แชร์

บทที่ 1298 เป็นสามีของข้า

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ปิดบังสายตาของหลิวซือจวิน และหันไปมองที่เฉิงเฟิ่งโหลว

กล่าวปลอบโยนเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อมาถึงแล้ว ก็อยู่กับพวกเราเถอะ อีกสักพักข้าจะไปตั้งกระโจมพัก เจ้าก็ไปพักผ่อนข้างในก่อนได้”

เฉิงเฟิ่งโหลวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พูดอย่างกังวลว่า “แต่...หนังสือที่บ้าน...”

“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นไม่แย่งชิงหนังสือหรอก”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หันไปหาเฮ่อฉางเฟิง

“พี่ชายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ”

เฮ่อฉางเฟิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีอยากรอดูผลของวิถีแห่งสวรรค์ก่อน นึกว่าจะได้เจอกับชาวยุทธ์ที่บ้าคลั่งจำนวนหนึ่งแทน ในระหว่างการสอบสวนได้ช่วยชีวิตพวกเขาทั้งสองไว้ คิดไม่ถึงน้องเล็กกับน้องชายเฉิงคนนี้จะรู้จักกัน ในที่สุดพี่ชายก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”

อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายเคยทำอะไรผิดที่ไหนกัน ไม่ว่าจะที่เป่ยไห่ หรือว่าที่นี่ เรียกว่าเป็นเหมือนฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล”

หลิวซือจวินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเฮ่อ นี่คือน้องสาวของเจ้าหรือ ครอบครัวของเจ้าหน้าตาดีจัง งั้นนั่นก็เป็นพี่น้องชายของเจ้าด้วยหร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1299 เสียการควบคุม

    “ทำไมล่ะ”เฮ่อยวนหันศีรษะไปมองอย่างเคร่งขรึมองครักษ์ส่วนตัวโค้งคำนับและพูดว่า “คนในเมืองดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ มีบางคนก็บ้าคลั่งไปแล้ว”สีหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“แพร่กระจายเร็วขนาดนี้เชียวหรือ”องครักษ์พยักหน้า“เราควบคุมชาวบ้านไว้ได้บางส่วนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าก็บอกแล้ว เมื่อควรตัดสินใจกลับไม่ตัดสินใจ สุดท้ายย่อมได้รับความวุ่นวาย หากไม่ทำลายหินเส็งเคร็งนี่ จะต้องมีคนเข้ามาข้องเกี่ยวแน่นอน”เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพก็ตามมารายงานต่อ“เจ้าตำหนัก ชาวยุทธ์จำนวนมากได้หนีออกจากเมืองไปแล้ว ต้องการให้ไล่ตามตัวกลับมาหรือไม่”ใบหน้าของเหมยชิงเกอพลันอึมครึมมืดมน“ไล่ตาม ต้องจับพวกเขากลับมาให้หมด”จากนั้นก็มองไปที่เฮ่อยวน“สิ่งที่คุณชายน้อยเย่พูดมาก็มีเหตุผล หากเราร่วมมือกัน บางทีอาจจะสามารถทำลายมันได้”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ฉางชิวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน ดูว่าจะสามารถดึงสิ่งชั่วร้ายออกมาโดยไม่สร้างความเสียหายได้หรือไม่ จากนั้นค่อยๆ ไขปริศนาวิถีแห่งสวรรค์”เข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1300 ลำดับในยุทธจักร

    ชาวยุทธ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเลือกใครมาคนหนึ่งก็ล้วนมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับหงายหลัง ล้มลงกับพื้นโดยที่เสียภาพลักษณ์ไปหมดลิ่นเซียวกระโดดขึ้นจากพื้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ”เขาโคจรกำลังภายในร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือขวา ลมแรงที่พัดโหมอยู่รอบตัวนั้น กลายเป็นของแข็งขึ้นมาในทันที เกิดเป็นกระบี่ลมนับสิบเล่มที่ล้อมรอบแขนของเขา ราวกับรอคำสั่งจากเจ้าของเย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์กระบี่ของใต้หล้า กำลังภายในของผู้อาวุโสลิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก ที่เขาพ่ายแพ้ในเมืองหลวงวันนั้น ก็ไม่นับว่าเสียหน้ามากนักการดำรงอยู่ของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ในวังเลย แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในบรรดาชาวยุทธ์ที่เขาเคยเจอมา วรยุทธ์ของเฮ่อยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากที่สุด จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตำหนักเหมยได้รับการเลื่อนขั้นจากน้ำพุวิญญาณ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็เกรงว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลิ่นเซียว เจ้าสำนักเซี่ยวกับเจ้าตำหนักเหมยคงมีพ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1301 ใบมีดแห่งมิติออกโรง

    หลิวซือจวินดึงเข็มเงินออกมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อขอเรียนวิชาแพทย์จากคนในอิ๋นเฉิง ข้าไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร”เมื่อครู่นี้นางก็ได้ยินคำเรียกขานระหว่างพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักหรือเจ้าเมือง หรือผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนัก ทั้งหมดล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่ตนเองไม่สามารถล่วงเกินได้เฮ่อยวนพยักหน้า และถามว่า “เจ้า...คงไม่ใช่คนจากเมืองใกล้ๆ นี้กระมัง แล้วทำไมถึงรู้จักอิ๋นเฉิง”หลิวซือจวินประกบมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาจากแม่ นางบอกว่าวิชาแพทย์ที่สุดยอดที่สุดในโลกอยู่ที่อิ๋นเฉิง ก่อนตายนางได้กำชับข้าไว้ ว่าต้องมาดูให้ได้”เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อยวน นัยน์ตาฉายแววเคารพชื่นชม และอารมณ์อื่นๆ แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปมีท่าทางร่าเริงอีกครั้ง“โชคดีที่คุณชายเฮ่อช่วยชีวิตไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถมาพบเจ้าเมืองเฮ่อได้”เฮ่อยวนยิ้ม“ท่ามกลางผู้คนมากล้น การได้มาพบกันนับเป็นวาสนา หากเจ้าชื่นชอบทักษะทางการแพทย์ วันหน้าก็สามารถรั้งอยู่ในอิ๋นเฉิงเพื่อตั้งใจศึกษาได้”หลิวซือจวินแสดงสีหน้ายินดีทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”“ด้วยความย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1302 ผ่าวิถีแห่งสวรรค์

    ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติได้พัดพาลมอันรุนแรงประหนึ่งจะฉีกท้องฟ้า ลอยสูงขึ้น ทรงพลังราวกับฟ้าร้อง และหมอกสีดำที่พุ่งออกมาดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างทั้งฟ้าดินทุกคนมองดูท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้วรยุทธ์แบบใด ถึงสามารถฝึกฝนปราณกระบี่ที่ครอบงำเช่นนี้ออกมาได้แม้แต่กระบี่ของปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวก็อาจเทียบไม่ติดกับสิ่งนี้แม้เพียงกระผีกเดียว แม้แต่เย่จิ่งหลานก็อ้าปากกว้างเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูในห้องโถงจื่อชี่ตงไหล ท้องฟ้ามืดมิด จึงไม่อาจได้ชื่นชมอย่างละเอียดเลยตอนนี้มีเพียงสองคำในใจของเขาโคตรเจ๋ง!มีเพียงเย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อย มองอินชิงเสวียนอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งท่าทางภาคภูมิใจชนิดนั้น แทบจะสลักคำว่า นี่คือภรรยาของข้า ไว้บนใบหน้าของเขาได้เลยในชั่วพริบตา ใบมีดดำทะมึนก็ได้ฟาดฟันลงบนก้อนหินแล้ว ในเวลาเดียวกัน เย่จิ่งหลานก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่ากลัว“ทำได้ดี!”จู่ๆ หัวใจก็สะดุ้ง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือจะเป็นจริงอย่างที่อินชิงเสวียนพูดไว้ ว่าหากกำแพงหินพังทลาย สิ่งเลวร้ายก็จะหลุดพ้นออกมา?

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1303 น้อมรับเสด็จท่านราชา

    เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ข้าจะลองดูว่าจะสามารถใช้กำลังภายในรวมเอาความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในตัวพวกเขาให้มารวมกันได้หรือไม่ถ้าทำได้ ให้คุณชายหลิวฉวยจังหวะนี้ตรึงมันไว้ด้วยเข็มเงิน แล้วข้าจะหาวิธีเค้นมันออกมา”เหมยชิงเกอตกใจเล็กน้อย“ความคิดชั่วร้าย...รวมกันไว้ที่เดียว? นั่นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จะทำได้จริงหรือ”เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างถ่อมตัว“ลูกเขยไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ลองดูได้”อินชิงเสวียนรู้จักสามีของตนเป็นอย่างดี เขาไม่เคยพูดอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ คิดว่าเขาต้องค่อนข้างมั่นใจอยู่แล้ว“ที่อาอวี้พูดก็มีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาบ้าคลั่งต่อไปได้ ข้ามักจะรู้สึกว่าทักษะของพวกเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นตามความคิดที่ชั่วร้าย หากเป็นเช่นนี้จริง คิดว่าอีกไม่นานก็จะทำลายโซ่เหล็กได้ อันก่อให้เกิดหายนะไปทั่วทุกหย่อมหญ้า”หลิวซือจวินมองไปที่เหมยชิงเกอทันทีเย่จิ่งอวี้แทนตัวว่าเขย หรือว่านางก็คือภรรยาของเจ้าเมืองเฮ่อ?ช่างเป็นคนหน้าตาท่าทางดูดีจริงๆเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเองที่เสียชีวิต ผอมแห้งผิวหนังติดกระดูก หลิวซือจวินก็อดไม่ได้ที่จะถอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1304 เป็นโชคดีของใต้หล้า

    เงานั้นหัวเราะเสียงดัง มีกลุ่มควันจำนวนหนึ่งรวมตัวกันบนศีรษะของชิงฮุย ราวกับกำลังลูบศีรษะของเขา“ดีๆๆ เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี เจ้าอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปี ได้รับอะไรบ้างไหม”ชิงฮุยโค้งคำนับด้วยความเคารพ ดวงตาสุกใสดุจธารา“ศิษย์โง่เขลา ร่ำเรียนได้เพียงห้าศาสตร์ แต่ไม่สามารถนำศิลาตอบสวรรค์ออกมาได้”เงาพูดเบาๆ ว่า “ไม่ เจ้าไม่ได้โง่เขลา คนโง่ที่ไหนจะสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ มีเพียงผู้ที่ปราศจากกิเลสและไร้ซึ่งความปรารถนาเท่านั้น ถึงจะผ่านการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้”ในขณะที่กำลังพูด เงาเหมือนควันอีกกลุ่มหนึ่งก็ลอยมาจากฟ้า และรวมเข้ากับร่างเงาหมอกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เงานั้นยิ้มอย่างหยิงยโส “คิดไม่ถึงว่าหลายร้อยปีต่อมา ต้าโจวจะมีคนที่มีความสามารถ สามารถคลายวิชาสะกดวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว”ชิงฮุยยืดตัวขึ้น“หากพวกเขาสามารถคลายออกได้ เช่นนั้นพลังวิญญาณจะกลับคืนสู่ร่างหลักของท่านราชา เสริมกำลังของท่านราชาให้แข็งแกร่งขึ้น หากไม่สามารถคลายออกได้ เช่นนั้นก็จะฆ่ากันตาย ไม่ตายไม่เลิก”เงากล่าวว่า “ฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้ชนะคือพวกเรา”ชิงฮุยยิ้มแล้ว ก้มศีรษะล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1305 นักปราชญ์กล่าวว่า

    เวลาผ่านไปราวกับสายน้ำไหล เพียงพริบตาก็รุ่งเช้าชาวยุทธ์ส่วนใหญ่ฟื้นคืนสติกันแล้ว แต่ยังคงเฝ้าหินที่แตกแล้วอยย่างไม่เต็มใจที่จะจากไปเย่จิ่งหลานนั่งบนก้อนหิน ยกมือซ้ายขึ้นเท้าคาง แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ดูสิ นี่คือความโลภในธรรมชาติของมนุษย์ แม้ว่าจะมีสติ แต่ก็เปลี่ยนสันดานกินอุจจาระของสุนัขไม่ได้”อินชิงเสวียนหาวและพูดว่า “แล้วเจ้าไม่มีความโลภอยู่ในใจงั้นหรือ ถ้าคนปราศจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา ถึงจะเรียกว่าผิดปกติอย่างแท้จริง”เย่จิ่งหลานหรี่ตาแล้วพูดว่า “ย่อมมีอยู่แล้ว แต่ข้าไม่โลภ ยิ่งไม่ทำสิ่งที่รู้ว่าไม่ควรทำ”อินชิงเสวียนทำเสียงชิ“ถ้าเจ้าไม่โลภ แล้วเอาได้ของพวกนั้นจากข้าทำไม ความอยากอาหาร ก็ไม่ใช่ความโลภอีกชนิดหนึ่งงั้นหรือ”จู่ๆ เย่จิ่งหลานก็พูดไม่ออก ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ยัยบ้านี่ ก็แค่เอาของมานิดหน่อยเองไม่ใช่รึ เจ้ายังจะอวดอีก”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ฉะนั้นนะ อย่างนี้เรียกว่าใจอ่อนเพราะติดค้างบุญคุณ”ในเวลานี้ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงลงมาจากยอดเขา สะท้อนไปที่ใบหน้าเล็กๆ ที่ประณีตงดงามของอินชิงเสวียน ขนตาที่งอนน้อยๆ คล้ายถูกเคลือบด้วยแสงสีทองอ่อนเมื่อจับคู่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1306 หรือว่าชอบพ่อของนาง

    เย่จิ่งหลานทอดสายตามองไปไกลด้วยท่าทางภาคภูมิใจ“ลูกผู้ชายควรทะเยอทะยานต่อสู้ไปทั่วสารทิศ พิชิตใต้หล้า ไม่ควรพอใจกับดินแดนเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่เดินทางในขณะที่ยังเยาว์วัย ไม่ใช่ว่าจะทำให้วัยหนุ่มสาวผ่านไปโดยไร้ประโยชน์หรอกหรือ”เมื่อมองตามสายตาของเย่จิ่งหลาน เฮ่อฉางเฟิงก็เห็นห่านป่าสองตัวบินข้ามท้องฟ้าอย่างอิสระและเสรี ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโหยหาเล็กน้อยเย่จิ่งหลานเหลือบมองเขาอย่างลับๆ ตีเหล็กตอนร้อนว่า “ถ้าพี่เฮ่อยังอยู่ที่อิ๋นเฉิง จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถละทิ้งได้ อาจมีหลายสิ่งที่ยากต่อการปรับตัว ทำไมไม่ออกไปเปิดหูเปิดตาให้กว้างขวางล่ะ”เดิมทีฮั่วเทียนเฉิงเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ก็น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตอย่างง่ายดาย ส่วนหวังซุ่นก็พอจะเฉลียวฉลาดใช้ได้ แต่มันก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริง หากดึงเฮ่อฉางเฟิงเข้ามามีร่วมได้ จะเป็นการผสมผสานอันทรงพลังของวรยุทธ์และสติปัญญาเฮ่อฉางเฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ และคนเลี้ยงม้าเหล่าหลิวความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่ เขาจะลืมในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร เพียงแค่ระงับไว้ในใจเท่านั้นเมื่อเห็นความรักของพ่อกับเหมยชิงเกอ เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกอึด

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status