หลังจากพูดจบ นักพรตเทียนชิงพูดกับตัวเองว่า “ข้าไม่รู้ว่าเรื่องบัญชาทัณฑ์ดำเนินการไปถึงขั้นใดแล้ว ชิงฮุยใช้กระดองเต่าทำนายดู อาจารย์อยากรู้ผล”“ขอรับ”ชิงฮุยหยิบกระดองเต่าขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ ใส่เหรียญอีแปะสามเหรียญเข้าไปในกระดองเต่า จากนั้นเขย่าหลายครั้ง แล้วค่อยๆ หยิบเหรียญอีแปะออกมาหลังจากอ่านภาพทำนายที่ประกอบกันหลายครั้ง สีหน้าของชิงฮุยก็ดูยุ่งยากใจ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “อาจารย์ ทำนายได้ว่าไม่เหลวไหล”นักพรตเทียนชิงมองลงมา ลูบเคราแล้วพูดว่า “ไม่เหลวไหลไม่คาดหวัง กระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวัง ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ชิงฮุยพยักหน้าทันที พูดว่า “ภาพทำนายมาได้แบบนี้”นักพรตเต๋าวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “นี่เป็นหลักการอะไรกันแน่ พวกเราได้รับบัญชาจากสวรรค์ ให้ลงทัณฑ์ผู้ที่ก่อเหตุเข่นฆ่าสังหาร ผู้ใดจะกล้าหยุดเรา”นักพรตเทียนชิงยกมือขวาขึ้น แล้วนับนิ้วทำนาย“คนชั่วร้ายผู้นี้เป็นคนบ้าคลั่งไปแล้ว ชิงหมิง เจ้ากับชิงเหิงชิงอวี้ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเพียงใด ก็ต้องจับกุมคนชั่วนี้ไปรับโทษให้ได้ หากการปล้นฆ่าที่เป็นหายนะร้ายแรงเช่นนี้ไม่ถูกหยุดยั้ง เมื่อใดที่จิตใจเข
เฟิงเอ้อร์เหนียงถูกกระแทกให้ถอยไปก้าวด้วยกำลังภายในที่แข็งกร้าวเผด็จการทันทีนิ้วของอินชิงเสวียนจี้สกัดจุดสำคัญบนหน้าอกของฉุยอวี้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และจุดสุดท้าย นางจี้สกัดจุดที่หว่างคิ้วนางกำนิ้วเป็นดัชนีกระบี่ จิ้มไปยังจุดห้วงทะเลแห่งจิตของฉุยอวี้ ฉุยอวี้เหมือนจะมีอาการกระตุกอย่างแรง ร่างทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อต“ฉุยอวี้!”เฟิงเอ้อร์เหนียงอุทานลั่น ลูกกลมแสงสีม่วงอ่อนก่อตัวบนฝ่ามือของนางขณะที่กำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็เห็นฉุยอวี้ก็ลืมตาขึ้นมานางมองดูกำแพงหินรอบๆ ตัวด้วยสีหน้าสับสน แล้วพึมพำว่า “ที่นี่...ที่ไหน”“ฉุยอวี้ เจ้ารู้สึกตัวแล้ว ยังจำข้าได้ไหม”เฟิงเอ้อร์เหนียงวิ่งไปที่เตียงอย่างตื่นเต้นนับตั้งแต่ฉุยอวี้ถูกควบคุม นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดขึ้นฉุยอวี้หันหน้ามาช้าๆ พูดด้วยเสียงอ่อนแรง “อวิ๋นลี่... “เฟิงเอ้อร์เหนียงจับมือนางอย่างตื่นเต้น พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดว่า “ข้าเอง ในที่สุดเจ้าก็จำข้าได้แล้ว”ฉุยอวี้พยักหน้า มองไปยังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ “แม่นางชิงเสวียน ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ที่นี่ที่ไหนกันแน่”เฟิงอวิ๋นลี่ก็มองไปที่อิ
เฟิงเอ้อร์เหนียงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าได้วางแผนไว้แล้ว ข้าจะทำตามนั้น เพียงแต่ว่าเด็กนั้นหายไปหลายวันแล้ว หากไม่พบอีก...”นี่คือหลานชายของพี่หญิงใหญ่ เฟิงเอ้อร์เหนียงรักนางและรักลูกหลานของนางด้วย และยังผูกพันกับเสี่ยวหนานเฟิงมากอีกด้วยช่วงนี้ฉุยอวี้สับสน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองดูทั้งสองคน“ธิดาเทพอะไร เด็กอะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเจ้าอย่าทำให้ข้าอึ้งอีกเลย”เฟิงเอ้อร์เหนียงรู้ว่านางเป็นคนใจร้อน จึงรีบพูดว่า “เรื่องเป็นแบบนี้...”เมื่อรู้เหตุและผลของทุกสิ่ง ดวงตาของฉุยอวี้ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง“ไอ้แก่นรกนี่โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ พี่หญิงใหญ่ถูกเสาเหล็กแปดเสาขังไว้ อยู่ๆ จะหายตัวไปในทันใดได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นคนอื่นไม่รู้เรื่องผาเฟิงเริ่น บางทีนี่อาจเป็นกลอุบายที่เขาวางไว้อีก นอกจากนี้ ตำหนักเทพหอทองคำยังได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะพาเด็กออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ หากการเดาของข้าถูกต้อง ศิษย์พี่ใหญ่และเด็กจะต้องตกอยู่ในมือของเขา”เมื่อฟังการวิเคราะห์ที่มีตรรกะอย่างดีของฉุยอวี้ อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากสมแล้วที่เป็นเจ้
ผู้อาวุโสหันวางหนังสือในมือลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เข้ามาเถอะ”ฉางเฮิ่นเทียนโค้งกายคำนับ แล้วเดินเข้ามาจากประตู คุกเข่าลงบนพื้นโดยที่หมอบลงทั้งตัว“หวังว่าผู้อาวุโสหันจะไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่ได้มีเจตนาปิดบัง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไร แค่จดมันไว้ และนำออกมาดูเป็นครั้งคราว ถ้าผู้อาวุโสหันชอบ ข้ายินดีมอบสิ่งนี้ให้กับผู้อาวุโส”ผู้อาวุโสหันวางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะ น้ำเสียงยังคงอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับกำลังคุยกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันศิษย์“นี่คงเป็นเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์กระมัง เจ้าเป็นเพียงคนครัวเล็กๆ จะเห็นวรยุทธ์ของอิ๋นเฉิงได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกเวียนหัวในหัวทันทีเขาคิดในใจ ‘ซวยแล้ว ตาแก่นี้ใช้ศาสตร์วิชาที่ทำให้จิตใจของเขาสับสน’โชคดีที่เจ็ดสิ่งต้องห้ามของอิ๋นเฉิงยังอยู่บนตัวเขา ซึ่งสามารถช่วยหักล้างพลังได้ส่วนหนึ่ง เฮ่อยวนคนเลวทรามนี่ กลับช่วยเขาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วเขาทนต่อคลื่นความวิงเวียน พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเครื่องจักร “จริงๆ แล้วข้าเป็นคนเก็บสมุนไพรจากสวนยากงซวิน ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินเจ้าเมือง ได้ติดตามนางเข้าไปในหอตำราสะสมของ
อินชิงเสวียนกลับมาที่บ้านหินแล้วการที่มีฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงช่วยในการไกล่เกลี่ย ย่อมดีกว่าการพบปะกับผู้อาวุโสทั้งหลายด้วยตนเอง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แค่ต้องรอผลลัพธ์อย่างอุ่นใจก็พออินชิงเสวียนเดินไปที่เตียงหิน แล้วนั่งขัดสมาธิอย่างสงบสดชื่นแม้ว่านางจะหลอมรวมกำลังภายในของทุกคนเข้าด้วยกัน แต่ยังคงมีวรยุทธ์หลายอย่างที่นางยังไม่เชี่ยวชาญได้ อุตส่าห์ได้มีโอกาสดีทั้งที จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้นางปิดเปลือกตาลงเบาๆ ในไม่ช้าก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงขลุ่ยแผ่วเบาอินชิงเสวียนลืมตาขึ้นทันที จึงพบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว นางตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่ง แล้วก็รู้สึกประหลาดใจ มันเป็นเพลงหยกรัตติกาลผู้ที่เล่นดนตรีไม่มีความชำนาญ ดังนั้นจึงไม่ใช่ด้วยลิ่นเซียวอย่างแน่นอนอินชิงเสวียนผลักประตูหินออก เดินตามเสียงขลุ่ยไปจนถึงป่าต้นหยาง แล้วก็เห็นเย่จั้นยืนอยู่ใต้ต้นไม้ทันที“เสด็จ...”ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่า ‘อา’ ก็รู้สึกถึงเสียงลมแปลกๆ เหนือศีรษะ มีมือหนึ่งซัดฝ่ามือไปที่ศีรษะของเย่จั้นเย่จั้นและอินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปพร้อมกัน และเมื
“หายไปไหนแล้ว”ถ้ำหินมีขนาดไม่ใหญ่นัก ยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเย่จั้นก็ดูสับสนเช่นกัน“ข้าจี้สกัดจุดนางไว้แล้ว ตอนที่ข้าจากไปนางก็ยังอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“หรือว่านางคลายจุดได้เองและจากไปแล้ว?”เย่จั้นส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามทันที “นางสวมเสื้อผ้าแบบไหน”ในตำหนักเทพมีศิษย์หญิงไม่มาก จนถึงตอนนี้ศิษย์หญิงที่อินชิงเสวียนเคยเห็น ก็มีไม่เกินห้าคนเท่านั้น“นางสวมชุดสีขาว สวมผ้าคลุมหน้าผืนยาว”อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“หรือว่า เป็นธิดาเทพจากตำหนักเทพหอทองคำ?”“ธิดาเทพ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เย่จั้นดูตกใจอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นธิดาเทพชุดขาวในตำหนักเทพ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าก็เห็นนางอีกครั้งที่ริมลำธาร นางดูค่อนข้างแปลกจริงๆ แต่เสด็จอาจะแน่ใจได้อย่างไรว่านางคืออาหญิงของข้า อินหลี?”เย่จั้นกระแอมไอแห้งๆ “ข้าบังเอิญเห็นหน้านางน่ะ ดวงตาคู่นั้น คล้ายกับดวงตาของเจ้ามาก”ภาพดวงตากลมโตสุดใสดุจธาราคู่นั้นผุดขึ้นในหัวของอินชิงเสวียน ลักษณะของดวงตาคู่นั้นค่อนข้างคล้ายกับของนางจริงๆ อย
อีกคนพูดอย่างเย็นชา “พวกเราทำตามคำสั่ง กลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม”“พวกเจ้านี่บังอาจกันจริงๆ!”อินชิงเสวียนตั้งพิณการเวกบนพื้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าพวกเจ้ามีความสามารถแค่ไหน”“แม่นางอิน นี่เป็นเรื่องภายในของสำนักของเรา เจ้าไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายจะดีกว่า”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “สองคนนี้เป็นเพื่อนของข้า วันนี้ข้าจะปกป้องพวกนางให้ได้”มือเรียวของนางดึงสายเบาๆ เสียงพิณดังชัดเจนทำให้ทุกคนเลือดลมพลุ่งพล่านศิษย์หลายคนก้าวถอยหลังอีกคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนที่อายุยังน้อย แต่ทักษะวรยุทธ์กลับสูงส่งถึงเพียงนี้“ในเมื่อแม่นางอินยืนกรานดื้อดึง งั้นพวกเราก็มีแต่ต้องบอกผู้อาวุโสหันให้มาจัดการเท่านั้น”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ตามสะดวก”ทั้งหมดมองดูพวกนางทั้งสามอย่างเกลียดชัง และจากไปอย่างรวดเร็วอินชิงเสวียนเก็บพิณการเวก แล้วหันกลับมาถามว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองจะไปที่ใด”เฟิงเอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “พวกเรากำลังจะไปพบผู้อาวุโสคุมกฎ แต่ถูกศิษย์ที่ลาดตระเวนเหล่านี้พบเข้า”นางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “หากผู้อาวุโสหันรู้ว่าศิษย์พี่ฉุยฟื้นคืนสติแล้ว จะทำอ
ศิษย์กล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม “ฟื้นคืนสติจริงขอรับ แถมยังออกมาจากที่พักหินพร้อมกับเฟิงเอ้อร์เหนียง ดูจากทิศทางที่พวกนางกำลังจะเดินทางไปแล้ว เหมือนจะมุ่งหน้าไปยังโถงคุมกฎ”“โอ้?”ผู้อาวุโสหันลูบเคราแล้วยืนขึ้น“อินชิงเสวียนก็อยู่กับพวกนางด้วยหรือ”“ใช่แล้ว รวมถึงสุนัขสีขาวตัวสูงใหญ่แข็งแรงนั่นด้วย”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเยาะ“อินชิงเสวียนมีความสามารถที่คาดไม่ถึงจริงๆ พวกเจ้าออกไปก่อน หากพวกนางอยากไป ก็ปล่อยให้พวกนางไป ไม่ต้องสนใจ”“ขอรับ”ศิษย์หลายคนโค้งคำนับและจากไปผู้อาวุโสหันยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องโถง สายตาปรากฏแววเหยียดหยามอยู่หลายส่วน ต้องการร่วมมือกับตาแก่หัวทึ่มทั้งสามคนนั้นเพื่อมาจัดการกับเขางั้นหรือ ดีดลูกคิดคำนวณได้ไม่เลว แต่น่าเสียดาย ที่พวกนางจะไม่มีวันเจอไอ้โง่พวกนั้นอีก!ผู้อาวุโสหันเยาะเย้ย จากนั้นขมวดคิ้วและเริ่มคิดเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนในการต่อสู้กับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ตัวเองควรมุ่งความสนใจไปที่การฝังโลหิตดี หรือควรแสวงหาการเลื่อนขั้นส่วนรวมจากน้ำพุวิญญาณดี?หากเป็นอย่างหลัง จนป่านนี้เขายังไม่มีข่าวคราวของเด็กเปรตนั่น อินชิงเสวียนจะถวายให้โดยไม่ค
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง