หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1303 น้อมรับเสด็จท่านราชา

แชร์

บทที่ 1303 น้อมรับเสด็จท่านราชา

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
เย่จิ่งอวี้พยักหน้า

“ข้าจะลองดูว่าจะสามารถใช้กำลังภายในรวมเอาความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในตัวพวกเขาให้มารวมกันได้หรือไม่ถ้าทำได้ ให้คุณชายหลิวฉวยจังหวะนี้ตรึงมันไว้ด้วยเข็มเงิน แล้วข้าจะหาวิธีเค้นมันออกมา”

เหมยชิงเกอตกใจเล็กน้อย

“ความคิดชั่วร้าย...รวมกันไว้ที่เดียว? นั่นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จะทำได้จริงหรือ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างถ่อมตัว

“ลูกเขยไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ลองดูได้”

อินชิงเสวียนรู้จักสามีของตนเป็นอย่างดี เขาไม่เคยพูดอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ คิดว่าเขาต้องค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้ว

“ที่อาอวี้พูดก็มีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาบ้าคลั่งต่อไปได้ ข้ามักจะรู้สึกว่าทักษะของพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามความคิดที่ชั่วร้าย หากเป็นเช่นนี้จริง คิดว่าอีกไม่นานก็จะทำลายโซ่เหล็กได้ อันก่อให้เกิดหายนะไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”

หลิวซือจวินมองไปที่เหมยชิงเกอทันที

เย่จิ่งอวี้แทนตัวว่าเขย หรือว่านางก็คือภรรยาของเจ้าเมืองเฮ่อ?

ช่างเป็นคนหน้าตาท่าทางดูดีจริงๆ

เมื่อนึกถึงแม่ของตัวเองที่เสียชีวิต ผอมแห้งผิวหนังติดกระดูก หลิวซือจวินก็อดไม่ได้ที่จะถอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1304 เป็นโชคดีของใต้หล้า

    เงานั้นหัวเราะเสียงดัง มีกลุ่มควันจำนวนหนึ่งรวมตัวกันบนศีรษะของชิงฮุย ราวกับกำลังลูบศีรษะของเขา“ดีๆๆ เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี เจ้าอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ได้รับอะไรบ้างไหม”ชิงฮุยโค้งคำนับด้วยความเคารพ ดวงตาสุกใสดุจธารา“ศิษย์โง่เขลา ร่ำเรียนได้เพียงห้าศาสตร์ แต่ไม่สามารถนำศิลาตอบสวรรค์ออกมาได้”เงาพูดเบาๆ ว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้โง่เขลา คนโง่ที่ไหนจะสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ มีเพียงผู้ที่ปราศจากกิเลสและไร้ซึ่งความปรารถนาเท่านั้น ถึงจะผ่านการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้”ในขณะที่กำลังพูด เงาเหมือนควันอีกกลุ่มหนึ่งก็ลอยมาจากฟ้า และรวมเข้ากับร่างเงาหมอกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เงานั้นยิ้มอย่างหยิงยโส “คิดไม่ถึงว่าหลายร้อยปีต่อมา ต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถ สามารถคลายวิชาสะกดวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว”ชิงฮุยยืดตัวขึ้น“หากพวกเขาสามารถคลายออกได้ เช่นนั้นพลังวิญญาณจะกลับคืนสู่ร่างหลักของท่านราชา เสริมกำลังของท่านราชาให้แข็งแกร่งขึ้น หากไม่สามารถคลายออกได้ เช่นนั้นก็จะฆ่ากันตาย ไม่ตายไม่เลิก”เงากล่าวว่า “ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ชนะคือพวกเรา”ชิงฮุยยิ้มแล้ว ก้มศีรษะล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1305 นักปราชญ์กล่าวว่า

    เวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล เพียงพริบตาก็รุ่งเช้าชาวยุทธ์ส่วนใหญ่ฟื้นคืนสติกันแล้ว แต่ยังคงเฝ้าหินที่แตกแล้วอยย่างไม่เต็มใจที่จะจากไปเย่จิ่งหลานนั่งบนก้อนหิน ยกมือซ้ายขึ้นเท้าคาง แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ดูสิ นี่คือความโลภในธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าจะมีสติ แต่ก็เปลี่ยนสันดานกินอุจจาระของสุนัขไม่ได้”อินชิงเสวียนหาวและพูดว่า “แล้วเจ้าไม่มีความโลภอยู่ในใจงั้นหรือ ถ้าคนปราศจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ถึงจะเรียกว่าผิดปกติอย่างแท้จริง”เย่จิ่งหลานหรี่ตาแล้วพูดว่า “ย่อมมีอยู่แล้ว แต่ข้าไม่โลภ ยิ่งไม่ทำสิ่งที่รู้ว่าไม่ควรทำ”อินชิงเสวียนทำเสียงชิ“ถ้าเจ้าไม่โลภ แล้วเอาได้ของพวกนั้นจากข้าทำไม ความอยากอาหาร ก็ไม่ใช่ความโลภอีกชนิดหนึ่งงั้นหรือ”จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็พูดไม่ออก ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ยัยบ้านี่ ก็แค่เอาของมานิดหน่อยเองไม่ใช่รึ เจ้ายังจะอวดอีก”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ฉะนั้นนะ อย่างนี้เรียกว่าใจอ่อนเพราะติดค้างบุญคุณ”ในเวลานี้ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงลงมาจากยอดเขา สะท้อนไปที่ใบหน้าเล็กๆ ที่ประณีตงดงามของอินชิงเสวียน ขนตาที่งอนน้อยๆ คล้ายถูกเคลือบด้วยแสงสีทองอ่อนเมื่อจับคู่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1306 หรือว่าชอบพ่อของนาง

    เย่จิ่งหลานทอดสายตามองไปไกลด้วยท่าทางภาคภูมิใจ“ลูกผู้ชายควรทะเยอทะยานต่อสู้ไปทั่วสารทิศ พิชิตใต้หล้า ไม่ควรพอใจกับดินแดนเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่เดินทางในขณะที่ยังเยาว์วัย ไม่ใช่ว่าจะทำให้วัยหนุ่มสาวผ่านไปโดยไร้ประโยชน์หรอกหรือ”เมื่อมองตามสายตาของเย่จิ่งหลาน เฮ่อฉางเฟิงก็เห็นห่านป่าสองตัวบินข้ามท้องฟ้าอย่างอิสระและเสรี ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโหยหาเล็กน้อยเย่จิ่งหลานเหลือบมองเขาอย่างลับๆ ตีเหล็กตอนร้อนว่า “ถ้าพี่เฮ่อยังอยู่ที่อิ๋นเฉิง จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถละทิ้งได้ อาจมีหลายสิ่งที่ยากต่อการปรับตัว ทำไมไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาให้กว้างขวางล่ะ”เดิมทีฮั่วเทียนเฉิงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอย่างง่ายดาย ส่วนหวังซุ่นก็พอจะเฉลียวฉลาดใช้ได้ แต่มันก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริง หากดึงเฮ่อฉางเฟิงเข้ามามีร่วมได้ จะเป็นการผสมผสานอันทรงพลังของวรยุทธ์และสติปัญญาเฮ่อฉางเฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ และคนเลี้ยงม้าเหล่าหลิวความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่ เขาจะลืมในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร เพียงแค่ระงับไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเห็นความรักของพ่อกับเหมยชิงเกอ เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกอึด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1307 ครอบครัวฝ่ายสามีกับครอบครัวฝ่ายภรรยา

    ฮวาเชียนหยิบภาพวาด แล้วเหล่าลูกศิษย์สองสามคนออกจากกลุ่มขบวน ไม่ไกลนัก ชายวัยกลางคนที่มีท่าทางดุร้ายก็กระโดดออกมาจากตรอกข้างๆ กอดลูกศิษย์ที่ติดกระดาษวาดรูป และกัดที่ไหล่อย่างแรงศิษย์คนนั้นเจ็บปวด จึงหันกลับมาและเตะชาวยุทธ์คนนั้นออกไปดวงตาของเขาแดงก่ำ ลุกขึ้นด้วยท่าทางแปลกๆศิษย์ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ“อาจารย์อาฮวา เขา...”ฮวาเชียนก็ตกใจเช่นกัน นี่คือวรยุทธ์แบบไหน ทำไมมันถึงชั่วร้ายขนาดนี้ชักกระบี่ยาวออกมาจากฝักเสียงดังเกรียวกราว และแทงเข้าที่หน้าอกของคนผู้นั้นคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นปากที่เปื้อนเลือดพุ่งเข้าไปหาพวกเขาอีกฮวาเชียนก็ตกใจอีก สถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่เบื้องหน้านี้ ดูน่ากลัวยิ่งกว่าผีแคระในตงหลิวด้วยซ้ำในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มหนึ่งพุ่งออกมาตัดศีรษะของคนผู้นั้นฮวาเฉียนประกบมือกล่าวคำขอบคุณ“ขอบคุณคุณชายอินที่มาช่วย”อินสิงอวิ๋นคารวะตอบ“เล็กน้อยเท่านั้น ผู้อาวุโสฮวาไม่ต้องเกรงใจ”เจ้าสำนักเซี่ยวลอยลงจากหลังม้าแล้ว เขาเหลือบมองคนผู้นั้น หลับตาสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ที่นี่แปลกมาก ดูเหมือนจะไม่มีคนมีชีวิตอยู่ในเมืองนี้”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1308 ในตำราไม่ได้กล่าวไว้

    “เจ้าสองคนคุยอะไรกันอยู่ ท่าทางมีความสุขมาก”อินชิงเสวียนมองส่งหลิวซือจวินจากไป แล้วก็เห็นเย่จิ่งหลานกับเฮ่อฉางเฟิงดื่มสุรากินขนม ทั้งพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน สองคนนี้ดูไม่สะดุ้งสะเทือนต่อสิ่งใด“ข้ากับคุณชายน้อยเย่คุยกันเรื่องอนาคต...”เฮ่อฉางเฟิงเพิ่งพูดได้ครึ่งประโยค เย่จิ่งหลานก็พูดแทรกขึ้นว่า “ในอนาคตถ้าพี่ชายของเจ้าไปเมืองหลวง ข้าจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่อยู่แล้ว ถ้าพี่ชายไปเมื่อไหร่ เราจะต้อนรับขับสู้อย่างดี”นางเหลือบมองชาวยุทธ์ที่กำลังสัมผัสและตบก้อนหินที่แตกหักเป็นสองก้อน บางคนถึงกับยื่นก้นออกมา อ้าปากแล้วกัดไปเล็กน้อย ด้วยหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ นางทำหน้าหยามหยันเล็กน้อย“ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ยอมแพ้”“เจ้าก็พูดเอง เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา นี่เป็นธรรมชาติแท้จริงของมนุษย์”เย่จิ่งหลานมองดูอย่างเยาะเย้ย แล้วพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ข้าไม่เข้าใจ ใครเป็นคนเผยแพร่เรื่องทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั่น หลอกสองสำนักชั้นนำในยุทธจักรจนหัวหมุน”“ข้าไม่รู้ ถึงอย่างไรตั้งแต่ข้าจำความได้ ทางสู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1309 ความสงสัยของเฮ่อยวน

    อินชิงเสวียนพูดไม่ออก ส่วนเย่จิ่งหลานยกนิ้วกลางขึ้น เพื่อเห็นแก่หน้าเสด็จพี่ฮ่องเต้ เขากลืนคำว่า “เชี่ย” กลับคืนเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกท้อแท้มากเช่นกัน เสียเวลาคาดหวัง เมื่อไม่มีสิ่งนั้น แล้วจะพูดอะไรที่ดูลึกลับซับซ้อนไปทำไมเขาเกือบจะอยากจะแต่งเรื่องผีมาหลอกเฮ่อฉางเฟิงเดี๋ยวนั้นเลยเฮ่อฉางเฟิงหันกลับมายิ้มแล้วพูดว่า “เราไม่จำเป็นต้องคิดมาก บันทึกอาจไม่จริง บางทีอาจเป็นปัญหาที่หินก้อนนี้ มีบางสิ่งที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนที่ส่งผลต่อจิตใจของผู้คน”“เจ้ายอมเชื่อเรื่องหินเส็งเคร็งนั่น แต่ก็ไม่ยอมเชื่อเรื่องผีงั้นหรือ”หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบก็เอานิ้วก้อยสองนิ้วเกี่ยวมุมปาก ใช้นิ้วชี้ดันเปลือกตาล่างขึ้น แล้วทำหน้าผีหลอกเฮ่อฉางเฟิงกระโดดกลับหลัง พูดตะกุกตะกัก “ไม่ควรโทษสิ่งลี้ลับ ผีซ่อนอยู่ในจิตใจมนุษย์ ข้าจะไปหาท่านพ่อก่อนล่ะ”แล้วร่างนั้นก็หายวับไป เจออีกทีก็ลอยไปไกลแล้วเย่จิ่งหลานหัวเราะและพูดว่า “มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศขนาดนี้ เขาดูเหมือนผีมากกว่าผีซะอีก”เย่จิ่งอวี้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เป็นคู่หูที่ดูสนุกสนานดี“จิ่งหลาน อย่าก่อเรื่อง คนมีความกลัวเป็นเรื่องปกติ จริงๆ แล้วตอน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1310 สิ่งที่ทุกคนปรารถนา

    “จิ่งหลาน เจ้าเป็นอะไรไป”เย่จิ่งอวี้อยู่ใกล้ที่สุด เขารีบเขาไปพยุงเย่จิ่งหลานทันที“ไม่เป็นไร ข้าแค่ปวดหัวนิดหน่อย”“ที่หว่างคิ้วหรือ”อินชิงเสวียนพะวงเรื่องชาดแห่งบาปบนใบหน้าของเขามาก ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาถามทันที“ไม่รู้”เย่จิ่งหลานกดหน้าผาก รู้สึกราวกับว่าลูกธนูนับพันถูกยิงออกมาจากหัว ซึ่งความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาหน้ามืดอินชิงเสวียนหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมาอย่างรวดเร็ว“ลองดื่มดูสิ เผื่อจะบรรเทาได้บ้าง”หลิวซือจวินและเฮ่อฉางเฟิงก็ตามมาดูด้วยเย่จิ่งหลานรับน้ำขึ้นมาจิบ แต่ยังคงปวดหัวแทบระเบิด ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงพึมพำอะไรบางอย่างอยู่ในหัว“อ๊ากกก!”เขากดหน้าผาก แล้วร้องโอดครวญเย่จิ่งอวี้เอื้อมมือไปคว้าเข็มขัดของเขา แล้วอุ้มเย่จิ่งหลานลงไปที่พื้น“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าบอกท่านแม่ก่อนว่าเราจะตามไปทีหลัง ให้คุณชายหลิวตรวจอาการให้จิ่งหลานก่อน”“ได้”อินชิงเสวียนเป็นห่วงเย่จิ่งหลานอยู่แล้ว จึงขี่ม้าไล่ตามเหมยชิงเกอไปทันทีเย่จิ่งอวี้ประคองเย่จิ่งหลานไปที่โคนต้นไม้ “รบกวนคุณชายหลิวด้วย”หลิวซือจวินหยิบเข็มเงินออกมาแล้ว แล้วฝังเข็มบนศีรษะของเย่จิ่งหลานอย่างรวดเร็วแต่ไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1311 ค่ายกล

    เจ้าสำนักเซี่ยวชะลอฝีเท้า และถามว่า “เรื่องฝังโลหิตของอวี้เอ๋อร์ เจ้ามั่นใจแค่ไหน”นักนักพรตเทียนจีกล่าวว่า “ทุกสิ่งไม่มีความแน่นอน ข้าทำได้แค่พยายามให้ดีที่สุดเท่านั้น”เซี่ยวอิ่นหวนพูดอย่างเร่งรีบว่า “อิ๋นหวนขอบคุณผู้อาวุโสล่วงหน้า หากผู้อาวุโสสามารถรักษาอวี้เอ๋อร์ได้ อิ๋นหวนก็เต็มใจเป็นวัวเป็นม้าคอยรับใช้ผู้อาวุโส”นักพรตเทียนจีโบกมือ“กล่าวหนักเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพื่อนกับพ่อเจ้ามาหลายปี ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายของเขา ข้าย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้...”ยังพูดไม่ทันขาดคำ จู่ๆ นักนักพรตเทียนจีก็ยื่นมือออกมา หยุดเจ้าสำนักเซี่ยวที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า“เกิดอะไรขึ้น?”เจ้าสำนักเซี่ยวหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ แต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แปลกประหลาดขณะที่กำลังจะปลดปล่อยกำลังภายในเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น กลับก็เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในทิวทัศน์ตรงหน้าเขา จู่ๆ ถนนบนภูเขาเดิมก็หายไป ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าขณะที่กำลังตกใจ ก็เห็นร่างหลายร่างโผล่ขึ้นมาจากทะเล แต่งกายเหมือนกับคนในขบวนทุกประการหัวใจของเจ้าสำนัก

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status