนพลังภายในที่ลึกซึ้งเช่นนี้ด้วย เขาจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”เย่จิ่งอวี้จ้องมองไปที่นักพรตเทียนจี ในเวลานี้ เขาเป็นเหมือนชายชราที่โรยราใกล้ตาย ในร่างกายไม่หลงเหลือกำลังภายใน“ผู้อาวุโสนี่คือ...”เขายื่นมือออกไป ตรวจชีพจรเส้นลมปราณของนักพรตเทียนจี แต่กลับถูกเขายกมือขึ้นห้าม“ไม่จำเป็น ข้าสัญญากับเจ้า ว่าข้าจะชดใช้ชีวิตของตาเจ้า คนไม่มีความซื่อสัตย์ย่อมยืนหยัดไม่ได้ คำพูดของสุภาพบุรุษ เมื่อออกไปแล้ว ยากที่จะตามกลับคืนมาได้”เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ คุกเข่าลง พูดด้วยอารมณ์ปลงอนิจจัง “ในเมื่อไม่ใช่เจตนาของผู้อาวุโส ทำไมจึงทำเช่นนี้”นักพรตเทียนจีพูดอย่างสงบ “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ไม่สามารถลบความจริงที่ว่าตาของเจ้าเสียชีวิตเพราะข้าได้ เจ้าปวดใจ ข้าก็ปวดใจเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะสามารถพลิกกระแสน้ำได้อย่างแท้จริง หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากสงคราม นอกจากนี้ แคว้นเฟยเหยายังเก่งในเรื่องเล่ห์กลและค่ายกล ต้องรีบหาทางรับมือโดยเร
“เจ้าเป็นใครกันแน่”เขายืนขึ้น สัมผัสใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น น้ำเสียงค่อนข้างโกรธขึ้งเล็กน้อย ราวกับเห็นคนรักที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเบาๆ โอบแขนหยกไว้รอบตัวเขา เสียงใสเหมือนระฆังเงิน“เจ้าชอบข้าไหม”เย่จิ่งหลานหยุดครู่หนึ่ง“อาจจะ”ผู้หญิงคนนั้นเม้มริมฝีปากยิ้มๆ“เจ้าก็จริงใจเหมือนกัน”นางโน้มตัวลงมาจูบเขาด้วยริมฝีปากอันอบอุ่น“แล้วจะต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะหลงรักข้าจนโงหัวไม่ขึ้น และยอมทำอะไรเพื่อข้า?”“เจ้าจะให้ทำอะไร”ดวงตาของเย่จิ่งหลานตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ ระคนไปกับความปรารถนาเล็กน้อย“ข้าอยากให้เจ้าเป็นกระบี่ในมือข้า ลืมว่าตัวเองเป็นใคร”ใบหูและแก้มของหญิงสาวซุกไซ้ใบหน้าของเขา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของนางก็เกี่ยวพันรอบหน้าอกของเขาราวกับงู“ลืมสิ้น? ข้าไม่เข้าใจ”เย่จิ่งหลานโอบแขนรอบเอวของนาง สูดกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน“เจ้าไม่ต้องจำอะไร แค่ฆ่าคนก็พอ ไม่ว่าใครก็เป็นเป้าหมายของเจ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามีความอัดอั้นตันใจมากมาย ความจริงไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองหรอก แค่ใช้ชีวิตอย่างอิสระตามที่เจ้าต้องการก็พอ”เมื่อได้ยินคำว่าฆ่า เย่จิ่งหลานก็รู้สึกตัวขึ้
ชิงฮุยโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วเงาดำกลายเป็นหมอกหนา มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาเชื่อมเมฆาเขายืนนิ่งอยู่ในจุดที่นักพรตเทียนจีเสียชีวิต หย่อนกายลงนั่งอย่างช้าๆ วางฝ่ามือลงบนพื้น มีควันสีดำจำนวนมากค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากใต้ดิน แล้วเข้าไปรวมตัวกับเขาจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกันหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เงาดำก็ถอนหายใจยาว“เซี่ยอานซื่อ ข้าผิดแล้วจริงๆ หรือ”คำตอบเดียวสำหรับเขา มีเพียงเสียงสายลมคร่ำครวญบนภูเขาเงาดำยืนขึ้นอย่างช้าๆ ทอดสายตามองภูเขาแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปพึมพำ “เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของแคว้นเฟยเหยา แต่ถูกราชวงศ์โจวฉกชิงไป หรือว่าข้าจะทวงสิ่งที่เป็นของข้าคืน มันไม่ถูกต้องงั้นหรือ”ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น จับก้อนหินขนาดใหญ่บนยอดเขา เงาสีดำตัดก้อนหินนั้นเป็นรูปหลุมศพด้วยมือเปล่า และสลักข้อความไว้เป็นบรรทัดผู้พิทักษ์แคว้นเฟยเหยา เซี่ยอานซื่อตลอดกาล!เขาวางมือบนยอดหลุมศพ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความสิ้นหวังและความเสียใจ“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ทำไมเจ้าต้องจัดการด้วยวิธีสุดโต่งขนาดนี้ ในแคว้นเฟยเหยามีคนเหลืออยู่ไม่มาก ทุกคนมีค่าอย่างยิ่งสำหรับข้า”เขาตบป้ายหลุมศพอ
เฮ่อยวนอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง และกล่าวว่า “ถ้ายึดตามบันทึกในม้วนหนังสือ สาเหตุของการฆ่าล้างทำลายแคว้นเฟยเหยา ควรเป็นเคล็ดวิชาลับของบรรพบุรุษโจว”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ตามตำราโบราณ หมายความเช่นนี้จริง เพียงแต่อาศัยแค่สามบรรทัดนี้ ยากที่จะมองเห็นภาพรวมที่แท้จริงของเหตุการณ์”“เป็นเช่นนี้จริง หนังสือโบราณเขียนโดยคนรุ่นหลัง เป็นการยากที่จะระบุได้ว่าหนังสือเหล่านั้นจริงหรือเท็จมากน้อยเพียงใด”เฮ่อยวนม้วนหนังสือไม้ไผ่เรียบร้อย ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย่จิ่งอวี้เหลือบมองแล้วถามว่า “ท่านพ่อตากังวลเรื่องกองทหารเก่าที่เหลืออยู่ของแคว้นเฟยเหยางั้นหรือ”เฮ่อยวนถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “จริงๆ แล้วคนธรรมดาจะอยู่ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร ถ้าคนเฟยเหยาทำได้จริง พวกเขาก็ต้องไม่ธรรมดา การแทรกซึมมานานนับพันปีนั้นย่ำแย่ยิ่งนัก น่ากลัวยิ่งนัก หากใครๆ ก็สามารถมีความสามารถเหมือนเงานั้น ต้าโจวก็ต้องเกรงกลัวแล้ว”เย่จิ่งอวี้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อได้ยินสิ่งที่เฮ่อยวนพูด ก็รู้สึกขนลุกอย่างอดไม่ได้ด้วยความสามารถดังกล่าว ไม่มีกองทัพธรรมดาใดสาม
ขณะที่กำลังหลับ อินชิงเสวียนรู้สึกว่าประตูเปิดออก จึงตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ นางก็โล่งใจ“ทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ”เวลานี้ เป็นเวลาฟ้าสางแล้วเย่จิ่งอวี้เดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง จับมือขาวเรียวบางของนางไว้“เสวียนเอ๋อร์อยากกลับเมืองหลวงหรือไม่”อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย“นี่ค้องไปกันแล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่ใช่ คุณชายใหญ่อินกำลังจะกลับเมืองหลวง ถ้าเสวียนเอ๋อร์คิดถึงตระกูลอิน ก็สามารถกลับไปพร้อมกับอินสิงอวิ๋นได้เลย”อินชิงเสวียนขยี้ตาที่ง่วงนอน มองไปยังเย่จิ่งอวี้อย่างสอบถาม“ที่นี่ยังมีเรื่องวุ่นวายอีกมากที่ต้องแก้ไขจัดการ ทำไมอาอวี้ถึงอยากให้ข้ากลับไปคนเดียว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีก”นอกจากความกังวลแล้ว นางไม่สามารถนึกถึงเหตุผลอื่นได้อีกจริงๆ“นี่...”เย่จิ่งอวี้ลังเลสักครู่ ก่อนจะบอกอินชิงเสวียนถึงความคิดของเขา“ภายหน้าอาจมีสงครามเกิดขึ้นอีก ข้าไม่ต้องการให้เสวียนเอ๋อร์อยู่กับข้า หากเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์สามารถกลับเมืองหลวงด้วยกันได้ ก็สามารถทิ้งสายเลือดสุดท้ายไว้ให้กับตระกูลเย่ได้”นี่เป็นครั้งแรกที่อินชิงเสวียนเห็นเย่จิ่งอวี้แสดงสีหน้าห
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกมาพยุงอินสิงอวิ๋นขึ้น พูดอย่างอบอุ่นว่า “ลุกขึ้นเร็ว ทุกอย่างให้ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน”“กระหม่อมทราบแล้ว เช่นนั้นจะเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อินสิงอวิ๋นเป็นแม่ทัพผู้นำกองทหาร รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี ประกบมือคารวะ และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังม้า“ช้าก่อน”อินชิงเสวียนเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว เข้าไปในมิติและแลกเปลี่ยนชุดเครื่องประดับสามชุดที่ทำจากหินแสงจันทร์ อันประกอบด้วย แหวน สร้อยคอ และกำไลข้อมือ รวมถึงดาบยาวสามเล่มที่ทำด้วยงานฝีมือสมัยใหม่“เครื่องประดับเหล่านี้มอบให้กับท่านแม่รอง พี่สะใภ้และน้องเล็ก ส่วนกระบี่ทั้งสามเล่มนี้มอบให้กับท่านพ่อกับท่านพี่ทั้งสอง”เมื่อมองดูฝักอันประณีต อินสิงอวิ๋นชื่นชอบไม่สามารถวางลงได้ และพูดซ้ำๆ ว่า “ขอบคุณน้องสาว”หินแสงจันทร์ยังมีความสวยงามเป็นพิเศษ พื้นผิวหินใสส่องประกายด้วยแสงสีฟ้าอ่อน อ่อนโยนและสดใสราวกับแสงจันทร์เมื่อคิดว่าเป่าเล่อเอ่อร์กำลังท้อง แต่ตัวเองกลับเดินทางไกล นางไม่รู้จักใครในเมืองหลวง นางคงรู้สึกทุกข์ใจแน่ๆ การได้เห็นสิ่งนี้จะทำให้นางมีความสุขอย่างแน่นอน“น้องหญิงใหญ่คิดรอบคอบยิ่งนัก หากพวกนางเ