"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน
"เอ่อ "
"เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน"
"เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ"
"โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"
หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ
ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้
"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย
"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ"
"ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเสียหน่อยนะ ไป ๆ ประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"
หลิวตงหยางเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี เสี่ยวฟางน้อยของเขายังงดงามไม่ บุบสลาย ฮึ! แล้วใครมันก่อเรื่องนี้ขึ้นมากันแน่ ผู้ใดจงใจให้บุตรสาวตนเสียชื่อกัน
"เย้ เช่นนั้นข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียหน่อย พี่ฮ่าวอี้รอข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
ไม่นานเสี่ยวฟางก็ก้าวออกจากห้องด้วยอาภรณ์สีชมพูสวยงาม ร่างอวบยามเมื่อแต่งแต้มใบหน้าและสวมอาภรณ์สีสดช่างดูน่ามองยิ่งนักราวดอกท้อบานประหนึ่งอย่างนั้น รอยยิ้มหวานถูกส่งให้พี่ชายคนสนิท ก่อนจะก้าวเท้าออกไปด้วยกันโดยฮ่าวอี้ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือให้หญิงสาวได้จับยามขึ้นนั่งบนรถม้าคันงาม
"พี่ฮ่าวอี้ วันนี้เราไปเที่ยวที่ไหนดีรึเจ้าคะ"
เสี่ยวฟางมองใบหน้าพี่ชายที่นางเคารพรักเอ่ยถามเสียงใสอย่าง เบิกบาน ก็มีแต่พี่ฮ่าวอี้ที่ดีต่อนาง
"นายท่าน น่าเสียดายนะเจ้าคะ เด็กทั้งสองคนดูไปดูมาช่างเหมาะสมกันจริง ๆ" ว่านเจียอีเอ่ยขึ้นกับสามีอย่างนึกเสียดายคุณชายตระกูลบัณฑิตอย่างคุณชายมู่
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ฮ่าวอี้มีคู่หมั้นแล้วเจ้าอย่าได้คิดไปอีกเลย หากคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอกน่า"
ไม่นานรถม้าคันหรูก็จอดลงที่หน้าตลาด ที่บัดนี้เริ่มประดับประดาตกแต่งร้านอย่างงดงามเตรียมต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
เป็นที่เลี่ยงลือกันไปถึงต่างแคว้นว่ายามเมื่อฤดูร้อนมาเยือนเจียงซี สตรีงดงามผลิบานราวดอกไม้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อถึงคราหน้าร้อนบรรดาสาว ๆ ก็จะพากันสวมอาภรณ์บางเบา อวดรูปโฉมแข่งกันด้วยชุดสีสันฉูดฉาดเพื่อดึงดูดใจเหล่าชายหนุ่ม ทำให้หน้าร้อนของทุกปีมีบรรดาเหล่าบุรุษต่างแคว้นเดินทางมาพำนักที่เจียงซีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี
"ปีนี้การค้าคงคักคักน่าดูเลยสิพี่ฮ่าวอี้ โรงเตี๊ยมน้อยใหญ่ต่างทยอยปิดป้ายประกาศว่าเต็มแล้วกันทั้งนั้นเลย ท่านดูสิ"
เสี่ยวฟางเลิกผ้าชี้ชวนฮ่าวอี้ให้มองสองข้างทางที่รถม้าวิ่งผ่าน เป็นเช่นนี้อาภรณ์ฤดูร้อนปีนี้เห็นทีคงต้องให้ท่านพ่อเร่งวางขายเสียแล้ว ประเดี๋ยวช้าไปเห็นจะต้องเเข่งกับร้านตะกูลฟู่เป็นแน่ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลใหญ่แถมฮูหยินใหญ่ของตระกูลยังเป็นถึงหลานของไทเฮา ทำให้เชื้อพระวงศ์นิยมชมชอบซื้ออาภรณ์จากตระกูลฟู่ ทำให้เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่เลือกนิยมซื้อตามไปด้วย แม้แต่หญิงสาวชาวบ้านยังทำงานเก็บเงินทั้งปีเพื่อซื้อชุดเพียงชุดเดียวจากร้านตระกูลฟู่ แต่เป้าหมายสูงสุดของบรรดาสาวงามเกรงว่าคงไม่พ้นคุณชายรูปงามของตระกูลเสียกระมัง
คิดมาถึงตรงนี้พลางใบหน้าร้ายกาจของบุรุษรูปงามที่ล่วงเกินนางพลันกระจ่างขึ้นในความคิด เสี่ยวฟางนึกรังเกียจเขายิ่งนัก หลังจากได้พูดคุยแนบชิดในเช้าวันนั้นที่เตียงของเขา ก็เปลี่ยนจากชื่นชมในความหล่อเหลาเป็นเกลียดขี้หน้าในทันที 'ฟู่หลางเทียน' คนถ่อย นึกแล้วก็อยากตบใบหน้าหล่อ ๆ สักครั้งให้หายเจ็บใจยิ่งนัก ฮึ!
"เสี่ยวฟาง เสี่ยวฟาง! "
"ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าคะ"
"ถึงแล้วล่ะ มาสิ"
เสี่ยวฟางที่จมอยู่กับความคิดพลันได้สติเมื่อเสียงฮ่าวอี้ร้องบอกเมื่อถึงโรงเตี๊ยมชื่อดังที่ฮ่าวอี้ตั้งใจพามากินของอร่อย
คุณชายรูปงามที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง ก้าวเดินเคียงข้างมากับสาวเจ้าเนื้อซึ่งมิใช่คู่หมายตน จึงเรียกความสนใจจากบรรดาลูกค้าในโรงเตี๊ยมให้หันมามองอย่างสนอกสนใจจนเกิดเสียงกระซิบกระซาบให้ได้ยินแว่วมาตลอดการก้าวเดินของทั้งสอง ไม่เว้นแม้แต่ห้องรับรองพิเศษที่หลางเทียนได้จองไว้เพื่อนัดสตรีที่ตนคบหาอยู่ด้วยมาพลอดรักกัน ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน
"หึ ช่างเป็นสตรีที่ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งนัก"
"พี่หลางเทียน ว่าเช่นไรนะเจ้าคะ"
"อะเอ่อ เปล่า ๆ พอดีข้าเจอสหายที่ไม่ได้พบกันเสียนาน ประเดี๋ยวข้าขอตัวไปทักทายซักหน่อยดีกว่า เจ้าอยู่คนเดียวได้รึไม่ ไม่นานเดี๋ยวข้ากลับมา"
ฟ่านหลี่หลินแม้จะขัดใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกขัดจังหวะพลอดรักของตน แต่ก็มิอาจจะแสดงอาการเผยออกมาให้ชายหนุ่มได้รู้ได้ จึงได้แต่ยิ้มรับและแสร้งเอ่ยอย่างใจกว้าง
"พี่หลางเทียนไปทักทายเขาเสียหน่อยเถิดเจ้าคะ ข้าอยู่ได้"
"เจ้าช่างเข้าใจข้าเสียจริง ไว้ข้าจะรีบกลับมานะเด็กดี" ปากบางก้มลงจุมพิตที่ผมสลวยก่อนจะก้าวอาด ๆ หันหลังเดินออกไปนอกห้อง สอดสายตาส่องหาบุรุษและสตรีที่ตนหมายจะเข้าไปเล่นงานด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นในอกแกร่ง
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
“ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก”ร่างของสตรีอวบอ้วนวิ่งซอยเท้าออกมาทางด้านหลังของสำนักศึกษา มันเป็นทางลับที่นางและเหล่าศิษย์พี่ที่เป็นสหายของพี่ฮ่าวอี้บอกนาง เสี่ยวฟางวิ่งหันซ้ายแลขวา ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตาจนบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นไปเสียหมด มืออวบถูกยกขึ้นมาปัดเช็ดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่หมด ร่างสะอื้นไหนเสียใจจนตัวโยน เท้าเร่งรีบเดินเพื่อให้ออกไปให้พ้นจากเขตสำนักศึกษา ด้านหลังเป็นลำธารมีเรือรับจ้างอยู่ หลิวเสี่ยวฟางต้องการไปที่นั่น เมื่อครู่นางเสียใจและอับอายเป็นอย่างมาก ยิ่งถูกถ้อยคำดูถูกตระกูลและรูปร่างของตนแล้วยิ่งเสียใจเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ในใจนึกอยากหลบไปอยู่คนเดียวที่ไหนก็ได้ซักที่ในเมืองแห่งนี้“ฮึก ฮือ ฟู่หลางเทียนท่านมีสิทธิ์อะไรทำกับข้าเช่นนี้ ฮือ คะครั้งแล้วครั้งเล่า ฮือ ฮึก” ในที่สุดนางก็มาถึงธารน้ำที่ต้องการ โชคดีที่มีคนเรือมาเทียบท่าพอดี“คนเรือ ฮือ ทางนี้”“คุณหนูไปที่ใดกันขอรับ”“ปะไปหอหนานซิน นะนี่เงิน” เสี่ยวฟางยัดเงินให้คนเรือแบบส่ง ๆ และเร่งรีบ“ขอบคุณขอรับคุณหนู” คนพายเรือมองสำรวจสตรีตรงหน้าที่ดวงตาแดงก่ำ คุณหนูบ้านไหนกันนี่จะไปหอหนานซินเสียหัววันเช
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง
“เจียวมิ่ง! ลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้ให้ข้าต้องลำบากใจเลย” คุณหนูหลิวที่เห็นเจียวมิ่งนั่งคุกเข่าก็ตรงเข้ามาพยุงให้ยืนขึ้น นางจะทำเช่นไรดี ‘เขาช่วยพ่อข้าจริงงั้นรึ แล้วเขาทำไปเพื่อสิ่งใดกัน แล้วนางจะเชื่อคนพวกนี้ได้แค่ไหนกัน ’ ในใจตีรวนจนสับสนแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับนางในใจก็ยากที่จะให้อภัยได้โดยง่าย“พวกท่านกลับไปเสียเถอะ ข้าคงไปกับพวกเจ้าไม่ได้ กลับไปเสียเถอะ! เจิ้งซิน ๆ ไปส่งพวกเขาทีข้ารู้สึกอยากพักผ่อนเสียแล้ว” เสี่ยวฟางเบือนหน้าหนีจากสายตาตัดพ้อผิดหวังและต่อว่าของคนตระกูลฟู่”เจ้าค่ะคุณหนู”“เสี่ยวฟาง! เจ้า ๆ ช่างใจดำนักเพียงขอให้เจ้าไปพบพี่ข้า เจ้าช่าง ๆ เหอะ! ไปเถอะเจียวมิ่งเห็นเช่นนี้แล้วใจนางคงไม่อยากแม้แต่จะเหลียวดูพี่ชายข้าแล้วล่ะ กลับกันเถอะ!” ฟู่ฮวาซินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากนางอุตส่าห์ลดทิฐิมาขอร้องนางด้วยตัวเองพร้อมขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะหลงรักสตรีที่ใจมืดบอดเช่นนี้“คุณหนูหลิว…หากท่านเปลี่ยนใจ คุณชายรอท่านที่เรือนซูเมิ่งนะขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยออกมาคล้ายละเมอ ความหวังสุดท้ายที่หวังจะช่วยคุณชายหลุดลอยไปเสียต่อหน้า ก้มหน้าลงอย่างผิดหวังก่อนจะ
“เจ้าทำสิ่งใด ฮวาซิน! ลุกขึ้นนะ เจ้ากลับไปเสียเถอะเช่นไรข้าก็ไม่ไป ข้าไม่อยากเห็นแม้แต่...หน้าของเขา” เสี่ยวฟางตกใจไม่น้อยกับการกระทำของฟู่ฮวาซิน รีบปรี่เข้าไปดึงนางให้ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยยืนยันในคำพูดว่าเช่นไรนางก็ไม่ไปพบพี่ชายนางและนั่นทำให้คุณหนูฟู่ผู้ไม่เคยต้องอดทนกับสิ่งใด และยอมให้ใครถึงกับมีอารมณ์ ในเมื่อนางขอร้องดี ๆ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าก็แล้วนางก็ยังมิยอมเช่นนั้นอย่ามาว่าข้าเสียมารยาทก็แล้วกันนะเสี่ยวฟาง“เสี่ยวฟาง! เจ้ารู้รึไม่เพื่อจะไถ่โทษที่พี่หลางเทียนทำกับเจ้าแล้วพี่ข้าต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง เจ้าฟังนะ! ” คุณหนูฟู่ตะโกนใส่คุณหนูหลิวด้วยอารมณ์โกรธขึ้นหน้า กายสั่นระริกหายใจหอบรัวเร็ว ก่อนจะกำหมัดแน่นหลับตานิ่ง สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์“เอาล่ะเจ้าฟังนะ พี่ชายข้าเพื่อเจ้าแล้วเข้าลงทางใต้หาได้ไปค้าขายไม่ พี่หลางเทียนไปเสาะตามหาหมอเทวดาต่างหาก เจียวมิ่งเล่าให้ข้าฟังว่าชายแดนใต้นั้นหนาวเหน็บทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพี่ชายข้าต้องร่ำดื่มสุราอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและเพื่อเป็นหุ่นทดลองยาให้กับหมอเทวดานั่นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนในตอนนี้เขาเป็นโรคพิษสุราเรื
ฟู่ฮวาซินนึกไม่ถึงว่าผู้เป็นพี่จะมีสภาพเช่นในตอนนี้ นางไม่อาจยอมรับได้คุณชายตระกูลพ่อค้าใหญ่ สง่างามแถมเก่งไปเสียรอบด้านในเวลานี้ดูแล้วไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยซักนิด“สามวันที่แล้วคุณชายตั้งใจจะไปหาคุณหนูหลิว บังเอิญไปเห็นนางอยู่กับสหายรักอย่างคุณชายยู่หลง แล้วเอ่อพวกเขากำลังเอ่อ...เช่นไรคุณหนูช่วยคุณชายของเจียวมิ่งด้วยนะขอรับ คราวนี้คุณชายเสเพลไร้สตินักขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที“ข้าช่วยแน่ เจ้าเจียวมิ่งมากับข้า! เร็วเข้า” ช่วยแน่เป็นตายร้ายดีเช่นไรนางย่อมต้องช่วย ‘พี่หลางเทียน พี่ทำเพื่อข้ามามากครั้งนี้ข้าจะทำเพื่อท่านนะเจ้าคะ’“อ้าวนั่น ฮวาซินเจ้าจะไปไหนล่ะนั่น!”“ไปช่วยพี่หลางยังไงละเจ้าคะท่านพ่อ!” เอ่ยเพียงเท่านั้นนางก็เร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหลิวที่หมายทันที[ตระกูลหลิว]“คารวะท่านลุง ฮูหยินรองเจ้าค่ะ ฮวาซินมาขอพบเสี่ยวฟางไม่ทราบว่า...”“อ้าว ฮวาซินนั่นเอง มาหาเสี่ยวฟางเรอะเมื่อครู่นางพึ่งกลับไปเรือนของนาง เดี๋ยวข้าให้คนพาไปก็แล้วกันนะ เด็ก ๆ ”“เจ้าค่ะ”“ไปส่งคุณหนูรองที่เรือนคุณหนูที” หลิวตงหยางเอ่ยโดยที่ในใจน