หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น
“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง
“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา
“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน
“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
“แล้ว…. นางจำได้ไหมว่านางตกลงสระน้ำไปได้อย่างไร” อนุจินหรงกระซิบถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงเรือนนี้จะเป็นของนางแต่ทว่านางก็ไม่ไว้วางใจในผู้ใด
“คุณหนูห้าบอกว่านางพลัดตกลงไปเพราะไปอุ้มลูกแมวเจ้าค่ะ”
พอได้ยินเช่นนั้นหลินจินหรงจึงค่อยถอนหายใจออกมาราวกับว่าคลายความกังวลใจ นางพยักหน้าก่อนที่จะหันไปสนใจบุตรสาวของตน
“ลูกหญิง… เปิดประตูให้แม่เข้าไปหน่อยสิลูก”
เสียงของมารดาที่ดังเข้ามาทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองก่อนหน้าสงบลง นางเดินไปเปิดประตูให้ผู้เป็นมารดาก่อนที่จะร้องไห้ออกมา อนุจินประคองร่างบางของบุตรสาวไปนั่งลงที่เตียง ก่อนที่จะใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้เละจนดูไม่ได้ ข้าวของเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น มีบางส่วนที่แตกหักและเสียหาย
“เหตุใดเจ้าถึงทำลายข้าวของเช่นนี้กันล่ะจินหรู”
อนุจินหรงเอ่ยถามบุตรสาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจก่อนที่จะส่งสายตาไปยังสองสาวรับใช้ให้ทั้งสองเก็บกวาดให้เรียบร้อย
“ท่านแม่…. ท่านไม่รู้อันใด เช้านี้ลูกอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ แต่ข้าต้องไปเจอใครบางคนที่มันขวางหูขวางตาข้าเหลือเกิน ทำไมบ้านใหญ่รักและเอ็นดูมันต่างจากลูกยิ่งนัก” คุณหนูสี่ผู้แสนเอาแต่ใจตอบมารดาอย่างตัดพ้อ
“โถ่ลูก… เจ้าจะไปสนใจคนอื่นให้รำคาญใจไปทำไมกัน ใครจะไม่รักหรือเอ็นดูลูกก็ช่าง แต่ลูกจงรู้ไว้ว่าแม่คนนี้กับท่านตาท่านยายของลูกนั้นรักและเอ็นดูลูกเสมอ”
อนุจินหรงปลอบใจบุตรสาว ที่นางแต่งมาเป็นอนุของเจ้ากรมการกลาโหมเพราะตระกูลของนางต้องการรักษาอำนาจและหน้าตาเอาไว้หาใช่ความรักทั้งหมดไม่
“แต่ลูกอยากให้ท่านพ่อรักและเอ็นดูลูกบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เอ็นดูนังเด็กขี้โรคนั่น คนอะไรตายยากจริงๆ ขนาดตกลงไปในน้ำเย็นๆ แถมสลบไปถึงสามคืนเต็มๆ มันยังดวงแข็งฟื้นมาได้” อนุจินรีบยกมือขึ้นมาปิดปากบุตรสาวของตนทันที
“อย่าเอ่ยไป… หากมีคนมาได้ยินแล้วเราจะซวยเอาได้ ดีที่นังเด็กนั่นมันจำเรื่องราวตอนที่ตกลงไปได้ไม่หมด มิเช่นนั้นพ่อเจ้าได้สั่งไตร่สวนเรื่องนี้เป็นแน่”
อนุจินรู้ดีว่าผู้เป็นสามีนั้นยึดมั่นในความยุติธรรมถึงเพียงไหน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปมีหวังเขาคงจัดการคนที่เกี่ยวข้องถึงขั้นเด็ดขาดแน่ๆ นางแอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านแม่…ข้าอยากให้นางตาย นางช่างเป็นหนามที่แทงใจข้ายิ่งนัก”
หลินจินหรูเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น บ่าวรับใช้สองคนที่ฟังถึงกับรู้สึกขนลุกกับความคิดของคุณหนูสี่ ขนาดพี่น้องร่วมสายเลือดนางยังคิดกำจัดได้ แล้วพวกนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ของคุณหนูเล่า นางจะทำมิได้เช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง… เพราะฉะนั้นพวกนางต้องซื่อสัตย์ต่อคุณหนูสี่ให้มากๆ อย่าขัดใจนางให้นางขุ่นข้องหมองใจ
“ลูกแม่…. อย่าเพิ่งก่อเรื่องเลยนะ เรื่องนั้นมันเพิ่งเกิด หากจะเกิดขึ้นอีกครั้งท่านพ่อของเจ้าต้องสืบหาความจริงเรื่องนั้นแน่ แม่ว่าช่วงนี้พวกเราเงียบๆ กันไปก่อนจะดีกว่า” อนุจินบอกบุตรสาวด้วยเหตุและผล มือยางกำหมัดเอาไว้แน่นแต่ก็ยอมที่จะรามือเรื่องที่หมายจะเอาชีวิตอีกฝ่าย
‘ถึงข้าจะยังฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็จะแกล้งเจ้าเช่นเดิม อยากจะรู้นักว่านางแข็งแรงเหมือนที่ปากว่าหรือเปล่า’ หลินจินหรูคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะยิ้มออกมาราวกับมีความสุข
หลังจากที่นั่งพูดคุยกับพี่หญิงรองอยู่ครู่ใหญ่ หลินซูเหมยจึงเอ่ยขอตัวลากลับเรือน นางแสร้งว่ารู้สึกเหนื่อย ทางพี่สาวคนรองจึงไม่ห้ามเพราะเห็นว่านางเพิ่งจะหายป่วย
“คุณหนูรองนี่ใจดีกับคุณหนูห้าตลอดเลยนะเจ้าคะ” ป้ามู่ แม่บ้านของเรือนใหญ่เอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าเด็กสาวรูปร่างผอมบางเดินจากไป
“น้องห้าของข้าผู้นี้นางอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด เหตุใดข้าจะต้องใจร้ายกับนางด้วยเล่า” คำพูดของคุณหนูรองบุตรีของนายหญิงใหญ่ทำให้ป้ามู่รู้สึกนับถือ นางต้องเป็นนายหญิงของจวนหลังใหม่ได้ดีแน่ๆ
“คุณหนูรองเป็นผู้ใหญ่แล้วนะเจ้าคะ”
แม่บ้านมู่ฉีกยิ้มออกมาเมื่อกล่าวจบ หลินเยว่หรูฉีกยิ้มออกมา เพราะหลินซูเหมยนั้นเป็นน้องที่น่าสงสาร ชีวิตของนางนอกจากห้องนอนที่เรือนอนุซูฉีก็เห็นจะเป็นสวนดอกไม้ในจวนที่นางเคยไป ก่อนออกเรือนนางคงจะต้องพาน้องห้าไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย
สวนดอกไม้ยามซื่อ* ร่างบอบบางของเด็กสาววัยสิบห้าปีเดินไปตามเส้นทางก่อนที่จะมองเห็นภาพที่เจ้าของร่างในอดีตนั้นถูกกลั่นแกล้งรังแกไหลวนมาเป็นฉากๆ หลินซูเหมยเยื้องย่างไปตามทางจนไปหยุดอยู่ที่ริมสระน้ำ ดวงตากลมจ้องมองไปยังน้ำในสระที่ผิวน้ำนั้นสงบนิ่ง ก่อนที่จะหลับตาลง เสี่ยวเอ๋อติดตามคุณหนูห้าของนางมาแทบไม่ละสายตา เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก
“คุณหนูเจ้าคะ นายหญิงใหญ่สั่งห้ามไม่ให้คุณหนูเข้าไปใกล้สระน้ำนะเจ้าคะ” เสี่ยวเอ๋อรีบร้องบอก
“ไม่เป็นไรหรอกเสี่ยวเอ๋อ ข้าว่ายน้ำเป็น” เสี่ยวเอ๋อถึงกับงุนงงกับคำตอบของคุณหนูห้า เหตุใดนางถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหนูของนางว่ายน้ำเป็น แล้วถ้าว่ายน้ำเป็นทำไมครั้งก่อนที่ตกลงสระน้ำไปคุณหนูถึงจมน้ำได้
“คุณหนู… คุณหนูว่ายน้ำเป็นตอนไหนเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นคุณหนูว่ายน้ำมาก่อนเลยตั้งแต่ที่บ่าวอยู่กับคุณหนูมา” เสี่ยวเอ๋อตัดสินใจเอ่ยถามออกมา
“นั่นสิ!! พี่ก็ไม่เคยเห็นน้องหญิงห้าว่ายน้ำเป็นมาก่อน เจ้าไปฝึกแต่ใดมาหรือ”
เสียงหวานที่ดังมาทำให้หลินซูเหมยและสาวรับใช้ข้างกายหันกลับไปมอง หลินจินหรูที่เพิ่งสงบสติอารมณ์ได้มาเดินเล่นที่สวนแห่งนี้พอดี พอนางเห็นว่าคนที่ขวางหูขวางตายืนมองสระน้ำอยู่นางจึงเดินเข้ามาแกล้งถามเพื่อหยั่งเชิง ว่าเด็กสาวรับรู้เรื่องที่ตนตกลงไปในน้ำหรือไม่
“ฝึกตอนที่ข้าตกลงไปในน้ำนั่นแหละเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยตอบก่อนที่จะเบือนหน้ากลับไปมองยังผิวน้ำที่ยังคงสงบนิ่ง
“คิกๆๆ พูดเป็นเล่นไป ข้ามิเคยเห็นผู้ใดที่ว่ายน้ำเป็นตอนตกน้ำหรอกนะ” หลินจินหรูหัวเราะก่อนที่จะเอ่ยออกมาราวกับไม่อยากเชื่อ
“อากาศเริ่มร้อนแล้ว ข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ เชิญท่านพี่ตามสบาย” หลินซูเหมยทำท่าจะเดินจากไป แต่ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยมือที่โตกว่า นางจึงหันหน้ากลับไปมอง
“เดินเล่นเป็นเพื่อนพี่สักครู่เถิด เจ้าจะรีบร้อนเข้าเรือนไปทำไม อยู่แต่ในเรือนเจ้าไม่เบื่อบ้างหรืออย่างไร อยู่มาตั้งแต่เกิด พี่น่ะออกไปเที่ยวตลาดด้านนอก ไหนจะหออวี่ฉวินที่มีดนตรีให้ฟัง บางทีก็มีการเล่าเรื่องราวต่างๆ อาหารข้างนอกก็อร่อยกว่าในจวนของเราเสียอีก”
ฟังเหมือนว่าอีกฝ่ายจะดูหวังดีกับนาง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับจับใจความว่าอีกฝ่ายกำลังโอ้อวดกับตนเองอยู่ เป็นเพราะตนเองในอดีตนั้นป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เด็ก นางจึงไม่มีโอกาสได้ออกไปชื่นชมความงามภายนอก เสี่ยวเอ๋อที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับรู้สึกขุ่นเคืองใจแทนคุณหนูห้าของนาง
“ก็เพราะคุณหนูห้าป่วยอย่างไรล่ะเจ้าคะ ถึงออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกจวนไม่ได้ ตอนนี้คุณหนูห้าหายป่วยแล้ว บ่าวว่าคุณหนูขออนุญาตนายท่านกับนายหญิงใหญ่ออกไปบ้าง พวกท่านก็คงจะไม่ขัดข้องหรอกเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อเอ่ยออกมาทันทีเพราะไม่อยากให้คุณหนูของนางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
“เมื่อก่อนข้าอาจจะอ่อนแอ แต่เวลานี้ข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณพี่หญิงสี่ที่ห่วงใย”
ขณะที่หลินจินหรูจูงมือของหลินซูเหมยเดินไปตามทาง นางมองเห็นก้อนหินตรงเบื้องหน้าเข้าพอดี นางพยายามชวนน้องสาวคุยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นก้อนหินที่ขวางทางแล้วจะได้เดินสะดุดแล้วล้มลงไป แต่ทว่าเมื่อเดินไปถึงเท้าเล็กของหลินซูเหมยกลับเตะก้อนหินนั้นออกไปข้างๆ ทางอย่างง่ายดาย นางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจอยู่ไม่น้อย
“น้องหญิงเจ้าช่างแรงเยอะดีเสียจริง ก้อนหินก้อนโตแต่น้องหญิงห้ากลับเตะมันลอยไปเสียไกลเลย” นางแกล้งเอ่ยออกมา
“โอ้… นี่ท่านพี่หญิงสี่มองเห็นหินก้อนนั้นด้วยหรือเจ้าคะ” หลินซูเหมยตอบกลับมาทำเอาคนที่มองเห็นก้อนหินก้อนนั้นจริงๆ ถึงกับร้อนตัว
“เจ้าจะบ้าเหรอ…หากข้ามองเห็นก่อนข้าก็บอกเจ้าแล้วสิ ข้าก็เพิ่งจะมองเห็นตอนที่มันถูกเจ้าเตะออกไปนั่นแหละ” นางรีบปล่อยมือที่รั้งท่อนแขนเล็กของอีกฝ่ายแล้วรีบเอ่ยแก้ตัวออกมาทันที
“อ่อ… เป็นแบบนี้นี่เอง ท่านพี่หญิงน้องว่า น้องขอตัวกลับเรือนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ น้องเริ่มรู้สึกง่วงนอนแล้ว ได้นอนกลางวันสักหน่อยคงจะดีไม่น้อย”
หลินซูเหมยถอยหลังออกมาก่อนที่จะเอ่ยขอตัว นางรู้สึกเบื่อเต็มทนที่ต้องดูคนเสแสร้งแกล้งทำ กลับไปนอนพักเอาแรงจะดูมีประโยชน์กับนางเสียมากกว่า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าไปเถอะ ข้าก็จะกลับเรือนแล้วเช่นกัน”
หลินจินหรูเอ่ยออกมาอย่างหมดสนุก ในเมื่อวันนี้นางกลั่นแกล้งหลินซูเหมยไม่ได้ นางก็จะถอยไปตั้งหลักเสียก่อน ดูเหมือนว่าน้องสาวนางผู้นี้จะดูแข็งแรงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ขนาดหินก้อนใหญ่นางยังใช้เท้าเตะกระเด็นลอยไปเสียไกล
หลินซูเหมยเดินจากไปโดยมีเสี่ยวเอ๋อเดินตามหลังนางไปติดๆ แววตาของคนที่มองตามหลังมานั้นมีแต่ความสงสัยปนแปลกใจ เหตุใดตกน้ำแล้วสลบไปสามคืนถึงทำให้น้องสาวต่างมารดาของนางผู้นี้กลับมามีร่างกายที่แข็งแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม นางส่ายใบหน้าไปมาก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปยังเรือนนอนของตน สองสาวใช้ที่ติดตามนางมานานก็สงสัยไม่แพ้กัน จากเด็กขี้โรค ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านใดๆ ก่อนหน้า บัดนี้นางกลับมาเตะก้อนหินก้อนโตกระเด็นไปเสียไกล นางไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใดกัน
“พวกเจ้า!!! มัวแต่มองสิ่งใดกัน รีบตามมาเร็วเข้า ข้าเมื่อยแล้ว” คุณหนูสี่ร้องเรียกสาวรับใช้ทั้งสองเสียงดังจนนางทั้งสองสะดุ้งสุดตัว
“เจ้าค่ะ…เจ้าค่ะ พวกบ่าวจะตามคุณหนูไปเดี๋ยวนี่ล่ะเจ้าค่ะ” รูอี้รีบขานรับก่อนที่สองสาวรับใช้จะรีบสาวเท้าก้าวตามคุณหนูสี่กลับไปที่เรือนของอนุจิน
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
ประเทศไทยเสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแช
ณ เมืองหนานอัน เมืองแห่งการค้าขายของแคว้นต้าตง ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหนานอันแห่งนี้นั้น ทำให้มีตระกูลของขุนนางและตระกูลของพ่อค้าจากหลากหลายสกุลมาสร้างจวนและลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองแห่งนี้ รวมไปถึงจวนสกุลหลินของเจ้ากรมการกลาโหม 'หลินหยาง' ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวน เขามีฮูหยินและมีอนุภรรยาอีกสองคน มีบุตรชายกับบุตรีรวมห้าคน จากฮูหยินสองคนคือ ‘หลินชูจ้าน’ และ ‘หลินเยว่หรู’ กับอนุภรรยารองสองคนคือ ‘หลินจางหลง’ และ ‘หลินจินหรู’ และจากอนุภรรยาคนที่สองอีกหนึ่งคน คือ 'หลินซูเหมย' ภายในจวนแห่งนี้นั้นจึงมีเรือนทั้งหมดสี่หลัง หลังแรกเป็นบ้านใหญ่ และไล่ไปตามลำดับ“ท่านพี่...ลูกซูเหมยป่วยอีกแล้วเจ้าค่ะ” อนุซูฉีมารดาของหลินซูเหมยบอกผู้เป็นสามีขณะที่เขามาค้างที่เรือน"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกห้าป่วยอีกแล้วอย่างนั้นหรือ" หลินหยางเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เขาเป็นชายที่ไม่ลำเอียง รักและห่วงใยบุตรทุกคนของตนอย่างเท่าเทียมกัน"เจ้าค่ะท่านพี่ ยิ่งนางเติบโตขึ้นก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ""แล้วเจ้าตามท่านหมอมาดูนางหรือยัง"“ตามมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกเพียงว่าลูกห้านั้นมีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางต้องออกกำลังให้มา
เสียงเนื้อกระทบกับกระสอบทรายดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ค่ายมวยที่เต็มไปด้วยนักมวยชายรูปร่างกำยำกำลังฝึกซ้อมมวยกันอยู่อย่างขะมักเขม้น รวมไปถึงร่างเล็กแต่กำยำของหญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยกำลังซ้อมอยู่กับคู่ซ้อมที่เป็นชายอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ท่าทางออกหมัด เท้า เข่า ศอกของเธอเป็นไปอย่างชำนาญ อีกทั้งยังหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเสียงระฆังดังเตือนหมดยกจากข้างเวทีมวย ร่างบางจึงเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พักผ่อนของเธอ อมิตายกขวดน้ำเกลือแร่ขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะหยิบผ้าเย็นที่พี่เลี้ยงเตรียมเอาไว้ให้ขึ้นมาเช็ดเหงื่อ“อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะได้แข่งอีก พี่ต้าทำไมซ้อมหนักจัง” ไข่หวานนักมวยสาวสมัครเล่นภายในค่ายมวยอรุณรุ่งแห่งนี้เอ่ยถามไอดอลของเธอออกมา“ก็เพราะการรักษาแชมป์พี่จึงต้องฝึกให้ร่างกายพร้อมและตื่นตัวอยู่เสมอไง” ต้า นางฟ้าเอเชียหรือ อมิตานักมวยคนสวยตอบรุ่นน้องด้วยรอยยิ้ม“อนาคตข้างหน้า หากไข่หวานได้ก้าวขึ้นสังเวียน ไข่หวานต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าการเป็นแชมป์มันไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการรักษาแชมป์ เข้าใจไหม” อมิตาบอกรุ่นน้องสาวก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปกลางเวทีนวมของเธอชนกับนวมของคู่ซ้อ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
จวนเจ้ากรมการกลาโหมที่เรือนรับรอง วันนี้มีการต้อนรับตระกูลโจวของเสนาบดีกรมยุติธรรมที่กำลังจะเกี่ยวดองกันในเร็ววันนี้ โจวถิงหลาน บัณฑิตหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลโจว เขาดูเหมาะสมกับบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเจ้ากรมการกลาโหมอย่างหลินเยว่หรูยิ่งนัก ชายหญิงทั้งสองนั่งเคียงข้างกันดูเหมาะสมราวกับคู่ที่ฟ้าดินสร้างมา“อีกสองเดือนเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว ข้าล่ะดีใจยิ่งนัก”เจ้ากรมการกลาโหมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แววตาที่มองไปยังสองหนุ่มสาวนั้นล้วนแล้วแต่แสดงออกว่ามีความสุขที่บุตรสาวคนรองของตนกำลังจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ“ข้าก็ดีใจ และรู้สึกยินดีเช่นเดียวกันกับท่านใต้เท้า” โจวถิงเหวิน เสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยออกมา“แล้วบุตรชายคนโตของท่านล่ะ วันนี้เขามิได้กลับจวนหรอกหรือ”“ช่วงนี้หลินชูจ้านไม่ว่างน่ะ เห็นบอกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกลับมาเยี่ยมจวน ส่วนลูกสามของข้าก็ไม่ว่างเช่นกัน เขาก็ยุ่งอยู่กับงานไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของเขา”หลินหยางตอบด้วยน้ำเสียงภาค
“ไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าไปเดินใกล้น้ำอีก เข้าใจไหม” หลินฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างมีเมตตา“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านพ่อกับแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” อมิตาในร่างหลินซูเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมหลินฮูหยินไม่เคยถือสาหาความกับเด็กสาวเพราะนางป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ การที่นางไม่ได้ไปคารวะตนเองที่เรือนใหญ่ในทุกๆ เช้าก็เป็นเพราะนางป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เกิด นับได้ว่าเป็นบุตรีในจวนที่มีชะตาชีวิตน่าสงสารที่สุด“เช่นนั้น เจ้าพักผ่อนเถอะเหมยเอ๋อ พ่อกับแม่ใหญ่กลับเรือนก่อนล่ะ หากรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายตรงไหนเจ้าให้คนไปตามท่านหมอหวงมาดูอาการลูกห้าด้วยนะซูฉี” เจ้ากรมการกลาโหมบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปสั่งอนุภรรยาของตน“เจ้าค่ะท่านพี่” อนุซูฉีตอบสามีก่อนที่เธอจะคำนับส่งเขาและหลินฮูหยิน“พี่กลับเรือนก่อนหนา หากเจ้ารู้สึกดีขึ้นก็ไปหาพี่ที่เรือนได้ อีกไม่นานพี่ก็จะออกเรือนแล้ว”คุณหนูรองบอกน้องสาวต่างมารดา อมิตาดูพี่สาวผู้นี้น่
อมิตาหลับไปจากอาการอ่อนเพลียที่ยังคงมีอยู่ เธอยังคงมีความหวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถกลับไปยังโลกเดิม โลกที่เธอจากมา หากเธอยังไม่ตายจากโลกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเธอตายแล้ว เธอก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้อ่อนแอผู้นี้ ภาษาการพูดการฟังเธอสามารถรับฟังและพูดภาษาของคนที่นี่ได้ออกมาอัตโนมัติ ราวกับว่าเป็นคนที่อยู่เมืองแห่งนี้มานานอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าของร่างนี้ที่ทิ้งความเคียดแค้นเอาไว้ให้เธอ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมและนำร่างนี้ทำความดีต่อไป“คุณหนู… เมื่อไหร่จะตื่นเสียทีล่ะเจ้าคะ บ่าวรอคุณหนูตื่นมาคุยกับบ่าวตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ของคุณหนูก็รอคุณหนูอยู่ รีบตื่นขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อร้องเรียกคุณหนูห้าอยู่ที่ข้างเตียง ถึงแม้ท่านหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทว่านางเองก็ไม่ยอมวางใจ“ขอน้ำหน่อย…” เปลือกตาบางที่เปิดออกพร้อมกับริมฝีปากที่แห้งผาก“คุณหนู!!!! คุณหนูฟื้นแล้ว!!! นี่เจ้าค่ะน้ำ” เสี่ยวเอ๋อรีบประคองคุณหนูห้าขึ้นมาแล้วนำน้ำในถ้วยชาให้เธอดื่ม“แค่กๆๆ” อม
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง