"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด
"จอง"
ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มาก
เสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในตกแต่งหรูหรา คนด้านบนสามารถมองดูลานด้านในได้ชัดเจนกว่ามุมอื่น ๆ ของร้าน ซึ่งกลางลานร้านมีเหล่าสตรีกำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อย สลับกับการขึ้นโต้กลอนกันของเหล่าบัณฑิต ทำให้บรรยากาศเป็นที่พอใจและรื่นรมย์สำหรับคนที่เข้ามาเป็นยิ่งนัก
"สมชื่อโรงเตี๊ยมใหญ่ของเมืองจริง ๆ อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ แถมสตรีงดงาม ต้องขอบคุณคุณชายมู่เจ้าค่ะที่พาออกมาเปิดโลก"
เสี่ยวฟางเอ่ยเย้าแหย่ออกมาพลางใช้นิ้วชี้ไปตามแต่ละตำแหน่งที่ตนเอ่ยถึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งรอยยิ้มนี้ของนางฮ่าวอี้ชื่นชอบเป็นยิ่งนัก เขาถึงกับยกคำกล่าวที่ว่าน้องน้อยเขายิ้มคราใดนภาสว่างไสวก็มิปานให้แก่นาง ไม่นับรวมคู่หมั้นของตนซึ่งนางงดงามและ ฮึฮึ ฮ่าวอี้ก้มหน้าที่แดงก่ำลงเล็กน้อยในใจก็นึกถึงยามที่นางปรนเปรอตนบนเตียงเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้หมั้นกันแล้วก็ต้องเป็นของกันและกันอยู่ดีเป็นนางที่กล่าวแก่เขา สตรีเช่นนางก๋ากั๋นไม่มีผู้ใดเทียมจริง ๆ สินะ คุณหนูตระกูลฟู่
"เช่นนั้นตอบแทนข้าเป็น อืม เจ้ากินหมดนี่ก็แล้วกัน อ่ะ"
"พี่ฮ่าวอี้เห็นข้าตระกละเช่นนั้นเลยรึ ถึงข้าจะชอบกินแต่หมดนี่คงตายกันพอดีสิเจ้าคะ"
เสี่ยวฟางเอ่ยอย่างตกใจ ก่อนจะกวาดสายตามองดูอาหารและของว่างที่อยู่ด้านหน้าตนเวลานี้ สั่งมาเยอะขนาดนี้ถึงนางจะชอบกินขนาดไหนเกรงว่าจะหมดหรอกนะ นี่ยังมิทันได้พร่องลงเลยด้วยซ้ำ
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าล้อเล่นน่า ไม่หมดก็ไม่หมด รู้เสียบ้างเจ้ามากับผู้ใดเช่นไรข้าย่อมจ่ายให้เจ้าได้สบาย"
"พ่อบุญทุ่มเสียด้วย พี่ฮ่าวอี้นี้ดีต่อข้าจริง ๆ ขอบคุณนะเจ้าคะ "
เสียวฟางเอื้อมมือไปจับแขนเป็นการออดอ้อนขอบคุณมู่ฮ่าวอี้อย่างที่เคยทำ ในใจล้วนบริสุทธิ์ด้วยเห็นเขาเป็นดั่งพี่ชายแท้ ๆ ของตน
แต่กับคนที่ยืนเป็นตอไม้ใหญ่อยู่ด้านหน้าไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเสี่ยวเอ้อนำอาหารมาให้แขกด้านในทั้งสอง ทำให้ฟู่หลางเทียนได้เห็นจังหวะการกอดอ้อนอ้อนของนางกับว่าที่น้องเขยตน ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้อารมณ์ในกายกระพือพัดขึ้นไปอีก
หน็อย! แอบมาพลอดรักกันลับหลังน้องข้าอยู่นี่เองรึ หลิวฟางอี้ สตรีไร้ยางอาย! นี่มันชักจะมากไปเสียแล้ว หากไม่เกรงว่าน้องจะเสียใจเห็นทีคงเข้าไปชกสั่งสอนเจ้าบัณฑิตนี่ซักทีสองทีเสียกระมัง ความคิดสะดุดลงเมื่อเสี่ยวเอ้อร์เดินออกมาพร้อมกับประตูที่ปิดลง
"เอ่อ นายท่าน ท่านรู้จักคนด้านในรึขอรับ กฎของร้านหากจะเข้าไปต้องได้รับอนุญาตก่อนนะขอรับ
ฟู่หลางเทียนมองดูเสี่ยวเอ้อร์น้อยตรงหน้าเล็กน้อย เด็กหนุ่มนี้ดูท่าพึ่งเข้ามาเริ่มงานกระมัง หากข้าจะเข้าไปผู้ใดจะขวางเขาได้เกรงว่าจะไม่มี โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตนรึก็เป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง
"เสี่ยวเอ้อร์ ข้ามีงานให้เจ้าเจ้าทำค่าตอบแทนดี สนใจรึไม่"
"งานอะไรรึนายท่าน"
"แค่จะให้เจ้าไปทำธุระที่จวนตระกูลฟู่ของข้าให้เล็กน้อย"
จวนตระกูลฟู่! พลันเสี่ยวเอ้อร์บุรุษหนุ่มน้อยก็ตาโต รีบเอ่ยขอโทษขอโพยผู้เป็นนายเสียยกใหญ่
"เสี่ยวเอ่อมีตาหามีแววไม่ นายท่านโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยขอรับ”
เสี่ยวเอ้อร์น้อยละล้ำละลักบอกเสียงตะกุกตะกัก นี่พึ่งได้เริ่มทำงานจะตกงานแล้วรึนี่ข้า
"เอาล่ะๆ ข้าไม่ใช่คนมากความ เจ้าไปที่จวนตระกูลฟู่ ไปหาคุณหนูรอง บอกแก่นางว่า ฮวาซินน้องรักเจ้าไม่สบายหนักมู่ฮ่าวอี้กำลังมา เจ้าเร่งไปเลยนะ อ่ะนี่ของเจ้า"
"ของข้ารึนายท่าน โอ้โห เช่นนั้นข้าไปเดี๋ยวนี้ "
เสี่ยวเอ้อร์น้อยเมื่อเห็นพวงเงินที่วางลงในมือก็ตาลุกวาว รีบเดินออกไปเพื่อทำตามที่บุรุษรูปงามตรงหน้าสั่งอย่างรวดเร็ว
หลางเทียนมือผลักเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นภาพสตรีร่างอวบกำลังกอดแขนคู่หมั้นของน้องสาวตนอยู่ก็ได้แต่สูดหายใจลึก ๆ ดูสิขนาดเขามายืนอยู่ตรงนี้ชายหญิงคู่นี้ก็ยังไม่รู้ตัว
"อื้ม อ้าวมู่ฮ่าวอี้"
"พี่หลางเทียน"
ฮ่าวอี้หันมาหาเสียงทักทายก็เห็นหลางเทียนยืนอยู่ จึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับปลดแขนของน้องสาวออกไว้รู้สึกขนลุกหนาว ๆ ร้อน ๆ กับสายตาคมที่จ้องมายังตนและเสี่ยวฟางเช่นไรไม่รู้
"อ้าว นี่มันคุณหนูหลิวนี่ พวกเจ้ามาเปิดโรงเตี๊ยมกันสองต่อสองเกรงว่าจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่กระมัง เช่นนั้นให้ข้านั่งด้วยดีรึไม่ พอดีแวะทักทายแขกมาสักพักข้าชักเมื่อยแล้วเช่นกัน"
ฟู่หลางเทียนนั่งลงรินชาใส่จอกแล้วยกขึ้นดื่มคล้ายว่าเหน็ดเหนื่อยกระหายเสียยิ่งนัก
ด้านเสี่ยวฟางเมื่อเห็นหน้าหล่อเหลาของคนที่นางนึกเกลียดก็ขยับเข้าไปหลบด้านหลังของพี่ชายทันที
"เอ่อ พวกเราแค่ออกมาทานของอร่อยหนะพี่ฟู่ เอ่อข้าเลี้ยงปลอบใจนาง เอ่อ"
"ปลอบใจนาง เฮอะ! ดีจริง ๆ มู่ฮ่าวอี้ น้องข้าป่วยนอนซมอยู่ที่จวนแต่เจ้ากับพาสตรีอื่นออกมาตะลอนเที่ยวอย่างนั้นรึ"
ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินว่าฮวาซินไม่สบายก็เกิดร้อนรนในใจ นางไม่สบายใยเขาจึงไม่รู้
"ขะข้าไม่รู้เลยพี่ฟู่ เช่นนั้นข้าจะไปดูนางเสียหน่อย"
"พี่ฮ่าวอี้"
พูดจบฮ่าวอี้ก็หุนหันเดินออกไปทันที ลืมว่าตนมีหลิวฟางอี้มาด้วยเสียสนิท
หลิวฟางอี้เมื่อเห็นฮ่าวอี้ก้าวออกไปก็ก้าวตามไปทันที ก่อนจะโดนมือใหญ่ดังคีมเหล็กคว้าหมับจับแขนนางไว้ก่อนจะดึงให้เข้ามาปะทะในอ้อมกอดตามอารมณ์ของเจ้าของร่างใหญ่
"นี่ปล่อยข้านะ!!"
เสี่ยวฟางเมื่อโดนกอดไว้ทั้งตัวก็ดีดดิ้นสุดแรง แม้นนางจะรูปร่างอวบอิ่มแต่เมื่อเทียบกับแรงบุรุษแล้วเกรงว่าแรงคงเท่ามดเองกระมัง ดูอย่างตอนนี้ที่นางดีดดิ้นเขายังไม่สะทกสะเทือนเลยซักนิด
"ทำไม ดิ้นต่อสิ"
"ปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียนคนเลว หากไม่ปล่อยข้าจะร้องให้คนช่วยจริงด้วย ปล่อยนะ" เมื่อดิ้นเช่นไรก็ไม่เป็นผลแถมยังโดนรัดแน่นขึ้นเสียยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
อึก! หลางเทียนกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นนางดื้อดึงไม่อยู่นิ่งจึงแกล้งรัดร่างนุ่มนิ่มนี้เข้าไปอีก ทำให้แขนแกร่งที่กอดอยู่ใต้ฐานปทุนถันอวบคู่งามดันให้หน้าอกของนางเด่นขึ้นจากชายขอบอาภรณ์ตัวสวย เนินอกขาวอวบความใหญ่โตไม่ต้องให้เอ่ยถึง ฟู่หลางเทียนได้ยลและสัมผัสมากับตัวว่าทั้งใหญ่และนุ่มมากแค่ไหน และตอนนี้แก่นกายที่โดนบั้นท้ายส่ายปัดป่ายไปมาโดนก็เริ่มจะร้อนดุจไฟขึ้นมาน้อย ๆ
"บอกให้ปล่อยไงละคนบ้า ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางบิดตัวและข้อมือไปมาพยายามขัดขืนดีดดิ้นออกจากอ้อมกอดแกร่ง แต่เหมือนยิ่งดิ้นยิ่งรัดและยิ่งขยับก็เริ่มรับรู้ได้ถึงแท่นแข็ง ๆ ที่กำลังทิ่มนางอยู่ทางด้านหลัง ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย แต่หาได้สนใจไม่สิ่งที่สนใจคือทำยังไงก็ได้ให้หลุดจากอ้อมกอดนี่ไปให้ได้เสียก่อน
"นี่ปล่อยนะ หยุดหยาบคายกับข้าเสียที ปล่อย ฮึ่ย!" เสี่ยวฟางที่เริ่มโมโหแล้วในตอนนี้ ได้แต่กระแทกลมหายใจร้อน ๆ ออกมาอย่างระบายอารมณ์ที่ตนทำอะไรบุรุษตรงหน้าไม่ได้
"หึ หยาบคายรึ เช่นไรกัน ฮึ" หลางเทียนเมื่อเห็นนางนิ่งแล้วก็โฉบใบหน้าลงมาแกล้งคลอเคลียกับแก้มใสของนาง จงใจพ่นลมหายใจร้อน ๆ รดไปยังผิวอ่อนบริเวณลำคอระหงอย่างนึกกลั่นแกล้ง
เสี่ยวฟางตาโตตกใจกับการกระทำของฟู่หลางเทียนอยู่ไม่น้อย ได้แต่ย่นคอหลบลมหายใจร้อน ๆ นั่นไปมา ใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองศึก ตัวแข็งนิ่งค้างไปชั่วขณะ
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
ร่างอวบอิ่มค่อนไปทางอ้วนกลม พลิกกายภายใต้ผ้านวมอุ่นนุ่มไปมาอย่างปวดเมื่อยราวกับไปทำงานหนักมาเสียจนร่างกายปวดเมื่อยไปหมด หลังถูกเสียงพูดคุยโหวกเหวกของผู้คนด้านนอกห้องปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล 'หลิวฟางอี้' รู้สึกว่าการตื่นในเช้าวันนี้ราวร่างกายได้รับการหลับใหลไปเสียนาน เปลือกตาที่ขยับขยุกขยิกไปมาเริ่มเปิดขึ้นและกระพริบช้า ๆ เมื่อยังมองสิ่งรอบตัวไม่ถนัดนัก "หื้อ"คิ้วโก่งเรียวเรียงเส้นสวยดุจคันธนูขมวดลงเล็กน้อย ยามเมื่อดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้องที่นางอาศัยนอนหลับใหลมาทั้งคืนด้วยบรรยากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย‘หนอยแน่! จ้าวเจิ้งซิน’ สาวใช้ข้างกายนางนี่ใช้ไม่ได้เสียจริงปล่อยให้ตนเหลวไหลสิ้นดี เมื่อคืนที่จวนตระกูลฟู่ มีงานเลี้ยงฉลองที่คุณหนูรองได้จัดขึ้น หลิวฟางอี้และคุณหนูตระกูลต่าง ๆ ล้วนได้รับเทียบเชิญเช่นกัน หากแต่เมื่อคืนเกรงว่านางคงเผลอดื่มเข้าไปมากนักกระมัง ถึงเมามายจนไร้สติแม้ทางกลับจวนก็หลงลืมเสียแล้ว แต่เช่นไรคนจวนตระกูลฟู่ใช้ได้เสียที่ไหนใยไม่ส่งข้ากลับจวนเล่า งานนี้คงหาทางเอาตัวรอดยากจากไม้เรียวของบิดาเสียแล้ว แค่คิดก็ขยาดกลัวยิ่งนัก คิดได้ดังนั้น หลิวฟางอี้ก็เด้งตั
ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยน้ำใสขังเอ่อหลังได้ฟังถ้อยคำกล่าวหาที่บาดลงในใจ พลันความเสียใจและความหวาดกลัวเข้าจู่โจมจนไหล่บางเริ่มสั่นน้อย ๆ ยามปกตินางหาได้หวาดกลัวสิ่งใดไม่ ด้วยมีบารมีของบิดาคอยปกป้อง หากแต่ยามนี้ที่ตื่นมาในจวนผู้อื่นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนี่อีก พลันสติเลือนหายจนเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้หลุดออกมา"ฮึก ฮึก"เสียงสะอื้นของนางทำให้เท้าแกร่งชะงักกึก หันกลับมามองสตรีที่บัดนี้หน้าตาแดงก่ำ ริมฝีปากแดงชมพูราวสีลูกท้อสุก มือสาละวนไปมาสั่น ๆ จับอาภรณ์ขยับไปมาให้เข้าที่ ตัวหอบโยนสั่นน้อย ๆ จากแรงกลั้นสะอื้นของสาวเจ้า"เป็นเจ้าที่ตั้งใจเข้าหาข้า เจ้าจะมาร่ำไห้เสียใจให้ได้สิ่งไร อย่าเสแสร้งให้ข้ารังเกียจสตรีเช่นเจ้าไปมากกว่านี้เลยหากมิเมามายจนเสียสติ ข้าคงมิแลสตรีอวบอ้วนเช่นเจ้าให้ระคายนัยน์ตาเสียหรอก"หลางเทียนจงใจกล่าววาจาเชือดเฉือนให้นางเข้าใจว่าเป็นตนที่ล่อลวงบุรุษรูปงามเช่นตนหลิวฟางอี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปที่จะไม่แย้งถ้อยคำของบุรุษตรงหน้า เหตุการณ์เมื่อคืนใช่ว่าตนจะเป็นคนทำยังไม่กระจ่าง เหตุไฉนเขาถึงปรักปรำนางฝ่ายเดียวกัน สายตาตัดพ้อและผิดหวังพาดผ่านดวงตากลมโตเพียงชั่วครู่ให้ได้เห็นก่อนจะวาววั
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน "เอ่อ ""เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน""เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ""โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ""ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเ
"ฟู่หลางเทียน เจ้ารู้ตัวรึไม่กระทำสิ่งใดลงไป ข้า ข้า ล่ะ โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัว""นายท่าน หยุดต่อว่าลูกฟู่เสียที คุณชายผู้สง่างามเช่นคุณชายฟู่นี่รึ จะไปขืนใจหญิงอัปลักษณ์อย่างคุณหนูหลิว เฮอะ! นางก็เสียกระไร อัปลักษณ์เช่นนางใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านกัน เว้นแต่นางอยากแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่ เฮอะ!!เฒ่าฟู่นายท่านใหญ่ของตระกูลฟู่ ครานี้ถึงกับเอ่ยปากตำหนิบุตรชายของตนด้านฟู่หลางเทียนยังคงเงียบ ไร้เสียงเอ่ยโต้ตอบใด ๆ อย่าว่าแต่แตะต้องเลย แม้จะเฉียดเข้าไปใกล้ตนล้วนรังเกียจนาง หากนางไม่ไปพัวพันกับว่าที่น้องเขยตนจนจะทำให้น้องน้อยของเขา 'ฟู่ฮวาซิน' ต้องเสียใจละก็เขาคงไม่ลดตัวลงไปนอนร่วมเตียงกับนางให้เสียเวลาเสียหรอก"ฟู่หลางเทียน ไม่รู้แหละ เช่นไรข้าจะต้องทำให้ถูกต้อง เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางมิเช่นนั้นถึงคราข้าดินกลบหน้าข้าคงมิมีหน้าไปพบท่านแม่เจ้าแน่”นายท่านฟู่เอ่ยบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มและจริงจัง มารดาของยัยหนูหลิวและหลางเทียนนั่นเป็นสหายรักกัน หากรับรู้ถึงเรื่องที่บุตรตนทำวิญญาณนางเกรงว่าจะไม่เป็นสุขกระมัง เช่นนั้นตนต้องรีบทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเสียก่อน"เป็น