[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
“ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก”ร่างของสตรีอวบอ้วนวิ่งซอยเท้าออกมาทางด้านหลังของสำนักศึกษา มันเป็นทางลับที่นางและเหล่าศิษย์พี่ที่เป็นสหายของพี่ฮ่าวอี้บอกนาง เสี่ยวฟางวิ่งหันซ้ายแลขวา ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตาจนบดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นไปเสียหมด มืออวบถูกยกขึ้นมาปัดเช็ดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่หมด ร่างสะอื้นไหนเสียใจจนตัวโยน เท้าเร่งรีบเดินเพื่อให้ออกไปให้พ้นจากเขตสำนักศึกษา ด้านหลังเป็นลำธารมีเรือรับจ้างอยู่ หลิวเสี่ยวฟางต้องการไปที่นั่น เมื่อครู่นางเสียใจและอับอายเป็นอย่างมาก ยิ่งถูกถ้อยคำดูถูกตระกูลและรูปร่างของตนแล้วยิ่งเสียใจเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ในใจนึกอยากหลบไปอยู่คนเดียวที่ไหนก็ได้ซักที่ในเมืองแห่งนี้“ฮึก ฮือ ฟู่หลางเทียนท่านมีสิทธิ์อะไรทำกับข้าเช่นนี้ ฮือ คะครั้งแล้วครั้งเล่า ฮือ ฮึก” ในที่สุดนางก็มาถึงธารน้ำที่ต้องการ โชคดีที่มีคนเรือมาเทียบท่าพอดี“คนเรือ ฮือ ทางนี้”“คุณหนูไปที่ใดกันขอรับ”“ปะไปหอหนานซิน นะนี่เงิน” เสี่ยวฟางยัดเงินให้คนเรือแบบส่ง ๆ และเร่งรีบ“ขอบคุณขอรับคุณหนู” คนพายเรือมองสำรวจสตรีตรงหน้าที่ดวงตาแดงก่ำ คุณหนูบ้านไหนกันนี่จะไปหอหนานซินเสียหัววันเช
“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องพูด ๆ มา ๆ ตามพี่สาวมา” หนานเหม่ยที่รู้สึกรักคุณหนูหลิวเฉกเช่นน้องสาว คราแรกที่นางละพี่น้องตั้งใจมาค้าขายที่เจียงซี ครานั้นถือว่าลำบากพอสมควร พ่อค้าใหญ่ต่างไม่มีผู้ใดยื่นมือช่วยนางและพี่น้อง ก็ได้แต่นายท่านหลิว บิดาของนางคอยหยิบยื่นและช่วยเหลือในเรื่องกิจการจนหอหนานซิน หอสังคีตของนางก้าวหน้าจนเป็นที่รู้จักไปทั่วทั่งเจียงซี ไม่ว่าคุณหนู คุณชาย หรือราชนิกุล ต่างมาเยี่ยมเยือนหอของนางไม่ขาด แต่ในตอนนี้แววตาที่เคยสดใสกลับแดงบวมช้ำราวผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เด็กน้อย!“ข้า ฮือ ถูก ฮึกข้าเป็นตัวตลก ข้า ฮือ ไม่ฉลาด แถมอัปลักษณ์” เสี่ยวฟางเล่าพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อมาอีกครา“โธ่! ใครว่าเจ้าไม่งามกัน ดูสิผิวก็งามละเอียด ใบหน้าเจ้าอีก ใครกันใครว่าสตรีร่างเล็กที่เอวคอดแทบจะหักอยู่แล้วงดงามกัน เจ้าเสี่ยวฟางของข้างดงามกว่าเป็นไหน ๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าทั้งอวบอิ่ม และงดงาม ดูสิเอวเจ้าก็ไม่ได้หนาอะไรเลยนี่ พุงก็ไม่ได้ย้วยนี่ ดูสิ เจ้าแค่เจ้าเนื้อก็แค่นั่น นี่หากเจ้าไปแคว้นหนานซีของพวกข้านะ เจ้างดงามล่มเมืองเชียวล่ะ ไม่ร้อง ๆ ไม่ร้องนะดูสิหน้าเจ้าเปรอะเปื้อนไปหมดแล้ว” ห
[สำนักศึกษา]เจิ้งซินชะเง้อคอรอคุณหนูเลิกเรียนที่หน้ารถม้า แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นคุณหนูของนางออกมาเสียที ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาคุณชายมู่เพื่อถามไถ่อย่างร้อนใจ“คุณชายมู่ เห็นคุณหนูข้ารึไม่เจ้าคะ”“อ้าว นี่เสี่ยวฟางยังไม่ออกมาอีกรึ”“ยังไม่เห็นเจ้าค่ะ” เจิ้งซินนึกตื่นตระหนกนี่คุณหนูของนางคงไม่ถูกผู้ใดรังแกอีกนะฟู่ฮวาซินที่ฟังทั้งสองพูดคุยกันก็เหยียดยิ้ม ยัยคนอัปลักษณ์นั่นคงรับไม่ได้ที่พี่ฟู่กล่าววิจารณ์นางอย่างเปิดเผยกระมัง นางหายไปเลยตั้งแต่เรียนวิชาการค้า“คุณหนูเจ้านางคงอับอายกระมังที่ตอบคำถามไม่ได้ ข้าเห็นนางหายไปตั้งแต่ยามอู่ (เวลาประมาณ 11.00 น.) แล้วนะ นางยังไม่กลับมารึ”“ไม่นะเจ้าคะ ตายแล้วคุณหนู โธ่! คุณชายมู่ ทำเช่นไรดีเจ้าค่ะ คุณหนูนางไปอยู่ที่ใดกัน คุณชายต้องช่วยคุณหนูข้านะเจ้าคะ ฮือ” เจิ้งซินร้องไห้ออกมาอย่างนึกกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ“เจิ้งซิน ๆ เจ้าใจเย็นก่อนเถิดข้าว่านางคงอยู่แถวนี้รึไม่ก็คงเผลอหลับไปที่ไหนซักแห่ง” มู่ฮ่าวอี้นึกเป็นห่วงสาวน้อยผู้เสมือนน้องสาวร่วมมารดาฟู่หลางเทียนที่ถูกอาจารย์เจ้าสำนักรั้งให้พูดคุยและอยู่เล่นหมากรุก 3 กระดานเป็นเพื่อนเขานั้น ในที่สุดก็จวนเว
หลังตรวจบัญชีร้านเสร็จ บุรุษงดงามสมบุรุษก้าวเดินออกจากร้านของตระกูล แหงนเงยใบหน้าคมมองท้องดูนภา ‘นี่เขาใช้เวลาตรวจบัญชีไปนานพอสมควรทีเดียว’ นี่ขนาดรีบแล้วแท้ ๆ ขายาววาดก้าวอาด ๆ เร่งขึ้นรถม้าก่อนจะออกคำสั่งที่ทำเอาบุรุษรับใช้ข้างกายอย่างเฉินเจียวมิ่งนึกสงสัยคุณชายของตนอยู่ไม่น้อย“เจียวมิ่ง ไปหอหนานซิน”“เอ๋ คุณชายไปหอหนานซินรึขอรับ”“อืม”เฉินเจียวมิ่งแม้อยากจะเอ่ยถามต่อ หากแต่หันไปเห็นคุณชายปิดเปลือกตาคล้ายบอกเป็นนัยว่าห้ามรบกวน จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ รีบเก็บเก้าอี้วางเท้าแล้วเร่งรีบขึ้นนั่งหน้ารถม้าคู่คนขับเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย[แม่น้ำหวงซา]“คุณชาย หอหนานซินอยู่ด้านหน้าแล้วขอรับ”“อืม นับว่ารุ่งเรือง” ฟู่หลางเทียนมองหอสังคีตชายด้วยแววตาสำรวจ เคยได้ยินแต่ชื่อ ได้มายลด้วยตาแล้วนับว่าเป็นร้านที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่อยู่มากเวลานี้ด้านในห้องรับรองของหอหนานซิน มีสตรีสองนางกำลังร่ำสุราเสวานากันอย่างออกรส รอบข้างรายล้อมด้วยหมู่มวลดอกไม้ ไอน้ำพุ และบรรดาสังคีตชายที่เจ้าของหอแห่งนี้เรียกมาเล่นเพื่อให้สตรีน้อยที่กำลังโศกเศร้าเบื้องหน้านางได้คลายทุกข์“นี่ พี่หนานนเหม่ยย ข้าจะบอกพี่ให้นะ
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฟู่หลางเทียนได้ก้าวเข้ามาเหยียบหอสังคีตชายที่เลื่องชื่อของเจียงซี สายตาคมกวาดมองไปทั่วทั้งร้านโอ่อ่าที่จัดตกแต่งราวกับจำลองสวรรค์มาไว้อย่างไรอย่างนั้น ดอกไม้หอมนา ๆ พรรณ น้ำพุที่ไอร้อนพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ โคมไฟที่ประดับตกแต่งอย่างงดงาม พร้อมบรรเลงเสียงดนตรีสอดประสานกันอย่างลงตัว นับว่ายัยคุณหนูหลิวเลือกสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ไม่เลวนี่ หึ! ปากหยักยกยิ้มเหยียดเหี้ยม สายตาคมกวาดมองไปทั่วทั้งร้านอีกคราเพื่อมองหาสตรีเจ้าเนื้อที่ตนตามหา แต่จนแล้วจนลอดก็ยังไม่แลเห็นทำเอาเจ้าตัวนึกหงุดหงิดในใจขึ้นมาเสียมิได้“เอ๊ะ! เจ้าดูนั่นสิ ๆ นั่นคุณชายบ้านไหนกันเล่างดงามจริงเชียว”“นั่นมันคุณชายฟู่นี่ ไปกันเถอะ ไปทักทายเสียหน่อย” สองสตรีสวมอาภรณ์น้อยชิ้นบางเบาจับจูงกันพร้อมไม่ลืมคว้าเอาจอกสุราเพื่อไปทักทายคุณชายตระกูลใหญ่เพื่อหวังโอกาส ตระกูลฟู่ยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองราชวงศ์เงินทองมากมาย ร้านค้ากระจายไปทั่วทุกแคว้น อย่าว่าแต่หากได้แต่งเป็นฮูหยินฟู่เลย แม้เป็นเพียงอนุก็ย่อมสุขสบายไปทั้งชาติแล้ว“คุณชายฟู่ ฮึ มาเที่ยวฟังดนตรีเช่นกันรึเจ้าคะ เช่นนั้น...ให้ข้ากับสหายร่วมฟังด้วยได้รึไม่” สอ
“อื้อ ข้ามึนหัว ปล่อยข้านะ อื้อปล่อย เร็วเข้า” เรือที่โคลงเคลงไปมาเริ่มทำให้หลิวฟางอี้รู้สึกเหมือนราวถูกจับหมุนไปหมุนมาจนไม่อาจจะทนไหวอีกต่อไป หากแต่เมื่อขืนตัวออกจากอ้อมกอดของคนที่ประคองกอดนางแน่นอยู่ในตอนนี้ ก็ทำเอาคิ้วงามนิ่วขมวดอย่างนึกรำคาญใจ และในเมื่อสะบัดตัวเช่นไรก็ไม่ยอมปล่อยเช่นนั้นนางคงไม่เกรงใจแล้วกัน“อุ๊ป อุ๊แหวะ อึก ฮือ ปวดหัว”ทันทีที่เรือจอดเทียบท่าหลิวฟางอี้ก็ระบายทุกสิ่งอย่างออกมาใส่ผู้ที่พยุงนางอยู่ตอนนี้อย่างสิ้นฤทธิ์ ร่างทั้งร่างทิ้งน้ำหนักลงอย่างเหนื่อยอ่อนเปลือกตาหนักอึ้งจนเกินไปที่จะเปิดขึ้นมองว่าคือผู้ใด“หลิว! ฟาง! อี้! นี่เจ้า ฮึ่ย!” ฟู่หลางเทียนโกรธจนใบหน้าที่ขาวราวหิมะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ดวงตาแดงก่ำราวมีไฟลุกโชน เกรงว่านี้นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีผู้ใดทำให้เขาโกรธจนตัวสั่นได้เท่าสตรีในอ้อมแขนได้เพียงเท่านี้ ในตอนนี้เขาแทบอยากยกมือบีบคออวบ ๆ ของนางให้หักเสียคามือ คุณชายที่รักความสะอาดเช่นเขาเบ้หน้าอยากนึกสะอิดสะเอียดกับสิ่งที่เปรอะเลอะไปทั่วทั้งอาภรณ์ตัวหรูอยู่ในตอนนี้ ปากก็ตะโกนเสียงเข้มเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้คู่กายให้เร่งไปเตรียมน้ำอุ
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง
“เจียวมิ่ง! ลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้ให้ข้าต้องลำบากใจเลย” คุณหนูหลิวที่เห็นเจียวมิ่งนั่งคุกเข่าก็ตรงเข้ามาพยุงให้ยืนขึ้น นางจะทำเช่นไรดี ‘เขาช่วยพ่อข้าจริงงั้นรึ แล้วเขาทำไปเพื่อสิ่งใดกัน แล้วนางจะเชื่อคนพวกนี้ได้แค่ไหนกัน ’ ในใจตีรวนจนสับสนแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับนางในใจก็ยากที่จะให้อภัยได้โดยง่าย“พวกท่านกลับไปเสียเถอะ ข้าคงไปกับพวกเจ้าไม่ได้ กลับไปเสียเถอะ! เจิ้งซิน ๆ ไปส่งพวกเขาทีข้ารู้สึกอยากพักผ่อนเสียแล้ว” เสี่ยวฟางเบือนหน้าหนีจากสายตาตัดพ้อผิดหวังและต่อว่าของคนตระกูลฟู่”เจ้าค่ะคุณหนู”“เสี่ยวฟาง! เจ้า ๆ ช่างใจดำนักเพียงขอให้เจ้าไปพบพี่ข้า เจ้าช่าง ๆ เหอะ! ไปเถอะเจียวมิ่งเห็นเช่นนี้แล้วใจนางคงไม่อยากแม้แต่จะเหลียวดูพี่ชายข้าแล้วล่ะ กลับกันเถอะ!” ฟู่ฮวาซินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากนางอุตส่าห์ลดทิฐิมาขอร้องนางด้วยตัวเองพร้อมขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะหลงรักสตรีที่ใจมืดบอดเช่นนี้“คุณหนูหลิว…หากท่านเปลี่ยนใจ คุณชายรอท่านที่เรือนซูเมิ่งนะขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยออกมาคล้ายละเมอ ความหวังสุดท้ายที่หวังจะช่วยคุณชายหลุดลอยไปเสียต่อหน้า ก้มหน้าลงอย่างผิดหวังก่อนจะ
“เจ้าทำสิ่งใด ฮวาซิน! ลุกขึ้นนะ เจ้ากลับไปเสียเถอะเช่นไรข้าก็ไม่ไป ข้าไม่อยากเห็นแม้แต่...หน้าของเขา” เสี่ยวฟางตกใจไม่น้อยกับการกระทำของฟู่ฮวาซิน รีบปรี่เข้าไปดึงนางให้ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยยืนยันในคำพูดว่าเช่นไรนางก็ไม่ไปพบพี่ชายนางและนั่นทำให้คุณหนูฟู่ผู้ไม่เคยต้องอดทนกับสิ่งใด และยอมให้ใครถึงกับมีอารมณ์ ในเมื่อนางขอร้องดี ๆ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าก็แล้วนางก็ยังมิยอมเช่นนั้นอย่ามาว่าข้าเสียมารยาทก็แล้วกันนะเสี่ยวฟาง“เสี่ยวฟาง! เจ้ารู้รึไม่เพื่อจะไถ่โทษที่พี่หลางเทียนทำกับเจ้าแล้วพี่ข้าต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง เจ้าฟังนะ! ” คุณหนูฟู่ตะโกนใส่คุณหนูหลิวด้วยอารมณ์โกรธขึ้นหน้า กายสั่นระริกหายใจหอบรัวเร็ว ก่อนจะกำหมัดแน่นหลับตานิ่ง สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์“เอาล่ะเจ้าฟังนะ พี่ชายข้าเพื่อเจ้าแล้วเข้าลงทางใต้หาได้ไปค้าขายไม่ พี่หลางเทียนไปเสาะตามหาหมอเทวดาต่างหาก เจียวมิ่งเล่าให้ข้าฟังว่าชายแดนใต้นั้นหนาวเหน็บทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพี่ชายข้าต้องร่ำดื่มสุราอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและเพื่อเป็นหุ่นทดลองยาให้กับหมอเทวดานั่นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนในตอนนี้เขาเป็นโรคพิษสุราเรื
ฟู่ฮวาซินนึกไม่ถึงว่าผู้เป็นพี่จะมีสภาพเช่นในตอนนี้ นางไม่อาจยอมรับได้คุณชายตระกูลพ่อค้าใหญ่ สง่างามแถมเก่งไปเสียรอบด้านในเวลานี้ดูแล้วไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยซักนิด“สามวันที่แล้วคุณชายตั้งใจจะไปหาคุณหนูหลิว บังเอิญไปเห็นนางอยู่กับสหายรักอย่างคุณชายยู่หลง แล้วเอ่อพวกเขากำลังเอ่อ...เช่นไรคุณหนูช่วยคุณชายของเจียวมิ่งด้วยนะขอรับ คราวนี้คุณชายเสเพลไร้สตินักขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที“ข้าช่วยแน่ เจ้าเจียวมิ่งมากับข้า! เร็วเข้า” ช่วยแน่เป็นตายร้ายดีเช่นไรนางย่อมต้องช่วย ‘พี่หลางเทียน พี่ทำเพื่อข้ามามากครั้งนี้ข้าจะทำเพื่อท่านนะเจ้าคะ’“อ้าวนั่น ฮวาซินเจ้าจะไปไหนล่ะนั่น!”“ไปช่วยพี่หลางยังไงละเจ้าคะท่านพ่อ!” เอ่ยเพียงเท่านั้นนางก็เร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหลิวที่หมายทันที[ตระกูลหลิว]“คารวะท่านลุง ฮูหยินรองเจ้าค่ะ ฮวาซินมาขอพบเสี่ยวฟางไม่ทราบว่า...”“อ้าว ฮวาซินนั่นเอง มาหาเสี่ยวฟางเรอะเมื่อครู่นางพึ่งกลับไปเรือนของนาง เดี๋ยวข้าให้คนพาไปก็แล้วกันนะ เด็ก ๆ ”“เจ้าค่ะ”“ไปส่งคุณหนูรองที่เรือนคุณหนูที” หลิวตงหยางเอ่ยโดยที่ในใจน