ร่างอวบอิ่มค่อนไปทางอ้วนกลม พลิกกายภายใต้ผ้านวมอุ่นนุ่มไปมาอย่างปวดเมื่อยราวกับไปทำงานหนักมาเสียจนร่างกายปวดเมื่อยไปหมด หลังถูกเสียงพูดคุยโหวกเหวกของผู้คนด้านนอกห้องปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล 'หลิวฟางอี้' รู้สึกว่าการตื่นในเช้าวันนี้ราวร่างกายได้รับการหลับใหลไปเสียนาน เปลือกตาที่ขยับขยุกขยิกไปมาเริ่มเปิดขึ้นและกระพริบช้า ๆ เมื่อยังมองสิ่งรอบตัวไม่ถนัดนัก
"หื้อ"
คิ้วโก่งเรียวเรียงเส้นสวยดุจคันธนูขมวดลงเล็กน้อย ยามเมื่อดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้องที่นางอาศัยนอนหลับใหลมาทั้งคืนด้วยบรรยากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย
‘หนอยแน่! จ้าวเจิ้งซิน’ สาวใช้ข้างกายนางนี่ใช้ไม่ได้เสียจริงปล่อยให้ตนเหลวไหลสิ้นดี เมื่อคืนที่จวนตระกูลฟู่ มีงานเลี้ยงฉลองที่คุณหนูรองได้จัดขึ้น หลิวฟางอี้และคุณหนูตระกูลต่าง ๆ ล้วนได้รับเทียบเชิญเช่นกัน หากแต่เมื่อคืนเกรงว่านางคงเผลอดื่มเข้าไปมากนักกระมัง ถึงเมามายจนไร้สติแม้ทางกลับจวนก็หลงลืมเสียแล้ว แต่เช่นไรคนจวนตระกูลฟู่ใช้ได้เสียที่ไหนใยไม่ส่งข้ากลับจวนเล่า งานนี้คงหาทางเอาตัวรอดยากจากไม้เรียวของบิดาเสียแล้ว แค่คิดก็ขยาดกลัวยิ่งนัก
คิดได้ดังนั้น หลิวฟางอี้ก็เด้งตัวขึ้นจากเตียงนุ่นทันที ขาวาดลงจากเตียงนุ่ม แม้ห้องที่นางอาศัยนอนเมื่อคืนจะถูกตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะเศรษฐีใหญ่แห่งเจียงซี แต่หลิวฟางอี้ไม่ได้ใส่ใจจะชื่นชมนัก
"ตาย ตาย ท่านพ่อ ท่านแม่ตีข้าตายแน่ ๆ งานนี้ตาย ๆ " ด้วยความรีบร้อนหาได้สนใจอาภรณ์ที่หลุดลุ่ยของตนไม่
'ปึก ปึก หลิวฟางอี้ ฟู่หลางเทียน ลูกฟู่ พี่หลางเทียน ตื่น ตื่น'
'หลิวฟางอี้.....เจ้าเด็กเหลวไหล เจ้าเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ'
ขาที่กำลังจะก้าวลุกพลันชะงักหลังได้ยินเสียงเรียกของบิดามารดาตน ตาสวยปิดลงอย่างยอมรับในชะตากรรมที่กำลังจะเผชิญเมื่อเปิดประตูตรงหน้าออกไปพบบิดามารดา
"ฮื้อ หลิวฟางอี้ เห็นทีวันนี้เจ้าต้องชะตาขาดเป็นแน่ ฮื้อ"
ขณะที่คร่ำครวญออกมา พลันสะดุดหูกับชื่อของ 'ฟู่หลางเทียน' ใบหน้าค่อยๆ หันหน้ากลับไปมองที่เตียงที่ยามนี้มีบุรุษที่หน้าตาหล่อเหลากำลังจัดชุดที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่
"เฮือก! คุณชายฟู่!"
ไม่ถูกต้อง! หลิวฟางอี้ตะโกนในใจ ชายที่นางแอบมีใจให้ตั้งแต่จำความได้ แต่เขาช่างไร้ใจกับนางที่ผ่านมาเขาหาได้เสียเวลามองหญิงอวบอ้วนอัปลักษณ์เช่นตนไม่ บัดนี้กำลังจัดชุดอาภรณ์ที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ ตาคมเหลือบมองมายังตนไร้ซึ่งถ้อยคำถามไถ่
"ฟู่หลางเทียน" คุณชายตระกูลฟู่ที่เติบใหญ่มาด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาสมกับที่บุรุษเพศควรจะมี ปีนี้ก็อายุได้ 20 ปี แต่ไร้วี่แววว่าจะแต่งฮูหยินน้อยเข้าจวน ปัญหานี้เป็นที่ถกเถียงของนายท่านและฮูหยินรองที่รักหลางเทียนเช่นลูกแท้ ๆ ของนางเป็นอย่างมาก จนฟู่ฮวาซินผู้เป็นน้องสาวได้หมั้นหมายและเตรียมจะแต่งงานในปลายวสันต์ฤดูหน้าที่กำลังจะมาถึง ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาทั้งยังเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลฟู่ที่ร่ำรวยไม่น้อยไปกว่าราชวงศ์ รสนิยมหรูหรา คารมคมคาย ร่ำลือกันว่าเรื่องการเป็นนักรักก็ไม่ได้ด้อยน้อยกว่าผู้ใด รวมไปถึงความเก่งกาจเล่ห์เหลี่ยมด้านการค้าขายที่หาตัวจับได้ยาก จึงเป็นที่หมายปองของสาวน้อยใหญ่ไม่เว้นแม้แต่คุณหนูในตระกูลสูงศักดิ์ และเหล่าองค์หญิงในราชวงศ์
หมับ! "เดี๋ยว!"
มือแกร่งคว้ากำข้อมืออวบ ๆ ของหญิงตรงหน้า อาภรณ์ที่หลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นเนื้อนวลเนียนขาวผ่อง เนินสราญอวบอิ่มโผล่พ้นออกมาจนเผยให้เห็นรอยแดงไล่ตั้งแต่ลำคอลามจนถึงเนินอกอิ่มให้ได้ยล ซึ่งสิ่งเหล่านี้หลางเทียนเห็นมานักต่อนักที่หอโคมแดงขึ้นชื่อหาได้หวั่นไหวกับภาพเย้ายวนของดรุณีอวบอ้วนตรงหน้าไม่ กลับรู้สึกรังเกียจเสียยิ่งกะไรยามนึกถึงเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากน้องสาวอันเป็นที่รักในสิ่งที่นางกระทำ สายตาคมกวาดมองหญิงสาวเจ้าเนื้อที่นั่งหายใจหอบแรง ใบหน้าแดงก่ำอย่างสะเทิ้นอายยามที่เขาไล่สายตามอง นิ้วมืออวบพยายามรวบเอาสาปอาภรณ์ที่แหวกออกจากฝีมือของตนที่จงใจทำขึ้นเพื่อหวังผล
"หึ สตรีน่ารังเกียจเจ้ายั่วยวนข้าจน จนข้า ช่างเถอะ รีบจัดการตนเองให้เรียบร้อย"
ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำใสขังเอ่อหลังได้ฟังถ้อยคำกล่าวหาที่บาดลงในใจ พลันความเสียใจและความหวาดกลัวเข้าจู่โจมจนไหล่บางเริ่มสั่นน้อย ๆ ยามปกตินางหาได้หวาดกลัวสิ่งใดไม่ ด้วยมีบารมีของบิดาคอยปกป้อง หากแต่ยามนี้ที่ตื่นมาในจวนผู้อื่นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนี่อีก พลันสติเลือนหายจนเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้หลุดออกมา"ฮึก ฮึก"เสียงสะอื้นของนางทำให้เท้าแกร่งชะงักกึก หันกลับมามองสตรีที่บัดนี้หน้าตาแดงก่ำ ริมฝีปากแดงชมพูราวสีลูกท้อสุก มือสาละวนไปมาสั่น ๆ จับอาภรณ์ขยับไปมาให้เข้าที่ ตัวหอบโยนสั่นน้อย ๆ จากแรงกลั้นสะอื้นของสาวเจ้า"เป็นเจ้าที่ตั้งใจเข้าหาข้า เจ้าจะมาร่ำไห้เสียใจให้ได้สิ่งไร อย่าเสแสร้งให้ข้ารังเกียจสตรีเช่นเจ้าไปมากกว่านี้เลยหากมิเมามายจนเสียสติ ข้าคงมิแลสตรีอวบอ้วนเช่นเจ้าให้ระคายนัยน์ตาเสียหรอก"หลางเทียนจงใจกล่าววาจาเชือดเฉือนให้นางเข้าใจว่าเป็นตนที่ล่อลวงบุรุษรูปงามเช่นตนหลิวฟางอี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะไม่แย้งถ้อยคำของบุรุษตรงหน้า เหตุการณ์เมื่อคืนใช่ว่าตนจะเป็นคนทำยังไม่กระจ่าง เหตุไฉนเขาถึงปรักปรำนางฝ่ายเดียวกัน สายตาตัดพ้อและผิดหวังพาดผ่านดวงตากลมโตเพียงชั่วครู่ให้ได้เห็นก่อนจะวาววั
[จวนตระกูลหลิว]"คุณหนู คุณหนู เฮ้อ ขอบคุณสวรรค์ เมื่อคืนคนที่จวนตระกูลฟู่บอกว่า รถม้ามาส่งคุณหนูที่เรือนแล้ว เจิ้งซิน ๆ เลยกลับมาที่เรือนก่อนมิได้ตามหาคุณหนูให้ดี เจิ้งซินหูเบาคุณหนูโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ""สาวใช้เช่นเจ้า ฮึย ช่างดูแลนายไม่ได้เรื่องเสียจริง เจ้ารู้รึไม่หึ ว่าเกิดเรื่องอัปยศอันใดขึ้นกับคุณหนูของเจ้า ฮึ! รู้รึไม่ ต่อไปข้าจะไว้ใจเจ้าให้ดูแลลูกข้าได้เยี่ยงไรกัน หึ"นายท่านหลิวชี้นิ้วสั่น ๆ ไปยังสาวใช้ข้างกายบุตรสาว พลันแข้งขาอ่อนแรงทรุดลงบนเก้าอี้กลางเรือน เมื่อบุตรสาวเริ่มส่งเสียงร้องไห้ออกมา เกิดมาไม่เคยโกรธผู้ใดได้ถึงเพียงนี้มาก่อน บัดนี้ยอดดวงใจบุตรสาวหนึ่งเดียวของตนโดนลูกหลานตระกูลฟู่ซึ่งเป็นสหายที่คบค้ากันมานานรังแกตนไม่รู้จะทำเช่นไร คิดอะไรยังไม่ออกจึงได้กลับมาตั้งหลักที่จวนก่อน รอถามไถ่บุตรสาวให้ได้ความค่อยว่ากันอีกที "นายท่าน ฮูหยิน ฮึก ฮึก คุณหนู บ่าวผิดไปแล้ว"เจิ้งซินเมื่อเห็นคุณหนูตนทรุดตัวคุกเข่าลงที่พื้นก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ไม่รอช้าคลานเข้าไปกอดผู้เป็นนายทันที บัดนี้ทั้งนายทั้งบ่าวกอดกันร้องไห้ปานจะขาดใจ"ฮึก คุณหนู"ยามนี้ดวงตามองไปยังบุตรส
"ฟู่หลางเทียน เจ้ารู้ตัวรึไม่กระทำสิ่งใดลงไป ข้า ข้า ล่ะ โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัว""นายท่าน หยุดต่อว่าลูกฟู่เสียที คุณชายผู้สง่างามเช่นคุณชายฟู่นี่รึ จะไปขืนใจหญิงอัปลักษณ์อย่างคุณหนูหลิว เฮอะ! นางก็เสียกระไร อัปลักษณ์เช่นนางใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านกัน เว้นแต่นางอยากแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่ เฮอะ!!เฒ่าฟู่นายท่านใหญ่ของตระกูลฟู่ ครานี้ถึงกับเอ่ยปากตำหนิบุตรชายของตนด้านฟู่หลางเทียนยังคงเงียบ ไร้เสียงเอ่ยโต้ตอบใด ๆ อย่าว่าแต่แตะต้องเลย แม้จะเฉียดเข้าไปใกล้ตนล้วนรังเกียจนาง หากนางไม่ไปพัวพันกับว่าที่น้องเขยตนจนจะทำให้น้องน้อยของเขา 'ฟู่ฮวาซิน' ต้องเสียใจละก็เขาคงไม่ลดตัวลงไปนอนร่วมเตียงกับนางให้เสียเวลาเสียหรอก"ฟู่หลางเทียน ไม่รู้แหละ เช่นไรข้าจะต้องทำให้ถูกต้อง เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางมิเช่นนั้นถึงคราข้าดินกลบหน้าข้าคงมิมีหน้าไปพบท่านแม่เจ้าแน่”นายท่านฟู่เอ่ยบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มและจริงจัง มารดาของยัยหนูหลิวและหลางเทียนนั่นเป็นสหายรักกัน หากรับรู้ถึงเรื่องที่บุตรตนทำวิญญาณนางเกรงว่าจะไม่เป็นสุขกระมัง เช่นนั้นตนต้องรีบทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเสียก่อน"เป็น
"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน "เอ่อ ""เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน""เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ""โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ""ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเ
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง
“เจียวมิ่ง! ลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้ให้ข้าต้องลำบากใจเลย” คุณหนูหลิวที่เห็นเจียวมิ่งนั่งคุกเข่าก็ตรงเข้ามาพยุงให้ยืนขึ้น นางจะทำเช่นไรดี ‘เขาช่วยพ่อข้าจริงงั้นรึ แล้วเขาทำไปเพื่อสิ่งใดกัน แล้วนางจะเชื่อคนพวกนี้ได้แค่ไหนกัน ’ ในใจตีรวนจนสับสนแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับนางในใจก็ยากที่จะให้อภัยได้โดยง่าย“พวกท่านกลับไปเสียเถอะ ข้าคงไปกับพวกเจ้าไม่ได้ กลับไปเสียเถอะ! เจิ้งซิน ๆ ไปส่งพวกเขาทีข้ารู้สึกอยากพักผ่อนเสียแล้ว” เสี่ยวฟางเบือนหน้าหนีจากสายตาตัดพ้อผิดหวังและต่อว่าของคนตระกูลฟู่”เจ้าค่ะคุณหนู”“เสี่ยวฟาง! เจ้า ๆ ช่างใจดำนักเพียงขอให้เจ้าไปพบพี่ข้า เจ้าช่าง ๆ เหอะ! ไปเถอะเจียวมิ่งเห็นเช่นนี้แล้วใจนางคงไม่อยากแม้แต่จะเหลียวดูพี่ชายข้าแล้วล่ะ กลับกันเถอะ!” ฟู่ฮวาซินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากนางอุตส่าห์ลดทิฐิมาขอร้องนางด้วยตัวเองพร้อมขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะหลงรักสตรีที่ใจมืดบอดเช่นนี้“คุณหนูหลิว…หากท่านเปลี่ยนใจ คุณชายรอท่านที่เรือนซูเมิ่งนะขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยออกมาคล้ายละเมอ ความหวังสุดท้ายที่หวังจะช่วยคุณชายหลุดลอยไปเสียต่อหน้า ก้มหน้าลงอย่างผิดหวังก่อนจะ
“เจ้าทำสิ่งใด ฮวาซิน! ลุกขึ้นนะ เจ้ากลับไปเสียเถอะเช่นไรข้าก็ไม่ไป ข้าไม่อยากเห็นแม้แต่...หน้าของเขา” เสี่ยวฟางตกใจไม่น้อยกับการกระทำของฟู่ฮวาซิน รีบปรี่เข้าไปดึงนางให้ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยยืนยันในคำพูดว่าเช่นไรนางก็ไม่ไปพบพี่ชายนางและนั่นทำให้คุณหนูฟู่ผู้ไม่เคยต้องอดทนกับสิ่งใด และยอมให้ใครถึงกับมีอารมณ์ ในเมื่อนางขอร้องดี ๆ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าก็แล้วนางก็ยังมิยอมเช่นนั้นอย่ามาว่าข้าเสียมารยาทก็แล้วกันนะเสี่ยวฟาง“เสี่ยวฟาง! เจ้ารู้รึไม่เพื่อจะไถ่โทษที่พี่หลางเทียนทำกับเจ้าแล้วพี่ข้าต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง เจ้าฟังนะ! ” คุณหนูฟู่ตะโกนใส่คุณหนูหลิวด้วยอารมณ์โกรธขึ้นหน้า กายสั่นระริกหายใจหอบรัวเร็ว ก่อนจะกำหมัดแน่นหลับตานิ่ง สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์“เอาล่ะเจ้าฟังนะ พี่ชายข้าเพื่อเจ้าแล้วเข้าลงทางใต้หาได้ไปค้าขายไม่ พี่หลางเทียนไปเสาะตามหาหมอเทวดาต่างหาก เจียวมิ่งเล่าให้ข้าฟังว่าชายแดนใต้นั้นหนาวเหน็บทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพี่ชายข้าต้องร่ำดื่มสุราอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและเพื่อเป็นหุ่นทดลองยาให้กับหมอเทวดานั่นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนในตอนนี้เขาเป็นโรคพิษสุราเรื
ฟู่ฮวาซินนึกไม่ถึงว่าผู้เป็นพี่จะมีสภาพเช่นในตอนนี้ นางไม่อาจยอมรับได้คุณชายตระกูลพ่อค้าใหญ่ สง่างามแถมเก่งไปเสียรอบด้านในเวลานี้ดูแล้วไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยซักนิด“สามวันที่แล้วคุณชายตั้งใจจะไปหาคุณหนูหลิว บังเอิญไปเห็นนางอยู่กับสหายรักอย่างคุณชายยู่หลง แล้วเอ่อพวกเขากำลังเอ่อ...เช่นไรคุณหนูช่วยคุณชายของเจียวมิ่งด้วยนะขอรับ คราวนี้คุณชายเสเพลไร้สตินักขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที“ข้าช่วยแน่ เจ้าเจียวมิ่งมากับข้า! เร็วเข้า” ช่วยแน่เป็นตายร้ายดีเช่นไรนางย่อมต้องช่วย ‘พี่หลางเทียน พี่ทำเพื่อข้ามามากครั้งนี้ข้าจะทำเพื่อท่านนะเจ้าคะ’“อ้าวนั่น ฮวาซินเจ้าจะไปไหนล่ะนั่น!”“ไปช่วยพี่หลางยังไงละเจ้าคะท่านพ่อ!” เอ่ยเพียงเท่านั้นนางก็เร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหลิวที่หมายทันที[ตระกูลหลิว]“คารวะท่านลุง ฮูหยินรองเจ้าค่ะ ฮวาซินมาขอพบเสี่ยวฟางไม่ทราบว่า...”“อ้าว ฮวาซินนั่นเอง มาหาเสี่ยวฟางเรอะเมื่อครู่นางพึ่งกลับไปเรือนของนาง เดี๋ยวข้าให้คนพาไปก็แล้วกันนะ เด็ก ๆ ”“เจ้าค่ะ”“ไปส่งคุณหนูรองที่เรือนคุณหนูที” หลิวตงหยางเอ่ยโดยที่ในใจน