แม้ว่าเย่จั้นมีหลายสิ่งที่อยากจะถาม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถาม จึงตามเย่จิ่งอวี้ออกไปประตูหินหนักปิดลงทันที แสงในห้องก็หรี่มัวลงเมื่อไม่มีแสงแดดที่ส่องประกาย อินหลีก็รู้สึกเขินอายน้อยลง รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นนางมองหญิงสาวคนนี้ที่ดูค่อนข้างคล้ายกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ ถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แม่นาง เจ้าคือ...”นางมองไปรอบๆ แล้วถามว่า “ที่นี่คือที่ไหน”อินชิงเสวียนหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงหินออกมา แล้วพูดกับอินหลี “แม่นางใส่เสื้อผ้าก่อน ข้าจะค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟัง”อินหลีก้มศีรษะลง ครั้นจึงตระหนักว่าน้ำในถังนั้นเหมือนกับน้ำโคลน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที“นี่...ข้า...ข้าไม่ได้สกปรกขนาดนั้น”อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางสะอาดอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งสกปรกบนร่างกายของท่าน แต่เป็นความขุ่นมัวของพลังยุทธ์ที่ระบายออกจากร่างกายของท่าน หากต้องการอธิบายในแง่ของวรยุทธ์ จะเรียกว่าการชำระวิญญาณล้างไขกระดูกก็ได้”อินหลีเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ เมื่อตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางเคยได้ยินพ่อและพี่ชายพูดว่า การบรรลุวรยุทธ์ระดับสูงสุดคือการชำระวิญญาณล้างไขกระดูก นางไม่รู้วรยุ
ร่างสูงสีขาวยืนอยู่นอกประตู คนผู้นั้นค่อยๆ หันกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเยือกเย็นเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะที่ปลิวไสวไปตามสายลม ไร้ฝุ่นแปดเปื้อน ผมยาวถูกปิ่นปักผมหยกสีขาวแลดูอ่อนโยน แม้จะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่กะทันหัน แต่ก็เต็มไปด้วยความสูงศักดิ์อินหลีค่อยๆ มองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้อย่างชัดเจน คิ้วคมราวกับดาบ จอนก็คมเหมือนมีด จมูกโด่งเป็นสันดั่งยอดเขา ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย ดูเย็นชามีเอกลักษณ์ของผู้บังคับบัญชาการทหารคือ...เขา!เป็นเขาจริงๆ!เมื่อเปรียบเทียบกับภาพในความทรงจำของอินหลีแล้ว คุณชายเย่ที่อยู่ตรงหน้านางดูมีผ่านเรื่องราวในชีวิตมากกว่าเล็กน้อย แต่โครงร่างยังคงชัดเจนและลึกซึ้งเช่นเดิมมุมปากของอินหลีเริ่มกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้คุณ คุณชายเย่?เขามาที่นี่เพื่อตามหาตัวเองงั้นหรือผ่านไปหลายปีแล้ว เขายังไม่ได้แต่งงานหรือลูกและภรรยาของเขาจะยอมให้เขาออกมางั้นหรือถ้าเขามาตามหาตัวเองจริงๆ แล้วตัวเองจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรแม้ว่าอินหลีจะไม่รู้จักตัวตนของเขา แต่จากการแต่งกายและท่วงท่าของเขา ก็สามารถบอกได้ว่าเขามีภูมิหลังทางครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ท
“ท่าน...ตามหาข้าหรือ”เมื่อมองดูดวงตาสุกใสดั่งเต็มเปี่ยมไปด้วยธาราในฤดูใบไม้ร่วง เย่จั้นยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ไม่งั้นจะมีใครอีก เจ็ดปีแล้ว ข้าส่งคนไปสืบตามหาทุกที่ ถ้าข้าไม่ได้มาที่ตำหนักเทพโดยบังเอิญ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้เจอเจ้าอีก”รูม่านตาของอินหลีหดลงพลัน อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมา หมายจะหยิกแก้มตัวเองอย่างแรงต้องฝันอยู่แน่ๆ คุณชายเย่ สูงตระหง่านดั่งต้นหยกต้านลม ผู้ชายแบบนี้จะคิดเรื่องแม่ชีได้อย่างไรปลายนิ้วยังไม่ทันแตะใบหน้า ก็ถูกกอบกุมด้วยฝ่ามืออันอบอุ่น“ถ้าเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองตรวจดูอุณหภูมิของข้าอย่างละเอียด ดูว่าข้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”เย่จั้นวางมือที่สั่นเทาเล็กน้อยบนท่อนอกของตัวเองเมื่อรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจอันหนักแน่น อินหลีก็ตระหนักได้ในที่สุดเป็นความสัมพันธ์เช่นนี้นี่เอง ไม่ใช่แค่ตัวเองที่รู้สึกฝ่ายเดียว แต่เป็นการวิ่งเข้าหากันและกันอย่างอึกทึกโดยไม่มีเสียงใดๆ แม้ว่านางจะถูกผูกมัดด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีมาตั้งแต่เด็ก แต่ในขณะนี้ ก็ยังไม่สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ ยื่นแขนไปกอดเย่จั้นอย่างอดไม่ได้เรียกเสียงสะอื้น “คุณชายเย่...”ขณะที่ทั้งส
อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”เมื่อเห็นหญิงสาวก้มหน้าหดหัวอันแสดงท่าทางจำนน หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็เต้นรัว ไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงหานาง“เด็จพ่อ เด็จแม่~”เสียงแหลมใสไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ของเสี่ยวหนานเฟิงดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงนางกระแอมไอเบาๆ แล้วหันกลับมาอุ้มเสี่ยวหนานเฟิง“ลูกรักหลับสบายดีหรือไม่”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ยิ้มเห็นฟันแล้วกล่าวว่า “ดี อุ่นสบาย”เสี่ยวหนานเฟิงหันตัวกลับมาพิงร่างของอินชิงเสวียน ทันใดนั้นก็เห็นลูกกลมๆ เรืองแสงที่เหนือศีรษะ จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนอย่างตื่นเต้น “เด็จแม่ เด็จพ่อ อาทิตย์ขึ้น~”ครั้นมองตามทิศทางปลายนิ้วของเสี่ยวหนานเฟิง ก็เห็นดวงตะวันลอยอยู่บนท้องฟ้า เปล่งรัศมีอันอบอุ่นออกมาอินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเป็นดวงอาทิตย์จริงๆ เมื่อแสงตะวันสาดส่องพืชผลที่เติบโตอย่างดุเดือด ก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้งนางหลับตาลง และพบว่ามีดวงตะวันดวงเล็กๆ อยู่ในร่างกายหรือว่ามิติถึงขั้นสูงสุดนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงตามสภาพร่างกายของนาง? ที่ทำให้มิติเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเย่จิ่งอวี้ก็ประหล
เย่จิ่งอวี้ใช้วิชาตัวเบา หลังจากผลุบๆ โผล่ๆ ไม่กี่ครั้งก็ไม่เห็นเงาคนอีก อินชิงเสวียนทั้งเป็นห่วงเย่จิ่งอวี้ และเป็นห่วงเย่จิ่งหลาน แต่ไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงเห็นฉากที่รุนแรงเช่นนี้ทว่าเสี่ยวหนานเฟิงคุ้นเคยกับสิ่งแปลกๆ มานานแล้ว ตั้งแต่เขาเกิดมา ก็มีความรุนแรงและการนองเลือดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาไม่ขี้ขลาดตาขาวเหมือนเด็กคนอื่นๆ อยู่แล้ว ในความคิดแบบเด็กๆ ของเขา เด็จพ่อและเด็จแม่คือผู้ที่เก่งกาจมากที่สุดในโลกมาโดยตลอดจากนั้นก็โอบแขนรอบคอของอินชิงเสวียน พูดด้วยเสียงแหลมใดอันไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ว่า “เด็จแม่ไปหาเด็จพ่อเถอะ ลูกอยู่เล่นทรานส์ฟอร์เมอร์สในมิติเองได้”อินชิงเสวียนทำใจไม่ได้“เจ้าอยู่คนเดียว จะสนุกหรือ”เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างรู้ความ“สนุกสิ ทรานส์ฟอร์เมอร์สสามารถสู้กับอุลตร้าแมนได้ ลูกชอบ”“งั้นก็ได้ ไปจะดูหน่อย ถ้าไม่มีอะไร แม่จะมาหาเจ้า”“อื้อ เด็จแม่ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงลูก”เสี่ยวหนานเฟิงเม้มริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม แล้วจูบบนใบหน้าอินชิงเสวียนอย่างแรง“แล้วพบกันใหม่น้า”เขาโบกมือเล็กๆ ไปมา“ได้ เป็นเด็กดีรอแม่นะ”อินชิงเสวียนนึกในใจ ครั้นแล้วเสี่ยวหนานเฟิงก็
เย่จิ่งหลานหงุดหงิด แต่ก็ยังพูดอย่างอดทน “ข้าเองก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่ผิดแปลกก็มีแค่เรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รู้อะไรเลย”อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “ตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ย่อมมีสาเหตุบางอย่าง ในเมื่อโมริตะคาวาสึบาเมะเป็นคนที่ถูกเนรเทศ เช่นนั้นจึงต้องเป็นคนชั่วช้าสามานย์อย่างที่สุด เขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในเกาะตงหลิวมานานหลายปี กระทำความชั่วร้ายนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่กระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ เขาต้องมีวิธีการบางอย่างเป็นแน่ ตอนนี้เกาะตงหลิวถูกทำลายไปแล้ว เขาจะเกลียดแค้นเย่จิ่งหลานก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้” เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและกล่าวว่า “เสวียนเอ๋อร์วิเคราะห์สมเหตุสมผล ท่านนักพรตโปรดตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย”ชิงหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้อาตมภาพไม่สามารถตัดสินใจได้ จะส่งจดหมายถึงอาจารย์เพื่อให้ท่านตัดสินใจ หากมีความจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากโยม ก็โปรดอย่าหลบเลี่ยง”เย่จิ่งหลานได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ขณะที่กำลังจะอ้าปาก อินชิงเสวียนก็ห้ามเขาไว้“หากท่านนักพรตปฏิบัติด้วยความยุติธรรม เราจะให้ความร่วมมือเป็นแน่ หากเจ้ามี
ฉุยอวี้หันไปมองฉางเฮิ่นเทียน“คนเช่นเจ้า คาดเดาได้ยาก เจ้าเคยทรยศข้ามาแล้วหนหนึ่ง จะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนคุกเข่าลงและพูดว่า “ทุกอย่างล้วนทำไปเพราะความจำเป็น เจ้าสำนักฉุยโปรดยกโทษให้ด้วย ข้าน้อยไม่ขอให้เจ้าสำนักฉุยดูแลแต่อย่างใด แค่อยากให้รับข้าน้อยให้อยู่ที่นี่ ก็พึงพอใจมากแล้ว”ฉุยอวี้มีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือ”ฉางเฮิ่นเทียนก้มหัวแล้วพูดว่า “ข้าน้อยออกมาจากอิ๋นเฉิง ต้องถูกจับกุมแน่ๆ ตอนนี้ไม่มีที่อยู่แล้ว มีเพียงตำหนักเทพหอทองคำเท่านั้นที่ทัดเทียมกับอิ๋นเฉิง ถึงจะรับรองความปลอดภัยของข้าได้”ฉุยอวี้พยักหน้า คำพูดนี้สมเหตุสมผล“ถ้าแค่อยากอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ปัญหา”“ขอบพระคุณเจ้าสำนักฉุย ขอบพระคุณเจ้าสำนักฉุย”ฉางเฮิ่นเทียนก้มหัวซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่าทางตื้นตันใจมากฉุยอวี้พูดเบาๆ “ลุกขึ้นเถอะ ข้ารับรองได้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ได้ แต่เจ้าควรสำรวมตัวไว้ให้ดี หากกล้าก่อปัญหา อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีกับเจ้า”“ข้าน้อยไม่กล้า สิ่งเดียวที่ต้องการคือที่อยู่อาศัย”“อยากพักที่ไหน เจ้าก็บอกมาได้”“สถานที่เงียบสงบก็พอ ข้าน้อยไม่กล้าจู้จี้จุกจิก”“เช่นน
“ฉะนั้น ข้าถึงได้บอกว่าคนผู้นี้น่าสงสัยมาก ถ้าเขารู้วิชาฝังโลหิตจริงๆ อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ความจริงแล้วเขาเป็นคนอื่น?”หลังจากได้ยินคำพูดของอินชิงเสวียน หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็เต้นรัว“เป็นไปได้ไหม...ว่าเขาคือตู้เยี่ยน?”อินชิงเสวียนหันหน้ามอง ดวงตาทั้งสองคู่มองสบตากัน และทั้งคู่ก็พยักหน้าพร้อมกัน“เป็นไปได้”น้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นชาเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ต้องหาวิธีทดสอบเขา ถ้าเขาคือตู้เยี่ยนจริงๆ เราควรแก้ไขโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา”อินชิงเสวียนพยักหน้า“อื้ม แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ตู้เยี่ยน แต่เขาไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน”“คืนนี้ข้าจะลองทดสอบเขาดู”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ได้ ในตำหนักเทพหอทองคำ ฉางเฮิ่นเทียนไม่มีความสำคัญ หากท่านลงมือ จะดึงดูดความสนใจจากเขาอย่างแน่นอน”เย่จิ่งอวี้เลิกคิ้วขึ้น“แล้วจะทำอย่างไรล่ะ”“ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ถึงอย่างไรเราก็ยังไม่จากเร็วๆ นี้ ค่อยๆ คิดก็ได้”เย่จิ่งอวี้ถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ผู้อาวุโสเหมยดูเหมือนจะไม่ต้อนรับข้า”อินชิงเสวียนจับมือของเขา แล้วพูดด้วยสีหน้ารักลึกซึ้ง “ไม่หรอก ถ้านางไม่ต้อนรับท่าน ข้าก็จะไม่อยู่