ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนอนอยู่บนที่นั่งนุ่นๆ สายตาเย็นชา จากนั้นพ่นคำพูดที่ไม่แยแสว่า "คุกเข่าลง!"นางหมินคุกเข่าลง จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่แก้มนาง แล้วตามด้วยคำสาปอันเลวร้าย "ทำไมไม่ตายอยู่ไปข้างนอกล่ะ แล้วกลับมาทำไม กล้าขู่ข้าด้วยฆ่าตัวตาย ข้าว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง กล้ามากจริงๆ สินะ"ป้าซุนพูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อน ฮูหยินใหญ่สำนึกผิดแล้ว ช่างมันแถอะ อย่าทำให้สุขภาพตนเองเป็นอะไรไปเพราะความโกรธแบบนี้นะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านหยิบถ้วยจากโต๊ะข้างๆ แล้วทุบหัวนางหมิน "ตอนนี้นางรู้จักสำนึกผิดแล้วเหรอ ตอนที่ก่อเรื่องนั้นทไไมไม่สำนึกผิด ทำเอาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมด ออกไปเดี๋ยวนี้ ให้คุกเข่าที่หน้าประตูลานจนถึงพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้าลุกขึ้น"ถ้วยชากระทบพื้นเสียงดัง และชาอุ่นๆ ก็ตกลงมาจากหน้าผากของนางหมินพร้อมกับเลือด เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ป้าซุนก็อุทานออกมา "เอาล่ะ เอาล่ะ ฮูหยินใหญ่ออกไปคุกเข่าข้างนอกเถอะ อย่ามาขัดหูขัดตาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่อีก"เดิมทีป้าซุนก็มีเจตนาดีเช่นกัน และอยากจะให้นางออกไปโดยเร็วเผื่อเดี๋ยวถูกทุบตีอีกนางหมินยืนขึ้นเงียบๆ และเดิน
จ้านเป่ยชิงรับปากจ้านเป่ยชิงแล้ว แต่เขายังคงคงดื้อรั้นและคิดว่านางหมินต้องได้รับการอภัยจากท่านแม่ก่อนตอนนี้เขาก็คิดตกแล้ว จริงๆ แล้วท่านทำแบบนี้ก็ไม่ผิด เอะอะโวยวายก็จะเอาความตายมาข่มขู่ มีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สอง ต้องให้นางตัดความคิดนี้ทิ้งโดยแท้จริง จะใจแข็งหน่อยไม่ไปสนใจนางคืนนี้อุณหภูมิลดลง อากาศหนาวมาก นางหมินคุกเข่ามาครึ่งวันก็เหมือนรูปปั้นไม่ขยับเขยื้อนป้าซุนสวมเสื้อคลุมให้นาง จากนั้นก็เข้าไปในห้องเพื่อพูดเกลี้ยกล่อม แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปฏิเสธและยืนกรานที่ให้นางคุกเข่าจนถึงวันพรุ่งนี้"ถ้าไม่ลงโทษนางให้กนักๆ แล้วนางจะสำนึกผิดได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา"เพียงแต่มันหนาวมากจริงๆ ฮูหยินใหญ่ยังลงไปในแม่น้ำร่างกายไม่ไหวแน่ๆ กลัวว่าจะเป็นอะไรขึ้นมาได้"น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าไม่แยแส เต็มไปด้วยความเกลียดชังและการข่มขู่ "ห้ามพูดอะไรอีก ปิดประตู หากใครกล้ามาขอความเมตตาอีก พรุ่งนี้ก็ให้คุกเข่าต่อไป"ป้าซุนไม่กล้าชักชวนอีกต่อไป ได้แต่แอบออกไปเติมเสื้อผ้าอีกชิ้นให้นางหมิน จากนั้นจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปและเข้าไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องตื่นขึ้นทำเรื่องส่วนตัวสองหร
หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านตื่นขึ้น ดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่เพดาน และภาพที่นางหมินแขวนอยู่นอกประตูก็ยังคงปรากฏในหัวของนาง นางรู้สึกขนลุกจากนั้นก็แน่นหน้าอกขึ้นมา"นังสารเลว!" ผ่านไปพักใหญ่ นางถึงสาปแช่งด้วยความโกรธ "นังสารเลวที่ไม่รู้จักบุญคุณเลย"ป้าซุนร้องไห้หนักมากและเสียใจที่ไม่ได้ออกไปดูสักหน่อย ถ้าออกไปเร็วกว่านั้นคงทันเวลาที่ช่วยชีวิตนางนางรู้สึกอึดอัดใจถึงที่สุดแล้ว เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าด่าแบบนี้ ก็อดช่วยพูแทนนางหมินไม่ได้ด้วยเสียงแผ่วเบา "ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่ายังไงฮูหยินใหญ่ก็เคยดูแลท่านมา ถือว่าเต็มที่แล้ว ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว อย่าด่าเลย"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดด้วยอารมณ์ปรี๊ดแตก "ทำไมจะไม่ด่า หากจะตายก็ตายไปไกลๆ เลย มาตายต่อหน้าห้องข้าแบบนี้คิดจะมาหาเรื่องผู้ใด"หลังจากที่นางด่าเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ "ไม่นึกเลยว่านางเป็นคนใจร้ายแบบนี้ นางแขวนคอตายที่ประตูบ้านของข้า นั่นไม่เท่ากับว่าข้าเป็นคนร้ายกาจหรือ มันทำให้ข้าเสียชื่อเลย หากเจ้าสามจะหาคู่ครองก็ยากแล้ว ทำไมโชคชะตาของข้าจะไม่ดีเช่นนี้ ที่บ้านเจอแต่คนแบบนี้หมด""ตายแล้ว ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมดแล้ว ม
แม้ว่าบอกว่าฆ่าตัวตาย แต่สำนักเขตจิงจ้าวยังคงต้องการสอบสวนว่ามีใครบางคนจงใจฆ่านางหรือไม่จ้านกังทำงานในสำนักเขตจิงจ้าว แต่คดีนี้เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพ และเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีนี้ได้ขงหยาง เจ้าสำนักเขตจิงจ้าวส่งคนไปสอบถาม นางหมินในปากของทุกคนมันแตกต่างกันหวังชิงหลูบอกว่านางเห็นแก่ตัวและเกียจคร้านจ้านเป่ยว่างกล่าวว่านางมีน้ำใจมีเหตุผลฮูหยินผู้เฒ่าจ้านด่านางตรงๆ ว่าเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ไม่ได้เรื่อง ทำลายชื่อเสียงของจวนแม่ทัพเป็นเรื่องหายากเลยที่ยี่ฝางออกจากเรืองมงคล แต่แค่กล่าวว่า มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยคนรับใช้บอกว่านางใจดี แต่ก็อ่อนแอและถูกรังแกได้ง่ายฮูหยินผู้เฒ่ารองพูดพลางร้องไห้ว่านางเป็นคนน่าสงสาร นางไม่มีทางเลือกแล้วมีเพียงจ้านเป่ยชิง สามีของนางเท่านั้นที่ไม่สามารถบอกได้ว่านางเป็นคนแบบไหนเขาคิดอยู่นานแต่ก็แค่นึกถึงรูปร่างหน้าตาของนางหมินเท่านั้น ทุกครั้งที่เขากลับบ้านอย่างเมามายจากงานสังสรรค์ นางจะคอยดูแลตนเองอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร ไม่น่าสนใจ ทื่อๆ และน่าเบื่อเนื่องจากนางเองเคยกระโดดลงไปในแม่น้ำ ดังนั้นหลังจากการสอบสวนได้สรุปว่า เป็นเพราะโ
หลังจากนางหมินไม่อยู่แล้ว หวังชิงหลูก็ต้องดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือนต่อไป แต่ไม่มีเงินในบัญชี นางก็ไม่อยากใช้ทรัพย์สินส่วนตัวมาอุดหนุน ดังนั้นไม่อยากรับภาระนี้ เลยไปบ้านรองเพื่อตามหาฮูหยินผู้เฒ่ารอง จากนั้นโยนป้ายบนโต๊ะแล้วบอกว่าให้นางมาดูแลบ้านในอนาคตฮูหยินผู้เฒ่ารองกำลังเสียใจกับการตายของนางหมิน เมื่อเห็นการกระทำของหวังชิงหลู ก็โกรธมากจนโยนป้ายกลับไปให้นางทันที และตรงไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า "ข้าต้องการแยกบ้าน"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านโกรธเคืองมาก "ตอนนี้ที่คนนอกมานินทาและหัวเราะเยาะจวนแม่ทัพของเรายังไม่มากพอหรือไง มาแยกในเวลานี้ จะให้คนนอกมานินทาอะไรอีก""มันเป็นกรรมที่พวกเจ้าก่อไว้ ทำไมให้ข้าโดนด่ากับพวกเจ้า แยกบ้าน ให้ผู้ชายกลับมาคืนนี้มานั่งหารือกัน จะแบ่งแยกให้ตามข้อตกลงเลย""นี่ไร้เหตุผลจริงๆ มาแยกบ้านตอนนี้ได้ยังไง ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ที่ดินบ้านไร่ก็ไม่มี มีแต่จวนแม่ทัพที่ว่างเปล่า จะแบางยังไง""สร้างกำแพงเพื่อแยกออก แล้วข้าจะทำประตูเอง" ฮูหยินผู้เฒ่ารองแสดงท่าทีแข็งกร้าวในครั้งนี้และจะไม่มีทางอ่อนข้อให้"เจ้าเป็นบ้าหรือไง บ้านรองอย่างเจ้าทั้งไร้ความสามารถและไม่มีเส้นสาย แยก
หวังชิงหลูส่งเสียง "อ๊า" ในปาก รีบหลบชามยาที่ฮูหยินผู้เฒ่าขว้างใส่นาง และนางก็ล้มกระแทกกับพื้น เดิมทีท้องน้อยได้ปวดจี๊ดๆ อยู่แล้วเพราะยุ่งกับเรื่องมากมายในหลายวันที่ผ่านมา พอล้มกับพื้นในคราวนี้ ทำให้นางเลือดออกเลยเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าจ้านเห็นเช่นนั้นก็ตกใจมากป้าซุนรีบเรียกคนใช้มาส่งหวังชิงหลูกลับไปที่เรือนเหวินซี แล้วส่งคนไปตามหาหมอและผดุงครรภ์จ้านเป่ยว่างถูกเรียกกลับมาอย่างเร่งด่วน หมอและผดุงครรภ์ก็มาถึงแล้วทารกในท้องมีอายุครรภ์ไม่ครบเวลา และตำแหน่งของทารกในครรภ์ก็ผิดปกติ บวกกับล้มลงทำให้มีเลือดออกและน้ำคร่ำแตก เมื่อผดุงครรภ์เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็เหงื่อออกทั้งหน้าผากนอกห้องคลอด จ้านเป่ยว่างเป็นกังวลมาก นี่เป็นลูกคนแรกของเขา และเขาเป็นพ่อคนเป็นครั้งแรก ดังนั้นในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังเสมอเพราะเด็กคนนี้ เขาจึงอดทนหลายสิ่งหลายอย่างที่หวังชิงหลูทำ ไม่อารมณ์เสียใส่นางหรือทะเลาะกับนาง แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงเวลาสำคัญนี้หมอเป็นสูตินรีแพทย์ชื่อดังในเมืองหลวง ขั้นแรกเขาตรวจชีพจรแล้วถอยกลับหลังฉากกันห้องเพื่อให้คำแนะนำ ทว่าสถานการณ์นี้รับมือยากจริง
จ้านเป่ยว่างปกปิดไม่ได้ ได้แต่พูดตามความจริง "นางเถียงกับท่านแม่ไปกี่คำ และท่านแม่ใช้ชามไปขว้างใส่นาง นาเลยล้มลง..."ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีเกือบจะหายใจไม่ออกเลย นางพยายางทรงตัว "อะไรนะ แม่ของเจ้าเอาของขว้างใส่นางเหรอ?"จ้านเป่ยว่างทำหน้าอับอาย "ท่านแม่ยาย เรื่องนี้เป็นความผิดของท่านแม่ข้า แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการช่วยชีวิตชิงหลู หมอบอกว่าชิงหลูเคยแท้งมาก่อน และมดลูกได้รับเสียหายจึงมีเลือดออกได้ง่าย ตอนนี้เลือดออกรุนแรงมาก จึงต้องดึงเด็กออกมาและใช้ยาห้ามเลือดเพื่อห้ามเลือดไว้"ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเขารู้แล้วหรือ?นางจีกล่าวว่า "อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า เอาตามที่หมอบอกเลย""หมอบอกว่า" จ้านเป่ยว่างกังวลมาก "ให้ไปตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมา แต่ตอนนี้ก็มืดแล้ว และหมอมหัศจรรย์ดันอาจไม่อยู่ในร้านขายยาเย่าหวัง ดังนั้นเราจึงใช้วิธีของเขาเท่านั้น"หมอได้เตรียมผงห้ามเลือดแล้ว นางจีเดินตามเข้าไป และเห็นหวังชิงหลูเหมือนกับเพิ่งออกมาจากแม่น้ำ เปียกโชกไปที่ทั้งตัวใบหน้าของนางซีดเซียวและแววตาก็ว่างเปล่า การทร
ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีอยู่ในห้องคลอดสักพักหนึ่ง แล้วพูดกับนางจีว่า "ตอนนี้ที่จวนไม่มีนายหญิงที่ดูแลงานบ้านงานเรือน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ป่วยอยู่ ชิงหลูผ่านการทรมานนี้ ได้ปวดทั้งใจและกาย ต้องการดูแลให้ดีๆ เจ้าช่วยพวกเขาที่นี่สักสองสามวันเถอะ"สุดท้ายแล้ว นางก็กลัวว่าหวังชิงหลูจะมีชีวิตไม่ดี หญิงชรานั้นโหดร้ายจริงๆ เอาชามไปขว้างใส่ทั้งอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าในปกติแล้วลูกสาวของตนเองต้องโดนรังแกขนาดไหนเชียวแต่นางไม่ได้ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อเอาเรื่อง ที่จวนเพิ่งเสียคนไป และลูกสาวก็คลอดบุตรยากและเด็กก็ไม่รอดชีวิต หากเกิดอะไรขึ้นกับหญิงชราคนนั้นอีก...ช่างเถอะ ช่างเถอะ การแท้งบุตรไม่สามารถปกปิดได้อีก แต่จ้านเป่ยว่างอาจคิดว่าเป็นเด็กของนางกับเจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่แค่รักษาเด็กไว้ไม่ได้ดังนั้นหากเรื่องนี้ผ่านได้ก็ให้มันผ่านไปเลยนางไม่มีหน้าเผชิญกับเรื่องนี้จริงๆนางจีไม่อยากอยู่ต่อเพื่อจัดการกับเรื่องยุ่งวุ่นวายทั้งหมดของจวนแม่ทัพจริงๆ แต่ในเมื่อท่านแม่ได้สั่งไว้แล้ว อีกอย่างจวนแม่ทัพไม่มีนายหญิงจริงๆ งั้นนางอยู่ต่อเพื่อดูแลให้สักสองสามวันก็ถือว่ามีน้ำใจมากพอแล้วอย่างไรก็ตาม นางจะไม่อาศัยอยู่ในจวน