"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน
"เอ่อ "
"เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน"
"เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ"
"โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"
หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ
ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้
"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย
"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ"
"ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเสียหน่อยนะ ไป ๆ ประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"
หลิวตงหยางเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี เสี่ยวฟางน้อยของเขายังงดงามไม่ บุบสลาย ฮึ! แล้วใครมันก่อเรื่องนี้ขึ้นมากันแน่ ผู้ใดจงใจให้บุตรสาวตนเสียชื่อกัน
"เย้ เช่นนั้นข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียหน่อย พี่ฮ่าวอี้รอข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
ไม่นานเสี่ยวฟางก็ก้าวออกจากห้องด้วยอาภรณ์สีชมพูสวยงาม ร่างอวบยามเมื่อแต่งแต้มใบหน้าและสวมอาภรณ์สีสดช่างดูน่ามองยิ่งนักราวดอกท้อบานประหนึ่งอย่างนั้น รอยยิ้มหวานถูกส่งให้พี่ชายคนสนิท ก่อนจะก้าวเท้าออกไปด้วยกันโดยฮ่าวอี้ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือให้หญิงสาวได้จับยามขึ้นนั่งบนรถม้าคันงาม
"พี่ฮ่าวอี้ วันนี้เราไปเที่ยวที่ไหนดีรึเจ้าคะ"
เสี่ยวฟางมองใบหน้าพี่ชายที่นางเคารพรักเอ่ยถามเสียงใสอย่าง เบิกบาน ก็มีแต่พี่ฮ่าวอี้ที่ดีต่อนาง
"นายท่าน น่าเสียดายนะเจ้าคะ เด็กทั้งสองคนดูไปดูมาช่างเหมาะสมกันจริง ๆ" ว่านเจียอีเอ่ยขึ้นกับสามีอย่างนึกเสียดายคุณชายตระกูลบัณฑิตอย่างคุณชายมู่
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ฮ่าวอี้มีคู่หมั้นแล้วเจ้าอย่าได้คิดไปอีกเลย หากคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอกน่า"
ไม่นานรถม้าคันหรูก็จอดลงที่หน้าตลาด ที่บัดนี้เริ่มประดับประดาตกแต่งร้านอย่างงดงามเตรียมต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
เป็นที่เลี่ยงลือกันไปถึงต่างแคว้นว่ายามเมื่อฤดูร้อนมาเยือนเจียงซี สตรีงดงามผลิบานราวดอกไม้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อถึงคราหน้าร้อนบรรดาสาว ๆ ก็จะพากันสวมอาภรณ์บางเบา อวดรูปโฉมแข่งกันด้วยชุดสีสันฉูดฉาดเพื่อดึงดูดใจเหล่าชายหนุ่ม ทำให้หน้าร้อนของทุกปีมีบรรดาเหล่าบุรุษต่างแคว้นเดินทางมาพำนักที่เจียงซีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี
"ปีนี้การค้าคงคักคักน่าดูเลยสิพี่ฮ่าวอี้ โรงเตี๊ยมน้อยใหญ่ต่างทยอยปิดป้ายประกาศว่าเต็มแล้วกันทั้งนั้นเลย ท่านดูสิ"
เสี่ยวฟางเลิกผ้าชี้ชวนฮ่าวอี้ให้มองสองข้างทางที่รถม้าวิ่งผ่าน เป็นเช่นนี้อาภรณ์ฤดูร้อนปีนี้เห็นทีคงต้องให้ท่านพ่อเร่งวางขายเสียแล้ว ประเดี๋ยวช้าไปเห็นจะต้องเเข่งกับร้านตะกูลฟู่เป็นแน่ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลใหญ่แถมฮูหยินใหญ่ของตระกูลยังเป็นถึงหลานของไทเฮา ทำให้เชื้อพระวงศ์นิยมชมชอบซื้ออาภรณ์จากตระกูลฟู่ ทำให้เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่เลือกนิยมซื้อตามไปด้วย แม้แต่หญิงสาวชาวบ้านยังทำงานเก็บเงินทั้งปีเพื่อซื้อชุดเพียงชุดเดียวจากร้านตระกูลฟู่ แต่เป้าหมายสูงสุดของบรรดาสาวงามเกรงว่าคงไม่พ้นคุณชายรูปงามของตระกูลเสียกระมัง
คิดมาถึงตรงนี้พลางใบหน้าร้ายกาจของบุรุษรูปงามที่ล่วงเกินนางพลันกระจ่างขึ้นในความคิด เสี่ยวฟางนึกรังเกียจเขายิ่งนัก หลังจากได้พูดคุยแนบชิดในเช้าวันนั้นที่เตียงของเขา ก็เปลี่ยนจากชื่นชมในความหล่อเหลาเป็นเกลียดขี้หน้าในทันที 'ฟู่หลางเทียน' คนถ่อย นึกแล้วก็อยากตบใบหน้าหล่อ ๆ สักครั้งให้หายเจ็บใจยิ่งนัก ฮึ!
"เสี่ยวฟาง เสี่ยวฟาง! "
"ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าคะ"
"ถึงแล้วล่ะ มาสิ"
เสี่ยวฟางที่จมอยู่กับความคิดพลันได้สติเมื่อเสียงฮ่าวอี้ร้องบอกเมื่อถึงโรงเตี๊ยมชื่อดังที่ฮ่าวอี้ตั้งใจพามากินของอร่อย
คุณชายรูปงามที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง ก้าวเดินเคียงข้างมากับสาวเจ้าเนื้อซึ่งมิใช่คู่หมายตน จึงเรียกความสนใจจากบรรดาลูกค้าในโรงเตี๊ยมให้หันมามองอย่างสนอกสนใจจนเกิดเสียงกระซิบกระซาบให้ได้ยินแว่วมาตลอดการก้าวเดินของทั้งสอง ไม่เว้นแม้แต่ห้องรับรองพิเศษที่หลางเทียนได้จองไว้เพื่อนัดสตรีที่ตนคบหาอยู่ด้วยมาพลอดรักกัน ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน
"หึ ช่างเป็นสตรีที่ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งนัก"
"พี่หลางเทียน ว่าเช่นไรนะเจ้าคะ"
"อะเอ่อ เปล่า ๆ พอดีข้าเจอสหายที่ไม่ได้พบกันเสียนาน ประเดี๋ยวข้าขอตัวไปทักทายซักหน่อยดีกว่า เจ้าอยู่คนเดียวได้รึไม่ ไม่นานเดี๋ยวข้ากลับมา"
ฟ่านหลี่หลินแม้จะขัดใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกขัดจังหวะพลอดรักของตน แต่ก็มิอาจจะแสดงอาการเผยออกมาให้ชายหนุ่มได้รู้ได้ จึงได้แต่ยิ้มรับและแสร้งเอ่ยอย่างใจกว้าง
"พี่หลางเทียนไปทักทายเขาเสียหน่อยเถิดเจ้าคะ ข้าอยู่ได้"
"เจ้าช่างเข้าใจข้าเสียจริง ไว้ข้าจะรีบกลับมานะเด็กดี" ปากบางก้มลงจุมพิตที่ผมสลวยก่อนจะก้าวอาด ๆ หันหลังเดินออกไปนอกห้อง สอดสายตาส่องหาบุรุษและสตรีที่ตนหมายจะเข้าไปเล่นงานด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นในอกแกร่ง
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
ร่างอวบอิ่มค่อนไปทางอ้วนกลม พลิกกายภายใต้ผ้านวมอุ่นนุ่มไปมาอย่างปวดเมื่อยราวกับไปทำงานหนักมาเสียจนร่างกายปวดเมื่อยไปหมด หลังถูกเสียงพูดคุยโหวกเหวกของผู้คนด้านนอกห้องปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล 'หลิวฟางอี้' รู้สึกว่าการตื่นในเช้าวันนี้ราวร่างกายได้รับการหลับใหลไปเสียนาน เปลือกตาที่ขยับขยุกขยิกไปมาเริ่มเปิดขึ้นและกระพริบช้า ๆ เมื่อยังมองสิ่งรอบตัวไม่ถนัดนัก "หื้อ"คิ้วโก่งเรียวเรียงเส้นสวยดุจคันธนูขมวดลงเล็กน้อย ยามเมื่อดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้องที่นางอาศัยนอนหลับใหลมาทั้งคืนด้วยบรรยากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย‘หนอยแน่! จ้าวเจิ้งซิน’ สาวใช้ข้างกายนางนี่ใช้ไม่ได้เสียจริงปล่อยให้ตนเหลวไหลสิ้นดี เมื่อคืนที่จวนตระกูลฟู่ มีงานเลี้ยงฉลองที่คุณหนูรองได้จัดขึ้น หลิวฟางอี้และคุณหนูตระกูลต่าง ๆ ล้วนได้รับเทียบเชิญเช่นกัน หากแต่เมื่อคืนเกรงว่านางคงเผลอดื่มเข้าไปมากนักกระมัง ถึงเมามายจนไร้สติแม้ทางกลับจวนก็หลงลืมเสียแล้ว แต่เช่นไรคนจวนตระกูลฟู่ใช้ได้เสียที่ไหนใยไม่ส่งข้ากลับจวนเล่า งานนี้คงหาทางเอาตัวรอดยากจากไม้เรียวของบิดาเสียแล้ว แค่คิดก็ขยาดกลัวยิ่งนัก คิดได้ดังนั้น หลิวฟางอี้ก็เด้งตั
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน "เอ่อ ""เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน""เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ""โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ""ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเ
"ฟู่หลางเทียน เจ้ารู้ตัวรึไม่กระทำสิ่งใดลงไป ข้า ข้า ล่ะ โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัว""นายท่าน หยุดต่อว่าลูกฟู่เสียที คุณชายผู้สง่างามเช่นคุณชายฟู่นี่รึ จะไปขืนใจหญิงอัปลักษณ์อย่างคุณหนูหลิว เฮอะ! นางก็เสียกระไร อัปลักษณ์เช่นนางใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านกัน เว้นแต่นางอยากแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่ เฮอะ!!เฒ่าฟู่นายท่านใหญ่ของตระกูลฟู่ ครานี้ถึงกับเอ่ยปากตำหนิบุตรชายของตนด้านฟู่หลางเทียนยังคงเงียบ ไร้เสียงเอ่ยโต้ตอบใด ๆ อย่าว่าแต่แตะต้องเลย แม้จะเฉียดเข้าไปใกล้ตนล้วนรังเกียจนาง หากนางไม่ไปพัวพันกับว่าที่น้องเขยตนจนจะทำให้น้องน้อยของเขา 'ฟู่ฮวาซิน' ต้องเสียใจละก็เขาคงไม่ลดตัวลงไปนอนร่วมเตียงกับนางให้เสียเวลาเสียหรอก"ฟู่หลางเทียน ไม่รู้แหละ เช่นไรข้าจะต้องทำให้ถูกต้อง เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางมิเช่นนั้นถึงคราข้าดินกลบหน้าข้าคงมิมีหน้าไปพบท่านแม่เจ้าแน่”นายท่านฟู่เอ่ยบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มและจริงจัง มารดาของยัยหนูหลิวและหลางเทียนนั่นเป็นสหายรักกัน หากรับรู้ถึงเรื่องที่บุตรตนทำวิญญาณนางเกรงว่าจะไม่เป็นสุขกระมัง เช่นนั้นตนต้องรีบทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเสียก่อน"เป็น