ค่ายมวยอรุณรุ่ง
นักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน
“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น
“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น
“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา
“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุด้วย” เด็กสาวชะโงกหน้าไปมองก่อนที่จะแสดงความเห็นออกมา
“อืม…. พี่ก็ไม่ชอบเรื่องนั้น พี่บ่นกับพ่ออยู่ว่านางเอกอ่อนแอ ถ้าพี่เป็นนางเอกของเรื่องนั้นนะ จะอัดคนพวกนั้นให้เละเลย” อมิตาเอ่ยออกมาอย่างออกรสออกชาติ
“แต่นางเอกเรื่องนั้นนางเก่งทีหลังนะคะ สงสัยพี่ต้าเทเสียก่อนคิกๆๆ”
คอซีรีส์จีนนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ชายก็จัดสถานที่ไปมองสองสาวไป บอสที่เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเมื่อหลายวันก่อนก็อดที่จะรู้สึกเป็นห่วงรุ่นพี่นักมวยสาวไม่ได้ เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ แต่ทว่ามีความเชื่อเรื่องลี้ลับหรือความเชื่อตามแบบโบราณ การเห็นนักมวยสาวรุ่นพี่ไม่มีศีรษะทำให้เขารู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย
“มึงเป็นอะไรไอ้บอส กูเห็นมึงมองไอ้ต้ามันมาหลายวันละนะ” รุ่นพี่นักมวยหนุ่มเอ่ยถามนักมวยรุ่นน้องในค่าย
“เห้อ…. ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ต้าแปลกๆ รู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้” บอสตอบพร้อมถอนหายใจออกมา
“อย่าห่วงเลย ไอ้ต้ามันเก่งกว่ามึงอีกฮ่าๆๆๆ” รุ่นพี่นักมวยอีกคนพูดกลั้วหัวเราะออกมา สามหนุ่มจึงเลิกสนใจสองสาวที่เอาแต่นั่งดูซีรีส์จีนในแอปพลิเคชันดัง
ช่วงเย็นอมิตาและเด็กในค่ายอีกสองคนได้พากันออกไปซื้อของแห้งและของสดเพื่อจะมาเตรียมอาหารในวันรุ่งขึ้น ตลาดสดแห่งนี้นั้นมีผู้คนพลุกพล่าน สินค้าทั้งอาหารสดและอาหารแห้งมีให้เลือกหลากหลาย ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงกีฬาขายาวสีดำสวมรองเท้าแตะเดินไปกับรุ่นน้องนักมวยภายในค่ายยืนเลือกผักสำหรับทำอาหารในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันพรุ่งนี้
“เอาไปเยอะไหมอะ” อมิตาเอ่ยถามรุ่นน้องในค่ายมวยที่มาช่วยกันเลือกซื้อของ
“นักมวยในค่ายเรากินเก่งนะพี่ต้า เอาไปเยอะๆ หน่อย” ไข่หวานที่มาด้วยกันแสดงความเห็นออกมา
“คิกๆๆ นั่นน่ะสินะ พวกผู้ชายนี่กินเก่งกันจริงๆ” อมิตาหัวเราะออกมาก่อนที่จะเอ่ยถึงนักมวยชายในค่ายมวยของบิดาที่กินเก่งกินเร็วราวกับพายุพัดพาในพริบตาเดียว
ในระหว่างที่สองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มเลือกซื้อผักกันอยู่ที่แผงผัก จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้นักมวยสาวหันกลับไปมอง
“ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยจ้า!!! ขโมย!!! ขโมยกระเป๋าฉันไปแล้ว…. ใครก็ได้ช่วยจับขโมยหน่อย!!!” เสียงของหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นมา อมิตาเห็นขโมยวิ่งผ่านไปเธอจึงรีบวิ่งตามไปทันที
“เห้ย!!! พี่ต้า อย่าไป!!! พี่ต้า!!!”
รุ่นน้องในค่ายที่เป็นผู้ชายร้องเรียกรุ่นพี่นักมวยสาวที่กำลังวิ่งตามขโมยไปติดๆ เธอไม่หันกลับมามอง ร่างบางแต่ทว่าแข็งแรงวิ่งตามขโมยไปด้วยใจมุ่งมั่น เธอจะต้องนำกระเป๋ากลับไปคืนป้าคนนั้นให้ได้
“เห้ย!!!หยุดนะเว้ย คืนกระเป๋ามาเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย!!! ช่วยกันจับขโมยหน่อย”
เธอตะโกนดังขึ้นตลอดทาง แต่ไม่มีใครสนใจที่จะช่วยเธอจับขโมยเลยสักคน ขโมยวิ่งเข้าไปในซอยที่คนไม่พลุกพล่าน ร่างบางของนักมวยสาววิ่งตามไปแบบไม่ลดละ มือที่ถือถุงผักที่ซื้อมาก่อนหน้าถูกปาไปโดนศีรษะของขโมยจนอีกฝ่ายล้มลง ก่อนที่เธอจะวิ่งตามไปถึงตัวแล้วใช้เท้าหนักๆ ถีบเข้าไปที่หน้าท้องของขโมย จนมันลุกไม่ขึ้น อมิตาจึงเดินไปหยิบกระเป๋าหิ้วที่ถูกขโมยขึ้นมาแล้วทำท่าจะหันหลังกลับไป
“คิดจะมาเอาไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอวะ!!!”
ขโมยตะโกนเสียงดังออกมาขณะที่เข้าประชิดตัวของฮีโร่สาว อมิตาหันหลังกลับมาแต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว มีดพกขนาดเล็กก็ถูกมือหนาของอีกฝ่ายจับจ้วงแทงเข้าที่หน้าท้องของเธอ
“โอ๊ย!!!” อมิตาตาเบิกโพลงร้องอุทานออกมาได้เพียงเท่านั้น
คนที่วิ่งตามมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรีบวิ่งมาช่วย พลเมืองดีที่เข้ามาช่วยถีบไปยังร่างหนาของขโมย มันล้มลงกับพื้นก่อนที่จะถูกรุมกระทืบจนสะบักสะบอม ร่างบางของนักมวยสาวล้มลงไปกองกับพื้น ตรงหน้าท้องถูกแทงด้วยมีดพกที่ยังคาอยู่ เลือดสีแดงฉานไหลแปดเปื้อนกับเสื้อสีขาว เธอหมดสติไปในทันที คนที่พบเห็นต่างตกใจกันอยู่ไม่น้อย
“พี่ต้า!!!”
เสียงสองนักมวยรุ่นน้องที่วิ่งตามมาตะโกนร้องเรียกชื่อนักมวยสาวพร้อมกับวิ่งเข้ามาดู
“ไม่นะ!!! พี่ต้า… พี่อย่าเป็นอะไรนะ พี่จะวิ่งตามมันมาทำไม ฮือๆๆๆ” ไข่หวานร้องไห้ฟูมฟาย
คนที่เห็นเหตุการณ์รีบโทรแจ้งตำรวจและเรียกกู้ภัยอย่างเร่งด่วน เจ้าของกระเป๋ารีบวิ่งตามมาเช่นกันพอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ เป็นเพราะเธอเด็กสาวพลเมืองดีถึงต้องบาดเจ็บ
“นั่นมันน้องต้า นางฟ้ามวยไทยนี่หว่า เป็นไปได้ยังไงวะเนี่ย ขออย่าให้เธอเป็นอะไรเลย” ไทยมุงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างโชกเลือดของนักมวยสาวบนเตียงที่กู้ภัยลากผ่านหน้าไปขึ้นรถ
“ขอให้พระคุ้มครองเธอ อนาคตกำลังสดใส ไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้เลย” ไทยมุงอีกคนยกมือพนมไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เสียงสัญญาณไซเรนของรถกู้ภัยดังขึ้นร่างบางที่ชุ่มเลือดนอนหายใจโรยริน เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลนั้นแดงฉาน เสื้อสีขาวที่นักมวยสาวใส่มานั้นกลายเป็นสีแดงจนมองไม่ได้ ขโมยถูกตำรวจจับเพราะถูกพลเมืองดีรุมซ้อม อรุณที่ได้รับข่าวร้ายจากเด็กในค่ายที่ไปซื้อของด้วยกันกับบุตรสาวรีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
อมิตาหลับไปจากอาการอ่อนเพลียที่ยังคงมีอยู่ เธอยังคงมีความหวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถกลับไปยังโลกเดิม โลกที่เธอจากมา หากเธอยังไม่ตายจากโลกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเธอตายแล้ว เธอก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้อ่อนแอผู้นี้ ภาษาการพูดการฟังเธอสามารถรับฟังและพูดภาษาของคนที่นี่ได้ออกมาอัตโนมัติ ราวกับว่าเป็นคนที่อยู่เมืองแห่งนี้มานานอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าของร่างนี้ที่ทิ้งความเคียดแค้นเอาไว้ให้เธอ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมและนำร่างนี้ทำความดีต่อไป“คุณหนู… เมื่อไหร่จะตื่นเสียทีล่ะเจ้าคะ บ่าวรอคุณหนูตื่นมาคุยกับบ่าวตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ของคุณหนูก็รอคุณหนูอยู่ รีบตื่นขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อร้องเรียกคุณหนูห้าอยู่ที่ข้างเตียง ถึงแม้ท่านหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทว่านางเองก็ไม่ยอมวางใจ“ขอน้ำหน่อย…” เปลือกตาบางที่เปิดออกพร้อมกับริมฝีปากที่แห้งผาก“คุณหนู!!!! คุณหนูฟื้นแล้ว!!! นี่เจ้าค่ะน้ำ” เสี่ยวเอ๋อรีบประคองคุณหนูห้าขึ้นมาแล้วนำน้ำในถ้วยชาให้เธอดื่ม“แค่กๆๆ” อม
“ไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าไปเดินใกล้น้ำอีก เข้าใจไหม” หลินฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างมีเมตตา“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านพ่อกับแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” อมิตาในร่างหลินซูเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมหลินฮูหยินไม่เคยถือสาหาความกับเด็กสาวเพราะนางป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ การที่นางไม่ได้ไปคารวะตนเองที่เรือนใหญ่ในทุกๆ เช้าก็เป็นเพราะนางป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เกิด นับได้ว่าเป็นบุตรีในจวนที่มีชะตาชีวิตน่าสงสารที่สุด“เช่นนั้น เจ้าพักผ่อนเถอะเหมยเอ๋อ พ่อกับแม่ใหญ่กลับเรือนก่อนล่ะ หากรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายตรงไหนเจ้าให้คนไปตามท่านหมอหวงมาดูอาการลูกห้าด้วยนะซูฉี” เจ้ากรมการกลาโหมบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปสั่งอนุภรรยาของตน“เจ้าค่ะท่านพี่” อนุซูฉีตอบสามีก่อนที่เธอจะคำนับส่งเขาและหลินฮูหยิน“พี่กลับเรือนก่อนหนา หากเจ้ารู้สึกดีขึ้นก็ไปหาพี่ที่เรือนได้ อีกไม่นานพี่ก็จะออกเรือนแล้ว”คุณหนูรองบอกน้องสาวต่างมารดา อมิตาดูพี่สาวผู้นี้น่
จวนเจ้ากรมการกลาโหมที่เรือนรับรอง วันนี้มีการต้อนรับตระกูลโจวของเสนาบดีกรมยุติธรรมที่กำลังจะเกี่ยวดองกันในเร็ววันนี้ โจวถิงหลาน บัณฑิตหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลโจว เขาดูเหมาะสมกับบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเจ้ากรมการกลาโหมอย่างหลินเยว่หรูยิ่งนัก ชายหญิงทั้งสองนั่งเคียงข้างกันดูเหมาะสมราวกับคู่ที่ฟ้าดินสร้างมา“อีกสองเดือนเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว ข้าล่ะดีใจยิ่งนัก”เจ้ากรมการกลาโหมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แววตาที่มองไปยังสองหนุ่มสาวนั้นล้วนแล้วแต่แสดงออกว่ามีความสุขที่บุตรสาวคนรองของตนกำลังจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ“ข้าก็ดีใจ และรู้สึกยินดีเช่นเดียวกันกับท่านใต้เท้า” โจวถิงเหวิน เสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยออกมา“แล้วบุตรชายคนโตของท่านล่ะ วันนี้เขามิได้กลับจวนหรอกหรือ”“ช่วงนี้หลินชูจ้านไม่ว่างน่ะ เห็นบอกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกลับมาเยี่ยมจวน ส่วนลูกสามของข้าก็ไม่ว่างเช่นกัน เขาก็ยุ่งอยู่กับงานไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของเขา”หลินหยางตอบด้วยน้ำเสียงภาค
หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
ประเทศไทยเสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแช
หลังจากเดินไปหยุดอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักเท้า หลินจินหรูก็ออกอุบายเพื่อแยกพี่รองกับน้องห้าออกจากกัน และก็เป็นไปตามที่นางต้องการ เพราะว่าที่พี่เขยอย่างบัณฑิตโจวนั้นมาชักชวนพี่รองอย่างหลินเยว่หรูไปเที่ยวชมงานพอดี แม้หลินเยว่หรูนางจะไม่อยากทิ้งน้องห้าเอาไว้กับน้องสี่ แต่ก็เพราะเห็นแก่หน้าว่าที่สามีในอนาคตนางจึงต้องตัดสินใจไปกับเขา แต่ทว่าก่อนแยกกัน หลินเยว่หรูไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวเอ๋อดูแลน้องห้าของนางให้ดีๆ ซึ่งสาวรับใช้คนสนิทของน้องสาวก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาอีกเปราะนึง“น้องหญิงห้า พี่สี่ว่าเราไปดูพลุที่ริมน้ำกันเถิดหนา เอ… หรือเจ้ากลัวน้ำจนมิกล้าเดินไปใกล้” คุณหนูสี่นางเอ่ยชวนหลินซูเหมยออกมาขณะที่ผู้เป็นพี่สาวเดินจากไปเสี่ยวเอ๋อพยายามสะกิดแขนเตือนให้คุณหนูห้าของนางหลีกเลี่ยง แต่ทว่าหลินซูเหมยกลับตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายโดยง่าย เด็กรับใช้คนสนิทอย่างนางจึงต้องตามติดคุณหนูเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย นางรู้ดีว่าคุณหนูสี่นั้นไม่ได้คิดหวังดีต่อคุณหนูของนางหญิงงามสองนางเดินนำหน้าสาวรับใช้ทั้งสามออกไป มีชายหนุ่มมากมายอยู่ไม่น้อย
เทศกาลโคมไฟวันหยวนเซียว*ของเมืองหนานอันเพิ่งเริ่มขึ้นวันนี้วันแรก หลินเยว่หรูจึงได้ชักชวนน้องสาวทั้งสองให้ออกไปเที่ยวกับนางด้วย สร้างความดีใจให้กับหลินจินหรูเป็นอย่างมาก ส่วนหลินซูเหมยก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเพราะเจ้าของร่างเดิมที่นางมาเกิดใหม่นี้ไม่เคยก้าวเท้าออกจากจวนแห่งนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่นางจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาและดูโลกแห่งความเป็นจริงว่ามันต่างจากที่เธอรับรู้มาอย่างไร“เหมยเอ๋อ…. อย่าดื้ออย่าซนนะลูก คอยติดตามคุณหนูรองนางให้ดีๆ อย่าอยู่ห่างจากนางเด็ดขาด” อนุซูฉีบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความเป็นห่วง วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่บุตรสาวออกไปเที่ยวนอกจวน“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะติดตามพี่หญิงรองไม่ให้ห่างเลยเจ้าค่ะ”น้ำเสียงสดใสที่ดังมาจากริมฝีปากอิ่มของบุตรสาวทำให้นางฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันไปสั่งสาวรับใช้ข้างกายของบุตรสาว“เสี่ยวเอ๋อ… ดูแลคุณหนูห้าด้วยนะ อย่าละสายตาไปจากนางเด็ดขาด”“เจ้าค่ะ… นายหญิงเล็ก บ่าวจะดูแลคุณหนูห้าให้ดี ไม่ให้คาดสายตาเลยเจ้าค่ะ” นี่ก็เป็นค
หลังจากกลับจากเรือนใหญ่หลินจินหรูก็เอาแต่กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจ คนที่นางไม่อยากเห็นหน้า คนที่นางหวังอยากให้ตายกลับมาแข็งแรง มีชีวิตที่น่าอิจฉา ใครๆ ต่างก็เอ็นดู ต่างจากนางที่ไร้ผู้ใดมาสนใจ แม้แต่ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจนางเท่านางเด็กต่ำต้อยนั่น“คุณหนูสี่ของพวกเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงเอาแต่กรีดร้องเสียงดังเช่นนั้น" อนุจินหรงเอ่ยถามสองสาวรับใช้ของบุตรสาวที่เดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้อง“นายหญิงเล็ก… คือคุณหนูห้าน่ะเจ้าค่ะ วันนี้ไม่รู้เป็นอันใดนางถึงได้ลุกขึ้นมาไปคารวะนายท่านกับนายหญิงใหญ่ได้ นางดูแข็งแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอีกเจ้าค่ะ” หุ้ยฉิน สาวใช้คนสนิทของหลินจินหรูรีบรายงานออกมา“นังเด็กนั่นยังกลับมาแข็งแรงได้อีกอย่างนั้นหรือเนี่ย ข้านึกว่านางจะถึงแก่ชีวิตไปแล้ว” น้ำเสียงตกใจของอนุจินดังขึ้นแต่ทว่าไม่ดังมากนักเพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน“ราวกับเป็นคนล่ะคนเลยล่ะเจ้าค่ะ คุณหนูห้าในตอนนี้นางดูเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นคนเจ็บป่วยมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ” รูอี้สาวใช้อีกนางของหลินจินหรูรีบบอกนายหญิงเล็ก
จวนเจ้ากรมการกลาโหมที่เรือนรับรอง วันนี้มีการต้อนรับตระกูลโจวของเสนาบดีกรมยุติธรรมที่กำลังจะเกี่ยวดองกันในเร็ววันนี้ โจวถิงหลาน บัณฑิตหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลโจว เขาดูเหมาะสมกับบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเจ้ากรมการกลาโหมอย่างหลินเยว่หรูยิ่งนัก ชายหญิงทั้งสองนั่งเคียงข้างกันดูเหมาะสมราวกับคู่ที่ฟ้าดินสร้างมา“อีกสองเดือนเราสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว ข้าล่ะดีใจยิ่งนัก”เจ้ากรมการกลาโหมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี แววตาที่มองไปยังสองหนุ่มสาวนั้นล้วนแล้วแต่แสดงออกว่ามีความสุขที่บุตรสาวคนรองของตนกำลังจะได้ออกเรือนไปกับผู้ชายดีๆ“ข้าก็ดีใจ และรู้สึกยินดีเช่นเดียวกันกับท่านใต้เท้า” โจวถิงเหวิน เสนาบดีกรมยุติธรรมเอ่ยออกมา“แล้วบุตรชายคนโตของท่านล่ะ วันนี้เขามิได้กลับจวนหรอกหรือ”“ช่วงนี้หลินชูจ้านไม่ว่างน่ะ เห็นบอกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนกลับมาเยี่ยมจวน ส่วนลูกสามของข้าก็ไม่ว่างเช่นกัน เขาก็ยุ่งอยู่กับงานไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของเขา”หลินหยางตอบด้วยน้ำเสียงภาค
“ไม่เป็นอันใดมากก็ดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าไปเดินใกล้น้ำอีก เข้าใจไหม” หลินฮูหยินเอ่ยออกมาอย่างมีเมตตา“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ลูกขอขอบพระคุณในความกรุณาของท่านพ่อกับแม่ใหญ่ด้วยนะเจ้าคะ” อมิตาในร่างหลินซูเหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมหลินฮูหยินไม่เคยถือสาหาความกับเด็กสาวเพราะนางป่วยมาตั้งแต่เด็กๆ การที่นางไม่ได้ไปคารวะตนเองที่เรือนใหญ่ในทุกๆ เช้าก็เป็นเพราะนางป่วยกระออดกระแอดมาตั้งแต่เกิด นับได้ว่าเป็นบุตรีในจวนที่มีชะตาชีวิตน่าสงสารที่สุด“เช่นนั้น เจ้าพักผ่อนเถอะเหมยเอ๋อ พ่อกับแม่ใหญ่กลับเรือนก่อนล่ะ หากรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายตรงไหนเจ้าให้คนไปตามท่านหมอหวงมาดูอาการลูกห้าด้วยนะซูฉี” เจ้ากรมการกลาโหมบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปสั่งอนุภรรยาของตน“เจ้าค่ะท่านพี่” อนุซูฉีตอบสามีก่อนที่เธอจะคำนับส่งเขาและหลินฮูหยิน“พี่กลับเรือนก่อนหนา หากเจ้ารู้สึกดีขึ้นก็ไปหาพี่ที่เรือนได้ อีกไม่นานพี่ก็จะออกเรือนแล้ว”คุณหนูรองบอกน้องสาวต่างมารดา อมิตาดูพี่สาวผู้นี้น่
อมิตาหลับไปจากอาการอ่อนเพลียที่ยังคงมีอยู่ เธอยังคงมีความหวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วเธอจะสามารถกลับไปยังโลกเดิม โลกที่เธอจากมา หากเธอยังไม่ตายจากโลกนั้นจริงๆ แต่ถ้าหากเธอตายแล้ว เธอก็จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของเด็กสาวผู้อ่อนแอผู้นี้ ภาษาการพูดการฟังเธอสามารถรับฟังและพูดภาษาของคนที่นี่ได้ออกมาอัตโนมัติ ราวกับว่าเป็นคนที่อยู่เมืองแห่งนี้มานานอย่างไรอย่างนั้น นั่นอาจจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าของร่างนี้ที่ทิ้งความเคียดแค้นเอาไว้ให้เธอ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมและนำร่างนี้ทำความดีต่อไป“คุณหนู… เมื่อไหร่จะตื่นเสียทีล่ะเจ้าคะ บ่าวรอคุณหนูตื่นมาคุยกับบ่าวตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ ท่านแม่ของคุณหนูก็รอคุณหนูอยู่ รีบตื่นขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวเอ๋อร้องเรียกคุณหนูห้าอยู่ที่ข้างเตียง ถึงแม้ท่านหมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ทว่านางเองก็ไม่ยอมวางใจ“ขอน้ำหน่อย…” เปลือกตาบางที่เปิดออกพร้อมกับริมฝีปากที่แห้งผาก“คุณหนู!!!! คุณหนูฟื้นแล้ว!!! นี่เจ้าค่ะน้ำ” เสี่ยวเอ๋อรีบประคองคุณหนูห้าขึ้นมาแล้วนำน้ำในถ้วยชาให้เธอดื่ม“แค่กๆๆ” อม
“ไข่หวาน!!! พี่ต้าเป็นยังไงบ้าง” อรุณเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ครู… พี่ต้า…. พี่ต้าเสียแล้วจ้ะ หมอบอกว่าพี่ต้าทนพิษบาดแผลไม่ไหว เธอเสียเลือดมากก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล ฮือๆๆ ครูจ๋า พี่ต้าไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ”ไข่หวานบอกครูมวยของเธอออกมาทั้งน้ำตา อรุณเกิดอาการช็อกจนเป็นลมล้มลงไป ดีที่นักมวยหนุ่มๆ รีบเข้าประคองร่างของเจ้าของค่ายมวยได้ทันควัน เขาจึงไม่ได้ล้มลงไปบนพื้นของโรงพยาบาล เมื่อได้สติอรุณจึงเข้าไปดูร่างของบุตรสาว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบุตรสาวของเขาจะมีอายุสั้นถึงเพียงนี้ เจ้าของกระเป๋าเมื่อรู้ข่าวเธอจึงเดินทางมาขอบคุณและขอโทษอรุณที่ทำให้เขาต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป อรุณไม่ได้โกรธใคร เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่บุตรสาวของเขาจากไปเพราะทำความดีข่าวการเสียชีวิตของนักมวยสาวดาวรุ่งวัยสิบเก้าปี ที่กำลังจะย่างเข้าสู่วัยยี่สิบปีในวันถัดมาถูกตีแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว ข่าวนี้นับเป็นข่าวที่หดหู่ สร้างความเสียใจให้กับแฟนมวยทั้งประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากเธอจะเป็นนักมวยที่มีฝีมือและชื่อเส
ค่ายมวยอรุณรุ่งนักมวยของค่ายมารวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่เพราะมีการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมชกมวยแต่อย่างใด แต่มาเพื่อช่วยกันจัดสถานที่ ในการจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบยี่สิบปีให้กับทายาทของเจ้าของค่าย หรืออีกในสถานะหนึ่งคือ นักมวยสาวดาวรุ่งที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้ ฉายา ‘ต้า นางฟ้ามวยไทย’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะนอกจากความสวยแล้วการออกอาวุธบนเวทีของเธอนั้นยังทำให้คู่แข่งจดจำเธอไปอีกนาน“พี่ต้า ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานของไข่หวานนักมวยสาวรุ่นน้องวัยสิบเจ็ดปีเอ่ยถามขึ้น“กำลังดูซีรีส์จีน เนี่ยเรื่องนี้กำลังสนุกเลย พระนางฉลาดทันกัน ชิงไหวชิงพริบกันสุดๆ” ต้า หรืออมิตาบอกนักมวยสาวรุ่นน้องที่วันนี้มาช่วยจัดสถานที่ในงานวันคล้ายวันเกิดของเธอในวันรุ่งขึ้น“หือ…. พี่ต้าชอบดูซีรีส์จีนเหรอคะ” ไข่หวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“อืม… ชอบมาก ดูตลอดเวลาที่ว่าง คิกๆๆ” นางฟ้ามวยไทยตอบพร้อมทั้งหัวเราะออกมา“อือ…. เรื่องนี้ไข่หวานก็ชอบ เรื่องก่อนนั้นดูไม่ไหว นางเอกอ่อนแอ เป็นลูกอนุ
เมืองหนานอัน ยามโหยว่(1)ภายในเรือนหลังขนาดกลางของอนุจินหรง เสียงเอะอะโวยวายปะปนกับเสียงร้องไห้ของหญิงต่างวัยดังขึ้น ณ ยามนี้ผู้เป็นใหญ่ของจวนแห่งนี้กำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ลงโทษบุตรีที่เกิดจากอนุจินหรงรวมไปถึงสองสาวใช้ที่ติดตามนาง สาเหตุของการลงโทษในครั้งนี้นั้น เป็นเพราะหลินเยว่หรูหรือคุณหนูรองของฮูหยินใหญ่ ได้รายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกับน้องห้าของเธอให้บิดาฟัง ทำให้เย็นนี้เขาต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เมื่อไตร่สวนแล้วพบว่าเรื่องที่หลินเยว่หรูเล่ามานั้นคือเรื่องจริง“นังลูกไม่รักดี!!! เหตุใดเจ้าถึงต้องกระทำการรุนแรงกับบ่าวของน้องสาวเจ้าด้วย พ่อเคยสั่งสอนเจ้าแล้วมิใช่หรือว่ามิให้ใช้กำลังไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"“ท่านพ่อลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกขอโทษฮือๆๆๆ” คุณหนูสี่ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวคำขอโทษออกมา"แล้วเจ้า… ไปยุ่งอันใดกับน้องสาวของเจ้าหรือไม่ น้องห้าของเจ้าร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เจ้าต้องรักและเอ็นดูนาง มิใช่ไปรังแกนาง”“ท่านพี่… อภัยให้ลูกสี่เถอะนะเจ้าคะ ลูกสี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างนางยังเด็กนัก ยังไม่รู้ความ” อนุจินหรงคุกเข่าอ้อนวอนผู้เป็นสามี“หุบปาก!!! อนุจิน หากเจ้าดูแลนาง