Share

บทที่ 849

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนอนอยู่บนที่นั่งนุ่นๆ สายตาเย็นชา จากนั้นพ่นคำพูดที่ไม่แยแสว่า "คุกเข่าลง!"

นางหมินคุกเข่าลง จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่แก้มนาง แล้วตามด้วยคำสาปอันเลวร้าย "ทำไมไม่ตายอยู่ไปข้างนอกล่ะ แล้วกลับมาทำไม กล้าขู่ข้าด้วยฆ่าตัวตาย ข้าว่าเจ้าปีกกล้าขาแข็ง กล้ามากจริงๆ สินะ"

ป้าซุนพูดโน้มน้าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นๆ ก่อน ฮูหยินใหญ่สำนึกผิดแล้ว ช่างมันแถอะ อย่าทำให้สุขภาพตนเองเป็นอะไรไปเพราะความโกรธแบบนี้นะ"

ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านหยิบถ้วยจากโต๊ะข้างๆ แล้วทุบหัวนางหมิน "ตอนนี้นางรู้จักสำนึกผิดแล้วเหรอ ตอนที่ก่อเรื่องนั้นทไไมไม่สำนึกผิด ทำเอาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมด ออกไปเดี๋ยวนี้ ให้คุกเข่าที่หน้าประตูลานจนถึงพรุ่งนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้าลุกขึ้น"

ถ้วยชากระทบพื้นเสียงดัง และชาอุ่นๆ ก็ตกลงมาจากหน้าผากของนางหมินพร้อมกับเลือด เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ป้าซุนก็อุทานออกมา "เอาล่ะ เอาล่ะ ฮูหยินใหญ่ออกไปคุกเข่าข้างนอกเถอะ อย่ามาขัดหูขัดตาฮูหยินผู้เฒ่าที่นี่อีก"

เดิมทีป้าซุนก็มีเจตนาดีเช่นกัน และอยากจะให้นางออกไปโดยเร็วเผื่อเดี๋ยวถูกทุบตีอีก

นางหมินยืนขึ้นเงียบๆ และเดิน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 850

    จ้านเป่ยชิงรับปากจ้านเป่ยชิงแล้ว แต่เขายังคงคงดื้อรั้นและคิดว่านางหมินต้องได้รับการอภัยจากท่านแม่ก่อนตอนนี้เขาก็คิดตกแล้ว จริงๆ แล้วท่านทำแบบนี้ก็ไม่ผิด เอะอะโวยวายก็จะเอาความตายมาข่มขู่ มีครั้งแรกก็จะมีครั้งที่สอง ต้องให้นางตัดความคิดนี้ทิ้งโดยแท้จริง จะใจแข็งหน่อยไม่ไปสนใจนางคืนนี้อุณหภูมิลดลง อากาศหนาวมาก นางหมินคุกเข่ามาครึ่งวันก็เหมือนรูปปั้นไม่ขยับเขยื้อนป้าซุนสวมเสื้อคลุมให้นาง จากนั้นก็เข้าไปในห้องเพื่อพูดเกลี้ยกล่อม แต่ฮูหยินผู้เฒ่าปฏิเสธและยืนกรานที่ให้นางคุกเข่าจนถึงวันพรุ่งนี้"ถ้าไม่ลงโทษนางให้กนักๆ แล้วนางจะสำนึกผิดได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างเย็นชา"เพียงแต่มันหนาวมากจริงๆ ฮูหยินใหญ่ยังลงไปในแม่น้ำร่างกายไม่ไหวแน่ๆ กลัวว่าจะเป็นอะไรขึ้นมาได้"น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าไม่แยแส เต็มไปด้วยความเกลียดชังและการข่มขู่ "ห้ามพูดอะไรอีก ปิดประตู หากใครกล้ามาขอความเมตตาอีก พรุ่งนี้ก็ให้คุกเข่าต่อไป"ป้าซุนไม่กล้าชักชวนอีกต่อไป ได้แต่แอบออกไปเติมเสื้อผ้าอีกชิ้นให้นางหมิน จากนั้นจึงสั่งให้สาวใช้ออกไปและเข้าไปดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องตื่นขึ้นทำเรื่องส่วนตัวสองหร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 851

    หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านตื่นขึ้น ดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่เพดาน และภาพที่นางหมินแขวนอยู่นอกประตูก็ยังคงปรากฏในหัวของนาง นางรู้สึกขนลุกจากนั้นก็แน่นหน้าอกขึ้นมา"นังสารเลว!" ผ่านไปพักใหญ่ นางถึงสาปแช่งด้วยความโกรธ "นังสารเลวที่ไม่รู้จักบุญคุณเลย"ป้าซุนร้องไห้หนักมากและเสียใจที่ไม่ได้ออกไปดูสักหน่อย ถ้าออกไปเร็วกว่านั้นคงทันเวลาที่ช่วยชีวิตนางนางรู้สึกอึดอัดใจถึงที่สุดแล้ว เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าด่าแบบนี้ ก็อดช่วยพูแทนนางหมินไม่ได้ด้วยเสียงแผ่วเบา "ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่ายังไงฮูหยินใหญ่ก็เคยดูแลท่านมา ถือว่าเต็มที่แล้ว ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว อย่าด่าเลย"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านพูดด้วยอารมณ์ปรี๊ดแตก "ทำไมจะไม่ด่า หากจะตายก็ตายไปไกลๆ เลย มาตายต่อหน้าห้องข้าแบบนี้คิดจะมาหาเรื่องผู้ใด"หลังจากที่นางด่าเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ "ไม่นึกเลยว่านางเป็นคนใจร้ายแบบนี้ นางแขวนคอตายที่ประตูบ้านของข้า นั่นไม่เท่ากับว่าข้าเป็นคนร้ายกาจหรือ มันทำให้ข้าเสียชื่อเลย หากเจ้าสามจะหาคู่ครองก็ยากแล้ว ทำไมโชคชะตาของข้าจะไม่ดีเช่นนี้ ที่บ้านเจอแต่คนแบบนี้หมด""ตายแล้ว ชื่อเสียงของจวนแม่ทัพของเราเสียหายไปหมดแล้ว ม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 852

    แม้ว่าบอกว่าฆ่าตัวตาย แต่สำนักเขตจิงจ้าวยังคงต้องการสอบสวนว่ามีใครบางคนจงใจฆ่านางหรือไม่จ้านกังทำงานในสำนักเขตจิงจ้าว แต่คดีนี้เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพ และเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสอบสวนคดีนี้ได้ขงหยาง เจ้าสำนักเขตจิงจ้าวส่งคนไปสอบถาม นางหมินในปากของทุกคนมันแตกต่างกันหวังชิงหลูบอกว่านางเห็นแก่ตัวและเกียจคร้านจ้านเป่ยว่างกล่าวว่านางมีน้ำใจมีเหตุผลฮูหยินผู้เฒ่าจ้านด่านางตรงๆ ว่าเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ไม่ได้เรื่อง ทำลายชื่อเสียงของจวนแม่ทัพเป็นเรื่องหายากเลยที่ยี่ฝางออกจากเรืองมงคล แต่แค่กล่าวว่า มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยคนรับใช้บอกว่านางใจดี แต่ก็อ่อนแอและถูกรังแกได้ง่ายฮูหยินผู้เฒ่ารองพูดพลางร้องไห้ว่านางเป็นคนน่าสงสาร นางไม่มีทางเลือกแล้วมีเพียงจ้านเป่ยชิง สามีของนางเท่านั้นที่ไม่สามารถบอกได้ว่านางเป็นคนแบบไหนเขาคิดอยู่นานแต่ก็แค่นึกถึงรูปร่างหน้าตาของนางหมินเท่านั้น ทุกครั้งที่เขากลับบ้านอย่างเมามายจากงานสังสรรค์ นางจะคอยดูแลตนเองอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร ไม่น่าสนใจ ทื่อๆ และน่าเบื่อเนื่องจากนางเองเคยกระโดดลงไปในแม่น้ำ ดังนั้นหลังจากการสอบสวนได้สรุปว่า เป็นเพราะโ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 853

    หลังจากนางหมินไม่อยู่แล้ว หวังชิงหลูก็ต้องดูแลเรื่องงานบ้านงานเรือนต่อไป แต่ไม่มีเงินในบัญชี นางก็ไม่อยากใช้ทรัพย์สินส่วนตัวมาอุดหนุน ดังนั้นไม่อยากรับภาระนี้ เลยไปบ้านรองเพื่อตามหาฮูหยินผู้เฒ่ารอง จากนั้นโยนป้ายบนโต๊ะแล้วบอกว่าให้นางมาดูแลบ้านในอนาคตฮูหยินผู้เฒ่ารองกำลังเสียใจกับการตายของนางหมิน เมื่อเห็นการกระทำของหวังชิงหลู ก็โกรธมากจนโยนป้ายกลับไปให้นางทันที และตรงไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า "ข้าต้องการแยกบ้าน"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านโกรธเคืองมาก "ตอนนี้ที่คนนอกมานินทาและหัวเราะเยาะจวนแม่ทัพของเรายังไม่มากพอหรือไง มาแยกในเวลานี้ จะให้คนนอกมานินทาอะไรอีก""มันเป็นกรรมที่พวกเจ้าก่อไว้ ทำไมให้ข้าโดนด่ากับพวกเจ้า แยกบ้าน ให้ผู้ชายกลับมาคืนนี้มานั่งหารือกัน จะแบ่งแยกให้ตามข้อตกลงเลย""นี่ไร้เหตุผลจริงๆ มาแยกบ้านตอนนี้ได้ยังไง ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ที่ดินบ้านไร่ก็ไม่มี มีแต่จวนแม่ทัพที่ว่างเปล่า จะแบางยังไง""สร้างกำแพงเพื่อแยกออก แล้วข้าจะทำประตูเอง" ฮูหยินผู้เฒ่ารองแสดงท่าทีแข็งกร้าวในครั้งนี้และจะไม่มีทางอ่อนข้อให้"เจ้าเป็นบ้าหรือไง บ้านรองอย่างเจ้าทั้งไร้ความสามารถและไม่มีเส้นสาย แยก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 854

    หวังชิงหลูส่งเสียง "อ๊า" ในปาก รีบหลบชามยาที่ฮูหยินผู้เฒ่าขว้างใส่นาง และนางก็ล้มกระแทกกับพื้น เดิมทีท้องน้อยได้ปวดจี๊ดๆ อยู่แล้วเพราะยุ่งกับเรื่องมากมายในหลายวันที่ผ่านมา พอล้มกับพื้นในคราวนี้ ทำให้นางเลือดออกเลยเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าจ้านเห็นเช่นนั้นก็ตกใจมากป้าซุนรีบเรียกคนใช้มาส่งหวังชิงหลูกลับไปที่เรือนเหวินซี แล้วส่งคนไปตามหาหมอและผดุงครรภ์จ้านเป่ยว่างถูกเรียกกลับมาอย่างเร่งด่วน หมอและผดุงครรภ์ก็มาถึงแล้วทารกในท้องมีอายุครรภ์ไม่ครบเวลา และตำแหน่งของทารกในครรภ์ก็ผิดปกติ บวกกับล้มลงทำให้มีเลือดออกและน้ำคร่ำแตก เมื่อผดุงครรภ์เห็นสถานการณ์แบบนี้ก็เหงื่อออกทั้งหน้าผากนอกห้องคลอด จ้านเป่ยว่างเป็นกังวลมาก นี่เป็นลูกคนแรกของเขา และเขาเป็นพ่อคนเป็นครั้งแรก ดังนั้นในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังเสมอเพราะเด็กคนนี้ เขาจึงอดทนหลายสิ่งหลายอย่างที่หวังชิงหลูทำ ไม่อารมณ์เสียใส่นางหรือทะเลาะกับนาง แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงเวลาสำคัญนี้หมอเป็นสูตินรีแพทย์ชื่อดังในเมืองหลวง ขั้นแรกเขาตรวจชีพจรแล้วถอยกลับหลังฉากกันห้องเพื่อให้คำแนะนำ ทว่าสถานการณ์นี้รับมือยากจริง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 855

    จ้านเป่ยว่างปกปิดไม่ได้ ได้แต่พูดตามความจริง "นางเถียงกับท่านแม่ไปกี่คำ และท่านแม่ใช้ชามไปขว้างใส่นาง นาเลยล้มลง..."ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีเกือบจะหายใจไม่ออกเลย นางพยายางทรงตัว "อะไรนะ แม่ของเจ้าเอาของขว้างใส่นางเหรอ?"จ้านเป่ยว่างทำหน้าอับอาย "ท่านแม่ยาย เรื่องนี้เป็นความผิดของท่านแม่ข้า แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการช่วยชีวิตชิงหลู หมอบอกว่าชิงหลูเคยแท้งมาก่อน และมดลูกได้รับเสียหายจึงมีเลือดออกได้ง่าย ตอนนี้เลือดออกรุนแรงมาก จึงต้องดึงเด็กออกมาและใช้ยาห้ามเลือดเพื่อห้ามเลือดไว้"ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเขารู้แล้วหรือ?นางจีกล่าวว่า "อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย การช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า เอาตามที่หมอบอกเลย""หมอบอกว่า" จ้านเป่ยว่างกังวลมาก "ให้ไปตามหาหมอมหัศจรรย์ดันมา แต่ตอนนี้ก็มืดแล้ว และหมอมหัศจรรย์ดันอาจไม่อยู่ในร้านขายยาเย่าหวัง ดังนั้นเราจึงใช้วิธีของเขาเท่านั้น"หมอได้เตรียมผงห้ามเลือดแล้ว นางจีเดินตามเข้าไป และเห็นหวังชิงหลูเหมือนกับเพิ่งออกมาจากแม่น้ำ เปียกโชกไปที่ทั้งตัวใบหน้าของนางซีดเซียวและแววตาก็ว่างเปล่า การทร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 856

    ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีอยู่ในห้องคลอดสักพักหนึ่ง แล้วพูดกับนางจีว่า "ตอนนี้ที่จวนไม่มีนายหญิงที่ดูแลงานบ้านงานเรือน ฮูหยินผู้เฒ่าก็ป่วยอยู่ ชิงหลูผ่านการทรมานนี้ ได้ปวดทั้งใจและกาย ต้องการดูแลให้ดีๆ เจ้าช่วยพวกเขาที่นี่สักสองสามวันเถอะ"สุดท้ายแล้ว นางก็กลัวว่าหวังชิงหลูจะมีชีวิตไม่ดี หญิงชรานั้นโหดร้ายจริงๆ เอาชามไปขว้างใส่ทั้งอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าในปกติแล้วลูกสาวของตนเองต้องโดนรังแกขนาดไหนเชียวแต่นางไม่ได้ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อเอาเรื่อง ที่จวนเพิ่งเสียคนไป และลูกสาวก็คลอดบุตรยากและเด็กก็ไม่รอดชีวิต หากเกิดอะไรขึ้นกับหญิงชราคนนั้นอีก...ช่างเถอะ ช่างเถอะ การแท้งบุตรไม่สามารถปกปิดได้อีก แต่จ้านเป่ยว่างอาจคิดว่าเป็นเด็กของนางกับเจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่แค่รักษาเด็กไว้ไม่ได้ดังนั้นหากเรื่องนี้ผ่านได้ก็ให้มันผ่านไปเลยนางไม่มีหน้าเผชิญกับเรื่องนี้จริงๆนางจีไม่อยากอยู่ต่อเพื่อจัดการกับเรื่องยุ่งวุ่นวายทั้งหมดของจวนแม่ทัพจริงๆ แต่ในเมื่อท่านแม่ได้สั่งไว้แล้ว อีกอย่างจวนแม่ทัพไม่มีนายหญิงจริงๆ งั้นนางอยู่ต่อเพื่อดูแลให้สักสองสามวันก็ถือว่ามีน้ำใจมากพอแล้วอย่างไรก็ตาม นางจะไม่อาศัยอยู่ในจวน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 857

    เมื่อนางจีได้ยินอย่างนั้น ก็พอจะรู้ว่าพี่น้องสะใภ้สองคนนี้เคยมีเรื่องกัน และหัวใจของนางก็จมดิ่งลง แต่จะต้องไม่ทะเลาะก่อนที่นางหมินเกิดเรื่อง"เล่าเลย ข้าต้องการรู้ทุกอย่างต้องละเอียดด้วย" นางจีกล่าวหงเอ๋อร์จึงเล่าทุกอย่างที่นางรู้ให้ นางจีสรุปว่า "สามเรื่อง เรื่องแรกคือนางให้ฮูหยิใหญ่ดูแลบ้าน แต่ให้เงินเดือนเพียงสามส่วนของจ้านเป่ยว่าง แต่ของกินของใช้รวมค่าขนมค่าแรงคนใช้ให้จวนออกให้หมด เรื่องที่สอง หลังจากทะเลาะกับฮูหยินใหญ่เนื่องจากเหตุผลนี้ จากนั้นใช้วิธีรุนแรง โดยยื่นยื่นกรรไกรให้ฮูหยินใหญ่เพื่อให้แทงที่ท้องของนาง เรื่องที่สาม โทษฮูหยินใหญ่ซื้อเม็ดซืนเจียวน้อยไป ใช่ไหม"หงเอ๋อร์พยักหน้า "ถูกต้องเจ้าค่ะ""ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่ฮูหยินใหญ่จะแขวนคอตาย แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ? ได้มีเรื่องกันไหม"หงเอ๋อร์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรงอะไร แต่ฮูหยินก็ดูถูกฮูหยินใหญ่มาตลอด บางครั้งอาจจะพูดจาหยาบคายไปหน่อย""หยาบคายยังไง ถึงขั้นไหน?"หงเอ๋อร์อาจจะชินแล้ว หลังๆ นางก็คิดว่าก็ไม่ได้หยาบคายมากเท่าไร "ส่วนมากก็ว่าฮูหยินใหญ่เป็นคนชั้นต่ำ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอน ใจแคบ ชอบคิ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1451

    ภายใน ตำหนักฉางชุน มังกรดินใต้พื้นถูกจุดให้ความอบอุ่นทั่วทั้งห้อง ซ่งซีซีถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมาถึง นางกำนัลได้แจ้งว่าฮองเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนเครื่องทรง ให้รอสักครู่ นางจึงนั่งรอโดยมิได้เร่งรีบ ขณะเดียวกัน ฉีฮองเฮากำลังกินรังนกอยู่ในตำหนักบรรทม นางไม่พอใจนักที่หลานเจี่ยนกูกูเร่งเร้าให้รีบออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ให้นางรอหน่อยแล้วอย่างไร?” หลานเจี่ยนกูกูเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮา ท่านทรงกล่าวมาตลอดว่า ไม่ควรทำให้พระชายาอ๋องขุ่นเคือง บัดนี้เมื่อทรงเชิญนางมาแล้ว ก็ควรพูดจากันดีๆ อธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้กระจ่าง เรื่องก็จะจบลง” ฮองเฮาหัวเราะเยาะตนเอง ก่อนจะกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเองก็ได้ยินว่าตอนที่ข้าขอตัวออกมา ฮ่องเต้ตรัสว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า ต่อให้ซ่งซีซีจะตีหรือด่าข้า ข้าก็ต้องอดทนรับไว้ พระองค์มิได้เห็นข้าเป็นฮองเฮาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากให้คนที่อยู่ในดวงใจของพระองค์ได้ระบายความโกรธออกมา” ฮองเฮา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ ดันถ้วยรังนกออกไป น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะ “เขาทรงป่วยจนเลอะเลือนไปแล้ว หรือแท้จริงทรงโปรดปรานซ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1450

    ปีนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในวัง เงียบเหงากว่าปีที่แล้วมาก ฮองเฮา แม้จะได้รับอนุญาตให้พ้นโทษกักบริเวณเป็นเวลา หนึ่งวัน แต่นางกลับแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่เหล่าพระโอรสพระธิดาที่เข้ามาทักทาย นางก็เพียงรับคำอย่างเรียบเฉย จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงอ่อนล้ายิ่งนัก ตั้งแต่เช้าตรู่ทรงต้องเสด็จออกประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์ วุ่นวายไปทั้งวันจนหมดเรี่ยวแรง ไทเฮาเองก็ทรงได้รับลมเย็นจนประชวร จึงทรงลุกจากที่นั่งแต่เนิ่นๆ โดยมี สนมฮุ่ยไทเฟย ประคองกลับไปยังตำหนักฉืออัน ตอนที่ไทเฮาเสด็จออกจากงานฮองเฮารีบสั่งการทันที “พาองค์ชายใหญ่ ไปยังตำหนักฉืออันให้ไปอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา” จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดพระขนง “เสด็จแม่ประชวร เจ้าให้เขาไปอยู่ด้วยทำไม?” ฮองเฮาสีพระพักตร์เคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงรักและเอ็นดูเขานัก บัดนี้พระองค์ทรงประชวร เขาก็ต้องไปอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติ” กล่าวจบ นางก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เดิมควรเป็นหม่อมฉันที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระอาการของไทเฮาแต่หม่อมฉันกลับไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ให้เขาทำหน้าที่กตัญญูแทนหม่อมฉันเถิด” จักร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status