"ฟู่หลางเทียน เจ้ารู้ตัวรึไม่กระทำสิ่งใดลงไป ข้า ข้า ล่ะ โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัว"
"นายท่าน หยุดต่อว่าลูกฟู่เสียที คุณชายผู้สง่างามเช่นคุณชายฟู่นี่รึ จะไปขืนใจหญิงอัปลักษณ์อย่างคุณหนูหลิว เฮอะ! นางก็เสียกระไร อัปลักษณ์เช่นนางใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านกัน เว้นแต่นางอยากแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่ เฮอะ!!
เฒ่าฟู่นายท่านใหญ่ของตระกูลฟู่ ครานี้ถึงกับเอ่ยปากตำหนิบุตรชายของตน
ด้านฟู่หลางเทียนยังคงเงียบ ไร้เสียงเอ่ยโต้ตอบใด ๆ อย่าว่าแต่แตะต้องเลย แม้จะเฉียดเข้าไปใกล้ตนล้วนรังเกียจนาง หากนางไม่ไปพัวพันกับว่าที่น้องเขยตนจนจะทำให้น้องน้อยของเขา 'ฟู่ฮวาซิน' ต้องเสียใจละก็เขาคงไม่ลดตัวลงไปนอนร่วมเตียงกับนางให้เสียเวลาเสียหรอก
"ฟู่หลางเทียน ไม่รู้แหละ เช่นไรข้าจะต้องทำให้ถูกต้อง เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางมิเช่นนั้นถึงคราข้าดินกลบหน้าข้าคงมิมีหน้าไปพบท่านแม่เจ้าแน่”
นายท่านฟู่เอ่ยบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มและจริงจัง มารดาของยัยหนูหลิวและหลางเทียนนั่นเป็นสหายรักกัน หากรับรู้ถึงเรื่องที่บุตรตนทำวิญญาณนางเกรงว่าจะไม่เป็นสุขกระมัง เช่นนั้นตนต้องรีบทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเสียก่อน
"เป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่นายท่านฟู่เถอะขอรับ ลูกไปล่ะ แม่เล็กข้าจะออกไปดูร้านผ้าเสียหน่อย "
ใช่เขาอยากทำเช่นนี้เสียหน่อย เป็นนางที่ตอแยฮ่าวอี้ไม่เลิก ทำให้ฮวาซินต้องแอบมาร้องไห้กับตนอยู่หลายครั้ง ด้วยความรักน้องแล้วมีรึพี่ชายเช่นตนจะไม่หาวิธีช่วยนางจนต้องใช้วิธีนี้แหละ ทันใดนักพลันนึกไปถึงใบหน้าหวานของสตรีที่ตนกำลังเกี้ยวอยู่ในตอนนี้ 'ฟ่านหลี่หลิน' สาวงามผู้เป็นเพื่อนคนสนิทกับสาวเจ้าเนื้ออย่างเสี่ยวฟาง นางจิตใจดีที่ลดตนเองไปคบกับสตรีร้อยเล่ห์มารยาอย่างหลิวฟางอี้สตรีที่ตนนึกเกลียด
ส่วนร้านผ้าที่ฟู่กลางเทียนเอ่ยถึง คือหนึ่งในกิจการหลักของตระกูลฟู่ บรรดาลูกค้าที่มาซื้อมีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่ และบรรดาราชวงศ์ก็มีมาซื้อเช่นกันจึงทำให้ร้านฟู่เทียนหลงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเหล่าสตรีและบุรุษในเมืองแห่งนี้ ซึ่งตั้งแต่บิดาวางมือให้ตนมาบริหารกิจการของร้านก็รุ่งเรืองขึ้นทำกำไรเข้าจวนนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียวและชื่อเสียงก็เริ่มตีคู่ร้านของตระกูลหลิวขึ้นมาได้ในที่สุด
[จวนตระกูลหลิว]
"อ้าว คุณชายมู่ เชิญ ๆ นั่งก่อน ๆ วันนี้ลมอะไรหอบมารึนี่ถึงได้มาถึงตระกูลหลิวได้"
"ท่านลุงหลิว ข้ามาหาเสี่ยวฟางขอรับ เอ่อเรื่องนั้น"
ห่าวอี้เอ่ยคล้ายลำบากใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวฟางนั้นตนที่ฟูมฟักนางมาตั้งแต่เด็กก็ใจหายอยู่มิน้อย เสี่ยวฟางน้อยของเขาป่านนี้คงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเสียแล้วกระมัง
"อ่อ ลูกคนนี้ช่างทำให้ข้าขายหน้ายิ่งนัก นี่ทางนั้นก็ยังคงเงียบอยู่ หากข้าไปทวงถามเกรงว่าจะเป็นการเร่งรัดขายลูกสาวกินให้ชาวบ้านชาวเมืองได้นินทากันสนุกปากนั่นแหละ เฮ้อ "
เฒ่าหลิวมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ไหนแต่ไรล้วนรับรู้ความทุกข์ของบุตรสาวตนมาตลอดแต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ต้องดูแลและทำอยู่จึงไม่ได้ตามใจรึเอาใจบุตรสาวคนเดียวของตนมากนัก เขารึคงไม่สามารถอยู่ดูแลนางไปได้ตลอดจึงได้แต่สอนให้นางเข้มแข็ง เข็ญเคี้ยววิชาทางการค้าให้นางตั้งแต่เด็กมิเช่นนั้นเมื่อสิ้นเขาแล้วเกรงว่าภายหน้านางคงจะต้องลำบากอยู่มาก
"ข้าได้ยินมาจากฮวาซินว่าตระกูลฟู่กำลังจัดเตรียมสินสอดเพื่อมาขอน้องเสี่ยวฟางอยู่ขอรับ ท่านลุงอย่าห่วงเลยเช่นไรมารดาฟู่หลางเทียนก็เป็นสหายคนสนิทกับท่านป้าหลิวเกรงว่าตระกูลฟู่คงมิละเลยหรอกขอรับ"
ห่าวอี้เองกล่าวออกมาก็อดใจหายเสียมิได้ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสินสอดที่ตระกูลฟู่เตรียมมาสู่ขอนาง
"อ้าว ห่าวอี้"
"ฮูหยินรอง"
"ไม่มากความ ๆ คนกันเองทั้งนั้น นี่มาหาเสี่ยวฟางรึ นางถูกตาเฒ่านี่กักบริเวณหนะ เสี่ยวฟางของข้าน่าสงสารยิ่งนัก"
ฮูหยินว่าน หรือแม่เล็กภรรยารองของบิดาเสี่ยวฟางป้องมือเอ่ยกระซิบ ห่าวอี้ เป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ช่วยลูกเลี้ยงตนด้วย ซึ่งตอนนี้นางถูกบิดาสั่งกัก บริเวณให้สำนึกตนอยู่ในเรือน ว่านเจียอีช่วยทั้งพูดทั้งเกลี้ยกล่อมก็แล้ว หลิวตงหยาง สามีตนหาได้ใจอ่อนไม่ เห็นทีคราวนี้คงจะโกรธจริง
"ฮึ หยุดเลยนะว่านเจียอี เจ้าไม่ต้องไปขอให้ห่าวอี้ช่วยให้เสียเวลาหรอก ปล่อยให้เสี่ยวฟางได้สำนึกตนเองเสียบ้าง เจ้าหนะตามใจนางจนเสียคน ฮึ! เป็นยังไงล่ะ นางถึงทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้ยังไงเล่า"
"นายท่านก็ ข้า"
ว่านเจียอีเมื่อถูกพูดดักไว้ก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ฟึดฟัดไปมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าตนนั้นตามใจลูกเลี้ยงจริง ๆ นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กนางจึงรักและเอ็นดู เสี่ยวฟางเช่นบุตรสาวคนหนึ่ง เมื่อเห็นนางทุกข์ใจนางในใจของนางเองย่อมทุกข์ใจไปด้วยไม่ต่างกัน
"ท่านลุง ขอข้าพบเสี่ยวฟางเถอะนะขอรับ หากนางเสียใจจนเกิดเอ่อ คิดทำร้ายตนเองขึ้นมาจะทำเยี่ยงไรเล่าขอรับ"
มู่ฮ่าวอี้เอ่ยใช้ไม้ตายสุดท้ายจี้ใจนายท่านหลิว แต่ในใจตนนั้นกลับกังวลไม่น้อยเมื่อคิดไปถึงว่าสาวน้อยเสี่ยวฟางอาจจะเลอะเลือนคิดมากจนทำร้ายตนเองขึ้นมา เขานั้นจะทำเช่นไร
"เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ เสี่ยวฟางของข้า เร็วเข้า ๆ ว่านเจียอี ข้าลืมนึกไปเลย เจิ้งซิน ยังคอยรับใช้นางอยู่ใช่รึไม่ ฮึ"
"ยังอยู่เจ้าค่ะ"
คนทั้งสามเร่งก้าวฝีเท้าเดินอาด ๆ ผ่านสวนดอกไม้ ลานน้ำพลุ ไปยังท้ายเรือนที่แบ่งให้เป็นพื้นที่ของบุตรสาวตน
"ควรวะนายท่าน"
เจิ้งซินที่กลับจากการเตรียมของว่างให้เสี่ยวฟาง รีบก้มหน้าทำความเคารพเมื่อเห็นนายท่านใหญ่ของจวน และฮูหยินเล็ก พร้อมทั้งคุณชายมู่ มายืนที่หน้าเรือนของคุณหนูตน
"เจิ้งซิน เสี่ยวฟางนางเป็นเช่นไรบ้าง"
"สบายดีเจ้าค่ะ คุณชายมู่ ตอนนี้คุณหนูกำลังท่องตำราอยู่เจ้าค่ะ"
"ว่าไงนะ/ห๊ะ"
หลิวตงหยางฉงนอยู่ไม่น้อย เจ้าเด็กเสี่ยวฟางนี้ขนาดถูกคุณชายตระกูลฟู่รังแกมา นางมิได้โศกเศร้าอยู่รึ เช่นใดถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเพียงนี้กัน เมื่อเช้ายังร่ำไห้ปานจะขาดใจอยู่เลย เหตุไฉนเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วยิ่งนัก
มู่ฮ่าวอี้เองก็ไม่ต่างกัน ที่รีบเร่งมาหานางหวังว่าจะมาปลอบใจสาวน้อยให้หายโศกเศร้าเหตุใดยามนี้ถึงได้มีอารมณ์มาท่องหนังสือกันล่ะ
"เสี่ยวฟาง!!"
หญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง มือกำลังป้อนองุ่นเข้าปากตนเองพร้อมกับพลิกอ่านตำราไปมาอย่างอารมณ์ดีถึงกับตกใจสำลักองุ่นออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องนอนนาง คราแรกนึกว่าเจิ้งซินที่รีบร้อนเกินเหตุแต่กลับเป็นบิดา แม่เล็ก และพี่ฮ่าวอี้ พลันใบหน้าก็สว่างวาบจากรอยยิ้มสวย รีบลุกขึ้นไปหาพวกเขาทันที
"ท่านพ่อ ท่านหายโกรธลูกแล้วรึเจ้าคะ/พี่ฮ่าวอี้"
เสี่ยวฟางรีบรัวถามบิดาและหันไปทักทายพี่ชายสุดหล่อที่ตนนับถือ
"เสี่ยวฟาง เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ได้ยินข่าวจากท่านแม่ก็รีบตรงมาหาเจ้าเลย ข้าเป็นห่วงยิ่งนัก"
เสี่ยวฟางด้วยความดีใจที่หลายวันมานี้ไม่ได้เจอฮ่าวอี้นานเสียหลายจึงโผเข้าไปกอดด้วยความดีใจอย่างเคยชิน
"นี่ ๆ! น้อย ๆ เสี่ยวฟางเจ้าเป็นสตรีใยตรงเข้ากอดบุรุษอย่างฮ่าวอี้กันฮึ นี่โตกันแล้ววหาใช่ยามวัยเด็กไม่ อีกอย่างหากผู้ใดมาพบเจอคงเอาไปเล่าลือกันสนุกปากเป็นแน่ อีกอย่างฮ่าวอี้มีคู่หมั้นแล้ว ข้าเกรงว่าตระกูลฟู่จะเข้าใจผิดได้"
หลิวตงหยางเมื่อเห็นบุตรสาวโผเข้ากอดฮ่าวอี้ก็ตรงเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันทันที พอพูดถึงตระกูลฟู่ก็นึกโมโหสหายตนยิ่งนัก ที่ไม่ดูแลบุตรชายตนให้ดีปล่อยให้มาย่ำยีบุตรสาวของตนได้
"โธ่ ท่านพ่อข้ากับพี่ฮ่าวอี้เป็นพี่น้องที่นับถือกันและรักใคร่กันมากก็เท่านั้น ท่านก็รู้นี่นาข้าไม่มีพี่ชาย ยามโดนรังแกหากไม่ได้พี่ฮ่าวอี้ละก็ ข้า"
ใบหน้างามแกล้งหยุดพูดเสียงเศร้า ทำหน้าสลดมองมือที่ประสานกันอยู่อย่างน่าสงสาร
"เอ่อ เอาล่ะ ๆ พอ ๆ หากพวกเจ้าบริสุทธิ์ใจแก่กันข้าก็มิได้อะไร ไว้ก็อย่าไปทำเยี่ยงนี้ให้เป็นที่โจ่งแจ้งจนเป็นที่นินทาก็แล้วกัน เจ้าไม่เสียใจแล้วรึ"
"ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ เกรงว่าน่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเสียมากกว่า ข้ามั่นใจว่าข้ายังมิได้โดนคุณชายฟู่เด็ดบุปผาแน่นอนเจ้าค่ะ"
"จริงรึ!!"
"แน่นอนเจ้าค่ะ!" เสี่ยวฟางเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
"เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าได้เช่นไร เรื่องแบบนี้เกรงว่าเจ้าปกปิดข้ามิให้จับเจ้าแต่งงานกับฟู่หลางเทียนเสียกระมัง นี่! เสี่ยวฟางลูกพ่อ หลางเทียนก็มิได้เลวร้าย เจ้าลองพิจารณาเขาหน่อยนะอ่ะ อย่างน้อยก็ได้ร่วมหอกันแล้ว แม้นิสัยจะขัดใจพ่ออยู่หลายส่วน นะ"
"ไม่นะท่านพ่อ ให้คนมาตรวจข้าสิ ข้ามั่นใจจริง ๆ นะเจ้าคะ"
ไม่ถูกทำไมคนอย่างเสี่ยวฟางต้องยอมกันละ ในเมื่อข้ายังคงเป็นสาวบริสุทธิ์เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนคงมีคนเล่นแง่เป็นแน่ หากจะเป็นคุณชายฟู่ ย่อมเป็นไปไม่ได้นางกับเขาพูดกันนับคำได้แถมยังเคยโดนบุรุษเช่นเขาทำหยาบคายพูดจาดูถูกนางสารพัดยามเมื่อเห็นนางอยู่กับพี่ฮ่าวอี้ คู่หมั้นน้องสาวของตน แน่ถ้า..
"เช่นนั้น ข้าตรวจให้เอง"
"แม่เล็ก!"
ฮูหยินเล็กหรือแม่เล็กของเสี่ยวฟางเอ่ยขึ้น
"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน "เอ่อ ""เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน""เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ""โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ""ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเ
"คุณชาย คุณหนู ได้จองไว้รึไม่ขอรับ" คนของร้านโรงเตี๊ยมหลังใหญ่ออกมาดูแลต้อนรับตรงด้านหน้าอย่างดีเมื่อเห็นรถม้ามาจอด คนผู้นี้คือ บัณฑิตมู่ฮ่าวอี้รูปงามนั้นเอง มองจากรถม้าที่หรูคราแรกก็นึกในใจอยู่ว่าเป็นคุณชายจากตะกูลใด"จอง"ฮ่าวอี้เอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ พร้อมกับชูป้ายให้กับเสี่ยวเอ้อร์ดู ก่อนจะแวะไปหาน้องสาวที่รักตนได้ให้คนของตัวเองมาจองห้องที่ดีที่สุดไว้ก่อนแล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อปลอบประโลมใจน้องน้อยของเขาที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา กลัวนางจะเศร้าเสียใจมากนัก เหตุไฉนไม่เพียงไม่เสียใจตอนนี้กลับร่าเริงสดใสเป็นยิ่งนัก ฟู่หลางเทียน นะ! หากว่าไม่นับว่ากำลังจะมาเป็นพี่เขยของตนคงต้องบุกไป ประดาบกันซักตั้งหนึ่งเชียวล่ะ ถึงแม้นฮ่าวอี้จะเกิดในตระกูลบัณฑิตและเขาเองก็เป็นบัณฑิตหนุ่มผู้เก่งกาจในยุคนี้ ที่หาใครเทียบได้ยากแต่ฝั่งมารดานั้นก็เป็นถึงตระกูลทหารใหญ่จึงได้ทั้งบู๋ทั้งบุ้นมาตั้งแต่เด็ก ข้อนี้ถือว่าตนได้เปรียบบุรุษรุ่นเดียวกันอยู่มากเสี่ยวเอ้อร์เดินนำทั้งสองเดินเข้ามานั่งในห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องที่ฮ่าวอี้จองไว้อยู่ชั้นสามของร้าน ด้านหน้าโล่งด้านข้างมีฉากกั้นระหว่างห้องถัดไปมิดชิด ด้านในต
"ปะ ปล่อย ข้านะ" เสี่ยวฟางพยายามย่นคอหลบใบหน้าคมไปมา ที่บัดนี้ทำได้เพียงแค่เบี่ยงใบหน้าหลบไปมาเพียงเท่านั้น ข้อมือสวยทั้งสองโดนมือใหญ่จับกุมโดยเจ้าของร่างหนาใช้เพียงมือข้างเดียวก็รวบไว้ได้หมด"หึ" หลางเทียงเพียงแค่ส่งเสียงคล้ายเย้ยและยั่วยวนนางอยู่ในที ปากหนายังคงโฉบลงไปไล่ขบจูบตามเนื้อนวลขาวเฉกเช่นหิมะจนเห็นเป็นรอยจ้ำสีแดงขึ้น ไล่จูบวนที่ลำคออวบไล่ลงมาตามขอบชายอาภรณ์ที่บัดนี้ได้เลื่อนตกลงมาอยู่ที่แขนจนเผยให้เห็นเนินอกอวบใหญ่ หลางเทียนมองความใหญ่โตอร่ามตาตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งแต่เติบใหญ่มาจนเป็นหนุ่มผ่านสาวงามมารึก็มากหากยังมิเคยมีนางใดมีสรวงอกที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้รึเป็นเพราะความเจ้าเนื้อของสตรีผู้นี้กัน เมื่อทนมองความอร่ามตาตรงหน้าไม่ไหวปากหนาจึงก้มฉกลงไปไล่ดูดดึง เลีย จนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นที่ผิวของเสี่ยวฟาง"ปะปล่อยข้านะ ฟู่หลางเทียน! คนถ่อย ปล่อยนะ" เสี่ยวฟางพยายามดิ้นไปมาอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของบุรุษตรงหน้าได้ และเวลานี้เหมือนกับการดิ้นรนของนางยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะนาง ปากหนาจงใจขบเนื้อนวลแรงขึ้นคล้ายกลั่นแกล้งอยู่ในที ก่อนจะใช้ปากกัดดึงสายอาภรณ์ที่ร
"ย่ะอย่า”เสี่ยวฟางทำได้เพียงส่งเสียงออกมาเมื่อร่างแกร่งผงะเปิดโอกาสให้ตนได้หายใจหายคอบ้างก่อนจะโฉบลงมาบดจูบแรง ๆ อีกครั้ง อย่างห้ามใจไม่ไหว ฟู่หลางเทียงมองสตรีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยอาการที่หอบหายใจรุนแรง ใบหนาหล่อเหลาบัดนี้เริ่มแดงก่ำไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อหอบหายใจรุนแรง สายตาคมกวาดมองร่างอวบในอ้อมกอดที่หอบหายใจอยู่ไม่ต่างกัน ใบหน้านางแดงก่ำ ปากบางถูกนางผู้เป็นเจ้าของเม้มไว้แน่น จับจ้องมองที่ตนด้วยสายตาวาววับก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่หลางเทียนถึงกลับต้องผลักนางออกจากอ้อมกอดอย่างนึกโกรธเกลียด“ข้าจะฟ้องพี่ฮ่าวอี้ คนตระกูลฟู่ล้วนน่ารังเกียจนัก ฮึก โอ๊ย! เจ็บนะ ฮึก” เสี่ยวฟางนึกเกลียดชายตรงหน้ายิ่งนักที่บังอาจมาทำหยาบถ่อยกับตนจนต้องเอ่ยถึงบุคคลที่ปกป้องนางจากการรังแกมาทั้งชีวิตออกมา ก่อนสีหน้าจะเหยเกออกมาจากอาการจู่โจมเจ็บแปลบที่บั้นท้ายอย่างจังจากการกระแทกกับพื้นไม้แข็งคำพูดแสลงหูที่ที่เสี่ยวฟางพ่นออกมาทำให้หลางเทียนต้องกัดฟันกรอดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ดูนางเถิดขนาดตกอยู่ในอาณัติของตนยังอุตส่าห์เอ่ยถึงว่าที่น้องเขยของตนออกมาได้ เห็นทีว่านางคงไม่ตัดใจง่าย ๆ สินะ หึ! ได้สิ“มานี่! เจ้านี่ช่างไร
เสี่ยวฟางพยายามใช้มือของตนทั้งปัดป่ายทุบข่วนฟู่หลางเทียนพัลวัน หากแต่บุรุษหน้านิ่งร่างยักษ์เช่นเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ ซ้ำยังตีมือหนัก ๆ ลงบนสะโพกหนาของตนเสียหลายคราจนเสี่ยวฟางน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บแปลบพลั่ก!“อื้อ!” คนถ่อยเป็นบุรุษรังแกสตรี ฮือ!เจ็บใจนัก เสี่ยวฟางที่ถูกผลักให้ล้มลงอย่างแรงสะบัดหน้ากลับมาจ้องมองฟู่หลางเทียนด้วยสายตาวาววับโกรธจัดพร้อมกับด่าสาปคุณชายฟู่ในใจ หวังก็แต่ให้พี่มู่ฮ่าวอี้ของนางกลับมาช่วยตนโดยเร็วถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม“คงด่าข้าในใจสินะ” หลางเทียนจงใจก้มลงไปประชิดหน้างาม“ฮึ!” เสี่ยวฟางนึกชังน้ำหน้าบุรุษตรงหน้ายิ่งนักเป็นถึงบุตรชายตระกูลใหญ่แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนยิ่งกว่าโจรป่าเสียอีก สตรีทั้งหลายจะรู้รึไม่เล่าคุณชายฟู่ที่พวกนางคลั่งไคล้ถ่อยเสียยิ่งกว่าโจรเสียอีกฟู่หลางเทียนมองใบหน้าสตรีอวบอิ่มของนางอย่างพินิจ ก่อนจะยืดตัวกอดอกมองสำรวจรูปร่างของเสี่ยวฟางอย่างจาบจ้วง ว่าที่น้องเขยเขาไม่แน่อาจหวั่นไหวกับสตรีตัวอวบอ้วนนี้ก็เป็นได้ขนาดตนได้เชยชมลิ้มลองยังถึงกับเคลิ้มพร้อมกับนึกขัดแย้งในใจนางมีดีตรงส่วนไหนกัน รูปร่างออกค่อนไปทางเจ้าเนื้อไม่ใช่ดังเช่นบุรุษ
ทันทีที่ข้อมือเป็นอิสระเสียวฟางรีบยกมือที่สั่นระริกไม่มั่นคงขึ้นดันบ่าแกร่งที่เปลือยเปล่าของเขาในทันที หากแต่หลางเทียนเล่าไม่สะทกสะท้านซักนิดแต่เพียงส่งเสียงทุ่มผ่านลำคอคล้ายเยาะเย้ยตนในทีก่อนที่จะคลุกหน้าตะโบมดูดกินอกอวบของตนต่อไป“อ๊ะ พะพอแล้ว ขะข้าขะโทษ พะแล้วเจ้าคะ ฮื้อ อ๊ะ” เสียวฟางที่หมดหนทางสู้พยายามประคองสติที่เหลืออยู่น้อยนิดเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นบอกหลางเทียน หากคล้ายคำพูดของตนเข้าหูซ้ายทุหูขวา หลางเทียนในตอนนี้ไม่สนสวรรค์ที่ไหนเสียแล้วอารมณ์วัยหนุ่มกู่ไม่กลับถูไถแท่งรักร้อนกับเรียวขาเนียนลื่นของเสี่ยวฟางไปมา มือหนาเลื่อนกอบกุมความเป็นสตรีของนางกดบี้ปุ่มสวาทไปมาก่อนจะส่งนิ้วร้ายฝ่าความคับแน่นเข้าออกเมื่อน้ำหวานเริ่มเอ่อออกมาจากกลีบกุหลาบงามของนาง“อ๊ะ อื้อ ทะท่าน ย่ะ อ๊าส์” เสี่ยวฟางสะดุ้งตาโต เล็บจิกที่บ่าแกร่งอย่างระบายความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นกลางกาย ความเจ็บแปลบแล่นเข้าใส่อย่างจังจนต้องนิ่วหน้าเหยเก หลับตาพริ้มสูดปากสะบัดกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อนิ้วร้ายเร่งจังหวะเข้าออกจ้วงแทงตนจนร่างทั้งสองโยกไหวไปมากับพื้น“อะ อ๊า อื้อ มะไม่ไหว ขะข้า”“เสี่ยวฟาง สาวน้อยอื้อ จ๊วบ อื้อ เสี่ยว
[สำนักศึกษา]“พี่ฮ่าวอี้”“อ้าวเสี่ยวฟาง”หลิวฟางอี้ หลังลงจากรถม้าก็รีบวิ่งไปกอดแขนทักทายพี่ชายอย่าง มู่ฮ่าวอี้อย่าสนิทสนม พร้อมกับเตรียมต่อว่าเขาที่หนีกลับแล้วทิ้งนางต้องเผชิญกับปีศาจร้ายอย่างคุณชายฟู่“พี่ฮ่าวอี้ ท่านรู้ความผิดตัวเองรึไม่ ท่านทิ้งข้าไว้โรงเตี๊ยม ฮึ!” เสี่ยวฟางทำหน้าและท่าทางแง่งอนอย่าน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาฮ่าวอี้ จนต้องหัวเราะออกมา“เอาล่ะ ๆ ข้าผิด ๆ เช่นนั้นเสี่ยวฟางน้อยจะให้พี่ชายไถ่โทษเช่นไรรึ”“จริงนะ เช่นนั้นคืนนี้ไปเที่ยวหอหนานซินเป็นเพื่อนข้าสิ” เสี่ยวฟางเอ่ยขึ้นอย่างถูกใจ หอหนานซิน หอที่มีบุรุษหน้าตาดีมากมาย หลายวันมานี้ได้ยินสาวใช้ที่จวนเล่าลือกันว่ามีบุรุษสังคีตหนุ่มรูปงามมาใหม่ นางนั้นจึงอยากเห็นกับตาซักครั้ง“ชู่วว! เจ้าเงียบเสียงหน่อย หอนั่นเป็นที่ ๆ สตรีเช่นเจ้าควรไปรึ! เจ้าควรไปรึไง! เจ้านี่นับวันยิ่งกำเริบขึ้นทุกวันจริง ๆ” มู่ฮ่าวอี้เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องสาวขอก็รีบยกมือขึ้นปิดปากนางทันที เป็นสาวสตรีทั้งยังไม่ออกเรือนนางกล้าหาญพูดออกมาได้เช่นไรกัน โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของทั้งสองทำให้บรรดาสหายร่วมสำนักซุบซิบนินทาคนทั้งคู่ด้านสองพี่น้องตระกูลฟู่ ที่
เสี่ยวฟางรู้สึกราวสวรรค์กำลังโทษ ‘ทำไมกัน ทำไมไปที่ใดล้วนพบเจอกันเล่า ฮือ สวรรค์นี่ท่านกำลังลงทัณฑ์ข้ารึไง’ เสี่ยวฟางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฟุบหน้าลงที่โต๊ะไม้อย่างอดสู“อะแฮ่ม ข้าฟู่หลางเทียน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านเจ้าสำนักให้มาสอนทุกคนในวันนี้ เช่นไรข้าขอฝากตัวด้วยก็แล้วกัน” ทันทีที่เอ่ยจบแต่สายตาคมก็ยังคงเห็นสตรีอัปลักษณ์อย่างหลิวฟางอี้ยังคงฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะไม่ยอมเงยหน้า‘ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง นางจะรู้รึไม่ในเวลานี้บิดาของนางวิ่งหาเงินสนับสนุนจนตัวหัวหมุน แต่เจ้าตัวกลับยังเกียจคร้าน เช่นไรจะช่วยบิดาได้’“อัปลักษณ์ซ้ำยังเกียจคร้าน หึ!”“คุณชายฟู่ อะเอ่อท่านอาจารย์ เมื่อครู่ท่านกล่าวเช่นไรนะขอรับ ข้าจดไม่ทัน”“เอ่อ บัณฑิตที่ดีต้องไม่เกียจคร้าน” เห็นทีตนจะบ่นเสียงดังไป หึ!“ท่านฟู่กล่าวไม่ผิด ท่านวาจาคมคายเสียจริง ”“นั่นหนะสิ!”“เอาล่ะ ในที่นี้คุณหนูคุณชายส่วนใหญ่กิจการที่บ้านล้วนเกี่ยวกับการค้าเช่นนั้นข้าขอฟังแล้วกันว่าพวกเจ้ารู้จักบัญญัติการค้าของเถาจูกงดีแค่ไหน เริ่มจาก...”พริ้ว! ปึก!“โอ๊ย! เป็นผู้ใดกัน” เสี่ยวฟางลูบศีรษะปอย ๆ เมื่อถูกด้ามพู่กันแหลมกระทบอย่างจัง ซึ่งคนโย
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง
“เจียวมิ่ง! ลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้ให้ข้าต้องลำบากใจเลย” คุณหนูหลิวที่เห็นเจียวมิ่งนั่งคุกเข่าก็ตรงเข้ามาพยุงให้ยืนขึ้น นางจะทำเช่นไรดี ‘เขาช่วยพ่อข้าจริงงั้นรึ แล้วเขาทำไปเพื่อสิ่งใดกัน แล้วนางจะเชื่อคนพวกนี้ได้แค่ไหนกัน ’ ในใจตีรวนจนสับสนแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขากระทำกับนางในใจก็ยากที่จะให้อภัยได้โดยง่าย“พวกท่านกลับไปเสียเถอะ ข้าคงไปกับพวกเจ้าไม่ได้ กลับไปเสียเถอะ! เจิ้งซิน ๆ ไปส่งพวกเขาทีข้ารู้สึกอยากพักผ่อนเสียแล้ว” เสี่ยวฟางเบือนหน้าหนีจากสายตาตัดพ้อผิดหวังและต่อว่าของคนตระกูลฟู่”เจ้าค่ะคุณหนู”“เสี่ยวฟาง! เจ้า ๆ ช่างใจดำนักเพียงขอให้เจ้าไปพบพี่ข้า เจ้าช่าง ๆ เหอะ! ไปเถอะเจียวมิ่งเห็นเช่นนี้แล้วใจนางคงไม่อยากแม้แต่จะเหลียวดูพี่ชายข้าแล้วล่ะ กลับกันเถอะ!” ฟู่ฮวาซินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากนางอุตส่าห์ลดทิฐิมาขอร้องนางด้วยตัวเองพร้อมขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะหลงรักสตรีที่ใจมืดบอดเช่นนี้“คุณหนูหลิว…หากท่านเปลี่ยนใจ คุณชายรอท่านที่เรือนซูเมิ่งนะขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยออกมาคล้ายละเมอ ความหวังสุดท้ายที่หวังจะช่วยคุณชายหลุดลอยไปเสียต่อหน้า ก้มหน้าลงอย่างผิดหวังก่อนจะ
“เจ้าทำสิ่งใด ฮวาซิน! ลุกขึ้นนะ เจ้ากลับไปเสียเถอะเช่นไรข้าก็ไม่ไป ข้าไม่อยากเห็นแม้แต่...หน้าของเขา” เสี่ยวฟางตกใจไม่น้อยกับการกระทำของฟู่ฮวาซิน รีบปรี่เข้าไปดึงนางให้ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยยืนยันในคำพูดว่าเช่นไรนางก็ไม่ไปพบพี่ชายนางและนั่นทำให้คุณหนูฟู่ผู้ไม่เคยต้องอดทนกับสิ่งใด และยอมให้ใครถึงกับมีอารมณ์ ในเมื่อนางขอร้องดี ๆ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าก็แล้วนางก็ยังมิยอมเช่นนั้นอย่ามาว่าข้าเสียมารยาทก็แล้วกันนะเสี่ยวฟาง“เสี่ยวฟาง! เจ้ารู้รึไม่เพื่อจะไถ่โทษที่พี่หลางเทียนทำกับเจ้าแล้วพี่ข้าต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง เจ้าฟังนะ! ” คุณหนูฟู่ตะโกนใส่คุณหนูหลิวด้วยอารมณ์โกรธขึ้นหน้า กายสั่นระริกหายใจหอบรัวเร็ว ก่อนจะกำหมัดแน่นหลับตานิ่ง สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์“เอาล่ะเจ้าฟังนะ พี่ชายข้าเพื่อเจ้าแล้วเข้าลงทางใต้หาได้ไปค้าขายไม่ พี่หลางเทียนไปเสาะตามหาหมอเทวดาต่างหาก เจียวมิ่งเล่าให้ข้าฟังว่าชายแดนใต้นั้นหนาวเหน็บทุกพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพี่ชายข้าต้องร่ำดื่มสุราอย่างหนักเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและเพื่อเป็นหุ่นทดลองยาให้กับหมอเทวดานั่นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนในตอนนี้เขาเป็นโรคพิษสุราเรื
ฟู่ฮวาซินนึกไม่ถึงว่าผู้เป็นพี่จะมีสภาพเช่นในตอนนี้ นางไม่อาจยอมรับได้คุณชายตระกูลพ่อค้าใหญ่ สง่างามแถมเก่งไปเสียรอบด้านในเวลานี้ดูแล้วไม่ต่างจากขอทานข้างถนนเลยซักนิด“สามวันที่แล้วคุณชายตั้งใจจะไปหาคุณหนูหลิว บังเอิญไปเห็นนางอยู่กับสหายรักอย่างคุณชายยู่หลง แล้วเอ่อพวกเขากำลังเอ่อ...เช่นไรคุณหนูช่วยคุณชายของเจียวมิ่งด้วยนะขอรับ คราวนี้คุณชายเสเพลไร้สตินักขอรับ” เจียวมิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที“ข้าช่วยแน่ เจ้าเจียวมิ่งมากับข้า! เร็วเข้า” ช่วยแน่เป็นตายร้ายดีเช่นไรนางย่อมต้องช่วย ‘พี่หลางเทียน พี่ทำเพื่อข้ามามากครั้งนี้ข้าจะทำเพื่อท่านนะเจ้าคะ’“อ้าวนั่น ฮวาซินเจ้าจะไปไหนล่ะนั่น!”“ไปช่วยพี่หลางยังไงละเจ้าคะท่านพ่อ!” เอ่ยเพียงเท่านั้นนางก็เร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นรถม้า มุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหลิวที่หมายทันที[ตระกูลหลิว]“คารวะท่านลุง ฮูหยินรองเจ้าค่ะ ฮวาซินมาขอพบเสี่ยวฟางไม่ทราบว่า...”“อ้าว ฮวาซินนั่นเอง มาหาเสี่ยวฟางเรอะเมื่อครู่นางพึ่งกลับไปเรือนของนาง เดี๋ยวข้าให้คนพาไปก็แล้วกันนะ เด็ก ๆ ”“เจ้าค่ะ”“ไปส่งคุณหนูรองที่เรือนคุณหนูที” หลิวตงหยางเอ่ยโดยที่ในใจน