ฝ่ามือนั้นเร็วมาก จนเจวี๋ยอิ่งเห็นเป็นภาพติดตา คิดจะหลบก็สายเกินไปเสียแล้วปัง!เสียงอึกทึกดังขึ้นในหน้าอกของเจวี๋ยอิ่ง ทันใดนั้นเขาก็ลอยลิ่วออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด และกระแทกเข้ากับกำแพงวังหลวงอย่างแรงแต่แรงนั้นยังไม่ลดน้อยลง เสียงปังดังสนั่น กำแพงวังหลวงถูกเจวี๋ยอิ่งกระแทกจนพังทลาย ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์“หัวหน้า!”องครักษ์เงาหลายคนใช้วิชาตัวเบาไปช่วยพยุงเจวี๋ยอิ่งที่กระอักเลือดขึ้นมา“ทำอย่างไรดี ฝ่าบาทฝึกพลังยุทธ์แบบไหนกัน ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้”องครักษ์หมายเลขสามทั้งตกใจและหวาดกลัว เหงื่อเย็นไหลออกมาที่ปลายจมูก“ไม่รู้ ปกติฝ่าบาทเป็นคนสุขุมเยือกเย็น ไม่เคยคลุ้มคลั่งขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะธาตุไฟเข้าแทรกแน่ๆ”เจวี๋ยอิ่งลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก“ก่อนจากไปฮองเฮากำชับให้ปกป้องฝ่าบาทให้ดีเป็นพิเศษ วันนี้แม้ต้องตาย เราก็ต้องหยุดเขาให้ได้”เขาผลักเหล่าพี่น้องออกไป แล้ววิ่งฝ่าเข้าไปอีกครั้งเย่จิ่งอวี้ไม่หันกลับมามอง สะบัดฝ่าเท้าเตะออกไปทันทีพลังมหาศาลพุ่งกดดันใส่เจวี๋ยอิ่ง เจวี๋ยอิ่งคล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกหักของตัวเอง แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเ
หลังจากพูดจบ นักพรตเทียนชิงพูดกับตัวเองว่า “ข้าไม่รู้ว่าเรื่องบัญชาทัณฑ์ดำเนินการไปถึงขั้นใดแล้ว ชิงฮุยใช้กระดองเต่าทำนายดู อาจารย์อยากรู้ผล”“ขอรับ”ชิงฮุยหยิบกระดองเต่าขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ ใส่เหรียญอีแปะสามเหรียญเข้าไปในกระดองเต่า จากนั้นเขย่าหลายครั้ง แล้วค่อยๆ หยิบเหรียญอีแปะออกมาหลังจากอ่านภาพทำนายที่ประกอบกันหลายครั้ง สีหน้าของชิงฮุยก็ดูยุ่งยากใจ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “อาจารย์ ทำนายได้ว่าไม่เหลวไหล”นักพรตเทียนชิงมองลงมา ลูบเคราแล้วพูดว่า “ไม่เหลวไหลไม่คาดหวัง กระทำการสิ่งใดต้องระมัดระวัง ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ชิงฮุยพยักหน้าทันที พูดว่า “ภาพทำนายมาได้แบบนี้”นักพรตเต๋าวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “นี่เป็นหลักการอะไรกันแน่ พวกเราได้รับบัญชาจากสวรรค์ ให้ลงทัณฑ์ผู้ที่ก่อเหตุเข่นฆ่าสังหาร ผู้ใดจะกล้าหยุดเรา”นักพรตเทียนชิงยกมือขวาขึ้น แล้วนับนิ้วทำนาย“คนชั่วร้ายผู้นี้เป็นคนบ้าคลั่งไปแล้ว ชิงหมิง เจ้ากับชิงเหิงชิงอวี้ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเพียงใด ก็ต้องจับกุมคนชั่วนี้ไปรับโทษให้ได้ หากการปล้นฆ่าที่เป็นหายนะร้ายแรงเช่นนี้ไม่ถูกหยุดยั้ง เมื่อใดที่จิตใจเข
เฟิงเอ้อร์เหนียงถูกกระแทกให้ถอยไปก้าวด้วยกำลังภายในที่แข็งกร้าวเผด็จการทันทีนิ้วของอินชิงเสวียนจี้สกัดจุดสำคัญบนหน้าอกของฉุยอวี้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และจุดสุดท้าย นางจี้สกัดจุดที่หว่างคิ้วนางกำนิ้วเป็นดัชนีกระบี่ จิ้มไปยังจุดห้วงทะเลแห่งจิตของฉุยอวี้ ฉุยอวี้เหมือนจะมีอาการกระตุกอย่างแรง ร่างทั้งร่างสั่นอย่างรุนแรงราวกับว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อต“ฉุยอวี้!”เฟิงเอ้อร์เหนียงอุทานลั่น ลูกกลมแสงสีม่วงอ่อนก่อตัวบนฝ่ามือของนางขณะที่กำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็เห็นฉุยอวี้ก็ลืมตาขึ้นมานางมองดูกำแพงหินรอบๆ ตัวด้วยสีหน้าสับสน แล้วพึมพำว่า “ที่นี่...ที่ไหน”“ฉุยอวี้ เจ้ารู้สึกตัวแล้ว ยังจำข้าได้ไหม”เฟิงเอ้อร์เหนียงวิ่งไปที่เตียงอย่างตื่นเต้นนับตั้งแต่ฉุยอวี้ถูกควบคุม นี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดขึ้นฉุยอวี้หันหน้ามาช้าๆ พูดด้วยเสียงอ่อนแรง “อวิ๋นลี่... “เฟิงเอ้อร์เหนียงจับมือนางอย่างตื่นเต้น พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกและพูดว่า “ข้าเอง ในที่สุดเจ้าก็จำข้าได้แล้ว”ฉุยอวี้พยักหน้า มองไปยังอินชิงเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ “แม่นางชิงเสวียน ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ ที่นี่ที่ไหนกันแน่”เฟิงอวิ๋นลี่ก็มองไปที่อิ
เฟิงเอ้อร์เหนียงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าได้วางแผนไว้แล้ว ข้าจะทำตามนั้น เพียงแต่ว่าเด็กนั้นหายไปหลายวันแล้ว หากไม่พบอีก...”นี่คือหลานชายของพี่หญิงใหญ่ เฟิงเอ้อร์เหนียงรักนางและรักลูกหลานของนางด้วย และยังผูกพันกับเสี่ยวหนานเฟิงมากอีกด้วยช่วงนี้ฉุยอวี้สับสน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองดูทั้งสองคน“ธิดาเทพอะไร เด็กอะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเจ้าอย่าทำให้ข้าอึ้งอีกเลย”เฟิงเอ้อร์เหนียงรู้ว่านางเป็นคนใจร้อน จึงรีบพูดว่า “เรื่องเป็นแบบนี้...”เมื่อรู้เหตุและผลของทุกสิ่ง ดวงตาของฉุยอวี้ก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง“ไอ้แก่นรกนี่โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ พี่หญิงใหญ่ถูกเสาเหล็กแปดเสาขังไว้ อยู่ๆ จะหายตัวไปในทันใดได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นคนอื่นไม่รู้เรื่องผาเฟิงเริ่น บางทีนี่อาจเป็นกลอุบายที่เขาวางไว้อีก นอกจากนี้ ตำหนักเทพหอทองคำยังได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะพาเด็กออกไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ หากการเดาของข้าถูกต้อง ศิษย์พี่ใหญ่และเด็กจะต้องตกอยู่ในมือของเขา”เมื่อฟังการวิเคราะห์ที่มีตรรกะอย่างดีของฉุยอวี้ อินชิงเสวียนก็เม้มริมฝีปากสมแล้วที่เป็นเจ้
ผู้อาวุโสหันวางหนังสือในมือลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เข้ามาเถอะ”ฉางเฮิ่นเทียนโค้งกายคำนับ แล้วเดินเข้ามาจากประตู คุกเข่าลงบนพื้นโดยที่หมอบลงทั้งตัว“หวังว่าผู้อาวุโสหันจะไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่ได้มีเจตนาปิดบัง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนี้มีประโยชน์อะไร แค่จดมันไว้ และนำออกมาดูเป็นครั้งคราว ถ้าผู้อาวุโสหันชอบ ข้ายินดีมอบสิ่งนี้ให้กับผู้อาวุโส”ผู้อาวุโสหันวางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะ น้ำเสียงยังคงอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับกำลังคุยกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันศิษย์“นี่คงเป็นเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์กระมัง เจ้าเป็นเพียงคนครัวเล็กๆ จะเห็นวรยุทธ์ของอิ๋นเฉิงได้อย่างไร”ฉางเฮิ่นเทียนเงยหน้าขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกเวียนหัวในหัวทันทีเขาคิดในใจ ‘ซวยแล้ว ตาแก่นี้ใช้ศาสตร์วิชาที่ทำให้จิตใจของเขาสับสน’โชคดีที่เจ็ดสิ่งต้องห้ามของอิ๋นเฉิงยังอยู่บนตัวเขา ซึ่งสามารถช่วยหักล้างพลังได้ส่วนหนึ่ง เฮ่อยวนคนเลวทรามนี่ กลับช่วยเขาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วเขาทนต่อคลื่นความวิงเวียน พูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเครื่องจักร “จริงๆ แล้วข้าเป็นคนเก็บสมุนไพรจากสวนยากงซวิน ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินเจ้าเมือง ได้ติดตามนางเข้าไปในหอตำราสะสมของ
อินชิงเสวียนกลับมาที่บ้านหินแล้วการที่มีฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงช่วยในการไกล่เกลี่ย ย่อมดีกว่าการพบปะกับผู้อาวุโสทั้งหลายด้วยตนเอง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แค่ต้องรอผลลัพธ์อย่างอุ่นใจก็พออินชิงเสวียนเดินไปที่เตียงหิน แล้วนั่งขัดสมาธิอย่างสงบสดชื่นแม้ว่านางจะหลอมรวมกำลังภายในของทุกคนเข้าด้วยกัน แต่ยังคงมีวรยุทธ์หลายอย่างที่นางยังไม่เชี่ยวชาญได้ อุตส่าห์ได้มีโอกาสดีทั้งที จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้นางปิดเปลือกตาลงเบาๆ ในไม่ช้าก็เข้าสู่ห้วงทะเลแห่งจิตของตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงขลุ่ยแผ่วเบาอินชิงเสวียนลืมตาขึ้นทันที จึงพบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว นางตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่ง แล้วก็รู้สึกประหลาดใจ มันเป็นเพลงหยกรัตติกาลผู้ที่เล่นดนตรีไม่มีความชำนาญ ดังนั้นจึงไม่ใช่ด้วยลิ่นเซียวอย่างแน่นอนอินชิงเสวียนผลักประตูหินออก เดินตามเสียงขลุ่ยไปจนถึงป่าต้นหยาง แล้วก็เห็นเย่จั้นยืนอยู่ใต้ต้นไม้ทันที“เสด็จ...”ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่า ‘อา’ ก็รู้สึกถึงเสียงลมแปลกๆ เหนือศีรษะ มีมือหนึ่งซัดฝ่ามือไปที่ศีรษะของเย่จั้นเย่จั้นและอินชิงเสวียนซัดฝ่ามือออกไปพร้อมกัน และเมื
“หายไปไหนแล้ว”ถ้ำหินมีขนาดไม่ใหญ่นัก ยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเย่จั้นก็ดูสับสนเช่นกัน“ข้าจี้สกัดจุดนางไว้แล้ว ตอนที่ข้าจากไปนางก็ยังอยู่ที่นี่”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว“หรือว่านางคลายจุดได้เองและจากไปแล้ว?”เย่จั้นส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้อินชิงเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามทันที “นางสวมเสื้อผ้าแบบไหน”ในตำหนักเทพมีศิษย์หญิงไม่มาก จนถึงตอนนี้ศิษย์หญิงที่อินชิงเสวียนเคยเห็น ก็มีไม่เกินห้าคนเท่านั้น“นางสวมชุดสีขาว สวมผ้าคลุมหน้าผืนยาว”อินชิงเสวียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ“หรือว่า เป็นธิดาเทพจากตำหนักเทพหอทองคำ?”“ธิดาเทพ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เย่จั้นดูตกใจอินชิงเสวียนกล่าวว่า “ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นธิดาเทพชุดขาวในตำหนักเทพ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าก็เห็นนางอีกครั้งที่ริมลำธาร นางดูค่อนข้างแปลกจริงๆ แต่เสด็จอาจะแน่ใจได้อย่างไรว่านางคืออาหญิงของข้า อินหลี?”เย่จั้นกระแอมไอแห้งๆ “ข้าบังเอิญเห็นหน้านางน่ะ ดวงตาคู่นั้น คล้ายกับดวงตาของเจ้ามาก”ภาพดวงตากลมโตสุดใสดุจธาราคู่นั้นผุดขึ้นในหัวของอินชิงเสวียน ลักษณะของดวงตาคู่นั้นค่อนข้างคล้ายกับของนางจริงๆ อย
อีกคนพูดอย่างเย็นชา “พวกเราทำตามคำสั่ง กลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม”“พวกเจ้านี่บังอาจกันจริงๆ!”อินชิงเสวียนตั้งพิณการเวกบนพื้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าพวกเจ้ามีความสามารถแค่ไหน”“แม่นางอิน นี่เป็นเรื่องภายในของสำนักของเรา เจ้าไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายจะดีกว่า”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “สองคนนี้เป็นเพื่อนของข้า วันนี้ข้าจะปกป้องพวกนางให้ได้”มือเรียวของนางดึงสายเบาๆ เสียงพิณดังชัดเจนทำให้ทุกคนเลือดลมพลุ่งพล่านศิษย์หลายคนก้าวถอยหลังอีกคิดไม่ถึงว่าอินชิงเสวียนที่อายุยังน้อย แต่ทักษะวรยุทธ์กลับสูงส่งถึงเพียงนี้“ในเมื่อแม่นางอินยืนกรานดื้อดึง งั้นพวกเราก็มีแต่ต้องบอกผู้อาวุโสหันให้มาจัดการเท่านั้น”อินชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ตามสะดวก”ทั้งหมดมองดูพวกนางทั้งสามอย่างเกลียดชัง และจากไปอย่างรวดเร็วอินชิงเสวียนเก็บพิณการเวก แล้วหันกลับมาถามว่า “ผู้อาวุโสทั้งสองจะไปที่ใด”เฟิงเอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “พวกเรากำลังจะไปพบผู้อาวุโสคุมกฎ แต่ถูกศิษย์ที่ลาดตระเวนเหล่านี้พบเข้า”นางหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “หากผู้อาวุโสหันรู้ว่าศิษย์พี่ฉุยฟื้นคืนสติแล้ว จะทำอ