จวนเจ้ากรมการกลาโหม
ที่เรือนรับรอง วันนี้มีการต้อนรับตระกูลโจวของเสนาบดีกรมยุติธรรมที่กำลังจะเกี่ยวดองกันในเร็ววันนี้ โจวถิงหลาน บัณฑิตหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลโจว เขาดูเหมาะสมกับบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเจ้ากรมการกลาโหมอย่างหลินเยว่หรูยิ่งนัก ชายหญิงทั้งสองนั่งเคียงข้างกันดูเหมาะสมราวกับคู่ที่ฟ้าดินสร้างมา
“อีกสองเดือนเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว ข้าล่ะดีใจยิ่งนัก”
เจ้ากรมการกลาโหมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แววตาที่มองไปยังสองหนุ่มสาวนั้นล้วนแล้วแต่แสดงออกว่ามีความสุขที่บุตรสาวคนรองของตนกำลังจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ
“ข้าก็ดีใจ และรู้สึกยินดีเช่นเดียวกันกับท่านใต้เท้า” โจวถิงเหวิน เสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยออกมา
“แล้วบุตรชายคนโตของท่านล่ะ วันนี้เขามิได้กลับจวนหรอกหรือ”
“ช่วงนี้หลินชูจ้านไม่ว่างน่ะ เห็นบอกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกลับมาเยี่ยมจวน ส่วนลูกสามของข้าก็ไม่ว่างเช่นกัน เขาก็ยุ่งอยู่กับงานไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของเขา”
หลินหยางตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ บุตรชายคนโตของตระกูลหลินนั้นเป็นขุนนางขั้นเจ็ด ได้เป็นนายอำเภอเล็กของเมืองหานไห่ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่ติดกับเมืองหนานอัน ส่วนบุตรชายคนที่สามก็ได้รับราชการเป็นขุนนางขั้นเก้า ทำหน้าที่เป็นเสมียน
“อ้อ… อืม… ข้าได้ข่าวว่าบุตรีคนเล็กของท่านเจ็บป่วย บัดนี้นางเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ข้ารู้จักท่านหมอเก่งๆ อยู่หลายคน หากนางยังไม่ดีขึ้นข้าแนะนำให้ท่านเอาไหม”
โจวถิงเหวินที่พอรับรู้มาว่าบุตรีที่เกิดจากอนุคนที่สองของเจ้ากรมการกลาโหมนั้นป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาจึงแสดงความห่วงใยออกมา เพราะอีกไม่นานทั้งสองสกุลก็จะได้เกี่ยวดองกัน
“ขอบใจท่านใต้เท้ามาก แต่นางดีขึ้นมากแล้วล่ะ” หลินหยางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่บุตรีตกลงไปในสระน้ำที่ในสวนของจวน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องภายใน
“อ้อ… ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว”
ทั้งสองครอบครัวนั่งพูดคุยเรื่องงานแต่งงานและรับประทานอาหารร่วมกันก่อนที่ตระกูลโจวจะขอตัวกลับจวนก่อนเพราะพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว
เรือนเล็กของอนุซูฉี
ร่างบางที่เริ่มออกกำลังกายตามแบบสมัยใหม่นั้นเริ่มออกกำลังกายท่าพื้นฐาน วันนี้ร่างกายของนางฟื้นตัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ความอ่อนแอที่เคยมีราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของหลินซูเหมยมาก่อน ประตูห้องนอนถูกเคาะจากทางด้านนอก ก่อนที่เสี่ยวเอ๋อจะส่งเสียงเข้ามา
“คุณหนูเจ้าคะ นายหญิงเล็กให้มาเรียกไปรับมื้อเย็นเจ้าค่ะ”
“อือ…. ข้ากำลังจะออกไป” เสียงใสๆ ตะโกนบอกก่อนที่นางจะหยิบผ้าผืนบางมาเช็ดเหงื่อ จากนั้นจึงออกไปหามารดาที่โต๊ะอาหาร
“เป็นอย่างไรบ้างเหมยเอ๋อร์ อาการเจ้าดีขึ้นหรือไม่” อนุซูฉีเอ่ยถามบุตรสาวหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ
“ลูกมีแรงขึ้นมามากแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านอย่าห่วงลูกไปเลย จากนี้ไปลูกไม่ใช่เด็กน้อยผู้อ่อนแอคนเดิมอีกแล้ว” บุตรสาวเงยหน้าตอบมารดา
“อย่าเพิ่งเร่งรีบไปนะเหมยเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งจะหายป่วย แม่อยากให้เจ้าได้พักผ่อนให้เต็มที่ก่อน” นางเอ่ยเตือนบุตรสาวที่มีสายตามุ่งมั่น ช่างแตกต่างกับบุตรสาวคนเดิมของนางนัก
“อีกสองเดือนข้างหน้าคุณหนูรองก็จะออกเรือนแล้วนะเจ้าคะ หากจวนนี้ไร้นางไปอีกคน บ่าวว่าเราลำบากแน่เจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา
“เจ้ามิต้องเป็นกังวลไปนะเสี่ยวเอ๋อ ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าต่อจากนี้ไปข้าจะปกป้องท่านแม่กับเจ้าเอง” คุณหนูห้ายกมือบางขึ้นไปจับมือของเสี่ยวเออแล้วเอ่ยออกมา
“เจ้าค่ะคุณหนู แต่ถึงอย่างไร บ่าวว่าเราอยู่ให้ห่างจากคนเรือนนั้นไว้ก็ดีนะเจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อไม่วายเป็นห่วงคุณหนูของนาง
“นั่นน่ะสิลูก อยู่ห่างๆ จากคนของเรือนอนุจินไว้แม่ก็ว่าดีแล้วล่ะ” อนุซูฉีเห็นด้วยกับเสี่ยวเอ๋อ เพราะบุตรสาวของนางผู้นี้มักจะโดนบุตรีของอนุจินรังแกอยู่เป็นประจำ
“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกขอตัวกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ ลูกอยากนอนพักแล้ว” เสียงหวานเอ่ยออกมาบอกมารดา
“ไปเถอะลูก เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลลูกสาวของข้าให้ดีๆ” นางไม่วายหันไปสั่งเด็กรับใช้ข้างกายของบุตรสาว
“เจ้าค่ะนายหญิงเล็ก”
เสี่ยวเอ๋อช่วยประคองร่างบอบบางของคุณหนูห้าให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ นางคำนับมารดาหนึ่งครั้งก่อนที่จะเดินออกจากที่ตรงนี้ไป สายตาห่วงใยมองไปยังร่างเล็กที่มีร่างที่ใหญ่กว่าคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อนุซูฉีถอนหายใจหนักๆ ออกมา ถึงบุตรสาวของนางจะดูแข็งแรงขึ้นมาก แต่ทว่านางก็ยังอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ เป็นเพราะนางที่มีฐานะต่ำต้อย เป็นเพียงลูกพ่อค้าจนๆ หาใช่ลูกขุนนางเฉกเช่นเดียวกับนายหญิงใหญ่และนายหญิงรองไม่
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนของตน หลินซูเหมยก็ขึ้นไปนอนที่บนเตียงทันที ดวงตากลมมองดูชุดที่สาวใช้อย่างเสี่ยวเอ๋อสวมใส่ก็ฉีกยิ้มออกมา นางไม่เคยคิดมาก่อนมาตนเองจะมีโอกาสมาเกิดในสถานที่ที่นางชื่นชอบตอนมีชีวิตอยู่เช่นนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่นางไม่ชอบคือการถูกกลั่นแกล้งรังแก
“เสี่ยวเอ๋อ… เหนื่อยเจ้าแล้วนะ” ร่างบางที่นั่งหลังพิงหัวเตียงเอ่ยออกมา
“ไม่เหนื่อยเลยเจ้าค่ะ” รอยยิ้มจริงใจที่ออกมาจากใบหน้าขาวของคนที่ยืนอยู่นั้นทำให้คนที่นอนมองอยู่ฉีกยิ้มออกมาให้นางเช่นกัน
“นอนเถอะนะเจ้าคะ พรุ่งนี้คุณหนูต้องไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ที่เรือนใหญ่นะเจ้าคะ”
นั่นน่ะสินะ ตอนนี้นางร่างกายฟื้นตัวและแข็งแรงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว นางต้องทำหน้าที่ที่นางควรจะทำเสียที ใบหน้างามของสาวน้อยวัยแรกแย้มขยับขึ้นลงก่อนที่จะล้มตัวลงนอนแต่โดยดี
เสี่ยวเอ๋อมองคุณหนูของนางด้วยแววตาที่มีความสุข ก่อนหน้านี้คุณหนูห้าอ่อนแอ จะลุกจะนั่งหรือจะเดินล้วนแล้วแต่เหนื่อยง่าย จึงเป็นเหตุผลที่คุณหนูของนางเอาแต่นอนอยู่บนเตียง แต่ทว่าเวลานี้คุณหนูดูเหมือนจะแข็งแรงกว่าแต่ก่อนแล้ว แววตาของนาง ใบหน้าของนางก็ดูสดใสสมวัยขึ้นมาก ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา ก่อนที่จะเยื้องย่างออกจากห้องนอนของคุณหนูห้าไป
เสียงเคาะไม้บอกเวลาในยามเช้าปลุกร่างบางให้ลุกขึ้นมา นางยืดเส้นยืดสายของตนเองเล็กน้อย เสียงลงน้ำหนักเท้าที่ดังอยู่ด้านนอกทำให้หลินซูเหมยนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง นางทำท่าทางบิดกายไปมาเมื่อเด็กรับใช้เข้ามาภายในห้อง
“คุณหนูเจ้าคะ วันนี้ท่านช่างตื่นเช้ายิ่งนัก” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม นางแปลกใจที่คุณหนูนั้นตื่นโดยนางไม่ต้องเข้ามาปลุก
“เจ้าเตรียมน้ำให้ข้าแล้วใช่ไหม” ริมฝีปากบางเอ่ยถามออกมา
“เจ้าค่ะ…ไปอาบน้ำก่อนนะเจ้าคะ แล้วค่อยเข้ามาแต่งตัว จากนั้นค่อยไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะบอกคุณหนูห้าด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น พรางสำรวจร่างบางของคุณหนูของนาง
ไม่กี่เค่อต่อมาร่างบางที่สวมใส่ชุดเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องนอน ด้านหลังเป็นเสี่ยวเอ๋อที่คอยติดตามดูแลรับใช้นาง ขณะที่เดินไปถึงกลางจวนก็ได้พบกับคุณหนูสี่ที่เดินมาพร้อมกับสาวรับใช้สองคนของนาง
“อ้าว…. น้องหญิงห้า นี่เจ้ากำลังจะไปที่ใดกัน”
ทุกเช้านางต้องไปบ้านใหญ่เพื่อคารวะท่านพ่อกับแม่ใหญ่อยู่แล้ว แต่ทว่าวันนี้กลับแปลกใจที่ได้เห็นหน้าของคนที่นางไม่อยากเห็นเดินมาทางนี้เช่นกัน
“คารวะท่านพี่หญิงสี่ ข้ามาคารวะท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายเสแสร้งแกล้งเอ่ยถามออกมา เหตุใดนางจะเสแสร้งตีหน้าซื่อใส่อีกฝ่ายไม่ได้กัน
“นี่เจ้าแข็งแรงดีแล้วอย่างนั้นหรือ” หลินจินหรูเอ่ยถามขึ้นมา หาใช่ความห่วงใยแต่ทว่าเป็นความอยากรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายมากกว่า
“ก็พอเดินไปไหนมาไหนสะดวกกว่าแต่ก่อนมากแล้วเจ้าค่ะ น้อง…มิใช่เด็กที่อ่อนแอเช่นเมื่อก่อนอีกแล้วเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“คุณหนูห้าเจ้าคะ บ่าวว่ารีบไปเรือนใหญ่เถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวเลยเวลานายท่านกับนายหญิงใหญ่จะว่าเอาได้นะเจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อขัดจังหวะขึ้น สองสาวใช้มองมายังนางด้วยสายตาที่หมั่นไส้
“เช่นนั้น… น้องว่าเราไปคารวะท่านพ่อกับแม่ใหญ่พร้อมกันเถอะเจ้าค่ะ”
ร่างบางเดินไปประชิดตัวของหลินจินหรูโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว นางมองคนที่กล้ามาถึงเนื้อถึงตัวเธอ ก่อนที่จะเดินเคียงข้างกันไป แม้ใจจะไม่อยากเดินร่วมทางแต่ก็จำต้องฝืนทน
เช่นเดียวกับหลินซูเหมยที่กำลังเสแสร้งแกล้งทำให้อีกฝ่ายตายใจอยู่ เหตุใดนางจะต้องมาเป็นมิตรกับคนที่กลั่นแกล้งรังแกนางมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยเล่า ริมฝีปากบางยกยิ้มเย็นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เสี่ยวเอ๋อ กับอีกสองสาวใช้ของหลินจินหรูหันมองหน้ากันก่อนที่จะสะบัดหน้าไปคนละฝั่ง จากนั้นจึงรีบสาวเท้าก้าวตามคุณหนูของตนไปห่างๆ
“ลูกคารวะท่านพ่อ คารวะแม่ใหญ่” บุตรีจากอนุทั้งสองคนคำนับคนที่นั่งอยู่เก้าอี้เบื้องหน้าทั้งสอง
“เหมยเอ๋อร์….นี่เจ้าฟื้นตัวดีแล้วหรือเนี่ย” หลินฮูหยินเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำที่บุตรีคนเล็กของสามีมาทำความเคารพเขาและนาง
“เจ้าค่ะแม่ใหญ่ หลังจากวันที่ลูกฟื้นจากการจมน้ำในครานั้น ลูกก็รู้สึกว่าร่างกายของลูกแข็งแรงขึ้นมาก เห็นทีลูกคงต้องขอบใจลูกแมวตัวนั้นแล้วล่ะเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยตอบหลินฮูหยินด้วยน้ำเสียงสดใส หลินเยว่หรูที่เห็นเช่นนั้นจึงฉีกยิ้มออกมา
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ พ่อรู้สึกดีใจยิ่งนัก” นายท่านหลินหยางรีบลุกจากที่นั่งแล้วมาสำรวจร่างบางของบุตรสาว หลินซูเหมยหมุนไปตามแรงของบิดา
“จริงเจ้าค่ะท่านพ่อ” หลินฮูหยินยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีหมดความกังวล
“ดีๆๆ ต่อแต่นี้ไปพ่อจะได้หมดความกังวลเรื่องอาการเจ็บป่วยของเจ้า” หลินหยางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด
“ถ้าเป็นเช่นนั้นวันนี้เจ้าอยู่เล่นที่เรือนของพี่ก่อนนะ พี่มีของจะให้เจ้า” พี่หญิงรองบอกน้องสาวคนเล็กออกมา
“เจ้าค่ะ...พี่หญิงรอง” หลินซูเหมยหันไปตอบพี่สาวต่างมารดาพร้อมกับฉีกยิ้มออกมา
“ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ก็ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีเถิด สิ่งใดที่เจ้าอยากทำก็ขอให้บอก แม่ใหญ่ไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ”
หลินฮูหยินบอกออกมาอย่างใจดี หลินหยางหันไปส่งยิ้มให้กับนาง เขาเลือกไม่ผิดที่มีนางเป็นภรรยาเอกของเรือน นอกจากนางจะจิตใจดีมีเมตตา หลินฮูหยินนั้นไม่เคยข่มเหงหรือรังแกทั้งอนุและบุตรที่เกิดจากอนุของเขาเลยสักครั้ง ชีวิตนี้เขาช่างโชคดีนัก
หลินจินหรูมองน้องสาวต่างมารดาด้วยความอิจฉาริษยา ทั้งท่านพ่อ แม่ใหญ่และพี่หญิงรองต่างไม่มีใครสนใจจะถามไถ่เรื่องอันใดนางสักนิด ทุกคนเอาแต่สนใจน้องสาวขี้โรคที่บัดนี้กลายเป็นเด็กสาวที่แข็งแรงราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน
‘ทำไมฟ้าช่างเข้าข้างเจ้านัก ข้าอุตส่าห์มอบความตายให้เจ้า กลับกลายเป็นว่า ข้าทำให้เจ้ามีชีวิตใหม่ขึ้นมา’ หลินจินหรูคิดเคียดแค้นอยู่ภายในใจ แผนการทำลายชีวิตอีกฝ่ายเริ่มผุดขึ้นมาในหัวของนางอีกครั้ง
หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
ประเทศไทยเสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแช
ณ เมืองหนานอัน เมืองแห่งการค้าขายของแคว้นต้าตง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนานอันแห่งนี้นั้น ทำให้มีตระกูลของขุนนางและตระกูลของพ่อค้าจากหลากหลายสกุลมาสร้างจวนและลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองแห่งนี้ รวมไปถึงจวนสกุลหลินของเจ้ากรมการกลาโหม 'หลินหยาง' ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวน เขามีฮูหยินและมีอนุภรรยาอีกสองคน มีบุตรชายกับบุตรีรวมห้าคน จากฮูหยินสองคนคือ ‘หลินชูจ้าน’ และ ‘หลินเยว่หรู’ กับอนุภรรยารองสองคนคือ ‘หลินจางหลง’ และ ‘หลินจินหรู’ และจากอนุภรรยาคนที่สองอีกหนึ่งคน คือ 'หลินซูเหมย' ภายในจวนแห่งนี้นั้นจึงมีเรือนทั้งหมดสี่หลัง หลังแรกเป็นบ้านใหญ่ และไล่ไปตามลำดับ“ท่านพี่...ลูกซูเหมยป่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ” อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยบอกผู้เป็นสามีขณะที่เขามาค้างที่เรือน"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกห้าป่วยอีกแล้วอย่างนั้นหรือ" หลินหยางเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เขาเป็นชายที่ไม่ลำเอียง รักและห่วงใยบุตรทุกคนของตนอย่างเท่าเทียมกัน"เจ้าค่ะท่านพี่ ยิ่งนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ""แล้วเจ้าตามท่านหมอมาดูนางหรือยัง"“ตามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกเพียงว่าลูกห้านั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางต้องออกกำลังให้มา
เสียงเนื้อกระทบกับกระสอบทรายดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ค่ายมวยที่เต็มไปด้วยนักมวยชายรูปร่างกำยำกำลังฝึกซ้อมมวยกันอยู่อย่างขะมักเขม้น รวมไปถึงร่างเล็กแต่กำยำของหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยกำลังซ้อมอยู่กับคู่ซ้อมที่เป็นชายอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ท่าทางออกหมัด เท้า เข่า ศอกของเธอเป็นไปอย่างชำนาญ อีกทั้งยังหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเสียงระฆังดังเตือนหมดยกจากข้างเวทีมวย ร่างบางจึงเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พักผ่อนของเธอ อมิตายกขวดน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะหยิบผ้าเย็นที่พี่เลี้ยงเตรียมเอาไว้ให้ขึ้นมาเช็ดเหงื่อ“อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะได้แข่งอีก พี่ต้าทำไมซ้อมหนักจัง” ไข่หวานนักมวยสาวสมัครเล่นภายในค่ายมวยอรุณรุ่งแห่งนี้เอ่ยถามไอดอลของเธอออกมา“ก็เพราะการรักษาแชมป์พี่จึงต้องฝึกให้ร่างกายพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอไง” ต้า นางฟ้าเอเชียหรือ อมิตานักมวยคนสวยตอบรุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม“อนาคตข้างหน้า หากไข่หวานได้ก้าวขึ้นสังเวียน ไข่หวานต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าการเป็นแชมป์มันไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์ เข้าใจไหม” อมิตาบอกรุ่นน้องสาวก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปกลางเวทีนวมของเธอชนกับนวมของคู่ซ้อ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
จวนเจ้ากรมการกลาโหมที่เรือนรับรอง วันนี้มีการต้อนรับตระกูลโจวของเสนาบดีกรมยุติธรรมที่กำลังจะเกี่ยวดองกันในเร็ววันนี้ โจวถิงหลาน บัณฑิตหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลโจว เขาดูเหมาะสมกับบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเจ้ากรมการกลาโหมอย่างหลินเยว่หรูยิ่งนัก ชายหญิงทั้งสองนั่งเคียงข้างกันดูเหมาะสมราวกับคู่ที่ฟ้าดินสร้างมา“อีกสองเดือนเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว ข้าล่ะดีใจยิ่งนัก”เจ้ากรมการกลาโหมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แววตาที่มองไปยังสองหนุ่มสาวนั้นล้วนแล้วแต่แสดงออกว่ามีความสุขที่บุตรสาวคนรองของตนกำลังจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ“ข้าก็ดีใจ และรู้สึกยินดีเช่นเดียวกันกับท่านใต้เท้า” โจวถิงเหวิน เสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยออกมา“แล้วบุตรชายคนโตของท่านล่ะ วันนี้เขามิได้กลับจวนหรอกหรือ”“ช่วงนี้หลินชูจ้านไม่ว่างน่ะ เห็นบอกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกลับมาเยี่ยมจวน ส่วนลูกสามของข้าก็ไม่ว่างเช่นกัน เขาก็ยุ่งอยู่กับงานไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของเขา”หลินหยางตอบด้วยน้ำเสียงภาค
“ไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าไปเดินใกล้น้ำอีก เข้าใจไหม” หลินฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างมีเมตตา“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านพ่อกับแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” อมิตาในร่างหลินซูเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมหลินฮูหยินไม่เคยถือสาหาความกับเด็กสาวเพราะนางป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ การที่นางไม่ได้ไปคารวะตนเองที่เรือนใหญ่ในทุกๆ เช้าก็เป็นเพราะนางป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เกิด นับได้ว่าเป็นบุตรีในจวนที่มีชะตาชีวิตน่าสงสารที่สุด“เช่นนั้น เจ้าพักผ่อนเถอะเหมยเอ๋อ พ่อกับแม่ใหญ่กลับเรือนก่อนล่ะ หากรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายตรงไหนเจ้าให้คนไปตามท่านหมอหวงมาดูอาการลูกห้าด้วยนะซูฉี” เจ้ากรมการกลาโหมบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปสั่งอนุภรรยาของตน“เจ้าค่ะท่านพี่” อนุซูฉีตอบสามีก่อนที่เธอจะคำนับส่งเขาและหลินฮูหยิน“พี่กลับเรือนก่อนหนา หากเจ้ารู้สึกดีขึ้นก็ไปหาพี่ที่เรือนได้ อีกไม่นานพี่ก็จะออกเรือนแล้ว”คุณหนูรองบอกน้องสาวต่างมารดา อมิตาดูพี่สาวผู้นี้น่
อมิตาหลับไปจากอาการอ่อนเพลียที่ยังคงมีอยู่ เธอยังคงมีความหวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถกลับไปยังโลกเดิม โลกที่เธอจากมา หากเธอยังไม่ตายจากโลกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเธอตายแล้ว เธอก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้อ่อนแอผู้นี้ ภาษาการพูดการฟังเธอสามารถรับฟังและพูดภาษาของคนที่นี่ได้ออกมาอัตโนมัติ ราวกับว่าเป็นคนที่อยู่เมืองแห่งนี้มานานอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าของร่างนี้ที่ทิ้งความเคียดแค้นเอาไว้ให้เธอ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมและนำร่างนี้ทำความดีต่อไป“คุณหนู… เมื่อไหร่จะตื่นเสียทีล่ะเจ้าคะ บ่าวรอคุณหนูตื่นมาคุยกับบ่าวตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ของคุณหนูก็รอคุณหนูอยู่ รีบตื่นขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อร้องเรียกคุณหนูห้าอยู่ที่ข้างเตียง ถึงแม้ท่านหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทว่านางเองก็ไม่ยอมวางใจ“ขอน้ำหน่อย…” เปลือกตาบางที่เปิดออกพร้อมกับริมฝีปากที่แห้งผาก“คุณหนู!!!! คุณหนูฟื้นแล้ว!!! นี่เจ้าค่ะน้ำ” เสี่ยวเอ๋อรีบประคองคุณหนูห้าขึ้นมาแล้วนำน้ำในถ้วยชาให้เธอดื่ม“แค่กๆๆ” อม
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง